นางทำหน้าที่และรับภารกิจตามคำสั่งของจ้าวหลี่เสวียนเท่านั้น ไม่มีเวลามายุ่งกับเนื้อเื่ที่กำลังดำเนินไปของนิยาย แต่กลับมีบางคนที่มักจะนำพาเื่ปวดหัวมาส่งถึงมือ และคนคนนั้นจะเป็ใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่นางเอก
“เ้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ เฉียนฟางหนิง โอ้!!ไม่สิลู่หยวนซี ยินดีด้วยนะ ไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะทรงอนุญาตให้เ้ากลับมาเหยียบที่นี่อีก ทั้งที่ส่งเ้าไปอยู่แดนเหนืออันทุรกันดารแล้ว”
เจียงจื่ออิ๋งเดินกรีดกรายมาทางลู่หยวนซี ดูเหมือนว่าวันนี้พวกนางเองก็มาเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทด้วยเช่นกัน “ขอบคุณ”
นางคร้านจะสนใจฟังคำเหน็บแนมของเจียงจื่ออิ๋ง ปล่อยให้นางเข้าใจว่าตนเองถูกองค์รัชทายาทส่งไปอยู่ที่แดนเหนือเพราะถูกลงโทษดีแล้ว แต่เจียงจื่ออิ๋งไม่มีทางปล่อยนางจากไปง่ายๆ ท่าทางเย่อหยิ่งที่แสดงออกทั้งๆ ที่เป็เพียงสาวใช้ต่ำต้อย นางไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าองค์รัชทายาทเห็นข้อดีอันใดในตัวของสตรีนางนี้
“จะรีบไปที่ใดเล่า ข้ายังพูดไม่จบเลย เพียงแค่ตนเองได้เผยอขึ้นมาอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท ก็คิดว่าตนจะได้กลายเป็หงส์อย่างนั้นหรือ เ้าคงไม่รู้ว่าระหว่างหนึ่งปีที่เ้าไม่อยู่ที่นี่ องค์รัชทายาทได้ทรงหมั้นหมายไปแล้ว ข้าว่าทางที่ดีเ้ารีบไสหัวไปจากที่นี่ก่อนที่จะมีเื่คาวฉาวโฉ่ดีกว่านะ เ้าคงไม่อยากจะต้องให้พระองค์ทรงแปดเปื้อนเพราะสตรีชั้นต่ำเช่นเ้ากระมัง”
ลู่หยวนซีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินจากไปไม่สนใจคำพูดของเจียงจื่ออิ๋งที่ะโไล่หลังมา
“เฮอะ!! นึกว่าจะแน่แค่ไหนเชียว ทำเป็ไม่สนใจ ข้าคิดว่าหลังจากที่นางกลับเข้าห้องไปก็คงจะไปร้องห่มร้องไห้อยู่เพียงลำพังกระมัง น่าหมั่นไส้นัก ทำเป็วางตัวสูงส่งทำให้ข้าอดนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งมิได้ เป็แค่เพียงเด็กกำพร้าแต่กลับเรียนได้อันดับที่หนึ่งตลอด คนเช่นนี้ข้าเกลียดยิ่งนัก ไม่รู้จักที่อยู่ของตนชอบเสแสร้งทำดีกับผู้อื่นเพื่อเอาหน้า”
เจียงจื่ออิ๋งหันมาบ่นกับสาวใช้ข้างกายสองสามคำ ก่อนจะเดินกลับไปยังโถงรับรองของตำหนักรัชทายาท ลู่หยวนซีหลังจากที่แยกกับเจียงจื่ออิ๋งนางก็กลับไปยังเรือนพักที่จ้าวหลี่เสวียนจัดเอาไว้ให้ หลังจากที่ก้าวเข้ามาในเรือน บ่าวรับใช้ที่เคยอยู่ที่นี่ต่างก็เปลี่ยนหน้าไปหลายคน แม้แต่สาวใช้ที่เคยทำงานใกล้ชิดนางก็หายไปเช่นกัน ทำให้ลู่หยวนซีรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“พวกเ้าเป็ใคร”
ลู่หยวนซีถามสาวใช้สามสี่คนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ด้านหน้าเรือน เมื่อพวกนางเห็นลู่หยวนซีแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าที่ค่อนข้างสกปรก ก็แสดงสายตาดูถูกออกมาอย่างไม่ปิดบัง สาวใช้ที่ดูเหมือนจะเป็หัวโจกก้าวออกมาขวางทางนางเอาไว้ก่อนจะพ่นน้ำลายลงไปที่พื้น
“แล้วเ้าเล่าเป็ใคร คิดว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ขอทานเช่นเ้าถึงได้เข้ามาเดินเพ่นพ่านได้ ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ข้าจะให้คนมาลากเ้าออกไป”
ลู่หยวนซีหรี่ตาลงเล็กน้อยมองสาวใช้ที่แสดงความโอหังต่อหน้าตน นางขี่ม้ารอนแรมจากแดนเหนือมายังเมืองหลวงตามคำสั่งขององค์รัชทายาทนานนับเดือน เวลานี้นาง้าเพียงอาบน้ำอุ่นแล้วนอนหลับสักตื่น ไม่อยากต้องมามีเื่หรือปัญหากับใคร
“ไปทำหน้าที่ของพวกเ้าซะ เตรียมน้ำอุ่นให้ข้าด้วย ข้า้าอาบน้ำ”
นางไม่ใส่ใจท่าทีที่เป็ปฏิปักษ์ของสาวใช้เ่าั้ ร่างบางก้าวผ่านพวกนางไปแต่สาวใช้เ่าั้กลับรีบมาขวางทางนางเอาไว้ ลู่หยวนซีหรี่ตามองพวกนางด้วยสายตาอันตราย
“รีบถอยไปก่อนที่ข้าจะทำให้พวกเ้าไม่มีขาเอาไว้เดิน”
แม้นางจะขู่ไปถึงเพียงนั้น แต่สาวใช้เ่าั้กลับไม่ยอมขยับกาย ทำเอาขีดเส้นความอดทนของนางขาดผึ่งไปทันที ร่างบางชักเท้าขึ้นมาก่อนจะถีบพวกนางล้มลงไปทีละคน จากนั้นจึงก้าวเข้าไปในเรือนไม่สนใจเสียงกรีดร้องที่ดังอยู่ด้านนอก
“เ้า!!หญิงขอทานผู้นี้ กล้าทำร้ายคนของตำหนักรัชทายาทอย่างนั้นหรือ รอก่อนเถอะ!! เ้าสองคนเฝ้านางเอาไว้ ส่วนเ้าตามข้ามา ข้าจะทำให้นางต้องสำนึกเสียใจ ที่กล้ามาทำร้ายคนของว่าที่พระชายารัชทายาท”
ลู่หยวนซีก้าวเข้าไปในห้องนอนของนาง กำลังคิดจะเปลี่ยนชุดใหม่แต่แล้วนางก็รู้สึกว่าที่นี่ดูเปลี่ยนไป ข้าวของมีค่าทุกอย่างภายในเรือนหายไปหลายชิ้น แม้แต่แจกันเครื่องประดับภาพวาดก็ถูกสับเปลี่ยนไปเป็ของราคาถูก สิ่งของที่เคยได้รับพระราชทานจากองค์รัชทายาทก็ไม่มีให้เห็นแล้ว ภายในเรือนมีฝุ่นเกาะหนาเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็เวลานาน เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ลู่หยวนซีถอนหายใจออกมาเบาๆ หนึ่งปีที่นางไม่อยู่ที่นี่ดูเหมือนเรือนหลังนี้จะไม่มีคนเข้ามาดูแลเลยสินะ นางแค่้าพักผ่อนเท่านั้น เหตุใดถึงได้ยุ่งยากเช่นนี้ รู้อย่างนี้พักที่โรงเตี๊ยมซะก็ดี ลู่หยวนซีกำลังหันหลังจะก้าวออกจากเรือนไป แต่ประตูห้องก็ถูกปิดเอาไว้ นางผลักสองสามทีโดยที่ไม่ได้ใช้แรงมากนักพบว่ามันได้ถูกลงกลอนด้านนอก
“เปิดประตูซะ ก่อนที่ข้าจะโมโห”
เสียงฝีเท้าเดินวนไปวนมาท่าทางร้อนรน ทำให้นางรู้ว่ามีสองคนที่ยังไม่ได้จากไป ลู่หยวนซีรออยู่สักพักไม่เห็นพวกนางมาเปิดประตูให้ตน นางถอนหายใจอย่างรำคาญจากนั้นจึงถีบด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทำให้ประตูทั้งบานกระเด็นลอยออกไป
“กรี๊ด!!! นี่มันเกิดเื่บ้าอันใดขึ้นที่นี่”
คนกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเดินเข้ามาภายในเรือนพักของลู่หยวนซี ต้องใกับประตูบานใหญ่ที่ลอยมาเกือบจะทับพวกนาง เจียงจื่ออิ๋งที่เป็หนึ่งในคนกลุ่มนั้นใจนร้องออกมาเสียงหลง สาวใช้สองนางที่เฝ้าอยู่ด้านนอกนั่งกอดกันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง พวกนางได้รับคำสั่งให้เฝ้าประตูเอาไว้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ลู่หยวนซีมองไปยังคนเ่าั้ก่อนที่จะเข้าใจในเื่ราวบางอย่าง มาแสดงอำนาจสินะ ได้สิถ้าเื่แสดงอำนาจละก็ข้าถนัดนัก
“เ้าเป็บ้าไปแล้วหรืออย่างไร หรือเ้าคิดจะลอบสังหารท่านหญิงหนิงผิง”
ลู่หยวนซีเลิกคิ้วมองนางเอกของนิยายปั้นเื่ใส่ร้ายตน นางกอดอกยืนมองสตรีเ่าั้เต้นแร้งเต้นกาอยู่ต่อหน้า ราวกับกำลังมองละครลิง
“บังอาจ!! อยู่ต่อหน้าท่านหญิงหนิงผิงแล้วยังไม่คุกเข่าอีก เด็กๆ จับตัวนางเอาไว้”
สาวใช้ร่างใหญ่ที่ติดตามมาทางด้านหลังเดินตรงมาที่ลู่หยวนซีทันที พวกนางคิดว่าสตรีร่างเล็กเช่นนางคงจะจับหักกระดูกได้ง่าย ลู่หยวนซีแม้วรยุทธจะยังอ่อนด้อยแต่เื่จัดการกับคนแค่ไม่กี่คนนั้นไม่คณามือของนางแน่ ทันทีที่มือของสาวใช้ทั้งสองยื่นมาที่นาง ลู่หยวนซีก็กำหมัดต่อยสวนออกไปทันที ด้วยแรงที่นางมีติดตัวมาั้แ่ที่มาที่นี่ทำให้ร่างของสาวใช้ทั้งสองลอยหวือกระเด็นติดกำแพง ทั้งสองกระอักเืออกมาก่อนจะสลบไป ลู่หยวนซีก้มมองกำปั้นของตนก่อนจะเอ่ยขอโทษพวกนางในใจ ไป๋เยว่ซินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง นางเพียงคิดสั่งสอนหญิงสาวนางนี้ให้รู้จักที่ของตนเท่านั้น ไม่คิดว่าเื่ราวจะบานปลายเช่นนี้ หรือว่าตนหาเื่ผิดคนแล้วหรือไม่นะ
“จะ...เ้า!! กล้าทำร้ายคนของข้าหรือ ข้าจะฟ้ององค์รัชทายาท”
ลู่หยวนซีกลับมายืนพิงกรอบประตูเช่นเดิม ใบหน้าที่เรียบเฉยของนางไม่ยินดียินร้ายต่อการแสดงออกทั้งหมด นางยกมือขึ้นปิดปากหาวเล็กน้อย ก่อนจะลากเก้าอี้หน้าเรือนมานั่งลง