บทที่ 188 ทางเลือกของคนงาม?
หลังจากประกาศผลการแต่งงานอีกครั้ง ฉู่เจิ้นหนานก็โค้งคำนับ แววตาหรี่ลง
ฉับพลัน เขาหันกลับและเข้าไปในเรือนหลังศาลเ้า ปล่อยให้ฉู่อวิ๋นยืนรอ
โดยธรรมชาติแล้ว การเคลื่อนไหวนี้ย่อมทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลุ่มคนแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม
ทันใดนั้น จัตุรัสก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผู้คนกระซิบกระซาบ เกิดความรื่นเริงขึ้นมาก
“ฮ่าๆ เ้าสำนักหยาง ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าเ้าเด็กหน้าผีคนนี้ต้องสร้างเื่ใหญ่แน่นอน และตอนนี้เขาก็แย่งเ้าสาวได้สำเร็จแล้วด้วย”
บนหลังคา หานซื่อเหนียงยกยิ้มละไม แสดงความชื่นชม
“ผู้นำฉู่คนนั้นรักษาสัญญา เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ” หยางเจิ้งขมวดคิ้ว สำนักเถี่ยเฉวียนของเขาอยู่ใกล้กับเมืองไป๋หยาง เขาได้ยินมานานแล้วว่าฉู่เจิ้นหนานเ้าแผนการไม่น้อย
พฤติกรรมที่ผิดปกติของจิ้งจอกเฒ่า ทำให้บางคนงุนงง
“ไม่ว่าอย่างไร เขาบอกว่าจะจัดพิธีแต่งงานในวันนี้ เื่นี้ย่อมไม่เท็จ” หานซื่อเหนียงไม่ได้ใส่ใจกับเื่นี้
จากนั้น เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่ยืนเงียบๆ จากระยะไกล นางกะพริบตาอีกครั้ง และเปลี่ยนหัวข้อ พูดว่า “แต่รณทระนงคุณลักษณะไฟที่ปล่อยออกมาจากเด็กหน้าผีเมื่อครู่นี้ ข้าออกจะคุ้นเคยอยู่สักหน่อย”
“เ้าก็คิดเหมือนกันหรือ?” ทันใดนั้นหยางเจิ้งก็นึกได้ ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “รัศมียามที่เขาะเิพลังนั้นคล้ายกับพลังไฟที่ผิดปกติในใจกลางป่าสีเืมาก
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะไม่ธรรมดาแล้ว…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหานซื่อเหนียงก็เข้มขึ้น นางเผยรอยยิ้มสื่อความหมายและพูดว่า “หึๆ เ้าสำนักหยาง ท่านยังจำได้ไหม?”
“ยามนั้นที่ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นมาถึง เขาบอกว่าในใจกลางป่าสีเืเคยมีคนปรากฏตัวมาก่อน แถมยังพบรอยกระบี่ปักลึกอยู่ในปากของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิตด้วย...”
เมื่อพูดถึงเื่นี้ หานซื่อเหนียงก็หยุดพูดและมองไปที่หยางเจิ้ง ทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและได้ข้อสรุปมา
ทั้งคู่มองไปที่ชายหนุ่มบนเวทีโดยไม่พูดอะไรอยู่นาน สีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเสียดาย
แน่นอนว่า บางครั้งบางคราว ความโลภความริษยาย่อมกัดกินจิตใจ
“ช่างเป็นกที่ตื่นเช้า[1] ิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน เขาคิดจะได้ก็ได้ไปอย่างง่ายดาย” นี่คือสิ่งที่ทั้งคู่คิดอยู่ในตอนนี้
ในขณะเดียวกัน เสียงพูดคุยในจัตุรัสก็อื้ออึงมาก
“ท่านพ่อ! ทำอะไรไม่ได้จริงๆ หรือเ้าคะ? พี่สาวของเ้านั่นกำลังจะแต่งงานแล้วนะเ้าคะ” มู่หรงซินขมวดคิ้วและเม้มริมฝีปากอย่างกังวลใจ
“ข้าจะไปทำสิ่งใดได้เล่า?!” มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจและปลอบโยน “ลูกสาวคนดีของข้า! เด็กหนุ่มสกุลฉู่คนนั้นตายไปแล้ว! อย่าเก็บความปรารถนาของเขาไว้ในใจอีกเลย”
“บางทีฉู่ซินเหยาอาจจะมีชีวิตที่มีความสุขเพราะสิ่งนี้ก็ได้? ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มู่หรงซินก็กัดฟัน พลันคิดถึงร่างของบุคคลหนึ่งขึ้นในใจ นางน้ำตาไหลทันที รู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง
วันนั้น เพื่อช่วยนาง ฉู่อวิ๋นถึงกับไม่กลัวและเต็มใจที่จะบุกเข้าไปในปากของราชันย์ราชสีห์เขี้ยวโลหิต ทั้งพยายามดิ้นรนเพื่อช่วยนางด้วยกระบี่เล่มนั้น ภาพในวันนั้นคือสิ่งที่นางในชีวิตนี้ไม่อาจลืมเลือน
สักพัก ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน ก็มีเสียงะโดังขึ้น
“เ้าสาวมาแล้ว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงสั้นๆ ดังก้องไปทั่วผู้ฟัง ทำให้ทุกคนตกตะลึง รู้สึกตัวทันที หยุดพูด และจ้องมองไปที่ศาลเ้าด้วยดวงตาที่สดใส
“พี่หญิง!” ฉู่อวิ๋นดีใจมาก หันหลังไปมองทันที
ยามนี้ ท้องฟ้าสีครามไร้เมฆ กว้างใหญ่ไพศาลราวกับแผ่นหยกงามที่ห้อยกลับหัวลงมาจากท้องนภา มันช่างงดงามตระการตายิ่งนัก
“ฟิ้ว—”
สายลมพัดผ่านหมุนวนไปรอบๆ ลานศาลเ้าอันกว้างใหญ่ ให้ความรู้สึกสบายตัวและเย็นสบาย
พร้อมกับสายลมนี้ มองเห็นรูปงดงามอย่างยิ่ง ค่อยๆ ย่างกายมาจากด้านข้างของศาลเ้าพร้อมด้วยกลุ่มสาวใช้ราวดาราล้อมรอบดวงจันทร์ ทุกย่างก้าวเกิดปทุมพริ้วไหวและสง่างาม
นางสวมชุดคลุมผ้าโฉวต้วน[2]สีแดงสดยาวจรดพื้น ดูสง่างาม สูงส่ง เปล่งประกาย สะดุดใจอย่างยิ่ง
มีมงกุฏหงส์สวมอยู่บนศีรษะ ผมยาวสีดำสลวยปลิวไปตามสายลม สง่างามอย่างยิ่ง ราวกับเทพธิดาที่ลงมายังโลกมนุษย์ ดุจเทพเซียนที่ออกมาจากภาพวาด
นี่คือคนงามที่ไม่มีใครเทียบได้ที่กำลังรอการแต่งงาน นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง มีเกียรติสูงส่ง รูปร่างหน้าตาน่าประหลาดใจ
การปรากฏตัวของนาง คล้ายกับกำลังทำให้โลกใบนี้ขาดซึ่งสีสัน บุปผาบอบบางนับพันดอกที่เบ่งบานหุบลง ไม่อาจประชันโฉม
“พี่ซินเหยา” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็ประกาย แน่นอนว่าเขารับรู้ได้ว่าหญิงงามล่มแคว้นคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่ซินเหยา
ในขณะนี้ เขากำหมัดแน่นและรู้สึกมีความสุขอย่างสุดจะพรรณนาในใจ
“งามมาก...”
ในเวลาเดียวกัน ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็ตกตะลึงและงุนงง
แม้ว่าจะมีผ้าโปร่งคลุมอยู่ ไม่มีใครเห็นใบหน้าของฉู่ซินเหยา
แค่เพียงทรวดทรงและคางอันละเอียดอ่อนที่ถูกเปิดเผยเมื่อผ้าโปร่งยกมุมเล็กๆ ขึ้นยามสายลมพัด ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าสตรีนางนี้งดงามเพียงใด
“คนงามของตระกูฉู่ไม่ธรรมดาจริงๆ! จะบอกว่านางเป็เทพธิดาก็ไม่เกินจริง”
“ในที่สุดผู้มีพระคุณก็สมปรารถนา ช่วยเหลือพี่สาวออกมาได้ สุขใจจริงๆ” หลิงจื้อยิ้มอย่างมีความสุขและพยักหน้าซ้ำๆ
ทั่วทั้งลานเกิดความโกลาหลไปชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนตกตะลึงและกลายเป็ความสับสนวุ่นวาย
“ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งนี้ทำให้เหล่าอัจฉริยะแก่งแย่งกัน หากได้ภรรยาราวเทพธิดาไปครอง อายุสั้นไปร้อยปีก็ยอม”
“ข้าเคยได้ยินเื่ความงามของคนงามมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าข่าวลือจะเป็จริง…”
“ไม่ถูก! คนจริงสวยกว่าที่ข่าวลือพูดกันเสียอีก สวยกว่าเป็ร้อยเท่าด้วยซ้ำ!”
ในขณะนี้ หลายคนประหลาดใจ
แม้แต่ผู้หญิงบางคนยังรู้สึกละอายใจกับความงามของฉู่ซินเหยา
แน่นอนว่ามีคนอิจฉา สายตามองมาที่ฉู่อวิ๋นด้วยความโกรธ ได้ภรรยาเช่นนี้ สามีต้องขอสิ่งใดอีก?
“พี่ซินเหยา” ในเวลานี้ ฉู่อวิ๋นไม่สนใจใครทั้งสิ้น จ้องมองหญิงที่ตนห่วงหาภายใต้ผ้าคลุมหน้าโปร่งบางนั่น
แต่ไม่นานเขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เพราะตอนนี้ ใบหน้าของฉู่ซินเหยาไร้ความรู้สึก สีหน้าไม่ยินดีแม้แต่น้อย ดูคล้ายกับหุ่นเชิด ไร้ชีวิตชีวา
ไม่ว่าฉู่อวิ๋นจะสื่อสารด้วยสายตาอย่างไร ฉู่ซินเหยาก็ไม่ตอบสนองเลย ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ
“พี่ซินเหยา... ท่านเป็อะไรไป?” ฉู่อวิ๋นกังวลมาก หากฉู่ซินเหยาเห็นเขาที่กำลังปลอมตัวเป็ “ซิวหลัวหน้าผี” นางควรจะมีความสุขสิ
แต่ตอนนี้ทำไมถึงเป็เช่นนี้?
ขณะที่ฉู่อวิ๋นกังวลใจ ฉู่เจิ้นหนานก็ก้าวออกไป ดวงตาของเขากะพริบด้วยแสงเย็น
เขาเดินมาที่ด้านหน้าของฉู่ซินเหยา บดบังการมองเห็นของฉู่อวิ๋น ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมราวกับว่ามีอะไรจะประกาศ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนตกตะลึงและเริ่มวิจารณ์กันอีกครั้ง
“ผู้แซ่ฉู่รู้ว่าทุกคนกระตือรือร้นที่จะร่วมพิธีแต่งงาน แต่ก่อนหน้านั้นโปรดฟังผู้แซ่ฉู่พูดสักสองสามคำ”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทั้งลานก็ตกอยู่ในความเงียบทันที พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ฉู่เจิ้นหนาน
ฉู่อวิ๋นเองก็ขมวดคิ้ว จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้จะเล่นตลกอะไรอีก?
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็ดีใจ เขาเหลือบมอง “ซิวหลัวหน้าผี” อย่างเ็าแล้วพูดเสียงดัง “แต่เดิม งานแต่งงานที่กำลังจะจัดขึ้น ผู้แซ่ฉู่ก็เตรียมจะยกสาวน้อยซินเหยาให้กับคุณชายผู้นี้”
เมื่อพูดเช่นนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็หยุดชั่วคราวเพื่อให้ทุกคนมีสมาธิ เพราะกลัวว่าจะพลาดคำพูดใดไป
“แต่เดิมหรือ?!” เมื่อได้ยินสองคำนี้ ฉู่อวิ๋นรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกกระชาก อารมณ์ผันผวนในทันที
จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้มีแผนสำรองจริงๆ!
ฉู่เจิ้นหนานยกยิ้มและพูดต่อ “แต่เมื่อข้าคุยกับสาวน้อยซินเหยา นางบอกว่าไม่พึงใจซิวหลัวหน้าผีคนนี้”
“นางร้องขออย่างสิ้นหวัง ร้องไห้อย่างขมขื่น ขอให้ผู้แซ่ฉู่ปฏิเสธการแต่งงาน”
“นางยังบอกด้วยว่าตนเกลียดเด็กหน้าผีคนนี้ที่สุด นางบอกว่าเขาประพฤติตนไม่สง่าผ่าเผยและไม่ใช่ผู้สมัครสามีที่ดี หากนางต้องแต่งงานกับเขา นางจะปลิดชีพตน”
“ในทางกลับกัน นางยังบอกข้าว่าคุณชายชุยเสวี่ยจากตระกูลเสวี่ยมีรูปลักษณ์หล่อเหลา มีความสามารถ คุณธรรม และวิชายุทธ์ที่ไม่ธรรมดา นางชอบเขามากและอยากให้ข้าเป็พ่อสื่อในงานแต่งครั้งนี้”
“แม้ว่าการประลองเปลี่ยนคู่จะเป็เื่หนึ่ง แต่ในฐานะผู้าุโ เราควรสนใจกับความรู้สึกของว่าที่เ้าสาวมากกว่าไม่ใช่หรือ?”
“คนงามที่ไม่มีใครเทียบได้ เด็กสาวที่กำลังจะอายุสิบแปดปี เปรียบเสมือนเทพธิดามาเยือนโลกา เป็ไข่มุกเม็ดงามของตระกูลฉู่ หากนางไม่มีความสุข ผู้แซ่ฉู่จะเป็คนแรกที่ไม่เห็นด้วย ทุกท่านว่าใช่หรือไม่!”
ในตอนท้าย ฉู่เจิ้นหนานแสร้งทำเป็โกรธ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มอันน่าหวาดกลัว ราวกับว่าเขาภูมิใจอย่างยิ่งที่ตนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงและดูสับสน
เกิดอะไรขึ้นกัน? ที่แท้คนงามผู้ไม่มีใครเทียบได้เกลียด “ซิวหลัวหน้าผี” แต่กลับชอบผู้แพ้อย่างเสวี่ยหานเฟยแทน? นี่ถือเป็ข่าวใหญ่
แน่นอนว่าในเวลานี้ ดวงตาของเสวี่ยจิงหงเป็ประกาย ท่าทีพอใจอย่างเห็นได้ชัด
เขาและฉู่เจิ้นหนานมองหน้ากันและยกยิ้ม รับคำมาพูดต่อทันที “ทุกท่าน เดิมทีตระกูลเสวี่ยของเราถอนตัวจากการแต่งงานครั้งนี้แล้ว แต่ตอนนี้หญิงงามผู้อ่อนโยนคนนี้ก็พูดแล้ว เราก็ควรจะเคารพการตัดสินใจของนางใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว! การแต่งงานเป็เื่ระหว่างคนสองคน คนอื่นก็ไม่ควรมายุ่ง”
“ในฐานะผู้หญิง เ้าสำนักเช่นข้าเข้าใจถึงความสำคัญของการแต่งงานกับสามีที่ตนรัก”
“ใช่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ก็สวยจนใครๆ ก็ทนเห็นนางถูกรังแกและร้องไห้ตลอดทั้งวันไม่ได้”
“สามีของภรรยาตระกูลฉู่ ต้องเป็คุณชายตระกูลเสวี่ย เสวี่ยหานเฟย!”
ทันใดนั้น พันธมิตรจำนวนมากของตระกูลเสวี่ยก็ก้าวเข้ามา ราวกับว่าพวกเขาสบโอกาสอันดีในการพูดหาหนทางให้เสวี่ยหานเฟย
หินหนึ่งก้อนก่อคลื่นนับพัน ทั่วทั้งลานตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง! ทุกคนได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านี้
บางคนถึงกับดูถูกฉู่อวิ๋นด้วยความรังเกียจและบอกให้เขาลงจากเวที สิ่งนี้ทำให้ฉู่เจิ้นหนานทำตามแผนได้สำเร็จและหรี่ตาลงเล็กน้อย
“เ้าไร้สาระ!”
“ไร้สาระ!”
ทันใดนั้น คำผรุสวาทด้วยความโกรธก็ดังขึ้น มันแหบห้าวและเสียงดังลั่นจนทุกคนกลัว
“เ้ามันหน้าหนานัก! ข้ากับซินเหยารักใคร่กันดี ไหนจะมีคำว่าไม่พึงใจคำนี้ได้? เป็เ้าต่างหากที่กุเื่สร้างปัญหา!” ฉู่อวิ๋นชี้ไปที่ฉู่เจิ้นหนานและด่าด้วยความโมโห ดวงตาของเขาปะทุเป็ไฟ
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็รู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง
“คุณชายของข้าพูดถูก ทั้งหมดนี้เป็คำพูดของผู้นำฉู่ฝ่ายเดียว ใครจะพิสูจน์ได้กัน?” หลิงจื้อลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดสนับสนุนฉู่อวิ๋นด้วยความโกรธอย่างยิ่ง
ชายชราจากตระกูลหลิงคนนี้โกรธมาก เขาไม่คิดว่าจะมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่ในโลก ไม่เพียงแต่โกงของหมั้นเ้าสาวเท่านั้น แต่ยังกล้าพูดจาไร้สาระ โกหกพกลม
แน่นอนว่าผู้ชมจำนวนมากไม่ใช่คนโง่ เมื่อได้ยินบางสิ่งที่น่าสงสัย พวกเขาต่างจ้องมองที่ฉู่เจิ้นหนานอย่างเคลือบแคลง
แต่ต่อให้เป็เช่นนั้น จิ้งจอกเฒ่าก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเลย กลับหัวเราะเบาๆ และพูดเสียงดัง “ถ้าพวกท่านไม่เชื่อ พวกเราถามซินเหยาต่อหน้าทุกคนในศาลเ้าแห่งนี้เลยดีหรือไม่?!”
พูดจบ ฉู่เจิ้นหนานก็เดินไปหาฉู่ซินเหยาและถามเสียงดัง “ซินเหยา สิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปเป็เื่จริงหรือไม่? เ้าพูดมาตามตรงได้เลย! พวกเราจะให้ความยุติธรรมกับเ้าเอง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ชมทั้งหมดไม่เพียงรู้สึกกังวล แต่ยังมองดูว่าที่เ้าสาวแสนสวยในชุดคลุมสีแดงตาไม่กะพริบด้วย
แม้แต่ฉู่อวิ๋นเองก็ยังกังวลเล็กน้อยและเฝ้าดูอย่างตั้งใจ
“ที่ผู้แซ่ฉู่พูดเมื่อครู่ แท้จริงแล้วถูกต้องหรือไม่?” ฉู่เจิ้นหนานถามอีกครั้ง ทำให้ทุกคนมีสมาธิและจ้องมอง
“ฟิ้ว--”
ทันใดนั้น ลมหนาวก็พัดผ่านมา
ใน่เวลานี้ที่ทุกคนกำลังเฝ้ามอง ขณะที่ผ้าคลุมกระพือไหว หญิงงามก็พยักหน้า
ฉู่ซินเหยา พยักหน้า
นางพยักหน้าจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพยักหน้าอย่างจริงจัง ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตัดเหล็กผ่าทอง ฟันน้ำแข็งฟาดหิมะ[3]
----------
[1] มาจากสำนวน นกที่ตื่นเช้าจะได้หนอนตัวใหญ่ก่อน หมายความว่า คนที่ลงมือก่อนจะได้รับผลประโยชน์ก่อน
[2] ผ้าซาติน
[3] หมายความถึงการพูดหรือการกระทำอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่ลังเล