“เพียะๆๆ!”
เสียงตบหลายสิบครั้งดังต่อเนื่องกันกึกก้องทั่วทั้งตระกูลชุย
ใบหน้าของชุยซั่วเคร่งเครียดขึ้นทันที ฝ่ามือหนึ่งตบฉินเฟิงล้มกระเด็นออกไป จากนั้นชุยซั่วก็ะโขึ้นมา “เ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำในวันนี้จะส่งผลอย่างไรต่อไป?”
เดิมทีฟันของฉินเฟิงถูกฉินอวี่ตบหลุดออกไปสองสามซี่แล้ว แต่ตอนนี้ปากของเขาเต็มไปด้วยฟันต้องมาถูกชุยซั่วตบซ้ำอีก ใบหน้าที่บวมช้ำอยู่แต่เดิมของชุยซั่วถูกตบตีจนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเื และมีเืไหลออกมาจากปากของเขา นอนนิ่งอยู่บนพื้นและหมดสติไปในทันที
เสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยวของชุยซั่ว ดังไปถึงผู้าุโระดับสูงของตระกูลชุยที่อยู่ในโถงประชุม จนใและทยอยวิ่งตามกันออกมา ชุยหลิ่วเห็นฉินเฟิงนอนหมดสติอยู่บนพื้น จึงรีบวิ่งเข้าไปเหมือนคนบ้า โอบกอดฉินเฟิงไว้ด้วยความปวดใจ มองไปทางชุยซั่วอย่างโกรธจัด และพูดอย่างโกรธเคือง “เสี่ยวซั่ว เ้าทำอะไรของเ้า?”
“ทำอะไรนะหรือ? ลองถามลูกชายที่แสนดีทั้งสองคนของเ้าดูสิ ลองถามดูว่าพวกเขาไปยั่วยุใครมา ต่อจากนี้ไป เื่ของตระกูลฉิน ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลชุยของข้า ไม่อย่างนั้น ตระกูลชุยอาจถูกทำลายเมื่อไรก็ได้!” ชุยซั่วจ้องไปที่ชุยหลิ่วอย่างเ็าและะโอย่างรวดเร็ว
ผู้าุโระดับสูงของตระกูลชุยต่างก็ใ เมื่อรู้ว่าพวกเขาต่างต้องเสี่ยงมีภัยจากเื่ในครั้งนี้ ชุยหงจึงพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “เสี่ยวซั่ว เกิดอะไรขึ้น?”
“เ้าของร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง เป็ผู้ที่แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่หวังผิงของข้ายังไม่กล้าล่วงเกิน ศิษย์พี่ใหญ่ของข้ายังให้การยกย่อง เป็แขกผู้มีเกียรติเลยทีเดียว พวกเขาทั้งสองคนไปยั่วยุพวกเขา นี่ไม่เพียงแต่รนหาที่ตายให้ตนเอง แต่ยังพาตระกูลชุยเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย!” ชุยซั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม เขายังไม่เคยบอกใครว่าเหตุที่เขาได้กลับมาก่อนถึงครึ่งปีก่อนหน้านี้ ก็เป็เพราะศิษย์พี่ใหญ่หวังผิงให้ตนเองมาสำรวจล่วงหน้า ว่านักปรุงยาจื่อได้มาถึงเมืองหลักเทียนอู่แล้วหรือไม่
ทุกคนในตระกูลชุยมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่ชุยหลิ่วก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ทุกคนต่างรู้สถานะของชุยซั่วเป็อย่างดี หากแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ของเขายังไม่กล้าไปยั่วยุ แล้วเช่นนี้ตระกูลชุยจะเข้าไปยั่วยุได้หรือ?
“เสี่ยวซั่ว ยังมีทางหนีทีไล่บ้างหรือไม่?” ชุยหงกล่าวอย่างเคร่งขรึม สมแล้วที่เขาเป็แม่ทัพที่อยู่กับการรบมาตลอดชีวิต เมื่อเผชิญกับวิกฤต เขาจึงไม่สับสน
“โชคดีที่ข้าไม่ได้บังคับให้รื้อถอน เมื่อมีเวลาข้าจะต้องไปขอโทษอย่างเป็ทางการเสียหน่อย” เมื่อชุยซั่วพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปพร้อมกับพ่นลมหายใจเย็นๆ ออกมา
ชุยหงเฝ้ามองชุยซั่วเดินออกไป จากนั้นจ้องมาทางชุยหลิ่วอย่างเคร่งขรึมและพูดด้วยเสียงที่ลึกล้ำ “เสี่ยวหลิ่ว ลูกชายที่ดื้อรั้นทั้งสองคนของเ้า ต้องได้รับการลงโทษทางวินัยจริงๆ แล้ว และเมื่อเสี่ยวซั่วอารมณ์เย็นลงแล้ว ก็ให้พาลูกชายที่ดื้อรั้นทั้งสองคนของเ้าไปขอโทษเขาด้วย!”
“รับทราบ... ท่านพ่อ!” ชุยหลิวใและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ตระกูลฉิน
“พอเถอะ พี่น้องกลับต้องมาฆ่าฟันกันเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าตามใจพวกเขาสองคนตลอดเวลา เื่แบบนี้จะเกิดขึ้นหรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่าการตามใจลูกเกินไปมันเป็เหมือนการฆ่าลูก!” ใบหน้าของฉินจ้านเคร่งเครียดบึ้งตึง ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ
“ฉินจ้าน เ้านี่มันสมควรตายจริงๆ ข้าชุยหลิ่วอยู่กับเ้ามากว่ายี่สิบปี แต่เ้าปฏิบัติกับข้าเช่นนี้หรือ? หากเ้าคนชั่วช้านั่นไม่มุ่งเป้ามายังเสี่ยวเฟิง ก็คงจะไม่ทำร้ายจนเสี่ยวเฟิงฟันหัก หากไม่ใช่เพราะตามหาตัวเ้าคนชั่วช้านั่น เสี่ยวหย่งก็คงไม่ไปล่วงเกินร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งให้ต้องขุ่นเคือง! หากเ้ายังไม่รีบขับไล่คนชั่วช้านั่นออกจากตระกูล ข้า... ข้าชุยหลิ่วก็ไม่ขอมีชีวิตอยู่!” ชุยหลิ่วพลิกโต๊ะชาและร้องไห้โฮเสียงดัง
“เ้า... เ้า...!” ฉินจ้านสั่นสะท้านไปทั้งตัว จ้องไปทางชุยหลิ่วอย่างเข้มงวด “หลายปีมานี้เสี่ยวเฟิงทำอย่างไรกับเสี่ยวอวี่ไว้บ้าง จะให้ข้าทำแบบเดียวกันหรือไม่ล่ะ เ้าจึงจะยอมหยุดเสียที?”
“ดี! ดี! ดีไปเลย! ลูกชายที่เกิดจากนางจิ้งจอกคือลูกของเ้า ไม่ใช่เสี่ยวเฟิงและเสี่ยวหย่ง เป็พวกจิตใจโเี้อำมหิต ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อข้า คนอย่างเ้า ฉินจ้าน จะเป็อะไรได้ ได้เลย พวกข้าจะคอยดู หากเ้าไม่ออกหน้า ก็จะมีคนต้องออกหน้า!” จากนั้นชุยหลิ่วก็เดินกระแทกประตูออกไป
ฉินจ้านทรุดตัวลงบนที่นั่งอย่างแ่เบา ใบหน้าของเขาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างรำคาญใจ ใบหน้าที่สงบและสง่างามของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจตจำนงการสังหาร
ไม่ว่าจะเป็สนามรบหรือร้านค้า ฉินจ้านเป็เหมือนปลาที่ได้น้ำ ตระกูลฉินถูกสร้างขึ้นจนเป็แคว้นที่มั่งคั่งได้ในระยะเวลาเพียงสิบปี แต่เมื่อเื่เป็เช่นนี้ แม้แต่ฉินจ้านในตอนนี้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้
“ทำไมจึงเป็เช่นนี้? ครึ่งปี เพียงครึ่งปี ขอเพียงยืนหยัดอีกครึ่งปีเท่านั้น ขอแค่มุ่งเน้นไปที่การเข้าสำนักเซียนของเสี่ยวอวี่และเสี่ยวเสวี่ยก็พอแล้ว ใน่เวลานี้ ใครก็ตามที่แตะต้องพวกเขาแม้แต่เล็กน้อยจะต้องข้ามศพข้าฉินจ้านไปก่อน!” ฉินจ้านนั่งลงอย่างเคร่งเครียดจับที่เท้าแขนไว้แน่นและพูดอย่างหนักแน่น
“ชุยหลิ่ว ข้าทนได้ที่เ้าทำผิดกับข้า แต่ข้าจะไม่มีวันยอมให้เ้าทำร้ายเสี่ยวอวี่และเสี่ยวเสวี่ยแม้แต่ปลายเส้นผม!”
“ฉินเอ๋อ ข้าจะทำตามสัญญาที่ให้เ้าไว้แน่นอน ขอเพียงเสี่ยวอวี่และเสี่ยวเสวี่ยได้เข้าสู่สำนักเซียน ข้าสามารถไปหาเ้าได้โดยไม่ต้องกังวล...”
ห้าวันต่อมา จวนตระกูลชุย!
“เสี่ยวซั่ว ข้าไม่อาจจะนำสิ่งของมีค่าออกมาได้ ของพวกนี้เป็ทรัพย์สินของตระกูลฉิน หวังว่ามันคงจะไม่น้อยเกินไป” ชุยหลิ่วหยิบวงแหวนมิติออกมาวงหนึ่ง และยื่นใส่ไว้ในมือของชุยซั่ว
ใบหน้าของชุยซั่วดูเ็า ตั้งใจกวาดตามองวงแหวนมิติ ดวงตาของเขาหรี่เล็กลง มองไปทางฉินเฟิงที่ยังมีอาการบวมบนใบหน้า และฉินหย่งที่ห้อยแขนลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น “ท่านอา ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่รับน้ำใจนี้ หากไม่ใช่เพราะข้ารู้ตัวได้เร็ว ตระกูลชุยก็คงถูกพวกเขาทั้งสองทำลายไปแล้ว! มีคนบางกลุ่มที่พวกเราคงไม่อาจจะไปล่วงเกินได้จริงหรือไม่?”
“ใช่ ใช่ ใช่!” ฉินเฟิงและฉินหย่งต่างเงยหน้าขึ้นแสดงความเห็นด้วย ฉินหย่งที่กำลังมีใบหน้าซีดเซียว จะไปมีความเย่อหยิ่งอย่างอดีตได้อย่างไร? ในฐานะแม่ทัพกองพัน เขาสามารถโอ้อวดต่อหน้ามนุษย์ปุถุชนได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าสำนักเซียน เขากลับไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย
ฉินเฟิงก้มศีรษะลง รังสีของความขุ่นเคืองก็ฉายแววในดวงตาของเขา ตอนแรกเ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งไม่มีอะไรดี? แต่ตอนนี้กลับมาเป็ฝ่ายอยู่เหนือหัวพวกเราแล้ว
“ต่อไปพวกเ้าสองคนช่วยอยู่ให้สงบกว่านี้หน่อยก็แล้วกัน ข้าจะจัดการเื่ในร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งให้เอง! พวกเ้าไปเถอะ” ชุยซั่วกล่าว
ชุยหลิ่วลังเลเล็กน้อย นางกัดฟันและพูดขึ้นว่า “เสี่ยวซั่ว มีบางอย่างที่อาจต้องรบกวนเ้า... เื่ทั้งหมดนี้เกิดจากฉินอวี่ เ้าคนเดรัจฉานของตระกูลฉิน... ถ้าไม่ใช่เพราะฉินอวี่ เสี่ยวหย่งคงไม่ไปก่อกวนร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง... และปู่ของเ้าก็คงไม่ต้องทำอะไรเพราะนึกถึงเื่ที่ฉินจ้านช่วยชีวิตในตอนนั้น... หวังว่าเสี่ยวซั่วจะช่วยออกหน้าให้พี่ชายทั้งสองของเ้า สังหารเ้าสัตว์ร้ายนั่น... หากทำสำเร็จ ต่อให้ต้องล้มละลาย ข้าก็จะยอมหาศิลาิญญาระดับล่างนับพันมามอบให้...”
ดวงตาของชุยซั่วสว่างขึ้นจางๆ แม้ว่าเขาจะเป็ศิษย์สำนักในของสำนักเทียนหั่ว แต่การฝึกฝนก็จำเป็ต้องใช้ศิลาิญญาจำนวนมาก ไม่มีผู้ใดที่จะรังเกียจศิลาิญญา ชุยซั่วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “เล่าเื่ทั้งหมดให้ข้าฟัง ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย!”
“องค์หญิงสิบสาม กลับไปก่อนเถอะ ที่ตระกูลฉิน ฉินหย่งไม่กล้าทำอะไรกับข้าหรอก และก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรพี่ชายของข้าจะออกมา” ฉินเสวี่ยกล่าวอย่างเกรงใจ
“เสี่ยวซี บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกข้าว่าพี่เสี่ยวอวี่ก็พอ เรียกองค์หญิงดูห่างเหินไปหน่อย และข้าก็เบื่อที่จะอยู่ในวังทุกวัน เล่นที่นี่ก็ดีแล้ว อย่างไรก็เถอะ ได้ยินเสี่ยวเถากับเสี่ยวฮวาบอกว่าพี่ชายของเ้าเคยชื่นชอบข้ามาก่อน ฮิๆ” หลงอวี่จับมือของฉินเสวี่ยและพูดอย่างมีความสุข
ฉินเสวี่ยจ้องไปที่เสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาด้วยความลังเลเล็กน้อย เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของหลงอวี่ ในใจของนางก็มึนงงเล็กน้อย ในความเห็นของนาง หลงอวี่เป็ถึงหงส์ฟ้าผู้สูงส่ง ไม่คู่ควรเลยที่จะเป็เพื่อนกับนาง และก็เพราะพี่ชายของนางชื่นชอบหลงอวี่ จึงทำให้ถูกฉินเฟิงรังแกหลายต่อหลายครั้ง พูดตามตรง ฉินเสวี่ยเริ่มรู้สึกต่อต้านหลงอวี่อย่างมากในตอนแรก
แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวัน ฉินเสวี่ยรู้สึกว่าหลงอวี่เข้ากันได้ง่ายมาก หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินเสวี่ยก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลง”
“องค์หญิงสิบสาม เมื่อก่อนคุณชายสามชื่นชอบท่านอย่างมาก... ข้าเคยได้ยินเขาเรียกชื่อองค์หญิงสิบสามตอนกำลังฝันด้วยนะ อิๆ...” เซียวฮวาโผล่
“ฉินอวี่ โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”