มีหลายคนที่รู้สึกต่างไปจากซูอิน นั่นคือผู้เข้าสอบและผู้ปกครองจำนวนมากที่อยู่หน้าโทรศัพท์เพื่อรอเวลาโทรตรวจสอบผลคะแนน
ซูเล่อเองก็เป็หนึ่งในนั้น
เหลือเวลาราวๆ ห้าวินาทีก็จะถึงสิบโมง แต่เธอก็เริ่มยกหูโทรศัพท์และกดเบอร์ รอและโทรติดอย่างราบรื่น เมื่อแจ้งเลขประจำตัวนักเรียน ปลายสายก็แจ้งคะแนนรวมทุกวิชาให้เธอทราบ
มันค่อนข้างสูงกว่าที่เธอคิดไว้นิดหน่อย
เมื่อรู้ผลคะแนน ซูเล่อก็กรีดร้องด้วยความดีใจ
แม้แต่ซูผิงที่ทบทวนหนังสืออยู่ในห้องก็ใจนเปิดประตูออกมาดู เมื่อเห็นท่าทีของน้องสาวเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“สอบได้คะแนนไม่เลวงั้นหรือ”
เพราะเื่ของซูอินทำให้ซูเล่อเมินเฉยใส่พี่ชายของตนเองไปหลายวัน ตอนนี้เธอกำลังดีใจจึงไม่สนใจเื่เล็กน้อยเ่าั้อีก เธอพยักหน้าก่อนจะรีบบอกคะแนนของตนเองแต่ละวิชา
“เยอะกว่าที่หนูคิดไว้ตั้งสิบคะแนน”
ซูผิงรู้ดีว่าโดยปกติแล้วน้องสาวมีคะแนนอยู่ในระดับใด สามารถสอบได้คะแนนดีขนาดนี้แสดงว่ามีพัฒนาการมากขึ้น เขาเองก็ดีใจเช่นกัน
“ทำได้ไม่เลวนี่ ใช่ ซูอินก็สอบพร้อมกับเธอไม่ใช่หรือ ที่บ้านของอาสะใภ้ไม่มีโทรศัพท์ เธอไปเรียกซูอินมาโทรตรวจคะแนนดูสิ
ซูอิน…
หลายวันมานี้แม่ของเธอมักจะมาพูดใกล้ๆ ตลอดว่าซูอินดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน มีเวลาว่างก็อ่านหนังสือ และบอกว่าเธอควรตั้งใจเรียนมากขึ้น อะไรกัน ตั้งนานกว่าจะได้ปิดเทอม ถ้าไม่ให้นอนตื่นสาย ดูโทรทัศน์เยอะๆ มันก็ใช้่ปิดเทอมไม่คุ้มค่าน่ะสิ
เสแสร้ง!
ตอนนี้พี่ชายของเธอก็นึกถึงซูอิน ทำให้ซูเล่อไม่พอใจจนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ทว่าหากซูอินสอบได้คะแนนแย่ล่ะ เธอไม่รู้ว่าซูอินมีผลการเรียนเป็อย่างไร หากเป็เหมือนกับเมิ่งเมิ่งล่ะ
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ทำให้เธอมีชีวิตชีวา “ตกลง เดี๋ยวหนูจะไปเรียก”
ในตอนที่ซูเล่อเดินไปถึง ซูอินกำลังตรวจการท่องบทกลอนโบราณของเด็กชายตัวน้อย การอ่านหนังสือยามเช้าไม่ใช่แค่เื่ที่ทำเล่นๆ แต่เป็หน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน จำเป็ต้องท่องบทกลอนห้าตัวอักษรหรือเจ็ดตัวอักษรให้ได้ เด็กอายุสี่ขวบครึ่งเป็วัยที่รับสิ่งใหม่ๆ ได้รวดเร็ว และมีความจำดีที่สุด อีกทั้งเด็กชายตัวน้อยก็ชื่นชอบการเรียน ทำให้เขาสามารถท่องด้วยความสบายใจ
เด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ที่มุมโต๊ะ ซูอินหยิบตั่งตัวเล็กมานั่งที่หน้าประตู ทำหน้าที่ประเมิน
การกระทำเช่นนี้เป็สิ่งที่ซูอินเลือกเอง เนื่องจากนิสัยโดยธรรมชาติบวกกับการถูกหลิงเมิ่งกลั่นแกล้ง ทำให้เด็กชายตัวน้อยมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว เมื่อซูอินค้นพบในส่วนนี้ จึงคิดจำลองการขึ้นกล่าวบทกลอนบนเวที ใช้โอกาสจากตอนที่น้องอายุยังน้อย นิสัยยังไม่ก่อตัวชัดเจนแล้วจึงแต่งเติมลงไป
อย่าได้เป็เหมือนเธอในชาติก่อน
“วันนี้ผมจะมากล่าวบทกลอนโบราณหนึ่งบท ซึ่งเป็ของหวังฉางหลิงสมัยราชวงศ์ถัง ชื่อบทกลอน จากหอฝูหรงถึงซินเจี้ยน[1]…”
ถึงแม้ยังรู้จักคำไม่มาก และไม่ค่อยเข้าใจความหมาย แต่เด็กชายตัวน้อยก็พยายามท่องอย่างสุดความสามารถ และเป็จังหวะ
“ขอจบการท่องบทกลอนแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณ…”
“ซูอิน!”
เสียงดังมาจากนอกประตูทำให้คำพูดสุดท้ายของเด็กชายตัวน้อยติดอยู่ในลำคอ เขาวิ่งหนีจากโต๊ะก่อนจะไปแอบด้านหลังซูอิน เกาะไหล่ของเธอและเอียงศีรษะมองไปทางหน้าประตู
ท่าทีที่เหมือนเ้ากระต่ายน้อยทำให้ซูอินยิ้ม เธอลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อยก่อนจะมองไปที่หน้าประตูเหมือนกับเขา
“ตรวจคะแนนหรือ”
เมื่อได้ยินซูเล่อเอ่ยถึงสาเหตุที่มา ซูอินกำลังจะบอกว่าตนเองรู้คะแนนแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ใช่ ฉันตรวจสอบคะแนนแล้ว ฉันได้ 475 คะแนน ปีนี้โจทย์ค่อนข้างยาก คิดไม่ถึงว่าฉันจะสอบได้คะแนนสูงขนาดนี้ เธอล่ะเป็ยังไงบ้าง บ้านเธอไม่มีโทรศัพท์ อยากไปตรวจคะแนนด้วยกันไหม”
กลิ่นทะแม่งๆ แบบนี้
ซูอินไม่คิดจะพูดต่อ ซูเล่อคงตั้งตารอให้เธอบอกคะแนนสินะ
ทว่าไม่ได้หมายความว่าอยากโทรก็โทรติดเลย เมื่อซูอินอยู่ในสายก็พบว่ามีคนจำนวนมากกำลังโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบคะแนน
“เกิดอะไรขึ้น ลองดูอีกครั้ง”
เมื่อเห็นท่าทีไม่รีบร้อนของซูอิน ซูเล่อยิ่งมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องทำคะแนนสอบได้แย่แน่ๆ และตอนนี้กำลังพยายามเลี่ยงการตรวจสอบ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและลองโทรใหม่อีกครั้ง แต่ยิ่งรีบร้อนก็ยิ่งโทรไม่ติด
“โทรศัพท์เฮงซวย!”
ซูเล่อด่าอย่างอดไม่ได้ จากนั้นแกล้งมองไปทางซูอินด้วยความเป็ห่วง “เธอคิดว่าตัวเองสอบเป็ยังไงบ้าง”
รีบร้อนอะไรขนาดนั้น
ซูอินได้แต่ลอบถอนหายใจ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง “ไม่ต้องโทรหรอก ที่กระทรวงศึกษาธิการติดประกาศั้แ่เช้า เพื่อนของฉันช่วยดูคะแนนให้แล้ว เมื่อกี้ก็เพิ่งโทรมาบอก”
“เธอรู้แล้วหรือ แล้วทำไมไม่บอก”
ซูอิน “ฉันตั้งใจจะพูดมาตลอด แต่เพิ่งมีโอกาส”
ซูผิงช่วยสมทบ “ใช่แล้วเล่อเล่อ ั้แ่เดินเข้ามาในบ้าน เธอยังไม่หยุดพูดเลย”
จากนั้นจึงหันไปถามซูอิน “อินอิน สอบเป็ยังไงบ้าง”
เมื่อนึกถึงคะแนนที่สูงจนไม่มีใครเทียบได้ของตนเอง ซูอินก็เผยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลยค่ะ”
เธอมองออกว่าเล่อเล่อเป็เพียงเด็กคนหนึ่งที่ซ่อนความอิจฉาเล็กๆ อยู่ในใจ อาจเป็เพราะได้รับอิทธิพลจากหลิงเมิ่ง ทำสิ่งต่างๆ ด้วยอคติ แต่พื้นฐานไม่ใช่คนนิสัยแย่ เมื่อครู่ซูเล่อพยายามทำนู่นทำนี่จนเหงื่อขึ้นเต็มหน้าผาก ตอนนี้ก็ควรเลิกแกล้งเธอแล้วจะดีกว่า
เมื่อเห็นเธอหวังดีจึงรับไว้ ใครจะคิดล่ะว่าซูเล่อจะไม่ยอมหยุดเช่นนี้
“บอกเธอหรือ พวกเขาจะบอกเธอได้ยังไง บ้านเธอไม่มีโทรศัพท์”
ซูอินพยักหน้าก่อนจะเอ่ยอย่างจนใจ “ใช่ บ้านฉันไม่มีโทรศัพท์ แต่ฉันมีโทรศัพท์มือถือ”
เธอเอ่ยพร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า
ในยุคนั้นโทรศัพท์มือถือถือเป็ของหายาก คนในชนบทไม่ค่อยมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อ เมื่อเห็นโทรศัพท์มือถือราคาแพงและขนาดเล็กกะทัดรัด ซูผิงและซูเล่อถึงกับตาค้าง
แต่ซูเล่อมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะถามว่า “แล้วเธอได้คะแนนสอบเท่าไร”
“ประมาณห้าร้อยกว่าๆ”
“อ้อ ก็…อะไรนะ ห้าร้อยหรือ”
ข้อสอบในปีนี้ยากมาก โจทย์คณิตศาสตร์ข้อสุดท้ายแทบจะไม่มีใครทำได้ สิ่งที่ยากกว่านั้นคือวิชาภาษาจีน เขียนเื่ตามรูปภาพ ซึ่งมีนักเรียนหลายคนเขียนออกทะเลไปไกล ซูเล่อสอบได้ 475 คะแนนก็คิดว่าสูงมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้ที่เพิ่งย้ายมาจะทำคะแนนได้ทะลุห้าร้อยคะแนน
ซูผิงชื่นชอบน้องสาวที่รักการเรียนและหน้าตาสะสวยคนนี้ก็ดีใจไปกับเธอจากใจจริง เขาเอ่ยพร้อมวิเคราะห์ “ห้าร้อยกว่าคะแนน ทำได้ไม่เลว ปีที่ผ่านมา หากทำคะแนนได้มากขนาดนี้สามารถเข้าเรียนที่ห้องเรียนพิเศษได้เลยนะ”
“อื้อ”
ซูอินพยักหน้า เป้าหมายของเธอคือเข้าห้องโอลิมปิก ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าเรียนและค่าหนังสือ มีทุนการศึกษาให้ทุกเทอม ซึ่งห้องเรียนพิเศษก็ถือว่าไม่เลว
เธอไม่สนหรอกว่าซูเล่อจะคิดอย่างไร แต่ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ซูอินจึงพาเ้าตัวน้อยกลับไปกินข้าวที่บ้าน
สองสามีภรรยาตระกูลซูถือจอบออกไปที่ทุ่งนาั้แ่เช้าตรู่ พวกเขารู้ข่าวจากคนอื่นเช่นกันว่าวันนี้เป็วันประกาศผลสอบ เมื่อกลับมาเมิ่งเถียนเฟินจึงถามซูอิน
“โทรตรวจสอบคะแนนที่บ้านคุณลุงแล้วหรือยัง ผลเป็ยังไงบ้าง”
ซูอินบอกสองสามีภรรยาตระกูลซูโดยไม่ปิดบัง รวมไปถึงการที่เธอได้รับการยืนยันคะแนนผ่านโทรศัพท์มือถือ
“575”
เมิ่งเถียนเฟินรู้ดีว่าบุตรสาวคนนี้มีผลการเรียนดี แต่ว่าก่อนหน้านี้เกิดเื่มากมาย เธอคิดว่าการทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพจะต้องส่งผลกระทบต่อการสอบอย่างแน่นอน อันที่จริงเมื่อเช้าเธอเตรียมใจไว้แล้ว ไม่ว่าผลสอบของบุตรสาวจะเป็เช่นไร เธอก็จะให้กำลังใจและการสนับสนุน
“อืม อินอินทำคะแนนได้ดีมากเลย”
เธอเอ่ยในสิ่งที่คิดไว้ แต่แล้วก็รู้สึกตัว
คะแนนเต็มทั้งหมดนี่มันเท่าไรนะ
เหมือนจะเป็ 580 คะแนนใช่ไหม
ถ้าสอบได้ 575 คะแนน ขาดไปแค่ 5 คะแนน นี่มันสูงมากเลย
เธอหันไปสบตากันซูเจี้ยนจวินและชะงักไปหลายวินาที ก่อนจะดึงสติกลับมา “ลูกบอกว่า สอบได้ 575 คะแนนหรือ”
“ใช่ค่ะ คุณแม่ของเพื่อนไปดูประกาศที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ เหมือนว่าหนูจะเป็อันดับหนึ่งของปีนี้ค่ะ”
ซูอินที่ผ่าน่เวลาตื่นเต้นไปแล้วเมื่อเช้าเอ่ยด้วยท่าทีสงบ
เมิ่งเถียนเฟิน : !
เธอไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม
---------------------------------------------------
[1] จากหอฝูหรงถึงซินเจี้ยน คือบทกลอนที่กวีเขียนให้สหายที่มีนามว่าซินเจี้ยน หอฝูหรงตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเจ้อเจียง บนนั้นสามารถมองเห็นแม่น้ำแยงซีเกียง