ราชวงศ์เหยียนยืนหยัดมาหลายร้อยปี ฮ่องเต้เหยียนองค์ปัจจุบันคือฮ่องเต้องค์ที่สาม ซึ่งครองราชย์มาครึ่งรอบเจี๋ยจื่อ[1]
ตำหนักบรรทมของฮ่องเต้เหยียน ณ วังเฉิงเทียน
มีฉู่จื่ออวี้องค์รัชทายาทองค์นี้ประทับอยู่ ชิงอีจึงเข้ามาได้อย่างราบรื่น
ฮ่องเต้เหยียนทรงพระประชวรหนักและทรงไม่ได้สติมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ทางด้านหมอหลวงต่างอับจนหนทาง
เดิมทีฮ่องเต้เหยียนเป็ผู้พระราชทานอภิเษกสมรสกับเซียวเจวี๋ย โดยมีพระประสงค์ที่จะหาผู้ช่วยที่มีความสามารถให้กับฉู่จื่ออวี้เพื่อคุ้มกันเขา ทว่า ตอนนี้ผู้รับเคราะห์กลายเป็ชิงอี้และคงแปลกหากนางจะประทับใจในตัว ‘เสด็จพ่อ’
ตามคำกล่าวที่ว่า อูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า[2] แม้ว่าฮ่องเต้เหยียนทรงอยู่ในสภาพตายมิตายแหล่ ตราบใดที่พระองค์ยังไม่ต พระองค์ก็ยังคงเป็จักรพรรดิแห่งโลกมนุษย์และมีพลังัสถิตอยู่ ถึงแม้ว่าเ้าแมวอ้วนอยากจะเข้ามาตรวจสอบความผิดปกติก็ยังยากที่เข้าไปใกล้
มิฉะนั้น ชิงอียังไม่อยากที่จะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองจริงๆ
หลับไม่สบายหรือไร? เสียเวลามาเพื่อดูตาเฒ่าผู้นี้ทำไมกัน?
ฮ่องเต้เหยียนบรรทมอยู่บนเตียง แม้พระองค์จะทรงอยู่ในวัยที่รู้ชะตากรรมของตนเองดี กระนั้น พระวรกายกลับดูชราภาพยิ่ง อีกทั้งเพราะกำลังทรงพระประชวรจึงมีผิวซีดเผือดและริมฝีปากเขียวคล้ำราวกับคนตาย
หลังจากที่ฉู่จื่ออวี้เข้ามายังที่แห่งนี้ เขาก็เปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคน เขาหยิบผ้าในมือของนางกำนัลมาเช็ดพระศอและพระกรของฮ่องเต้เหยียนอย่างพิถีพิถัน
ด้านชิงอียืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว นางมองดูด้วยใบหน้าเรียบเฉยครู่หนึ่งแล้วเบนสายตาออกไป ก่อนจะเดินเตร่ในตำหนักอย่างไร้จุดหมาย
เหล่าข้าหลวงในตำหนักต่างมองดูนางด้วยสายตาแปลกๆ พลางคิดว่าองค์หญิงใหญ่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลที่ไม่ได้เป็ที่รักที่โปรดปรานของฝ่าา มีอย่างที่ไหนที่บิดาป่วยแต่บุตรสาวยังทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเช่นนี้?
ไม่เพียงแค่เป็คนไม่คิดอะไรแต่ช่างเืเย็นและไร้ความปรานี
หลังจากที่ฉู่จื่ออวี้เช็ดแขนให้ฮ่องเต้เหยียนเสร็จ พอหันกลับมาก็ไม่เห็นชิงอีแล้ว ยิ่งเห็นสายตาและท่าทางแปลกๆ ของเหล่าข้าหลวงจึงเดินออกไปทันที
ทว่า สิ่งที่เห็นคือใครบางคนนอนอ่อนปวกเปียกอย่างเกียจคร้านและกำลังเล่นไส้ตะเกียงด้วยมีดตัดเทียนอย่างเอื่อยเฉื่อยอยู่อีกปีกของตำหนัก
ฉู่จื่ออวี้รู้สึกโกรธจนต้องปรี่เข้าไปกระชากมีดตัดเทียนออกจากมือนาง ก่อนที่เสียงที่ทุ้มต่ำตะคอกใส่ “ฉู่ชิงอี ท่านอยากตายนักหรือไง?! ท่านไม่รู้หรือไรว่าโทษของการอกตัญญูมันคืออะไร?”
ชิงอีเมินเฉยและจ้องตะเกียงที่ยังคงสว่างไสว
“เ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? ในตะเกียงยาวมีน้ำมันและไส้ตะเกียงเพียงพอ ทว่า เปลวไฟกลับสั่นไหว”
ฉู่จื่ออวี้ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดเื่บ้าบออะไร แต่แสงตะเกียงนี้ก็ดูแปลกอยู่
สว่างไสว อายุยืนยาว
ยามนี้ฮ่องเต้เหยียนทรงพระประชวรหนัก แล้วแสงไฟของตะเกียงนั้นมีความหมายต่างกัน หากมันริบหรี่และมอดดับ นั่นไม่ใช่ลางดี เพราะฉะนั้นภายในวังต่างระมัดระวังเื่นี้ หลังจากที่ฉู่จื่ออวี้มองอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจจนอดะโถามด้วยเสียงอันดังก้องว่า
“ใครเป็คนดูแลตะเกียงนี้?”
เหล่าข้าหลวงต่างคุกเข่าลง ส่วนนางกำนัลที่รับผิดชอบตะเกียงก็หน้าซีดด้วยความใและกล่าวออกมาอย่างกลัวๆ ว่า “ฝ่าาทรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันเฝ้าดูอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด แต่แสงไฟในตะเกียงนี้ริบหรี่เช่นนี้อยู่แล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉันนะเพคะ!”
“บังอาจ วังเฉิงเทียนเป็ตำหนักบรรทมของฝ่าา เป็สถานที่ที่มีพลังหยางมากที่สุดในใต้หล้า เ้ากล้าดียังไงที่กล่าวว่าแสงไฟไม่สว่าง!”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ!” นางกำนัลที่รู้ว่าตนเองพูดผิดไป ก็ใจนตัวสั่นไปทั้งตัว
“ลากนางออกไป วังเฉิงเทียนแห่งนี้ปล่อยให้สิ่งที่โง่เง่าเช่นนี้เข้ามาได้ั้แ่เมื่อไรกัน?!”
“องค์ชายโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเพคะ องค์ชายโปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเพคะ—”
“พอได้แล้ว ปัญหาใหญ่ขนาดไหนกันเชียวถึงต้องส่งเสียงดังอึกทึกเช่นนี้?” ชิงอีปราม เพียงแค่ดวงตาคู่สวยปรายตามองขันทีที่กำลังถูกเข้าจับกุมนางกำนัลก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวจนไม่กล้าทำอะไรต่อ
“เ้าเองก็หุบปาก เสียงดังจนข้าปวดหัวไปหมดแล้ว” นางหรี่ตามองนางกำนัลที่หวาดผวาจนไม่กล้าร้องออกมาอีกเลย
“เห็นได้ชัดว่านางกำนัลคนนี้ละเลยต่อหน้าที่ ท่านยัง้าปล่อยนางไปอีกหรือไร” ฉู่จื่ออวี้ถามด้วยหน้าสงบ
ชิงอีชำเลืองมองเขา “นางไม่ได้โกหก ปัญหามันอยู่ที่น้ำมันตะเกียง”
ฉู่จื่ออวี้ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อ
“เ้าเข้ามาดมใกล้ๆ ด้วยตัวเองสิ”
เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของเธอ ฉู่จื่ออวี้ก็เอนตัวไปข้างหน้าด้วยความสงสัย ในคราแรกเขาไม่ได้กลิ่นอะไร ทว่า เขาก็ค่อยๆ ได้กลิ่นหอมหวานแปลกๆ เจือปนอยู่ในนั้น
เขาที่กำลังจะสูดดมอีก แต่ตะเกียงตรงหน้ากลับถูกดึงออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาอันลึกล้ำของชิงอี
ใบหน้าของฉู่จื่ออวี้เข้มขึ้น เขายังไม่เข้าใจจึงหันกลับมาถามว่า “น้ำมันตะเกียงนี้เกี่ยวอะไรด้วย?”
“ฝ่า...ฝ่าา น้ำมันตะเกียงนี้ใช้ไขมันกวางที่ดีที่สุดผสมกับน้ำมันสนมาโดยตลอด ทุกๆ วันขันทีจะส่งน้ำมันใหม่มาเพิ่มเสมอ หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันมีปัญหาเพคะ”
ฉู่จื่ออวี้ขมวดคิ้วกำลังจะถามว่าทำไมน้ำมันตะเกียงถึงมีกลิ่นหวาน แต่แขนเสื้อของเขาถูกดึงเบาๆ
“การที่ผู้รับผิดชอบจะต้องรับโทษนั้นไม่ใช่เื่แปลก ในกรณีนี้ ขันทีเป็ผู้รับผิดชอบการซื้อน้ำมันตะเกียงและนำมันมาเปลี่ยนจึงต้องไปจัดการกับทางฝั่งนั้นสิ”
เหล่าข้าหลวงในวังเฉิงเทียนเมื่อได้ยินเช่นนี้ต่างมองชิงอีด้วยความซาบซึ้ง องค์หญิงใหญ่เป็ดั่งพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิต! พวกนางรู้เสียใจกับคำพูดให้ร้ายอีกฝ่ายที่พูดไว้ก่อนหน้านี้!
“ฝ่าาทรงพระประชวรอย่างหนัก้าความสงบ พวกเราก็อย่ารบกวนพระองค์เลย” ชิงอีพูดจบก็ดึงฉู่จื่ออวี้ออกมา
แม้จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ดูออกว่านางจงใจขัดขวาง จึงทำได้เพียงงึมงำและเดินตามไป
ระหว่างทางฉู่จื่ออวี้มีคำถามมากมาย ทว่า ชิงอียังคงก้าวเดินต่อไปจนมาถึงสถานที่อันเงียบสงบในสวน เขาที่เห็นว่ารอบๆ ไม่มีผู้ใดอยู่เลยจึงรีบคว้าข้อมือของนางไว้
“เมื่อครู่เหตุใดท่านต้องขัดขวางการสอบสวนด้วยล่ะ?!”
ชิงอีไม่ตอบทำเพียงจ้องมือของเขาที่จับข้อมือตนไว้ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
ฉู่จื่ออวี้ปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจพร้อมเฝ้ารอคำตอบอย่างร้อนใจ
“แหวกหญ้าให้งูตื่นมันสนุกหรือไง? อีกอย่างเ้าจะถามไปเรื่อยๆ แบบนั้นจะได้อะไรขึ้นมาหรือไร?”
เมื่อนางพูดเช่นนั้น ฉู่จื่ออวี้ก็ใจเย็นลงก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าน้ำมันตะเกียงมันผิดปกติ?”
หากเมื่อครู่เขาไม่เข้าไปดมใกล้ๆ ก็ไม่มีทางได้กลิ่นหอมหวานนั้นเลย
“มันหอมดี”
คำตอบนี้ทำให้เขาพูดไม่ออก
“ท่านกลับไปที่ตำหนักเชียนชิวด้วยตัวเองนะ ข้าจะกลับไปที่วังตะวันออกก่อน”
ในยามนี้ ฉู่จื่ออวี้เอาแต่คิดเื่น้ำมันตะเกียงอยู่ จึงไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับนางอีก แล้วรีบเดินจากไปจนลืมจุดประสงค์ที่ว่าจะทำการพิสูจน์ตัวตนของนางในตอนแรก
ชิงอีค่อยๆ เดินกลับ พอมาถึงครึ่งทางก็มีเ้าแมวอ้วนตัวหนึ่งะโออกมาจากพงหญ้า และขึ้นมาอยู่บนไหล่ของนาง
“ดูเหมือนว่าท่านจะเจอเื่มาไม่น้อยเลยนะ?”
ดวงตาของเ้าแมวอ้วนเป็ประกาย
“อืม”
“ข้าอยากจะจัดการตาเฒ่าโง่เขลาคนนั้นเสียก่อน ข้าไม่้าให้ใครมาตัดหน้าข้าไป”
“ความเจ็บป่วยของฮ่องเต้ผู้นั้นมีคนบงการงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่คนธรรมดาๆ เสียด้วย” ชิงอียิ้มบางๆ “มันคือคาถา”
เ้าแมวอ้วนแสดงสีหน้าใ คาถา?
ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็เื่ยากสำหรับสิ่งลี้ลับที่จะเข้าใกล้วังหลวง ดังนั้นการเข้าใกล้ฮ่องเต้นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้จะเป็เวทมนตร์คาถาของมนุษย์ แต่ก็เป็การยืมพลังของขุมนรกอยู่ดี
แม้กระทั่งมันที่เป็ยมทูตปรโลกก็ยังเข้าใกล้วังเฉิงเทียนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิธีการที่จอมเวทใช้ในการเข้าไปวังยิ่งแล้วใหญ่ แต่กลับทำสำเร็จอีกต่างหาก?!
แถมยังสามารถปิดตาของมันกับชิงอีด้วย พวกเขามาอยู่ในวังหลวงนี้นานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่สามารถจับร่องรอยของพลังคาถาได้เลย รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นตรงบนมุมปากของชิงอี “มีความสามารถใช้คาถาในวังหลวงและยังทำใส่ตาเฒ่านั่นอีก นี่ต้องเป็เ้าปลาตัวอ้วนแน่ๆ”
เ้าแมวอ้วนแลบลิ้น “ปลาที่มีไขมันเช่นนี้แหละ รสชาติอร่อยที่สุดเลย”
************************
[1] รอบเจี๋ยจื่อ คือ นับตามปฏิทินของจีน ซึ่ง 1 รอบเท่ากับ 60 ปี
[2] อูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า แปลว่า ถึงจะตกต่ำแต่ก็เคยยิ่งใหญ่มาก่อน