เฮ่อฉางเหอส่งหินหยกคืนให้กับหลินเยว่พร้อมถามขึ้น “หินหยกก้อนนี้คุณซื้อมาด้วยราคาเท่าไรหรือ?”
หลินเยว่เห็นเฮ่อฉางเหอถอนหายใจ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่เห็นค่าของหินหยกก้อนนี้ ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่ทว่าเขาก็ยังคงตอบตามความเป็จริง “ตอนที่ซื้อชามใบนี้ก็เลยขอหินก้อนนี้แถมมาด้วยครับ”
“มิน่าล่ะ” เฮ่อฉางเหอพยักหน้าราวกับว่าเขาสามารถเข้าใจเื่ราวทั้งหมดได้อย่างถ่องแท้
“คุณยังหนุ่มขนาดนี้ ทำอาชีพนี้มากี่ปีแล้วล่ะ?” เฮ่อฉางเหอถามขึ้นมาอีกครั้ง ดูจากสถานการณ์แล้ว เขาน่าจะสนใจหลินเยว่มากพอสมควร
“ทำอาชีพนี้?” หลินเยว่ฝืนยิ้มออกมา เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงนักพนันหินหยกและวัตถุโบราณ จึงพูดตอบกลับ “ผมยังไม่ได้เริ่มทำอาชีพนี้เลย อันที่จริง ผมตัดหินหยกอยู่บนถนนเส้นนี้มาสองปี แต่กลับกลายเป็ว่าเพิ่งถูกไล่ออกเมื่อวันก่อนนี้เอง”
“ถูกไล่ออก? ทำไมล่ะ?” เฮ่อฉางเหอรู้สึกสนใจเื่นี้เป็อย่างมาก
“ผมตัดหินหยกต่อเนื่อง 31 ครั้งโดยไม่เคยเจอหยกเลย ตัดเจ๊งทุกครั้งที่ลงมีด คนอื่นๆ ก็เลยมอบฉายา ‘มีดเดียวเจ๊ง’ ให้กับผม ทุกคนบนถนนเส้นนี้ต่างรู้ฉายานี้ของผมกันทั้งนั้น ทำให้ไม่มีใครมาเรียกใช้ให้ผมตัดหินหยกอีกเลย เพราะกลัวว่าจะติดความซวยไปจากผม ดังนั้น ผมก็เลยถูกไล่ออก” หลินเยว่ไม่คิดจะปิดบังอะไรทั้งสิ้น ในใจของเขามีแต่ความสงบเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน เมื่ออีกฝ่ายถามอะไรมา เขาจึงตอบตามความเป็จริงทั้งหมดโดยไม่มีการไม่บิดเบือน
คาดไม่ถึงว่าเฮ่อฉางเหอได้ยินเื่นี้แล้วกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาตบบ่าของหลินเยว่ “การพนันหินหยกมันต้องพึ่งความสามารถของตัวเอง จะไปโทษช่างตัดหินหยกได้อย่างไร คุณมีโอกาสตัดหินหยกต่อเนื่อง 31 ครั้ง นั่นก็แสดงว่าฝีมือการตัดหินหยกของคุณต้องไม่เลว หากคุณยังคิดอยากทำอาชีพนี้ต่อ คุณก็โทรศัพท์มาหาผมละกัน เพราะผมกำลังขาดคนพอดี”
“ท่านผู้าุโ ท่านก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับหยกและอัญมณีด้วยหรือครับ?” หลินเยว่ตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วจึงถามขึ้น
เฮ่อฉางเหอยิ้มและโบกไม้โบกมือพร้อมกับพูดว่า “เป็ธุรกิจเล็กๆ น่ะ หากคุณ้าทำงานนี้จริงๆ ก็ต้องย้ายไปอยู่คุนิ ธุรกิจของผมอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจหรือเปล่า?”
“ขอผมกลับไปคิดดูก่อนได้ไหมครับ?” หลินเยว่ถามอย่างลังเล ถึงแม้ว่านี่จะเป็โอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าตัวเขาเองอยู่ที่นี่มาถึงสองปี อีกทั้งที่นี่ก็ห่างจากบ้านเกิดของเขาไม่ไกลนัก ถ้าเขาไปคุนิ เขาก็ต้องอยู่ห่างจากบ้านเกิดไปไกลอีกพอสมควร
“ไม่มีปัญหา รอจนคุณไตร่ตรองเรียบร้อยแล้ว แล้วค่อยโทรหาผมก็พอ”
พวกเขาทั้งสองคนก็คุยกันต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นหลินเยว่ก็จากไป
ตอนที่หลินเยว่เพิ่งเดินออกไป มีสาวน้อยหน้าตาสวยงามหมดจดราวกับตุ๊กตาบาร์บี้คนหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาเฮ่อฉางเหออย่างร่าเริงสดใส หญิงสาวผู้นี้มีอายุประมาณ 15 - 16 ปี หน้าตาสวยงามน่ารัก ตอนที่เธอยิ้มจะมีลักยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นทำให้ดูน่ารักยิ่งนัก
“คุณปู่ คุณปู่กำลังมองอะไรอยู่หรือคะ?” น้ำเสียงของสาวน้อยไพเราะน่าฟังราวกับเสียงนกน้อยในหุบเขาลึก
เฮ่อฉางเหอลูบศีรษะสาวน้อยอย่างปรานี สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู พร้อมพูดขึ้น “ปู่กำลังมองพี่ชายคนหนึ่งน่ะ”
ขณะที่เฮ่อฉางเหอพูด สายตาของเขาก็มองไปทางที่หลินเยว่เดินจากไป สาวน้อยจึงเห็นเื้ัที่ค่อนข้างผอมแต่กลับดูสง่างามของคนคนหนึ่ง เธอจึงถามอย่างไม่เข้าใจ “พี่ชายคนนั้นมีอะไรดีหรอคะ? ทำไมคุณปู่ต้องมองเขาด้วยล่ะคะ?”
เฮ่อฉางเหอยิ้มและพูดว่า “พี่ชายคนนั้นไม่เลวเลยล่ะ เขาเป็คนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง”
สาวน้อยได้ยินคำพูดนี้ เธอจึงยู่ปากพองแก้มแล้วพูดตอบ “ถึงเขาจะเก่งขนาดไหนแต่ก็เก่งสู้พี่ของหนูไม่ได้หรอก แล้วก็เทียบกับคุณปู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
เฮ่อฉางเหอยิ้มอย่างอารมณ์ดี คำพูดของหลานสาวของเขาทำให้เขารู้สึกมีความสุข เขาจึงพูดขึ้น “ไปกัน ปู่จะพาเ้าไปเดินเล่นบนถนนหินหยกเส้นนี้นะ”
สาวน้อยจูงมือกับเฮ่อฉางเหอและออกเดินอย่างร่าเริง จังหวะที่หมุนตัวนั้น เธอจึงเห็นเงาไกลๆ ที่มองไม่ค่อยชัดเจนนัก ดวงตากลมโตของเธอจึงเปล่งประกายอย่างสงสัยใคร่รู้
หลินเยว่ไม่ได้นำก้อนหินที่ถูกเฮ่อฉางเหอตัดสินปะาชีวิตก้อนนั้นโยนทิ้ง ถึงแม้ว่าด้านในจะไม่มีหยก แต่เขาคิดอยากนำก้อนหินก้อนนี้ไปศึกษาเสียหน่อย
หลินเยว่ถือชามเดินเข้าไปในร้านวัตถุโบราณแห่งหนึ่ง เขาคิดจะนำชามนกน้อยต้อนรับดอกท้อสมัยจักรพรรดิคังซีใบนี้ขายออกไป ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาเหลือเงินเพียง 400 หยวนเท่านั้น เขาจำเป็ต้องวางแผนชีวิตว่าก้าวถัดไปควรจะทำอย่างไรดี
หลินเยว่ใช้ชีวิตบนถนนเส้นนี้นานถึงสองปี เขาก็พอรู้ว่าเถ้าแก่ร้านวัตถุโบราณมีคารมคมคาย เ้าเล่ห์ไม่น้อย ดังนั้น ตอนที่เขาจะขายชามเขาต้องระมัดระวังให้มาก แต่ทว่าเขาก็มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจแล้ว
“หลินเยว่ คุณไม่ตัดหินหยกแล้วหรอ? ทำไมถึงมีเวลาแล่นมาหาผมถึงที่นี่ล่ะ?” เมื่อเถ้าแก่จูเถ้าแก่ร้านวัตถุโบราณแห่งนี้เห็นหลินเยว่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกแปลกใจไปชั่วขณะ
หลินเยว่เป็แขกประจำของเขา แต่ทว่าโดยปกติหลินเยว่จะมาตอน่วันหยุด อีกทั้งจะมาดูอย่างเดียวแต่ไม่เคยซื้ออะไรเลย การแวะมาเป็ประจำของหลินเยว่ทำให้พวกเขาทั้งสองรู้จักคุ้นเคยกันอยู่บ้าง
“เถ้าแก่จู วันนี้ผมจะขอถามเกี่ยวกับคนคนหนึ่งจากคุณ คุณรู้จักเฮ่อฉางเหอหรือเปล่า?” หลินเยว่ถามขึ้น
“ท่านเฮ่อฉางเหอ? คนคนนี้สุดยอดมากจริงๆ” หลังจากพูดจบเถ้าแก่จูก็มองหลินเยว่ด้วยสายตาแปลกๆ เขาพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “คุณน่าจะคุ้นเคยกับคนคนนี้มากกว่าผมอีกนะ”
“ผมคุ้นเคยมากกว่าคุณ?” หลินเยว่ทำสีหน้าสงสัยชั่วครู่ เขาพลันรู้สึกไม่เข้าใจในคำพูดของเถ้าแก่จู
“ใช่สิ เขาเป็หนึ่งในปรมาจารย์แห่งหยกในวงการการพนันหินหยกไม่ใช่หรอ? อย่าบอกผมนะว่าคุณไม่รู้จักเขา”
หลินเยว่พลันตบหน้าผากของตัวเองอย่างแรง ทำไมเขาถึงลืมบุคคลผู้นี้ไปได้ล่ะ นี่เป็ปรมาจารย์แห่งหยกเลยนะ! ตัวเขาเองมีโอกาสคุยกับปรมาจารย์แห่งหยกอยู่ตั้งนานสองนาน ในใจของหลินเยว่เกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาทันที และเขาก็เริ่มรู้สึกสนใจเื่ที่ปรมาจารย์แห่งหยกได้พูดไว้ว่าให้เขาไปทำงานกับท่าน
ในฐานะที่เป็ช่างตัดหินหยกคนหนึ่ง สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดในเวลานี้ก็คือเขาได้เห็นหยกสีเขียวสดใสสวยงามปรากฏขึ้นจากหินหยกที่เขาตัดเองกับมือ หากเขาตามไปอยู่กับปรมาจารย์แห่งหยก โอกาสที่เขาจะสมปรารถนาในเื่นี้ก็น่าจะสูงมากยิ่งขึ้น
แต่ทว่าเขาก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ปรมาจารย์แห่งหยกท่านหนึ่งทำไมถึงได้ศึกษารายละเอียดของวัตถุโบราณได้เยอะขนาดนี้ อีกทั้งปรมาจารย์แห่งหยกยังมองเพียงแวบเดียวก็สามารถมองออกว่าชามในมือของเขาเป็ของแท้ และน้ำเสียงของเขาก็มีความมั่นใจมากเสียด้วย
“เอ่อ... สิ่งที่ผมถามไม่ใช่เื่นี้ ความหมายของผมก็คือ ท่านเฮ่อฉางเหอก็ศึกษาเื่วัตถุโบราณพวกนี้ด้วยหรือเปล่า?” หลินเยว่ถามอย่างไม่ค่อยเป็ธรรมชาติมากนัก
“คุณถามเื่นี้หรอกหรือ เมื่อตะกี๊ที่ผมบอกว่าท่านสุดยอดมาก ผมขอบอกเลยนะ นอกจากท่านจะเป็ปรมาจารย์แห่งหยกในวงการการพนันหินหยกของพวกคุณแล้ว ท่านยังเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องลายครามในวงการนักสะสมวัตถุโบราณของพวกเราด้วยล่ะ ท่านมีความรู้ลึกซึ้งด้านการพิสูจน์เครื่องลายคราม ถือว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญในประเทศจีนท่านหนึ่ง” เมื่อพูดถึงท่านเฮ่อฉางเหอ ใบหน้าเถ้าแก่จูก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา เพียงมองก็รู้ว่าเขาศรัทธาท่านเฮ่อฉางเหอมากขนาดไหน หลังจากนั้นเถ้าแก่จูก็ถามอย่างสงสัย “คุณถามเื่นี้ไปทำอะไรล่ะ”
เมื่อได้ยินเถ้าแก่จูพูดเช่นนี้ หลินเยว่ก็รู้สึกโล่งใจเป็อย่างมาก ในเมื่อเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องลายครามในประเทศจีน ถ้าอย่างนั้นสายตาของท่านก็ย่อมมองได้ถูกต้อง ในเมื่อท่านพูดว่าเป็ของแท้ มันก็ต้องเป็ของแท้จริงๆ แล้วล่ะ
“ไม่มีอะไร ก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง วันนี้เพิ่งได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับท่านน่ะ” หลินเยว่ก็ถามขึ้นมาอีก “เถ้าแก่จู ในร้านของคุณมีชามสมัยจักรพรรดิคังซีหรือเปล่า?”
เถ้าแก่จูมองหลินเยว่อย่างสงสัย แล้วก็พูดแซวหลินเยว่ขึ้นมาอีกประโยค “ทำไมล่ะ คุณเตรียมจะซื้อหรอ?”
หลินเยว่ตอบกลับอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ดูเฉยๆ ไม่ได้หรอ?”
เถ้าแก่จูส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ เขารู้ดีว่าหลินเยว่ไม่มีทางมีเวลาว่างมาซื้อวัตถุโบราณหรอก เขาจึงพูดขึ้น “พวกเรามาตกลงกันก่อน หากคุณทำแตกหรือชำรุด คุณต้องชดใช้คืนในราคาเต็มนะ” ขณะที่พูดเขาก็เดินไปหยิบชาม
“เดี๋ยวก่อน!” หลินเยว่รีบเรียกเถ้าแก่จูไว้ก่อน เขาถามอย่างขัดเขินเล็กน้อย “เอ่อ... แล้วชามใบนั้นราคาเท่าไรล่ะ? พวกเรามาตกลงกันก่อน ถึงเวลานั้นคุณห้ามบอกราคาสูงเกินจริง”
เถ้าแก่จูขึงตาใส่หลินเยว่แรงๆ พร้อมตอบกลับ “เห็นผมเป็คนแบบนั้นหรอ? ชามในสมัยจักรพรรดิคังซีมีราคาประมาณ 100,000 หยวน”
“หนึ่งแสน!” ดวงตาทั้งสองข้างของหลินเยว่เป็ประกายระยิบระยับ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะรวยแล้วสิ!
“คุณเป็อะไรหรอ?” เถ้าแก่จูเห็นสีหน้าของหลินเยว่ไม่ได้มีความกังวลแต่กลับมีแต่ความตื่นเต้นเข้ามาแทนที่
หลินเยว่หยิบชามที่เขาโชคดีซื้อมาได้ในราคาถูกออกมาจากทางด้านหลัง เขาวางลงบนเคาน์เตอร์พร้อมพูดขึ้น “ลองตั้งราคามาซิ”
เมื่อเห็นชามที่อยู่เบื้องหน้า คนฉลาดเ้าเล่ห์อย่างเถ้าแก่จูพลันเข้าใจขึ้นมาทันที เขาชี้หน้าหลินเยว่พร้อมออกปากว่าเขา “เก่งจริงนะเ้าหนู หลอกถามข้อมูลผมหรอ”
“แน่ล่ะสิ ใครๆ ก็รู้ว่าเถ้าแก่จูเ้าเล่ห์ขนาดไหน แล้วผมก็ไม่รู้ราคาที่แท้จริงของพวกวัตถุโบราณ ผมก็เลยต้องถามเอาจากคุณก่อนสิ หากถามกันตรงๆ คุณก็คงไม่บอกราคาผมหรอก ผมก็เลยต้องทำแบบนี้น่ะ” หลินเยว่พูดยิ้มๆ
เถ้าแก่จูโมโหแทบแย่ เขาคาดไม่ถึงว่าตนเองจะทำพลาดได้มากขนาดนี้ ประหนึ่งออกไปล่าห่านป่าทุกวันแต่กลับถูกห่านป่าจิกเข้าที่ลูกตา!
แต่ทว่าเมื่อมีคนมาติดต่อซื้อขายถึงหน้าร้าน เขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้หรอก ดังนั้น เขาจึงหยิบชามนกน้อยต้อนรับดอกท้อชามนี้ขึ้นมาพิจารณาดู
เถ้าแก่จูสังเกตอยู่เป็นานถึงได้วางชามลง สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย เขาพูดขึ้น “ของลอกเลียนแบบในสมัยสาธารณรัฐจีน ไม่ใช่ของแท้ เฮ่อ! น่าเสียดายจริงๆ”