เมื่ออันซื่อเห็นโสมคนชั้นยอดสองต้นก็สั่นเทาไปทั้งฝ่ามือ
โสมคนสองต้นทุกส่วนแพร่กระจายไปด้วยสีม่วง ลำต้นหนากว่าครั้งก่อนหนึ่งนิ้วมือกว่า ระดับโสมคนเห็นได้ชัดว่าสูงกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า
นางนำโสมคนไปเฮ่อเหยียนถังของหญิงชราแห่งสกุลกู้ด้วยตัวเอง สองคนหารือกันอยู่นาน อันซื่อถึงได้กลับที่พักไปด้วยความระมัดระวัง
วันถัดมาโสมคนส่งผ่านสายข่าวภายใน ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าฉีกุ้ยเฟย
ฉีกุ้ยเฟยมีความสุขจนแทบคลั่ง รีบเรียกท่านหมอเทวดาจางเข้ามาตรวจสอบโสมคนทันที
จางเชียนหย่วนเห็นโสมคนสองต้นลักษณะลำต้นแพร่กระจายไปด้วยสีม่วง รูม่านตาดำหดเกร็งลงฉับพลัน เขาหลงใหลอยู่ในทักษะวิชาการรักษามาหลายสิบปี นี่เป็ครั้งแรกเลยที่เขาได้พบโสมคนระดับชั้นเกินกว่าทั่วไปมากเช่นนี้ สีม่วงอ่อนวาวแสงนั่นราวกับมีพลังเหนือธรรมชาติก็ไม่ปาน กลิ่นโสมหอมสดชื่นกระจายได้ไกลและนาน สูดดมกลิ่นแล้วลืมความกลัดกลุ้มไปได้เลย
“กระหม่อมขอแสดงความยินดีกับกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง โสมคนสองต้นนี้เป็ระดับที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ได้มานับเป็ความโชคดียิ่ง แม้มันไม่ได้มีประสิทธิภาพฟื้นชีวิตคนจากความตายได้ แต่มีประโยชน์ในด้านบ่มเพาะรากฐานร่างกายให้แข็งแรงและบำรุงลมปราณดียิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น นับว่ามีผลดีต่อพระอาการประชวรของฝ่าาที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” บนใบหน้าจางเชียนหย่วนปรากฏรอยยิ้มยินดีอย่างหาได้ยาก เขาถูกฉีกุ้ยเฟยเชิญตัวมาทำการรักษาฮ่องเต้ ถูกผูกมัดอยู่เมืองหลวงมาสามปีกว่าแล้ว พระอาการประชวรของฮ่องเต้ขณะนี้ ภายใต้การประคับประคองการรักษาด้วยแรงกายแรงใจของเขา จึงพอเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้ทำสิ่งที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จได้บ้าง
“…เ้า เ้าจะบอกว่า อาการประชวรของฮ่องเต้มีหนทางรักษาได้แล้ว?” ฉีกุ้ยเฟยตื่นเต้นระคนดีใจกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
จางเชียนหย่วนพยักหน้าพร้อมกับกล่าวยืนยัน “หากมีโสมคนสองต้นนี้ อย่างน้อยที่สุดฝ่าาต้องดีขึ้นได้เจ็ดถึงแปดส่วนอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีกุ้ยเฟยปิดริมฝีปาก น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้ม นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ชนถ้วยน้ำชาลายครามสีขาวน้ำเงินบนโต๊ะน้ำชาคว่ำ คนทั้งกายล้มลงนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือไม้จันทน์
“ว้าย เหนียงเหนียง ระวังเพคะ” เฉาลั่วรีบตั้งถ้วยน้ำชาที่ถูกชนคว่ำขึ้น
ฉีกุ้ยเฟยส่ายหน้า น้ำตาร่วงลงมาไม่หยุด แต่ริมฝีปากกลับยกขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่
กี่ปีแล้วที่นางปรนนิบัติอยู่หน้าแท่นพระบรรทมของฮ่องเต้ทุกวัน นอนกลิ้งไปมาไม่อาจหลับตาลงได้ในเวลากลางคืน กลัวมากว่าพอนางปิดเปลือกตาลงแล้วตื่นขึ้นมาจะเผชิญเข้ากับพระศพเย็นเยียบเข้า
นางพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะรักษาชีวิตของฮ่องเต้ไว้ ไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยของนางและสี่เอ่อร์เท่านั้น แต่ยังเพื่อรากฐานการพัฒนาของอาณาจักรต้าสยาที่มีมาเกือบร้อยปี ไม่ให้ถูกทำลายลงด้วยการรุกรานจากาภายนอกและากลางเมืองไปภายในพริบตาด้วย
นางเป็เพียงกุ้ยเฟยผู้หนึ่ง ภายใต้การกดดันอันมหาศาลของฮองเฮากับองค์ไท่จื่อ ในสถานการณ์ไม่มั่นคงฮ่องเต้ยังคงประชวรหนักเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ เดินมาถึงจุดนี้ด้วยความหวาดกลัวและระมัดระวัง เลือกหนทางที่ลำบากและเ็ปทรมานมาตั้งเท่าไร นางล้วนทำได้เพียงกัดฟันอดทนไว้
ขณะนี้ในที่สุดก็เห็นแสงแห่งความหวังอันน้อยนิดได้เสียที
“อวี่เวย... อวี่เวยฟื้นสิ”
ข้างหูโหยวอวี่เวยมีเสียงทุ้มต่ำและแหบดังขึ้น นางรู้สึกว่า บ้างก็คุ้นเคยบ้างก็ไม่คุ้นเคย
“คุณหนู คุณหนูท่านรีบฟื้นสิเ้าคะ” จื่อยู่กำลังร้องเรียกนางอยู่
โหยวอวี่เวยพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างสุดความสามารถ สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาคือใบหน้าซีดเซียวและโทษตัวเองใบหน้าหนึ่ง
“…พี่ …ห้า”
“อวี่เวย อวี่เวยเ้าฟื้นแล้ว! ยอดเยี่ยมนัก จื่อยู่ ไปตามท่านหมอมาเร็ว” กู้ฉีเบิกตาสองดวงขึ้นทันที สั่งจื่อยู่ที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง
บนใบหน้าจื่อยู่ก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาเช่นกัน รีบรับคำแล้วจากไป
โหยวอวี่เวยนอนคว่ำอยู่บนที่นอนอ่อนนุ่ม ความเ็ปบนไหล่ด้านหลังทำให้นางอดครางออกมาเบาๆ ไว้ไม่อยู่หนึ่งที
“อวี่เวย นอนคว่ำไว้อย่าขยับ ไหล่ของเ้าได้รับาเ็ ขยับตามอำเภอใจไม่ได้ นอนคว่ำดีๆ พักฟื้นไม่กี่วันก็หายแล้ว” เสียงของกู้ฉีทุ้มต่ำและแหบ ั์ตามีเส้นเืฝอยแดงก่ำ
“…พี่ห้า เสียงท่านเป็อะไรไป? ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยหรือ?” โหยวอวี่เวยมองรอยคล้ำใต้ตาของกู้ฉีด้วยความเ็ปใจ
“…” กู้ฉีะเืใจอยู่ข้างใน นางฟื้นขึ้นมาไม่ร้องเจ็บไม่ะโหิว แต่เื่แรกที่ทำคือเป็กังวลว่าทำไมเสียงของเขาถึงได้เปลี่ยนไป
“ข้าไม่เป็อะไร เ้าต่างหาก เจ็บมากเลยใช่ไหม?”
โหยวอวี่เวยเห็นเขาเลี่ยงไม่ตอบ อดเบะปากไม่ได้ กลั้นความเ็ปที่หัวไหล่ไว้และหมุนศีรษะไปอีกด้านหนึ่ง
กู้ฉีจนปัญญาทำได้เพียงกล่าวปลอบนาง “ข้าไม่ได้เป็อะไรจริงๆ เมื่อคืนไหล่ของเ้าได้รับาเ็และมีไข้เล็กน้อย ทุกคนจึงไม่ได้นอนกันทั้งนั้น อยู่เป็เพื่อนเ้าทั้งคืน”
โหยวอวี่เวยได้ยินดังนั้นก็ข่มความเจ็บไว้ทันทีและหมุนศีรษะกลับมา “ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็อะไรมาก ท่านรีบไปพักเถอะ รอพักผ่อนดีแล้ว ค่อยมาเยี่ยมข้าใหม่”
ดวงตาของกู้ฉีอดหรี่ลงไม่ได้ “รอท่านหมอมาดูเ้าแล้ว ข้าค่อยไปพัก”
น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
โหยวอวี่เวยตะลึงเล็กน้อย มองเขาอย่างไม่อย่างจะเชื่ออยู่บ้าง
ท่านหมอเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ผู้ที่กู้ฉีเชิญมาเป็ท่านหมอชราผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งของเมืองซงไถ เมื่อดึงลูกธนูออกก็ปล่อยให้จื่อยู่และเมอเมอหวังช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง จัดการาแให้เรียบร้อยและให้ท่านหมอชราพักอยู่ในโรงเตี๊ยม รอคนฟื้นขึ้นแล้วค่อยทำการวินิจฉัยอีกที
ท่านหมอชราจับชีพจรให้โหยวอวี่เวย ตรวจสอบาแขึ้นอีกรอบแล้วจึงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า สภาพอาการาเ็รักษาได้ถูกวิธี ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร เดิมทีร่างกายก็มีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่แล้ว พักฟื้นระยะหนึ่งก็สามารถฟื้นฟูาแให้หายได้ปกติ
ท่านหมอชราสั่งยาให้สามวัน กำชับว่าภายในสามวันควรพักผ่อนอย่างสงบ ไม่ควรเคลื่อนไหวมากเกินไป หลังจากนั้นจึงขออำลา
กู้ฉีให้คนมอบเงินรางวัลให้แล้วค่อยส่งเขากลับไป
เมื่อร่างกายของโหยวอวี่เวยไม่ได้มีปัญหาอะไรร้ายแรง นางจึงสั่งให้เขารีบไปพักผ่อนทันที
กู้ฉีขัดขืนนางไม่ได้ ทำได้เพียงลุกขึ้นยืน สั่งเมอเมอหวังให้นำยาไปต้มและป้อนนางให้เรียบร้อย เมื่อกำชับเสร็จจึงกลับห้องพักแขกของตนเอง
เมื่อเขากลับมาถึงห้องก็เทน้ำชาที่ไม่ร้อนแล้วใส่ถ้วยชาด้วยตนเองและดื่มลงไป ลำคอที่แห้งผากถึงได้มีความรู้สึกชุ่มชื้นขึ้น
ไม่ได้นอนอยู่ตลอดทั้งคืน ทั้งยังเป็ห่วงอาการาเ็ของโหยวอวี่เวยอีก เขาเหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้วจริงๆ
ทว่ากู้ฉีนอนอยู่บนเตียงกลับไม่ได้ง่วงเลยแม้แต่น้อย
ปิดเปลือกตาลงครั้งใดก็ปรากฏภาพที่โหยวอวี่เวยขวางลูกธนูแทนเขาขึ้น ตอนนั้นเขาทำได้เพียงมองนางล้มลงในอ้อมอกของเขาอย่างตกตะลึง ใบหน้าเล็กเปล่งปลั่งเปลี่ยนเป็ขาวซีดลงฉับพลัน หัวใจของเขาเต้นเร็วจากความหวาดกลัวอย่างอธิบายออกมาไม่ได้
เขาคลำข้อมือตนเองอย่างไม่รู้ตัว ทว่ากลับรู้สึกตระหนกที่บนข้อมือว่างเปล่า
ใช่สิ... ประคำไม้จันทน์นั้นที่สวมติดกายอยู่สิบกว่าปีได้มอบให้ผู้อื่นไปั้แ่สามปีก่อนแล้ว
เขาลูบไล้ข้อมือของตนเอง นับั้แ่หลังจากตอนนั้น เขาก็ไม่เคยสวมประคำอื่นอีกเลย
เฮ้อ... เขาถอนหายใจหนึ่งเฮือกเบาๆ
ช่างเถอะ สิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็ไม่ควรจะไปดึงดัน
เขา… ควรเห็นคุณค่าคนตรงหน้าสิ
โหยวอวี่เวยนอนคว่ำอยู่บนหมอนนุ่มเรียบลื่น ในใจคิดถึงท่าทางเมื่อสักครู่ของกู้ฉี เขาเคยพูดจาอ่อนโยนกับนางปานนี้เสียที่ไหนกัน
โหยวอวี่เวยหัวเราะ รู้สึกว่าความเ็ปด้านหลังส่วนหัวไหล่ของตนเองก็ไม่ได้สุดจะทนเพียงนั้นแล้ว
จื่อยู่ยกถ้วยโจ๊กเนื้อเข้ามา พยายามเติมท้องให้เต็มอิ่มแล้วจึงจะดื่มยาได้ นางจึงทานอาหารเสร็จอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
จื่อยู่มองคุณหนูที่อารมณ์ดีอย่างมากด้วยใบหน้ากลัดกลุ้ม หากไม่ใช่ว่าเมื่อวานนางเห็นท่านหมอชราดึงลูกธนูออกมาด้วยตาตนเอง นางคงนึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้รับาเ็อะไรมาเลย
เมอเมอหวังยกสมุนไพรยาที่ต้มเรียบร้อยแล้วเข้ามา เห็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าโหยวอวี่เวยก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ได้รับาเ็แล้วยังเบิกบานใจปานนี้อยู่อีก คุณหนูของพวกนางช่างมีความสามารถยิ่งนัก
โหยวอวี่เวยดื่มยาลงไปท่ามกลางการปรนนิบัติของเมอเมอหวังและจื่อยู่ ขณะที่คิดจะนอนพัก จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้
“จื่อยู่ เล่อเล่อล่ะ?”
นางรีบมองไปบริเวณโดยรอบทันที แต่ไม่เห็นเงาร่างของเล่อเล่อ
“คุณหนู ท่านอย่าได้กังวล เล่อเล่ออยู่กับองครักษ์เฉินเ้าค่ะ” จื่อยู่รีบกล่าว
“อยู่กับองครักษ์เฉิน? ทำไมมันถึงอยู่กับเขา?” โหยวอวี่เวยถามด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อวาน ท่านได้รับาเ็ เล่อเล่อร้องครางหงิงๆ อยู่ตลอด ไม่ยอมออกห่างจากห้องของท่านเลย คุณชาย้าให้คนอุ้มมันไป มันก็ยิ่งเห่าหนักขึ้น อีกนิดแทบจะกัดองครักษ์ผู้นั้นอยู่แล้ว ต่อมาองครักษ์เฉินฉลาดเฉียบแหลม หยิบเอาเนื้อพะโล้ไม่กี่ชิ้นจากในโถมา และกล่อมจนเล่อเล่อยอมออกไป ตอนนี้เลยอยู่กับองครักษ์เฉินมาโดยตลอดเ้าค่ะ” จื่อยู่ยิ้มแล้วกล่าวอธิบาย
ไอ๊หยา เล่อเล่อน้อยของนาง ยังรู้จักรักนางอย่างสุดหัวใจด้วย รอยยิ้มของโหยวอวี่เวยยิ่งสว่างไสวมากขึ้นอีก
“เฉินเผิงเฟยนี่ฉลาดเฉียบแหลมนัก รู้ว่าเล่อเล่อคุ้นเคยกับเนื้อพะโล้ของสกุลหู เลยหลอกล่อมันไปได้”
“นั่นน่ะสิเ้าคะ ไม่เช่นนั้นเล่อเล่อก็คงนอนหมอบอยู่ข้างเตียงท่าน ผู้ใดก็ล้วนไม่ยอมให้อุ้มเ้าค่ะ” จื่อยู่ปวดใจต่อเ้าเพื่อนตัวน้อยมากเช่นกัน
โหยวอวี่เวยหัวเราะดวงตายิ้มหยีจนกลายเป็รอยตะเข็บหนึ่งเส้น เล่อเล่อของนางน่ารักเกินไปแล้วจริงๆ
หลังโหยวอวี่เวยนอนอยู่บนเตียงได้หนึ่งวัน ก็เริ่มลงจากเตียงมาเคลื่อนไหว ท่านหมอบอกว่าร่างกายของนางแข็งแรงดี ขอแค่ระวังไม่ให้ปากแผลปริเปิด อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว
วันที่สาม คนหนึ่งขบวนของพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่สามารถเร่งรีบเดินทางได้ ทำได้เพียงเดินทางด้วยความเร็วปกติ
ในรถม้าของนาง เก้าอี้นั่งถูกรื้อออกแล้วปูด้วยฟูกหนาลงไป นางนอนอยู่บนฟูกจึงไม่มีทางได้รับการสั่นะเืแน่นอน ส่วนเมอเมอหวังกับจื่อยู่นั่งอยู่ด้านข้างเกวียนคนละด้าน คอยระวังหากเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วเหวี่ยงจนนางไปถึงข้างตัวเกวียนทำให้ปากแผลได้รับการกระแทกจนปริออกได้
โหยวอวี่เวยนอนคว่ำอยู่บนฟูก เบะปากด้วยความเบื่อหน่าย สิ่งของในรถม้าของนางส่วนใหญ่ล้วนย้ายไปบนเกวียนของกู้ฉีหมดแล้ว แม้แต่เล่อเล่อเองในยามนี้ก็อยู่ในเกวียนของเขาด้วยเช่นกัน
กู้ฉีป้อนเนื้อพะโล้ให้เล่อเล่ออยู่สองสามครั้ง เ้าลูกสุนัขตัวน้อยจึงใกล้ชิดกับเขามาก โหยวอวี่เวยหึงหวงเล็กน้อย ตอนนี้เ้าลูกสุนัขไม่ติดนางแล้ว
อันที่จริงการที่เล่อเล่อใกล้ชิดกู้ฉีกับเฉินเผิงเฟย สาเหตุหลักเป็เพราะ บนร่างกายของพวกเขามีกลิ่นอายของสกุลหู
โดยเฉพาะกู้ฉีที่ทานวัตถุดิบอาหารของสกุลหูมาตลอดทั้งปี บนร่างกายรับเอาความเหนือธรรมชาติที่มีอยู่เฉพาะในน้ำแร่จิติญญาเข้าไป เล่อเล่อจมูกไวอย่างมาก เมื่อมันได้กลิ่นที่คุ้นเคยย่อมใกล้ชิดกับเขาเป็ธรรมดา
รถม้าไม่สามารถเร่งเดินทางได้อย่างรวดเร็ว เวลาขากลับจึงทำได้เพียงยืดระยะเวลาออกไป
...เมืองถงหลิน ภายในจวนป้องกันกำแพงเมือง
ในมือองค์ชายหานสี่บีบกระดาษจดหมายหนึ่งแผ่นไว้แน่น
นั่นเป็จดหมายที่ติดต่อกันจากนกพิราบบินส่งสารโดยเฉพาะระหว่างฉีกุ้ยเฟยกับเขา
การประชวรของเสด็จพ่อมีความเป็ไปได้ที่จะหายเป็ปกติ หานสี่เม้มริมฝีปากแน่นสั่นเทาเล็กน้อย เสด็จแม่อยู่ในวังทนทรมานอยู่หลายปี ในที่สุดก็เห็นความหวัง
เขาหวังให้เสด็จพ่อทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง องค์ไท่จื่อกับฮองเฮาอำนาจมาก ทั้งยังเป็โอรสสายเืโดยตรงตามประเพณี ขุนนางในราชสำนักที่ต่างสนับสนุนพวกเขาย่อมมีเป็จำนวนมาก หากเสด็จพ่อตลง องค์ไท่จื่อต้องเสด็จขึ้นาาภิเษกได้อย่างราบรื่นและชอบธรรม หากว่าเขาไปแย่งชิงด้วยฐานะที่ไม่ใช่โอรสฮองเฮา ไม่สามารถสืบราชบัลลังก์ได้โดยตรงก็จะสูญเสียแรงสนับสนุน และเมื่อเกิดากลางเมืองระหว่างตนเองกับองค์ไท่จื่อขึ้น ผู้ที่ได้รับความทนทุกข์ทรมานย่อมเป็สามัญชนคนธรรมดา แต่หากเขาไม่ไปต่อสู่แย่งชิง จุดจบของเสด็จแม่กับครอบครัวฝ่ายเสด็จแม่จะต้องมีบทสรุปที่น่าเศร้าสลดอย่างแน่นอน เพราะอารมณ์ขององค์ไท่จื่อโเี้ดุร้ายมาโดยตลอด การตกอยู่ในมือของเขาเห็นได้ชัดว่าจะต้องไม่มีจุดจบที่ดี ทว่าอาณาจักรต้าสยาจะอยู่ในการปกครองของเขาไปได้ไกลสักเท่าไรกัน
เสด็จพ่อใจกว้างโอบอ้อมอารี จัดการเื่ราวได้ยุติธรรมและตรงไปตรงมา มีความสามารถเข้าอกเข้าใจผู้คน หากอาศัยการควบคุมบริหารบ้านเมืองของเสด็จพ่อต่อไป อาณาจักรต้าสยาจะยังดำเนินต่อไปด้วยความมั่นคงปลอดภัยได้อีกหลายสิบปี ไม่ว่าจะสำหรับอาณาจักรหรือสำหรับประชาชนแล้วล้วนเป็ความโชคดีทั้งสิ้น
ส่วนเขา... ได้เป็ท่านอ๋องอย่างอิสระสบายใจอยู่มุมหนึ่งก็ดีมากแล้ว สามารถตั้งมั่นรักษาชายแดนเพื่ออาณาจักรต้าสยา ป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ ชั่วชีวิตนี้ของเขาก็พึงพอใจอย่างที่สุด
ใบหน้าหานสี่เปลี่ยนไปจนเคร่งขรึมและเด็ดขาด
เขาเดินไปข้างโต๊ะ หยิบจดหมายอีกหนึ่งแผ่นบนโต๊ะขึ้นมา นั่นเป็จดหมายลับของหลี่เฉิงอี้
าเมืองเฉียนตงต่างฝ่ายต่างยืดเยื้อไม่มีผลแพ้ชนะ แต่ด้วยกองกำลังเสริมของไหวฮว่าเจียงจุนโม่ไป่เจ๋อ สถานการณ์เช่นนี้ฝ่ายศัตรูจำต้องถูกตีแตกได้อย่างแน่นอน ตาตาร์กับหว่าชื่อแบ่งทหารออกเป็สองทาง แม้ตีกำแพงเมืองแตกและยึดมาหลายแห่งแล้ว แต่กำลังพลกระจัดกระจาย เมื่อหมดแรงกำลังลง ไม่ช้าหรือเร็วอย่างไรเสียทหารก็ต้องพ่ายแพ้ถูกตีแตกพ่ายได้แน่
ขอแค่เมืองถงหลินรั้งเวลาของจากานปาลาและอามู่เอ่อร์ไว้ได้ วิกฤตทางเมืองเฉียนตงนั้นก็ไม่น่าให้กังวล
พันธมิตรตาตาร์กับหว่าชื่อ ส่วนใหญ่แล้วเป็วาทศิลป์ออกคำสั่งชักจูงโดยจากานปาลา องค์ชายสามของหว่าชื่อทะเยอทะยานปรารถนาในชื่อเสียงอำนาจอย่างแรงกล้า คิดจะฉวยโอกาสที่เสด็จพ่อของเขาประชวรหนัก เข้ากลืนกินเมืองมากมายทางตะวันตกเฉียงเหนือในรวดเดียว
แต่น่าเสียดาย เื่ราวมิอาจเป็ไปตามดังที่เขาปรารถนา การคำนวณไว้ล่วงหน้าของพวกเขาคงต้องล้มเหลวในไม่ช้า
หานสี่มองไปทางทิศเหนือ แววตาเริ่มดุดันขึ้นช้าๆ ครั้งนี้จะให้พวกเขามาได้โดยง่ายแต่จากไปโดยยาก ต้องโจมตีพวกเขาอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ เช่นนั้นชายแดนจึงจะสามารถมีชีวิตความเป็อยู่ที่มั่นคงปลอดภัยได้ไปอีกหลายปี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้