วันรุ่งขึ้น
กูเฟยเยี่ยนตื่นขึ้นมาั้แ่เช้า นางรอจนเกือบจะถึงเที่ยงก็ยังไม่เห็นจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมา
เซี่ยเสี่ยวหม่านยังคงไม่บอกกล่าวอะไร องครักษ์ลับกับขันทีภายในจวนก็ไม่บอกนางว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยประทับอยู่ที่ใด นางจึงตัดสินใจที่จะไม่รอแล้ว
ทว่าในขณะที่กำลังจะออกจากประตูไปก็ปะทะเข้ากับจวินจิ่วเฉินที่เข้ามาจากด้านนอก
“เตี้ยนเซี่ย…”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ สมองของนางควบคุมเอาไว้ไม่อยู่เพราะจู่ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์น่าเขินอายของคนสองคน หญิงสาวลืมแม้กระทั่งว่าตนเองเฝ้ารอเขามาหลายวันแล้ว จิตใต้สำนึกของนางสั่งการให้หันหลังไปซ่อนตัว
ทว่าจวินจิ่วเฉินมองเห็นนางตั้งนานแล้ว
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “แพทย์หญิงกู เ้าหลบซ่อนทำไม? ”
กูเฟยเยี่ยนหยุดชะงักพลางฝืนหันกลับมา ทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของจวินจิ่วเฉิน ใบหน้าของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
จวินจิ่วเฉินพักอาศัยอยู่ที่วัดต้าฉือสองวัน จิตใจของเขาสงบลงแล้ว เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตกอยู่ในแผนการของเขา แม้ว่าจะเกิดความผิดพลาดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กระทบกับสถานการณ์โดยรวม เพียงแต่ว่าเมื่อเขาเห็นใบหน้าแดงก่ำของกูเฟยเยี่ยน เขาก็ทำตัวไม่ถูก โชคดีที่กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สังเกตเห็น จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยถามออกมา “จะไปที่ใด? ”
กูเฟยเยี่ยนจึงได้สติกลับคืนมา ก่อนจะรีบร้อนโน้มกายแสดงความเคารพ “น้อมคารวะเตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้กำลังจะไปที่ศาลต้าหลี่เพคะ”
นางหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ช้าก็เอ่ยอธิบายต่อ “เตี้ยนเซี่ยเคยกล่าวเอาไว้ในตอนที่อยู่ศาลพิจารณาคดีว่า จะให้นู๋ปี้คอยช่วยเหลือศาสตราจารย์แพทย์ นู๋ปี้เห็นว่าศาสตราจารย์แพทย์กับใต้เท้ากงไม่มีความคืบหน้ามากนักจึงอยากจะไปดูเสียหน่อย”
การหาเื่พูดคุย คุยเื่งาน มันคงไม่น่าอึดอัดหรอกใช่หรือไม่?
เพียงแต่ว่าในขณะที่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยออกมา นางก็มีความฟุ้งซ่านอีกครั้ง นางนึกถึงประกาศของตระกูลฉีกับตระกูลเฉิง หญิงสาวคิดว่าในเมื่อเตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมาแล้ว คงจะรับรู้เื่นั้นแล้วใช่หรือไม่? หรือว่าเขาตั้งใจกลับมาออกใบประกาศโดยเฉพาะ?
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนทำเพียงคาดการณ์อย่างลับๆ ต่อให้ตีนางให้ตายนางก็ไม่กล้าที่จะถามเื่นี้ต่อหน้าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
“ไม่จำเป็ต้องไปแล้ว”
จวินจิ่วเฉินนำมือไพล่ไปด้านหลังพลางหันไปมองทางอื่น เขารวบรัดอธิบายให้กูเฟยเยี่ยนฟังเื่ราวที่ศาสตราจารย์แพทย์กับใต้เท้ากงคาดการณ์เอาไว้ ซึ่งรวมไปถึงเบาะแสเล็กน้อยที่ได้รับมา
บัดนี้ใต้เท้ากงกับศาสตราจารย์แพทย์มั่นใจแล้วว่าลิ่วตันซางลู่อาจจะมีแหล่งที่มาสองแบบ แบบที่หนึ่งคือเป็สมุนไพรที่มาจากรางวัลของหุบเขาเสินหนง แบบที่สองคือเป็ของจิ้งจอกเฒ่าเอง
หลายวันมานี้กูเฟยเยี่ยนไม่มีงานให้ทำจึงไปทำความเข้าใจสถานการณ์ของโลกทักษะยาสมุนไพรในดินแดนเสวียนคง นางทำความเข้าใจแหล่งที่มาของสมุนไพร ช่องทางการซื้อขายสมุนไพร และผู้ที่มีความเก่งกาจในโลกของทักษะยาสมุนไพร ซึ่งแน่นอนว่านางรู้จักหุบเขาเสินหนงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
เมื่อจวินจิ่วเฉินกล่าวจบ ดวงตาของกูเฟยเยี่ยนก็เต็มไปด้วยความสงสัย
แม้ว่าในครั้งนี้จะจับตัวอู๋กงกงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีความเชื่อมโยงไปถึงจดหมายลับในใบสั่งยาของอู๋กงกง แม้แต่เฉิงอี้เฟยก็ไม่เข้าใจวิธีการพูดคุยของอู๋กงกงกับจิ้งจอกเฒ่า มีเพียงแค่นางกับนายก้อนน้ำแข็งเหม็นที่เข้าใจดี
บัดนี้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับฝ่ายของใต้เท้ากงเพียงแค่สงสัยว่าจิ้งจอกเฒ่าอาจจะเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทักษะยาสมุนไพร แต่นางกลับมั่นใจเต็มร้อยว่าจิ้งจอกเฒ่าคือผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านทักษะยาสมุนไพรจริงๆ อีกทั้งยังเป็ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงอีกด้วย
ซึ่งกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ค่อยสงสัยหุบเขาเสินหนง นางคิดว่าลิ่วตันซางลู่เป็ของของจิ้งจอกเฒ่าเอง
ลิ่วตันซางลู่เป็สมุนไพรพิเศษ โดยปกติแล้วที่ดินหนึ่งผืนจะมีลิ่วตันซางลู่เพียงแค่หนึ่งต้นเท่านั้น น้อยมากที่จะปรากฏสองต้นใน่เวลาเดียวกัน สามต้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย แต่ลิ่วตันซางลู่สามต้นของจิ้งจอกเฒ่ามีอายุที่เท่ากัน ลองคิดดูว่าใครกันที่จะสามารถเก็บลิ่วตันซางลู่ที่มี่อายุเดียวกันแต่คนละสถานที่ได้ ต้องมีความบังเอิญมากแค่เพียงใดกัน?
ดังนั้นก่อนที่กูเฟยเยี่ยนจะให้หวางเป่าติงทำการตรวจสอบ ตัวนางเองก็มีการวิเคราะห์เบื้องต้นบ้างแล้ว นางคาดเดาว่าลิ่วตันซางลู่สามต้นนี้ จะต้องเป็สมุนไพรที่จิ้งจอกเฒ่าปลูกขึ้นมาเอง!
เมื่อเอ่ยถึงเื่สำคัญ กูเฟยเยี่ยนก็เกิดความจริงจัง นางตั้งใจครุ่นคิดโดยลืมเลือนเื่ราวน่าอึดอัดและน่าละอายไปโดยปริยาย
นางลืมตาขึ้นมามองจวินจิ่วเฉิน แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะมองไปทางอื่นตลอด แต่นางก็ยังมองไปที่เขา “เตี้ยนเซี่ย การคาดเดาของศาสตราจารย์แพทย์มีความสมเหตุสมผล เพียงแต่ว่าสมุนไพรสามต้นที่เป็ของกลางของคนร้ายยังไม่ได้ตรวจสอบโดยละเอียด นู๋ปี้ไม่กล้าให้ข้อสรุปออกมา หากว่าพระองค์สะดวก นู๋ปี้จะขอของกลางสามต้นนั้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดหนึ่งวันได้หรือไม่เพคะ?
จวินจิ่วเฉินหันหน้ากลับมามอง ในวินาทีนั้นเขาเขาถึงได้ทราบว่ากูเฟยเยี่ยนมองเขามาโดยตลอด ดูเหมือนว่าเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปรากฏถึงอารมณ์มากนัก ในที่สุดชายหนุ่มก็สบตากับนาง ั์ตาคู่นั้นกลับมาเ็าดั่งในอดีต ไม่เหลือร่องรอยไว้ให้เห็น
“อืม อีกสักครู่จะให้เซี่ยเสี่ยวหม่านนำไปมอบให้”
กูเฟยเยี่ยนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เตี้ยนเซี่ย นำห่อผงยาของอู๋กงกงส่งมาพร้อมกันได้หรือไม่เพคะ? ”
จวินจิ่วเฉินไม่เข้าใจ “ใช้ทำอะไร? ”
กูเฟยเยี่ยนพูดด้วยความตั้งใจ “ของกลางสามต้นยังสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ลิ่วตันซางลู่ในผงยาจะต้องมาจากลิ่วตันซางลู่อีกต้นหนึ่งแน่ ดังนั้นในมือของคนร้ายตัวจริงจะต้องมีอย่างน้อยสี่ต้น! นู๋ปี้อยากจะทดลองสักครั้ง หากสามารถตรวจสอบพบเจอ่อายุของลิ่วตันซางลู่ บางทีอาจจะมีเบาะแสเพิ่ม”
แววตาของจวินจิ่วเฉินเต็มไปด้วยความชื่นชม เขาพยักหน้าขึ้นลง “ได้ ส่งไปพร้อมกันเลย”
เมื่อคุยงานเรียบร้อยแล้ว เื่พูดคุยก็จบลง
แน่นอนว่ากูเฟยเยี่ยนอยากจะรีบหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้แล้ว แต่ในขณะที่นางกำลังจะบอกลา จวินจิ่วเฉินก็หันไปมองบนกำแพงระยะไกลด้านข้าง “ใคร? ”
“ใคร? ”
มีคนหรือ?
กูเฟยเยี่ยนหันไปมองแต่ก็ไม่เห็นเงาใดๆ นางเห็นเพียงแค่กำแพงว่างเปล่าและความเงียบสงัด
แต่ในขณะเดียวกันองครักษ์ลับก็ได้ทะยานออกมาจากทั่วสารทิศ ทุกคนล้วนวิ่งไปตามแนวกำแพงโดยไม่มีผู้ใดหยุดตัวลง
“หมางจ้ง ดูแลนางให้ดี! ”
จวินจิ่วเฉินะโด้วยน้ำเสียงเ็าแล้วตัดสินใจไปไล่ตามด้วยตนเอง ความเร็วของเขาเร็วมากจนทำให้กูเฟยเยี่ยนเห็นไม่ชัด เพียงแต่แม้ว่าความเร็วนี้จะเร็วมากทว่าก็ไม่เร็วเท่าตอนที่เขาปลอมแปลงเป็ชายที่สวมหน้ากาก
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินออกไป หมางจ้งก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายของกูเฟยเยี่ยนทันที เขาเอ่ยด้วยความจริงจัง “แพทย์หญิงกู นักฆ่าผู้นี้ไม่ธรรมดา เชิญกลับไปที่ิเย่วจวี ่เวลาสองสามวันนี้ข้าพเ้าจะปกป้องท่านเอง”
กูเฟยเยี่ยนที่ฉลาดเป็กรดเข้าใจความหมายของหมางจ้งในทันที “เ้าสงสัยว่านักฆ่าผู้นั้นจะเป็คนของจิ้งจอกเฒ่าและพุ่งตรงมาที่ข้า? ”
หมางจ้งตอบไปตามความจริง “ข้าพเ้าคิดว่าเตี้ยนเซี่ยคงจะหมายความว่าอย่างนี้”
“น่ารังเกียจที่สุด! กล้าทำไม่กล้ารับ แล้วยังกลัวคนสืบหาอีก? ตัวข้าผู้นี้จะจับหางเ้าให้ได้! จะได้ชำระความแค้นเก่าและใหม่ไปพร้อมกัน! ”
คำพูดเหล่านี้กูเฟยเยี่ยนแอบพูดอยู่ในใจ เมื่อนางมาถึงิเย่วจวีก็ได้รับลิ่วตันซางลู่สามต้นกับผงยา จากนั้นจึงปิดหน้าต่างแล้วนำของทั้งหมดใส่ลงไปในหวางเป่าติง
หวางเป่าติงดูเหมือนจะเล็กและมีช่องว่างจำกัด แต่เมื่อใส่ของลงไปแล้วมันก็จะหายเข้าไปในช่องว่างที่เก็บของทันที
ลิ่วตันซางลู่ไม่ใช่สมุนไพรที่พบได้ทั่วไป เมื่อ้าตรวจสอบเชิงลึกจะต้องใช้พลังและเวลาจำนวนมาก ทางด้านของห่อผงยา กูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแต่จะตรวจสอบลิ่วตันซางลู่แล้ว แต่นางจะตรวจสอบสมุนไพรตัวอื่นไปด้วยเลย นี่เรียกได้ว่าเป็งานที่เหน็ดเหนื่อยมากทีเดียว
กูเฟยเยี่ยนใส่สมุนไพรลงไปแล้วนั่งรวบรวมสมาธิใช้งานหวางเป่าติง
ไม่อาจทราบได้ว่าสถานการณ์ทางฝั่งของจวินจิ่วเฉินเป็อย่างไรบ้าง เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยามหวางเป่าติงก็ให้ข้อสรุปออกมา ข้อสรุปนั้นเรียกได้ว่าเป็ที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง…