หลังจากลิ่วซีเข้าไปในจวนตระกูลเฟิง พ่อบ้านชราก็มองนางั้แ่หัวจรดเท้าอยู่นาน ในที่สุดก็พยักหน้าให้เถ้าแก่เนี้ยอย่างพอใจ
“สาวใช้คนนี้ไม่เลว ทั้งผอมทั้งแบน ผิวเหลือง คุณชายต้องไม่สนใจอย่างแน่นอน เอานางไปจัดห้องของคุณชาย” เถ้าแก่เนี้ยตอบรับทันที
“เ้าค่ะๆๆ ” จากนั้นก็หยิบเงินสองตำลึงออกไปอย่างมีความสุข
ระหว่างทางเดิน พ่อบ้านได้บอกเื่ที่นางต้องระมัดระวัง
“ทำงานในจวน โดยเฉพาะกับคุณชาย เ้าต้องพูดความจริง สิ่งที่ไม่ควรฟังก็ฟัง ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม จำได้หรือไม่?”
พ่อบ้านท่าทางเคร่งขรึม เคร่งขรึมกว่าพ่อบ้านสวีตระกูลเจินเสียอีก เวลาพูดไม่มีความรู้สึกใดๆ
“จำได้เ้าค่ะ”
“เ้าชื่ออะไร?”
“หลิวเยว่เ้าค่ะ” นางบอกชื่อในยุคปัจจุบันของตนออกไป นับจากนี้ นางอยู่ในราชวงศ์ทง อยู่ในเมืองเทียนเฉิง นางจะเป็แค่หลิวเยว่
“เ้าถนัดทำอะไรที่สุด?”
คำถามนี้ทำให้หลิวเยว่ชะงัก ในชาตินี้ นางถูกเอาอกเอาใจมาั้แ่เล็ก มีสาวใช้ปรนนิบัติตลอดเวลา และชีวิตในปัจจุบัน นางทำเพียงงานบ้านง่ายๆ งานฝีมือที่นางใช้ทำมาหากิน ในยุคนี้ แม้แต่ช่างซ่อมรองเท้าข้างถนนยังเทียบไม่ติด
สถานการณ์ตอนนี้ นางจึงทำได้แค่พูดว่า
“ทำอาหาร ซักผ้า...”
นางยังพูดไม่ทันจบ พ่อบ้านก็เอ่ยขัดจังหวะนาง
“ต่อไปต้องหมั่นเรียนรู้ให้หนัก แค่จำสิ่งที่เ้าพูดเมื่อครู่นี้ไว้ สิ่งที่ไม่ควรคิดก็อย่าคิด”
“เ้าค่ะ”
นางเดินตามพ่อบ้านไปจนถึงหลังเรือนของคุณชายจวนตระกูลเฟิง ยังไม่ทันเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมา
พ่อบ้านขมวดคิ้วมุ่น
“คนชั้นต่ำที่ใดมาเอะอะโวยวายที่นี่อีกแล้ว”
ทันทีที่ประตูถูกผลักออกมา ก็พบว่ามีหญิงสาวสองคนกำลังทะเลาะกัน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ราวกับเพิ่งผ่านการทะเลาะวิวาทมา เวลานี้พวกนางกำลังร้องห่มร้องไห้ ตรงหน้าของพวกนางคือบุรุษคนหนึ่ง คล้ายกับว่าเขาไม่สะทกสะท้านกับการทะเลาะวิวาทของหญิงสาวสองคนนี้เลย นั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะหินอย่างสบายอกสบายใจ
เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาว รอบเอวนั้นประดับด้วยหยกเปล่งประกายระยิบระยับหนึ่งก้อน รูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสบายๆ แต่สง่างาม
หญิงสาวทั้งสองคนทะเลาะกันและร้องไห้ต่อหน้าเขา แต่เขากลับทำเหมือนไม่ใช่เื่ของตน ราวกับว่าในโลกนี้ มีเขาเพียงคนเดียวและกำลังจิบชาอย่างสบายใจ
เมื่อหญิงสาวทั้งสองเห็นว่าเขาไม่สะทกสะท้านกับการกระทำทั้งหมดนี้ และไม่มีเจตนาจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พวกนางถึงได้หยุดร้องไห้ น้ำตายังคลอหน่วย พวกนางมองเขาด้วยสายตาเศร้าโศก แล้วร้องะโออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“คุณชาย...”
น้ำเสียงนี้ ทำให้จิตใจของคนคันยิบได้ แม้แต่หลิวเยว่ที่เคยเห็นสถานเริงรมย์ในยุคปัจจุบันมาจนชินชา ยังอดรู้สึกใจเต้นไม่ได้ ขนทั่วร่างพร้อมใจกันลุกชันขึ้นมา
และในที่สุดคุณชายเฟิงก็ลุกขึ้น บีบหน้าเล็กๆ ของหนึ่งในสองหญิงสาวนั้น ยื่นปลายนิ้วัักับน้ำตาบนใบหน้าของแม่นางคนนั้น การเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนราวกับน้ำผึ้ง ใบหน้าของหญิงสาวจึงยิ่งแดงะเรื่อ มองเขาด้วยสายตาเสน่หา ส่วนหญิงสาวอีกคนก็ตะลึงงันมองไปยังเขา
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเขา้าจะทำอะไรบางอย่างที่ดูชิดเชื้อสนิทสนมกับแม่นางคนนั้น อยู่ๆ เขาก็ปล่อยมือ แล้วเอ่ยข้างหูแม่นางคนนั้น เสียงนั้นเบามาก เบาเสียยิ่งกว่าเบา แต่รับประกันว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นได้ยินอย่างชัดเจน
“สภาพแบบนี้ ยังคิดว่าจะได้ปีนขึ้นเตียงข้าเป็ครั้งที่สองหรือ?”
“เ้าเองก็ไสหัวไปด้วย”
เขาชี้ไปที่หญิงสาวอีกคนด้วยมือข้างเดียว
ทันใดนั้น ใบหน้าของหญิงสาวทั้งสองก็มองเขาด้วยความเหลือเชื่อ
เขาทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ตบแขนเสื้อแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
สารเลวจริงๆ เลวเหมือนกับที่โจวเฉิงิทำกับผู้หญิงไม่มีผิด
เื่ที่เถ้าแก่เนี้ยพูดมาตอนนี้คือเื่จริง นางมาที่ตระกูลเฟิง นางได้เจอคุณชายเฟิงครั้งเดียวคือวันแรกที่นางเข้ามา หลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาอีก เพราะเขายุ่งมาก ในฐานะชายหนุ่มสารเลว นอกจากเด็ดดอมบุปผาทั้งวัน เห็นใครก็รักคนนั้น เดี๋ยวรักเดี๋ยวทิ้งแล้ว เขายังเป็คนที่ร่ำรวยที่สุดในราชสำนักและมีกิจการมากมาย
งานหลักๆ ของหลิวเยว่ในเรือนของคุณชายเฟิง คือการกวาดลานบ้าน การทำความสะอาดโต๊ะ หรืองานอื่นๆ ที่ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ผ่านไปสองสามวัน นางก็ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากพ่อบ้านชรา
เหตุผลสำคัญเป็เพราะนางมีหน้าตา ‘อัปลักษณ์’ และเคารพกฎของตระกูลมากที่สุด หลายวันมานี้ นางไม่ได้สอบถามข่าวของคุณชายเฟิงเลย ไม่เหมือนสาวใช้คนอื่นๆ ที่คอยรอคุณชายเฟิงอยู่หน้าประตูทุกวัน นางเหมือนวัวแก่ที่ทำงานอย่างหนัก โดยไม่บ่นสักคำ
เหตุผลที่สอง พ่อบ้านพบว่านางรู้หนังสือ เอกสารของคุณชายเฟิงเป็หน้าที่รับผิดชอบของพ่อบ้านชราที่ต้องจัดเรียง และหลิวเยว่ก็ได้ช่วยเหลือพ่อบ้านชราทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ บางครั้งเขาก็วางผิด หรือบางครั้งตอนที่เขาไม่มีเวลาจัดการกับพวกมัน หลิวเยว่มักจะแอบช่วยเขาจัดการ
เมื่อหลายครั้งเข้า พ่อบ้านจึงรู้ว่านางรู้หนังสือ มีความรู้
เขาจึงตัดสินใจทันทีว่าต่อจากนี้จะให้นางเป็สาวใช้ข้างกายของคุณชายเฟิง
นับจากนั้นมาหลิวเยว่จึงก้าวะโจากสาวใช้ที่กวาดแต่พื้นและทำงานหนักๆ ไปเป็สาวใช้ส่วนตัวของคุณชายเฟิง และหน้าที่ก็สบายขึ้น
หลิวเยว่ได้พบคุณชายเฟิงเป็ครั้งที่สอง เป็คืนที่มืดมิดและมีลมแรงมาหนึ่งเดือนเต็ม ไม่ผิด ในคืนที่มองไม่เห็นแม้แต่ปลายนิ้วตัวเอง นางกำลังทำความสะอาดห้องน้ำของคุณชายเฟิง แม้จะบอกว่าเขาไม่ได้กลับมาหลายวัน แต่นางก็มาทำความสะอาดและจัดระเบียบห้องนอนของเขาทุกคืน ปูเตียงให้อย่างดี เผื่อว่าเขาจะกลับมา
และในคืนนี้ นางเพิ่งจะจัดที่นอนเสร็จ ลมจากนอกหน้าต่างพัดเข้ามาทำให้เทียนในห้องดับลง และในห้องพลันมืดลง นางกลัวว่าลมจะพัดข้าวของบนโต๊ะตก จึงรีบวิ่งไปปิดหน้าต่าง
เมื่อปิดหน้าต่างแล้ว อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก และตามมาด้วยเงาร่างของคนสองคนกำลังกอดกันพัลวันเดินเข้ามา
แต่ใครจะรู้ พอนางก้าวเท้าออกจากธรณีประตูไปได้ข้างเดียว เสียงแกรกก็ดังขึ้นตามหลัง และห้องพลันสว่างขึ้น
“ใคร?”
ชายบนเตียงร้องคำราม และสตรีนางนั้นก็ร้องออกมาด้วยความใ มองหลิวเยว่ที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปจากห้องด้วยความหวาดกลัว
หลิวเยว่หยุดชะงักอย่างลังเล และมองกลับไปหาคนทั้งสองที่อยู่บนเตียงอย่างจนปัญญา
เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว หลิวเยว่ดูสงบกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าแค่มาปิดหน้าต่าง ตอนพวกท่านเข้ามาไม่เห็นข้า ข้ากำลังจะไปแล้ว พวกท่านเชิญต่อกันตามสบายเลย”
สตรีคนนั้นเขินอายอย่างหนัก ห่อตัวเองไว้ในผ้าห่ม
“หยุด”
คุณชายเฟิงสวมชุดคลุม ก้าวไปทางหลิวเยว่อย่างรวดเร็ว แล้วจับนางเอาไว้ก่อนถามด้วยความโกรธ
“เ้าเป็ใคร?”
เพราะเป็ตอนกลางคืน ดังนั้นหลิวเยว่จึงไม่ได้ปลอมตัว แต่ใบหน้าของนางไร้ซึ่งเครื่องประทินโฉม ผิวพรรณดูนุ่มนวลและเรียบเนียน ผมของนางม้วนขึ้นแบบขอไปที แต่ครั้งนี้มันดูหลวมไปสักหน่อย ทว่าเมื่อมาอยู่ท่ามกลางแสงมืดสลัวในห้อง กลับทำให้นางมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
แต่นางก็จ้องมองส่วนล่างของเขาตาไม่กะพริบ
“บ่าวชื่อหลิวเยว่เป็สาวใช้ส่วนตัวของคุณชายเ้าค่ะ”
คุณชายเฟิงหรี่ตามองหญิงสาวที่สง่างามตรงหน้าคนนี้ และนึกหาว่านางคือใคร ทว่านึกอยู่นานก็ไม่คุ้นเลย แต่จำได้ว่าพ่อบ้านชราบอกเขาไว้ว่าจะส่งสาวใช้ส่วนตัวคนใหม่มาให้เขาหนึ่งคน
มุมปากของเขายกขึ้น ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย
“มองพอหรือยัง?”
หลิวเยว่ได้ยินคำพูดประชดประชันของเขา ถึงได้พบว่าตนเองจ้องมองเขาตลอดเวลา ตรงส่วนที่ขยายใหญ่ออกมานั้น ดูดีกว่าโจวเฉิงิเล็กน้อย และพอจะเทียบกับเทรนเนอร์ฟิตเนสของนางในยุคปัจจุบันได้ นางไม่ได้มีความปรารถนา แค่มองในฐานะที่มันเป็ของสวยๆ งามๆ เท่านั้น
แต่ในสายตาของคุณชายเฟิง มันกลายเป็อีกคำอธิบายหนึ่ง
และพึมพำกับตัวเอง
“สายตาของพ่อบ้านนี่นับวันยิ่งใช้การไม่ได้”
เขาปล่อยหลิวเยว่ไป
“ออกไปเถอะ”
จากนั้นก็ะโไปยังหญิงสาวบนเตียงเช่นกัน
“เ้าก็ออกไปด้วย”
หญิงคนนั้นเดินโซเซผ่านหลิวเยว่และมองนางด้วยความเกลียดชัง
ใบหน้าของหลิวเยว่ยังคงไร้ความรู้สึก ไม่มีความเขินอายหรือรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพยักหน้าให้คุณชายเฟิง จากนั้นก็ก้าวออกไปจากสถานที่ที่ไม่ควรจะอยู่นี่
หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมาแล้ว หลิวเยว่กลับนอนไม่หลับ ดังนั้นนางจึงไปเดินเล่นท่ามกลางแสงจันทร์ ตระกูลเฟิงนี้ใหญ่โตมาก ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน ย่อมมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างเลือนราง แต่จะว่าไป คุณชายเฟิงร่ำรวยเทียบแคว้น แค่คฤหาสน์แบบนี้ดูจะต่ำต้อยกว่าฐานะเกินไปสักหน่อย นางเดินลัดเลาะตามริมสระบัว ขณะนี้ทั่วทั้งตระกูลเฟิงล้วนอยู่ในความเงียบสงบ ไร้ซึ่งความวุ่นวายและเสียงรบกวนเหมือนตอนกลางวัน
หลิวเยว่เลือกนั่งลงที่ศาลาแห่งหนึ่ง ภายใต้ลมพัดยามค่ำคืน มันพาความคิดของนางล่องลอยไปไกลเป็พันลี้ นึกถึงชีวิตในยุคปัจจุบัน ทุกคนล้วนอิสระมีความเท่าเทียมกัน สตรีใช้ความพยายามของตัวเองและมีความเท่าเทียมกับบุรุษ ไม่เหมือนยุคสมัยนี้ที่ชีวิตของสตรีเหมือนลมพเนจรไร้ที่พึ่ง
นางคิดถึงโจวเฉิงิ ตอนนี้เขารู้หรือยังว่านางหายตัวไป? แล้วเขาจะบ้าคลั่งหรือไม่? ถ้ารู้แต่แรกว่านางจะจากเขามาเร็วเช่นนี้คงทำตัวดีกับเขาให้มากกว่านี้ โจวเฉิงิดูเป็คนปากเสีย ชีวิตดูยุ่งวุ่นวาย แต่เขาก็เหมือนนางที่อยู่ตัวคนเดียว ในสายงานของพวกเขา ไม่มีใครไม่อยู่ลำพัง
ถ้าโจวเฉิงิไปลาซ่าเพื่อตามหาไต้ซืออู๋เสวียน เขาจะพบเบาะแสบางอย่างหรือไม่? ไต้ซืออู๋เสวียนและเหย่เลี่ยนั้นคล้ายกันมาก พวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันหรือไม่? และนางกลับมาในชาติก่อนของนาง มีอะไรเกี่ยวข้องกับเหย่เลี่ยหรือไต้ซืออู๋เสวียนหรือไม่?
พอคิดถึงพวกเขา ในหัวก็มีอวิ๋นซู่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันปราฏขึ้นมา เพียงแวบเดียวบนถนนในวันนั้น สายตาลึกลงไปของเขาเต็มไปด้วยความใ ความผิดหวัง และความเกลียดชัง แค่นึกถึงเขา ในใจของนางอยู่ๆ ก็เต้นรัวด้วยความเ็ป นางรู้สึกถึงความหดหู่ของตน อวิ๋นซู่ยังคงมีอิทธิพลที่สามารถทำให้นางทุกข์และสุขได้ ทว่านางไม่ใช่เจินลิ่วซีในอดีต แต่คือหลิวเยว่ที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบ นางรู้ดีว่าชีวิตนี้นางจะไม่ใช้ชีวิตไปรักใครอีก นางจะอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น
อาจเป็เพราะค่ำคืนนั้นงดงามเกินไป หัวใจของนางเลยเปราะบาง นางจมอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้และนั่งอยู่ในศาลาจนกระทั่งดึกดื่นโดยไม่รู้ตัว
แสงจันทร์ส่องกระทบร่างทำให้เงาของนางทอดยาวออกไป และคำว่านางกับเงาของนางก็เหมาะสมกับนางในยามนี้ หลังจากครุ่นคิด หลายสิ่งหลายอย่างยิ่งหยั่งลึกขึ้นและชัดเจนขึ้น นางจึงลุกจากศาลาและเดินไปตามสระบัวเมื่อครู่นี้
นางเจอคุณชายเฟิงที่ยังไม่นอนทั้งที่นางเองก็ไม่อยากเจอ
ภายใต้แสงจันทร์ ร่างกายของเขากลมกลืนไปกับแสงจันทร์
เห็นได้ชัดว่าคุณชายเฟิงคงไม่คิดว่าจะพบใครที่นี่เช่นเดียวกัน เมื่อสายตาปรับสภาพจนชัดก็พบว่านางคือสาวใช้ในห้องนอนเมื่อครู่
คุณชายเฟิงยิ้มด้วยรอยยิ้มดูแคลน เขาเคยเห็นสตรีหลายคนที่ภายนอกแสดงออกชัดเจนว่าชื่นชอบเขา และเห็นหลายคนที่ไม่แสดงออกแต่จะมาไล่จับเขาในภายหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น สตรีคนนี้มองเรือนร่างของเขาอย่างเปิดเผย สตรีให้ท่าเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่คิดจะเป็ฝ่ายเริ่มก่อน แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธ
พอคิดแบบนั้นแล้ว รอยยิ้มของเขาจึงดูลึกซึ้งมากขึ้น
หลิวเยว่คิดจะหลีกเลี่ยง แต่อย่างไรนางก็เป็บ่าว อีกอย่างสะพานหินนี่ก็แคบ นางทำได้เพียงก้มหน้าเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อมตามแบบสาวใช้อยู่ข้างๆ
“คุณชายเฟิง”
คุณชายเฟิงไม่ตอบและไม่เดินหนี แต่กลับเดินเข้ามาใกล้นาง ร่างสูงใหญ่นั้นกักขังนางไว้บนสะพานหิน ทำให้นางไม่กล้าขยับ หากถอยหลังไปสักหน่อยเกรงว่าจะตกสะพาน แต่ถ้าเดินหน้าไปก็เกรงว่าจะไปชนกับหน้าอกของเขา ไม่ว่าตัวเลือกไหนก็ดูจะไม่ฉลาดเอาเสียเลย
คุณชายเฟิงจับคางของนางให้เงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยถามนางอย่างอ่อนโยน
“เ้าชื่ออะไร” ภายใต้แสงจันทร์ที่อบอุ่นนี้ ด้วยรูปลักษณ์และน้ำเสียงของเขาเกรงว่าคงสามารถทำให้หัวใจของหญิงสาวทุกคนสั่นสะท้านได้ แต่น่าเสียดายที่หลิวเยว่ไม่ใช่หญิงสาวเ่าั้
นางไม่มีความเขินอาย แต่สบสายตากับเขาโดยตรง แล้วเอ่ยตอบอย่างเฉยชา
“หลิวเยว่เ้าค่ะ”
คุณชายเฟิงหัวเราะเสียงเบา ดวงตาคู่นั้นแม้ในเวลากลางคืนก็ยังส่องแสงเจิดจ้า เมื่อมองดูท่าทางเฉยชาของหลิวเยว่ เขาก็อยากรู้ว่านางจะอดทนไปได้นานเพียงใด
เขาเข้าไปใกล้อีกนิด ก้มหน้าลงและหายใจรดต้นคอของหลิวเยว่ จนกระทั่งเขาเห็นสายตาที่หรี่ลงของนาง ขนตาหนาทึบราวกับผีเสื้อขยับปีกงอนขึ้น แต่นางยังคงนิ่งสงบ เขาเข้าใกล้นางเช่นนี้ นางไม่แม้แต่จะสั่นไหว
ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาแล้วปล่อยนางไป พลางถอยห่างจากนางหนึ่งก้าว น่าสนใจดี เขาอ่านสตรีมานับไม่ถ้วน สาวใช้หลิวเยว่คนนี้ ฝีมือไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่น่าเบื่อเหมือนสตรีคนอื่นๆ