โฮ่งๆ เจาไฉลูกสุนัขตัวน้อยเห่าเสียงดัง
“ใครก็ได้ เร็วเข้า เกิดเื่แล้ว!” หลี่หรูอี้ะโลั่นก่อนวิ่งเข้าไปทางต้นเสียงอย่างเร่งร้อน
ประตูห้องนอนเปิดค้างเอาไว้ ด้านในมีเด็กหญิงสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเอาเป็เอาตาย พวกนางก็คือหวังเยี่ยนและหวังซานนิว
ที่กล่าวว่ากำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเอาเป็เอาตายนั้นก็คือหวังซานนิวกำลังนั่งถลึงตาอยู่บนร่างของหวังเยี่ยน โดยใช้มือทั้งสองบีบคออีกฝ่ายแน่นประหนึ่งคิดจะฆ่าให้ตาย
หวังเยี่ยนที่เป็อาหญิงมีใบหน้าขาวซีด นางนอนอยู่กับพื้นเพราะถูกหวังซานนิวผู้เป็หลานตบตีจนไม่มีแรงตอบโต้
แต่ไหนแต่ไรหวังซานนิวไม่เคยเห็นหวังเยี่ยนเป็อาหญิงอยู่แล้ว ในใจคิดว่าเฟิงซื่อและลูกๆ เป็ตัวสารเลวที่สุดในใต้หล้าเสียด้วยซ้ำ นางขบฟันแน่นตวาดว่า “นังอัปลักษณ์ เ้าสาบานมาก่อนว่า จะไม่พูดแล้วข้าจะปล่อยมือ” ขณะนั้นนางหันหลังให้ประตูจึงไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามาแล้ว
สายตาอันพร่ามัวของหวังเยี่ยนเห็นรางๆ ว่ามีคนเข้ามาแล้วจึงพยายามร้องเรียก “ช่วยด้วย…”
“ใครก็ช่วยเ้าไม่ได้ เ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!” หวังซานนิวจ้องมองหวังเยี่ยนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายราวกับปลาใกล้ตาย ในใจรู้สึกสุขใจยิ่งนัก ตอนนี้ไม่มีคนเห็น หากฆ่าหวังเยี่ยนแล้วก็จะไม่มีผู้ใดรู้ คิดได้ดังนี้ก็ถึงกับออกแรงที่มือเพิ่มขึ้นอีก บีบคอหวังเยี่ยนจนนางตาเหลือกน้ำลายฟูมปาก “พวกเ้าเป่าหูท่านปู่หรือ พวกเ้าไม่ยอมมอบสินเดิมให้ข้าหรือ ได้... ข้าจะบีบคอเ้าให้ตาย!”
“หยุดนะ!” หลี่หรูอี้โกรธเกรี้ยวอย่างหนัก รีบเขวี้ยงตะกร้าใส่หลังหวังซานนิวที่มีสีหน้าอาฆาตมาดร้ายราวกับเป็บ้าไปแล้วก็มิปาน
หวังซานนิวถูกตะกร้ากระแทกเข้าก็หวีดร้องออกมาด้วยความใ ร่างของนางกระเด็นออกจากร่างของหวังเยี่ยนแล้วล้มไปอยู่ข้างๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็หลี่หรูอี้ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เช่นนี้จึงค่อยรู้สึกตัวว่าถูกผู้อื่นพบเห็นเข้าแล้ว ชั่วขณะนั้นพานให้ย้อนนึกไปถึงการกระทำอันเลวร้ายที่ตนทำเมื่อครู่นี้ มันชั่วร้ายมากพอที่จะทำให้ตกนรกนับหมื่นครั้งได้เลยทีเดียว ด้วยความตื่นตระหนก นางจึงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปโดยไม่สนใจหลี่หรูอี้อีก
หวังเยี่ยนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตัวสั่นไปทั้งร่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ไอไม่หยุดทั้งยังรีบอ้าปากกว้างเพื่อสูดเอาอากาศเข้าไป น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เนื้อหมูหมักและผักดองกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเปรี้ยว
หลี่หรูอี้รู้สึกโมโหในการกระทำอันเลวร้ายเช่นนี้จริงๆ นางรีบเข้าไปประคองร่างของหวังเยี่ยนที่อ่อนปวกเปียกราวกับเส้นบะหมี่ขึ้นไปนั่งบนเตียง กล่าวด้วยโทสะอันมากล้น “กลางวันแสกๆ เช่นนี้หวังซานนิวยังจะกล้าฆ่าคนอีก ช่างไม่กลัวกฎหมายกฎ์จริงๆ!”
เมื่อหวังเยี่ยนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็นึกถึงผลอันเลวร้ายเมื่อครู่ที่อาจเกิดขึ้นกับตน จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งปนสะอื้นว่า “หรูอี้ หากเ้าไม่มาข้าคงถูกนางบีบคอตายไปแล้ว ข้าเพิ่งจะอายุสิบสี่ ข้ายังไม่อยากตาย”
หลี่หรูอี้ตบหลังหวังเยี่ยนเบาๆ เอ่ยปลอบไปหลายประโยคก่อนจะถามขึ้นว่า “หวังซานนิวเป็หลานสาวของท่าน เหตุใดถึงมาบีบคอท่านได้ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หวังเยี่ยนสะอื้นตอบ “นี่เป็ห้องของท่านพ่อท่านแม่ ทว่าซานนิวถือโอกาสตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ไม่อยู่ปีนกำแพงเข้ามาขโมยเงิน ข้าที่กำลังนอนกลางวันได้ยินเสียงเหมือนมีคนเข้ามาจึงเดินไปดู ทันเห็นนางกำลังหยิบเงินออกมาจากใต้หมอนของท่านแม่ของข้าพอดี ข้าบอกให้นางวางเงินไว้ที่เดิม แต่นางไม่ยอม ข้าเลยเดินเข้าไปแย่ง แต่นางแรงเยอะกว่า ข้าจึงถูกตบตี ข้าสู้นางไม่ได้ นางกดข้าลงกับพื้นแล้วบีบคอข้า ขู่ไม่ให้ข้าเอาไปพูด”
“เลวกว่าเดรัจฉานจริงๆ” ในใจของหลี่หรูอี้ด่ากราดหวังซานนิวไปแล้วว่าช่างมีจิตใจโเี้อำมหิตยิ่งนัก ถึงกับคิดจะฆ่าผู้าุโเพราะเื่ขโมยเงินเชียว เมื่อเห็นรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอของหวังเยี่ยนที่ชัดเจนก็เอ่ยถามเสียงเข้มว่า “ท่านน้าเฟิงเล่า?”
“ไปบ้านพี่สะใภ้” หวังเยี่ยนนึกไปถึงเงินที่ถูกหวังซานนิวขโมยไป นั่นเป็เงินจำนวนมากถึงแปดร้อยทองแดง ได้แต่ตำหนิตนเองว่า ไร้ความสามารถที่ไม่อาจสู้หวังซานนิวได้ ไม่อาจแย่งเงินกลับคืนมาได้
“ข้าจะไปเรียกท่านน้ากลับมา” หลี่หรูอี้กังวลว่าหวังซานนิวจะย้อนกลับมาทำร้ายหวังเยี่ยนอีกจึงประคองหวังเยี่ยนไปที่ห้องโถงก่อน
เฟิงซื่อเดินกระวีกระวาดกลับมา ตอนนี้อยู่ในบ้านคนอื่นหลี่หรูอี้จึงไม่คิดกล่าวถึงเื่นี้แม้แต่คำเดียว จนกระทั่งเห็นว่าไม่มีคนเดินผ่านไปมาจึงค่อยบอกเื่นี้กับเฟิงซื่อ
เฟิงซื่อโกรธจนหายใจหอบ ในหัวคล้ายมีเสียงวิ้งๆ ราวกับมีแมลงวันหลายร้อยตัวบินว่อน ถึงกับเดินไปพลางก่นด่าหวังซานนิวไปพลางโดยไม่คิดปิดบังให้ตระกูลหวัง ไม่กลัวหลี่หรูอี้จะหัวเราะเยาะและไม่กลัวคนในหมู่บ้านได้ยิน “นังเด็กสารเลวไร้ยางอาย จิตใจโเี้อำมหิตยิ่งกว่างูพิษ ขโมยเงินแล้วยังคิดจะฆ่าคนอีก เหตุใด์ไม่ส่งสายฟ้ามาผ่านางให้ตายไปเสีย!”
หลี่หรูอี้ไม่เคยเห็นด้านที่น่ากลัวและหยาบคายเช่นนี้ของเฟิงซื่อมาก่อน แต่จะอย่างไรหวังซานนิวก็น่ารังเกียจเกินไปจริงๆ เพียงด่านางไม่กี่ประโยคจะนับเป็อะไรได้ ต่อให้ตีขานางให้หักก็ไม่นับว่าเกินไป
มีคนถามขึ้นว่า “เฟิงซื่อ เป็อะไรหรือ”
“ชาติที่แล้วข้าทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องแต่งให้เ้าสารเลวหวังไห่นั่น ต้องผูกติดอยู่กับหวังซานนิวนังเด็กอำมหิตสมควรตายนี่อีก” โทสะของเฟิงซื่อทะยานเสียดฟ้า กระทั่งหวังไห่ก็ยังโดนด่าไปด้วย
“ซานนิวก่อเื่อีกแล้วหรือ”
“นังแพศยาหวังซานนิว ขโมยเงินแล้วยังบีบคอเยี่ยนเอ๋อร์ของข้าอีก โชคดีที่หรูอี้มาบ้านข้าพอดีเลยช่วยชีวิตนางไว้ได้ มิเช่นนั้นเยี่ยนเอ๋อร์ของข้าคงตายไปแล้ว” เฟิงซื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังไม่ทันถึงบ้านก็เจ็บใจจนทนไม่ไหวแล้ว
หลี่หรูอี้เดินตามหลังเฟิงซื่อไปติดๆ เมื่อเห็นว่าชาวบ้านหลายคนเดินล้อมเข้ามาคิดจะสอบถามเื่ราวก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เฟิงซื่อแทบจะวิ่งเข้าไปในห้องโถง เมื่อพบหวังเยี่ยนนั่งร้องไห้หวาดผวาอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนอยู่บนม้านั่ง ก็ได้แต่กล่าวเสียงสั่น “เยี่ยนเอ๋อร์ของข้า แม่ผิดต่อเ้าแล้ว แม่ไม่รู้ว่านังสารเลวหวังซานนิวจะอำมหิตเช่นนี้ แม่ไม่ควรปล่อยเ้าอยู่บ้านคนเดียวเลย”
“ท่านแม่” หวังเยี่ยนพุ่งเข้ามากอดเฟิงซื่อแน่น กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ท่านแม่ ซานนิวขโมยเงินท่านไปแล้ว ข้าสู้นางไม่ได้ นางบีบคอข้าแล้วยังขู่ไม่ให้ข้าเอาเื่นี้ไปพูดด้วย ยังดีที่หรูอี้โผล่เข้ามาไล่นางไป หรูอี้ช่วยชีวิตข้าไว้เ้าค่ะ”
หญิงชาวบ้านสองคนที่สนิทสนมกับเฟิงซื่อเดินเข้ามาในห้องโถง พวกนางเข้ามาดู เมื่อเห็นรอยบนคอของหวังเยี่ยน ก็ได้แต่มองหน้าสบตากัน
“แม้แต่อาหญิงของตนเอง หวังซานนิวก็ยังจะบีบคอให้ตาย อายุยังน้อยแต่ใจคอโเี้เกินไปแล้ว!”
“หวังซานนิวขโมยของั้แ่เด็กแล้ว นางเคยขโมยถุงเงินของเสี่ยวเฉ่าของข้าด้วย ตอนนี้โตแล้วก็มาขโมยเงินอีก หน้าด้านจริงๆ!”
เฟิงซื่อเจ็บใจแทนบุตรีของตนและยังเจ็บใจที่ถูกขโมยเงินไปด้วย นางรีบพาหวังเยี่ยนไปยังห้องนอนเพื่อดูสถานที่เกิดเหตุ ตะกร้า เนื้อหมูหมัก และผักดองที่อยู่บนพื้นยังคงกระจัดกระจายไม่ได้ถูกเคลื่อนย้าย เพียงเห็นก็ทราบว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อครู่ หมอนใบหนึ่งตกอยู่กลางเตียง หมอนอีกใบตกอยู่บนพื้น
หวังเยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ท่านแม่ ตอนข้าเห็นซานนิวนางก็กำเงินจำนวนหนึ่งไว้ในมือแล้ว ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เอาไปแล้วเท่าใด”
เฟิงซื่อเก็บเงินไว้เท่าใดในใจย่อมรู้ดี นางเดินไปหยิบหมอนบนพื้นขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม หันหลังให้ทุกคนแล้วยื่นมือไปคลำด้านในหมอน ควักเศษก้อนเงินออกมาสองก้อน จากนั้นจึงเดินไปหยิบหมอนที่อยู่กลางเตียงขึ้นมาคลำดู คราวนี้หยิบเศษก้อนเงินออกมาได้หนึ่งก้อน
หวังเยี่ยนถามอย่างกังวลว่า “ท่านแม่ เศษก้อนเงินหายไปเท่าใดหรือเ้าคะ”
เฟิงซื่อโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบ อดะโออกไปไม่ได้ว่า “หายไปก้อนหนึ่ง แปดเฉียน (แปดร้อยทองแดง)!”
พืชผลที่เก็บเกี่ยวได้ในที่ดินหนึ่งหมู่จะหมดไปกับการจ่ายภาษี ทำให้ได้เงินไม่ถึงแปดร้อยทองแดง
สตรีทั้งสองได้ยินว่าเงินหายไปมากมายเช่นนี้ถึงกับโมโหยิ่งกว่าเฟิงซื่อเสียอีก
“แปดเฉียน เงินมากขนาดนี้หวังซานนิวใช้ไม่ได้จริงๆ”
“หวังซานนิวขโมยเงินไปแปดร้อยทองแดง ไปให้นายอำเภอตัดสินเถิด หวังซานนิวต้องติดคุกหัวโตแน่!”
“ท่านน้า เมื่อครู่ข้าจับชีพจรให้พี่เยี่ยนแล้ว นางได้รับความใ ข้าขอกลับบ้านไปต้มยาสงบใจให้นางก่อนนะเ้าคะ” หลี่หรูอี้ออกจากบ้านมานานแล้ว กลัวว่าจ้าวซื่อจะเป็ห่วงจึงต้องรีบกลับบ้าน
เฟิงซื่อเข้ามาขอบคุณหลี่หรูอี้ สตรีชาวบ้านอีกสองคนก็เป็คนในตระกูลหวังเช่นกัน พวกนางเป็ญาติของหวังเยี่ยนจึงเข้ามาขอบคุณเช่นกัน
เมื่อหลี่หรูอี้กลับถึงบ้านก็บอกเื่นี้กับจ้าวซื่อ จ้าวซื่อขมวดคิ้วแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็กังวลว่า “เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่ หวังซานนิวไม่ได้ทำร้ายเ้าใช่หรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้