เล่มเกมก็ไม่ได้ดั่งใจ ยังได้ความโกรธกลับมาเต็มท้องอีก
เยว่เฟิงเกอปิดเกมแล้วโยนโทรศัพท์ออกไปอีกข้างทันที
“คนบ้าอาการหนักสองคน” เยว่เฟิงเกอดึงผ้าห่มมาคลุม ขณะที่ปากยังคงอดพึมพำไม่ได้
ในตอนนี้เองประตูถูกเปิดออก “แอ๊ด” เป็ช่องเล็กๆ
จิ๋วปิ่งเดินอาดๆ เข้ามาอย่างสบายอารมณ์ เมื่อะโขึ้นไปบนเตียงแล้วก็มุดเข้าไปในผ้าห่มของเยว่เฟิงเกอทันที
เขาป้วนเปี้ยนปีนขึ้นไปซุกไซ้บริเวณอกของเยว่เฟิงเกอ “พระชายา วันนี้ท่านเก้าไปทำเื่ใหญ่มา ท่านอยากฟังหรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอยังโกรธสองพี่น้องในเกมอยู่ พอได้ยินจิ๋วปิ่งพูดเช่นนี้ นางก็ตอบกลับไปด้วยความโมโห “ไม่อยากฟัง”
คิดไม่ถึงเยว่เฟิงเกอจะปฏิเสธเขา เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ใช้ศีรษะถูไถกับเยว่เฟิงเกออีกครั้ง “พระชายา ลองฟังดูหน่อยเถอะ หากท่านไม่ฟัง ท่านเก้าคงอัดอั้นจนช้ำในเป็แน่”
เยว่เฟิงเกอหลับตาลง เลือกที่จะไม่สนใจแมวตัวนี้
จิ๋วปิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่กล่าววาจา เขาก็เริ่มพูดเองเออเอง “ท่านไม่เอ่ยค้าน ท่านเก้าก็จะถือเสียว่าท่านอยากฟัง ที่จริงแล้วเื่ที่ท่านเก้าอยากเล่าก็คือ วันนี้ท่านเก้าจัดการเสี่ยวฮัวเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า...”
จิ๋วปิ่งหัวเราะอย่างได้ใจ เสียงหัวเราะของเขายิ่งทำให้เยว่เฟิงเกอไม่พอใจ นางโยนจิ๋วปิ่งลงไปจากเตียง และพันผ้าห่มบนตัวให้แ่า เพื่อที่จิ๋วปิ่งจะได้มุดเข้ามาไม่ได้
ในตอนนี้เองจิ๋วปิ่งถึงเพิ่งจะรู้สึกว่าเยว่เฟิงเกอกำลังโกรธ เขาะโขึ้นเตียงอีกครั้ง พาดตัวข้างๆ ศีรษะเยว่เฟิงเกอ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พระชายา เหมือนว่าท่านจะกำลังโกรธนะ? บอกท่านเก้าได้หรือไม่ว่าเป็เื่อะไร ท่านเก้าจะช่วยท่านวิเคราะห์”
จิ๋วปิ่งคิดว่าเป็ไปได้มากที่พระชายาจะถูกท่านอ๋องรังแกถึงได้กรุ่นโกรธเช่นนี้
เยว่เฟิงเกอหรี่ตามองจิ๋วปิ่งพลางคิดในใจว่า แมวตัวหนึ่งจะคิดวิเคราะห์อะไรออกมาได้
นางไม่อยากสนใจจิ๋วปิ่ง แต่ก็ไม่อาจทานทนได้ เพราะเขาเอาแต่พูดจ้ออยู่ข้างหูนางไม่หยุด
นางรำคาญยิ่งนัก สุดท้ายจึงเล่าให้ฟังว่านางบังเอิญได้เจอสองพี่น้องสติไม่ดีคู่หนึ่งในเกม ทั้งยังเล่าให้ฟังว่าคนพวกนั้นด่าว่านางเป็สตรีแล้งน้ำใจอย่างไร
จิ๋วปิ่งยืดหูยาวรอฟัง หูน้อยๆ ของเขาสะบัดไปมาเป็ครั้งคราว
เมื่อฟังเยว่เฟิงเกอเล่าจนจบ จิ๋วปิ่งจึงเริ่มเสนอความคิดเห็นของตน
“พระชายา จากที่ท่านว่ามาเมื่อครู่ ท่านเก้าคิดว่าพวกเขาน่าจะไม่ใช่แค่คนในเกม คล้ายว่าจะเป็คนที่มีชีวิตอยู่จริงๆ มากกว่า”
แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอเองก็คิดเช่นเดียวกับจิ๋วปิ่ง
จิ๋วปิ่งยังคงกล่าวต่อไป “พระชายา ท่านลองใคร่ครวญให้ดีเถิด ท่านรู้จักสองคนนั้นจริงๆ หรือไม่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะรู้นามที่แท้จริงของท่านได้อย่างไร? ” พูดจบ เขาก็ใช้ดวงตากลมโตจ้องมองเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก ไม่ว่าจะท่าทางหรือสีหน้าของพวกเขาก็ล้วนสมจริงเกินไป ครั้นเอ่ยวาจาก็หาได้พิมพ์โต้ตอบเป็ตัวอักษรเช่นที่นางทำ แต่กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงจริงๆ
เพียงแต่นางพบหนึ่งจุดที่ไม่ปกติ นั่นก็คือเหมือนว่าสองพี่น้องในเกมเมื่อครู่จะไม่ค่อยเหมือนตัวละครในเกม ดูอย่างไรก็เหมือนคนจริงๆ
เนื่องจากเมื่อครู่ที่เยว่เฟิงเกอเข้าไปในเกม นางได้เห็นผู้เล่นคนอื่น จึงดีใจมากจนลืมคิดเื่นี้ไป ก่อนที่ตอนหลังจะถูกสองพี่น้องคู่นั้นกล่าวหาว่าเป็คนแล้งน้ำใจ กระนั้นนางก็ไม่มีเวลามาขบคิดถึงความผิดปกติเหล่านี้ให้ดี
แต่ยามนี้เมื่อได้กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง จะอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ปกติ
จิ๋วปิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกอขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนค้นพบอะไรบางอย่าง เขาก็ร้องเมี๊ยว “พระชายา ท่านนึกอะไรออกแล้วใช่หรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอพยักหน้า “ข้าเพิ่งพบว่าสองพี่น้องในเกมเมื่อครู่นี้เหมือนจะเป็คนจริงๆ ไม่ใช่ตัวละครในเกม”
เยว่เฟิงเกอพูดเช่นนี้ จิ๋วปิ่งก็ร้องเมี๊ยวออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว เมื่อครู่ท่านบอกว่าพวกเขาถูกขังไว้ด้านใน เช่นนั้นพวกเขาก็น่าจะเป็คนจริงๆ แต่บังเอิญไปััโดนกลไกอะไรบางอย่างเข้าถึงได้ถูกขังไว้ในเกม ออกมาไม่ได้”
เมื่อได้ยินจิ๋วปิ่งกล่าวเช่นนี้ เยว่เฟิงเกอก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าประหลาดนัก ถึงแม้นางจะไม่เชื่อเื่งมงาย แต่ในเมื่อตัวนางยังสามารถย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่พร้อมโทรศัพท์ได้ แล้วเหตุใดผู้อื่นถึงจะเข้าไปในเกมไม่ได้เล่า
“พวกเขาบอกว่ารู้จักข้า แต่ข้ากลับไม่รู้จักพวกเขาแม้แต่น้อย”
หากว่าสองพี่น้องคู่นั้นเป็คนจริงๆ เช่นนั้นเพียงนางได้เห็นหน้าพวกเขาก็น่าจะจดจำได้
ทว่า นางคิดจนสมองจะะเิก็ยังคิดไม่ออกว่าเคยพบคนทั้งสองที่ใด
จิ๋วปิ่งเอียงคอ คิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวขึ้นว่า “พระชายาลองคิดดูอีกสักคราเถิดว่าตัวท่านได้พลาดจุดใดไปหรือไม่? หรือว่าพวกเขาจะจำคนผิดไปจริงๆ ? ”
เยว่เฟิงเกอได้ยินจิ๋วปิ่งเอ่ยเตือนก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ นางลุกขึ้นนั่ง
ใช่แล้ว บางทีสองคนนั้นอาจจะจำคนผิดก็ได้
ถึงแม้เมื่อครู่นางจะเข้าไปในเกม แต่หน้าตาตัวละครในเกมของนาง ก็สร้างขึ้นมาตามจินตนาการของนางเอง
เพียงแต่ ใบหน้าในเกมเหมือนตัวนางในตอนนี้อย่างกับแกะ
นี่ดูคล้ายจะเป็เื่บังเอิญที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ทำให้ตอนที่นางเข้าร่วมเกมนี้ได้สร้างตัวละครที่หน้าตาเหมือนตัวนางที่ย้อนเวลากลับมาอย่างกับเป็คนคนเดียวกัน
มิหนำซ้ำสองครั้งหลังที่นางเล่นเกมอยู่ก็มักจะรู้สึกเหมือนตนได้เข้าไปอยู่ในเกมเสียเองอย่างไรอย่างนั้น
จิ๋วปิ่งเห็นเยว่เฟิงเกอลุกพรวดขึ้น เขาที่กำลังจะพูดอะไรก็ถูกเยว่เฟิงเกอรวบไปกอดไว้ในอ้อมแขน
ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดสองพี่น้องคู่นั้นถึงได้รู้ชื่อนาง ที่แท้คนที่พวกเขาพูดถึงไม่ใช่นาง แต่เป็เ้าของร่างเดิม
ทว่า ความทรงจำเกี่ยวกับสองคนนี้ที่อยู่ในสมองของเ้าของร่างเดิมเหมือนจะถูกลบไป นางถึงได้ไม่รู้สึกคุ้นเคยแม้แต่น้อย
เยว่เฟิงเกอกอดจิ๋วปิ่งไว้ หอมแล้วหอมอีก ทำเอาจิ๋วปิ่งทรมานจนร้องออกมา
เขายกขาคู่หน้าขึ้นมาดันหน้าเยว่เฟิงเกอไว้ “พระชายาได้โปรดอดทนอดกลั้นด้วย ถึงแม้ท่านจะงดงามมาก แต่ท่านเก้าเป็คนของเสี่ยวฮัวแล้ว ท่านเก้าให้เสี่ยวฮัวหอมได้คนเดียว”
ตอนนี้ความขุ่นข้องหมองใจของเยว่เฟิงเกอนับว่าได้คลี่คลายแล้ว นางกอดจิ๋วปิ่งไว้ด้วยความตื่นเต้น เป็นานถึงได้ปล่อยเขา
ในที่สุดจิ๋วปิ่งก็ได้รับอิสระคืนมา เขาะโลงจากเตียง รักษาระยะห่างกับเยว่เฟิงเกอ เพื่อที่นางจะได้ไม่จับเขากลับไปกอดหอมอีก
“จิ๋วปิ่ง เ้าช่างเป็แมวที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก” เยว่เฟิงเกอชื่นชมจิ๋วปิ่ง หากไม่ใช่เพราะเขามาช่วยนางวิเคราะห์ เกรงว่าจนป่านนี้นางก็คงยังคิดไม่ตกว่านี่มันเื่อะไรกันแน่
จิ๋วปิ่งชูหางขึ้น ท่าทางยโสโอหังยิ่ง “แน่นอนอยู่แล้ว นี่ท่านเก้านะ ท่านเก้าคือใคร ท่านเก้าเป็แมวที่ฉลาดที่สุดในใต้หล้า”
“ใช่ๆๆ เ้าฉลาดที่สุด เ้าฉลาดที่สุด” ตอนนี้เยว่เฟิงเกออารมณ์ดีมาก ความขุ่นมัวในใจเรียกได้ว่าสลายหายไปสิ้นแล้ว
ตอนนี้จิ๋วปิ่งเห็นว่าในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็อารมณ์ดีแล้ว จึงไม่คิดรั้งอยู่นาน เขาชูหางขึ้นแล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ “อย่าหลงใหลพี่ พี่เป็แค่ตำนาน ลาก่อน จะไปจุ๊บเสี่ยวฮัวของข้า”
ทันทีที่จิ๋วปิ่งจากไปแล้ว เยว่เฟิงเกอก็หยิบโทรศัพท์มาแล้วเข้าไปใน ‘เมืองหิมะลุ่มหลง’ อีกครั้ง
นางจะเข้าไปหาสองพี่น้องคู่นั้นด้วยอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเ้าของร่างเดิมและพวกเขากันแน่