หลินเยว่พยายามชะโงกหน้าเบียดตัวเข้าไปดูแต่ทว่าคนด้านในเยอะมาก เขาแทรกเข้าไปไม่ได้เลย ดังนั้นเขาจึงต้องยืนมองจากด้านนอกอย่างจำใจ
แต่แล้ว หลินเยว่พลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
เขาสามารถมองทะลุจากระยะไกลได้หรือไม่?
เมื่อมีความคิดนี้เกิดขึ้นในสมองทำให้ความสนใจทั้งหมดของเขาจึงเทไปยังจุดนี้เท่านั้น เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ทำไมแต่ก่อนเขาถึงไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลยล่ะ?
หลินเยว่ได้แต่เบะหน้าใส่ตัวเองถือหินหยกขึ้นมามองยังทำได้ แล้วการมองทะลุระยะไกลทำไมถึงจะทำไม่ได้ล่ะติดแค่เพียงมีระยะห่างมากขึ้นเท่านั้นเอง
หลินเยว่เป็คนที่คิดจะทำอะไรก็จะทำสิ่งนั้นทันทีขอแค่การกระทำนั้นไม่ได้ขัดแย้งกับความตั้งใจที่มีมาก่อน หากเขาคิดจะทำ ก็ต้องลงมือเลย
เขาค่อยๆ เดินถอยออกมาทางด้านหลัง จนกระทั่งหลังติดกำแพงหลังจากนั้นเขาก็ขยับไปทางซ้ายขวาเพื่อหาตำแหน่งที่สามารถมองเห็นสภาพหินหยกทั้งก้อนได้อย่างสะดวกขณะที่เขาคิดจะพิงกำแพงเตรียมใช้มือยกขึ้นเพื่อบังดวงตาทั้งสองข้างของเขาและทำเป็กำลังครุ่นคิดอย่างหนักนั้นเขาพลันมองเห็นด้านหนึ่งของหินหยกอย่างไม่ตั้งใจและสภาพตรงนั้นก็ทำให้หลินเยว่ตะลึงงันไปทันที
เพราะมันเป็รอยแตกเล็กๆ รอยหนึ่ง ถึงแม้ว่ารอยแตกนี้จะเล็กมากแต่ก็มีโอกาสส่งผลต่อหยกด้านในได้สูง หากหยกด้านในมีรอยแตกรอยร้าวถึงจะเป็หยกที่ดีขนาดไหน แต่มูลค่าของมันก็จะลดน้อยลงทันทีหากรอยรอยแตกเล็กหน่อยก็ยังพอไหว หากรอยแตกเยอะจนทำให้หยกทั้งก้อนแตกเป็เสี่ยงๆจนแม้กระทั่งทำเป็เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ไม่ได้เลยหินหยกก้อนนี้ก็จะพนันเจ๊งหรือขาดทุนอย่างแน่นอน
หรือว่านี่จะเป็เหตุผลที่ทำให้พวกเขาเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์แต่ไม่ซื้อหินหยกก้อนนี้สักที?
หลินเยว่รู้สึกสงสัย หากเป็เขาบ้างเมื่อเห็นรอยแตกนี้เขาก็คงจะไม่สนใจมันเช่นกัน เพราะเมื่อดูจากรอยแตกนี้หยกด้านในมีโอกาสเป็รอยแตกสูงถึง 99% ผลของการพนันมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ พนันเจ๊ง
แต่ทว่าครั้งนี้เขาไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆเพราะวัตถุประสงค์หลักของเขาไม่ใช่การซื้อหินหยกแต่เป็การทดสอบว่าตนเองจะสามารถมองทะลุจากระยะไกลได้หรือไม่ หรือเพื่อตรวจสอบดูว่าระยะที่ไกลที่สุดเท่าที่เขาทำได้คือเท่าไรนั่นเอง
หลินเยว่ใช้มือบังดวงตาทั้งสองข้างแกล้งทำท่าคิดหนักดวงตาทั้งสองข้างของเขากลับมองผ่านช่องระหว่างนิ้วแล้วเพ่งไปยังหินหยกที่อยู่ห่างไกลนั้น
เมื่อสมาธิถูกรวมเป็จุดเดียว ตาทิพย์ค่อยๆเปิดออก
และเวลานี้เองที่หลินเยว่รู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงราวกับว่าเป็สิ่งที่จับต้องได้ เหมือนพลาสติกใสชั้นบางๆหรือเหมือนกับน้ำที่ใสแจ๋ว โครงร่างของคนรอบๆ ตัวก็เริ่มโค้งงอสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด มันเป็ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกจริงๆ
ราวกับว่าระหว่างท้องฟ้าและแผ่นดินเหลือเพียงเขากับหินหยกเบื้องหน้าเท่านั้นและหินหยกก้อนนั้นก็กลายเป็ภาพชัดเจนอยู่เบื้องหน้าของเขา อากาศรอบๆตัวมีสภาพเหมือนอุโมงค์แห่งกาลเวลา และดวงตาของเขากำลังมองพุ่งตรงไปข้างหน้าผ่านอุโมงค์แห่งนี้และค่อยๆ เข้าใกล้หินหยกมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเขาพยายามกดความรู้สึกแปลกๆ นี้ลงไปและขณะเดียวกันในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเพราะสถานการณ์เช่นนี้ก็แสดงว่าเขาสามารถมองทะลุผ่านระยะไกลได้แน่นอน
ณ เวลานี้หลินเยว่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการมองทะลุทะลวงของเขามีลักษณะคล้ายกับมือคู่หนึ่งที่ค่อยๆมุ่งหน้าเพื่อลูบคลำหินหยกและจิติญญาของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำนี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกอย่างนี้หมายถึงอะไรแต่สิ่งที่เขารู้ก็คือการเคลื่อนไหวของจิติญญาเช่นนี้ไม่สามารถขัดขวางการมองทะลุทะลวงที่มีระยะห่างเท่านี้ได้เลยเพราะเขายังมีพลังเพียงพอ
สายตาทะลุทะลวงััเข้ากับเปลือกผิวหินหยกอย่างรวดเร็วเม็ดทรายตรงเปลือกผิวมีความชัดเจนเป็พิเศษเปลือกผิวที่ดูมีความละเอียดค่อนข้างสูงในตอนแรกกลับเหมือนถูกขยายใหญ่จนกลายเป็หยาบมาก
แต่แล้ว เปลือกผิวภายนอกที่ไม่สวยงามก็ค่อยๆจางหายไป จางหายไป จางหายไป... ราวกับองุ่นเขียวที่สุกแล้ว เมื่อถูกปอกเปลือกออกสิ่งที่ปรากฏก็กลายเป็เนื้อสีเขียว แต่ทว่าเปลือกหินหยกนี้กลับค่อยๆจางหายไปแล้วก็หายวับไปทันที
เมื่อเปลือกผิวนอกจางหายไปสภาพหินสีขาวเทาด้านในก็ปรากฏขึ้น เมื่อมองลึกลงไปประมาณ 10 เิเ พลันมีเนื้อหยกสีขาวปรากฏขึ้นและความโปร่งใสสูงมาก
จู่ๆ ก็มีเนื้อหยกปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหันจึงทำให้หลินเยว่อึ้งไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงเป็ความดีใจอย่างบ้าคลั่งเพราะนี่เป็ครั้งแรกที่เขามองเห็นหยกอย่างง่ายดาย แต่เมื่อเขาคิดถึงรอยแตกนั้นความตื่นเต้นดีใจก็จางลงอย่างรวดเร็ว
ไม่แน่... หยกด้านในอาจจะเสียหายไปหมดแล้วก็ได้นะ
เนื้อหยกมีความใสบริสุทธิ์ แทบจะไม่มีรอยตำหนิใดๆความโปร่งใสสูงมาก การทะลุของแสงเพียงพอมันมีความใสราวกับหยดน้ำบริสุทธิ์ที่ถูกทำให้กลายเป็ของแข็ง พื้นฐานไม่เลวชนิดของเนื้อหยกใกล้เคียงกับเนื้อแก้วทีเดียว หากไม่มีสีเขียว แต่เป็เนื้อแก้วเช่นนี้เพียงกำไลวงเดียวก็มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านขึ้นไป แต่หากดูการทะลุของแสงและความโปร่งใสแล้วราคาของมันอาจจะสูงขึ้นเป็เท่าตัว และหากด้านในมีประกายเขียวบริสุทธิ์ไม่มีรอยตำหนิใดๆ ราคาของมันจะสูงขึ้นเป็สิบเท่า!
เมื่อคิดว่าด้านในมีโอกาสมีราคาสูงขึ้นเป็สิบเท่าซึ่งก็จะเป็ราคาสิบล้านขึ้นไป หลินเยว่จึงเดาะลิ้นเล่นอย่างตื่นเต้น
เขาจึงรีบมองลึกลงไปทันที เขามองลึกลงไปอีกประมาณ7 - 8 เิเแต่ยังคงไม่พบรอยแตกร้าวใดๆ เช่นนี้ก็แสดงกว่ารอยแตกด้านนอกไม่ได้ส่งผลกับหยกด้านในเลย
ไม่ต้องมองลึกลงไปอีกแล้ว เพราะหินหยกก้อนนี้มีราคามากกว่าหนึ่งล้านอย่างแน่นอน
หลินเยว่มองไปทางด้านข้างบ้าง เขาพบว่าหยกก้อนนี้มีความกว้างประมาณ5 เิเ กำไล1 วงมีขนาดประมาณ 13 มิลลิเมตรถึง 15 มิลลิเมตร นั่นก็แสดงว่าจากการสำรวจจนถึงตอนนี้หยกก้อนนี้สามารถทำกำไลได้ 3 วงหากมีฝีมือระดับสูง ใช้พื้นที่อย่างประหยัด อาจจะสามารถทำแหวนได้เพิ่มอีก 4วง ราคารวมออกมามีราคามากกว่า 4แสนหยวน นั่นก็หมายความว่าหินหยกก้อนนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 3.4 ล้านหยวนขึ้นไป
3.4 ล้านหยวน!
เมื่อคิดถึงตัวเลขนี้หลินเยว่จึงเกิดอาการหัวใจเต้นแรงทันที เขาไม่เคยคิดถึงจำนวนเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนแต่ก่อนหินหยกที่เขาเคยพนันมีมูลค่าอยู่ต่ำกว่า 1 ล้าน แต่จู่ๆ ก็มีหยกมูลค่า 3 ล้านกว่าหยวนปรากฏต่อหน้าขึ้นมา ก็ทำให้เขาปรับตัวปรับใจแทบไม่ทัน
และเวลานี้เอง ดวงตาของหลินเยว่เริ่มเกิดอาการเจ็บแสบเขาใจนรีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เร่งตัวเองเพื่อมองลึกลงไปอย่างเร่งด่วน
เมื่อมองลึกลงไปอีกเพียงนิดเดียวพลันมีประกายสีเขียวปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของหลินเยว่
มีสีเขียวแล้ว!
หลินเยว่ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปทั้งร่าง
การปรากฏสีเขียวนั้นหมายความว่าราคาของหยกก้อนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่าตัว
30 กว่าล้านหยวน!
หลินเยว่ถึงกับตะลึงงันถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้ยินคนพูดถึงหยกมูลค่าเกินสิบล้าน และเขาก็เคยเห็นหยกเขียวจักรพรรดิมูลค่า20 กว่าล้านมาก่อนแล้วแต่มันก็เป็ของคนอื่นเท่านั้น ครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นหยกมูลค่าเกินสิบล้านที่อาจจะกลายเป็ของเขาได้ความรู้สึกนี้ทำให้เขาตื่นตะลึงสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับว่าเบื้องหน้าของเขามีเช็คมูลค่าหลายสิบล้านหยวนรอให้เขาเอื้อมมือเข้าไปหยิบ
จะต้องเอาหยกก้อนนี้มาเป็ของตัวเองให้ได้!
นี่เป็ความคิดหนึ่งเดียวของหลินเยว่
แต่ทว่าเขาก็ต้องปัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาตื่นเต้นเพราะยังไม่มีใครรู้สภาพภายในอย่างชัดเจน
หลินเยว่มองลึกลงไป เขาเห็นประกายสีเขียวอย่างชัดเจนมันเป็สีเขียวราวกับยอดอ่อนที่ผลิยอดออกมายามต้นวสันตฤดูแต่ลายเส้นสีเขียวนี้ไม่เหมือนกับวัตถุที่มีอยู่ในโลกใบนี้ หากเป็ภาพวาดที่จิตรกรสร้างสรรค์ขึ้นมาก็อาจจะมีความคล้ายคลึงอยู่บ้างประกายสีเขียวนี้ทำให้หลินเยว่รู้สึกหลงใหลขึ้นมา มันเป็เสน่ห์ที่ดูนุ่มนวลแต่มีชีวิตชีวาอย่างที่สุด
สวยมาก!
หลินเยว่ได้แต่อุทานคำนี้ในใจ
สีเขียวเป็ลายเส้นสีเขียวที่พาดผ่านหินหยกตลอดทั้งก้อน
มูลค่าสูงขึ้นอีก 3 เท่า?
แต่เมื่อเขามองลึกลงไปอีก ความฝันของเขาก็พังทลายลงรอยแตกด้านนอกนั้นมันร้าวทะลุมาถึงตรงสีเขียวที่อยู่ศูนย์กลาง และก็เป็การแบ่งลายเส้นสีเขียวออกเป็สองส่วนตอนแรกที่สามารถทำกำไลได้ 3 วงตอนนี้ก็เหลือเพียง 2 วงแล้วถึงแม้ว่าจะเป็เพียง 2 วงแต่มูลค่าของมันก็ไม่มีทางน้อยอย่างแน่นอน แต่ทว่า ที่น่ายินดีก็คือส่วนรอบๆไม่มีรอยตำหนิหรือรอยร้าวเล็กๆ แม้แต่นิดเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้