ผ่านไปครึ่งชั่วยาม สาวรับใช้ทั้งหมดจากอีกสามจวนก็มาถึงจวนรองเสนาบดีกรมพิธีการ หงเชียวแห่งจวนโหวเองก็มาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้มู่จ้งจิ่นก็มาอยู่ที่นี่ด้วย
ส่วนขุนนางเฒ่าอีกสองคนกลับไม่เห็นแม้แต่เงา เห็นได้ชัดว่าอยากแก้ปัญหาแต่ไม่อยากพัวพันกับเื่นี้
ทว่า ความจริงแล้ว พวกเขาเกี่ยวข้องกับเื่นี้ไปกว่าครึ่ง แล้วจะแก้ปัญหาโดยไม่เข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้ว่ามันจะเป็ไปได้ ฮิฮิ ชิงอีก็ไม่รับปากหรอกนะ
มู่จิ้งจิ่นยังคงแสดงสีหน้าที่ไม่ดีต่อชิงอีร่างทรงสาวจำเป็ เมื่อเขามาก็ทักทายเซียวเจวี๋ยและนั่งลงข้างๆ
บรรยากาศตึงเครียดและอึดอัด สีหน้าของเว่ยซู่เองก็ไม่ดีนัก ขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกสองคนพอรู้ว่าเป็เื่ร้ายแรงก็เอาตัวรอดด้วยการไม่มาปรากฏตัว
เช่นนั้นแล้วค่าตอบแทนที่เว่ยซู่ต้องจ่าย ไม่ใช่ว่าเขาต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียวหรอกหรือ? โชคดีที่มู่จ้งจิ่นเต็มใจมา ทำให้เว่ยซู่โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ใครจะเป็จะตายก็ช่าง ขอแค่ไม่ใช่เขาก็พอ แต่หากจะต้องตายก็ควรตายไปด้วยกันถึงจะเรียกว่าเป็มิตรที่ดี
หากเขาต้องทนทุกข์เพียงลำพังคงจะน่าสมเพชไม่น้อย
“ระหว่างทางข้าได้ฟังคำอธิบายของรองเสนาบดีเว่ยแล้ว ท่านมีวิธีกำจัดความชั่วร้ายแล้วใช่ไหม?”
“ใช่” ชิงอีตอบอย่างเกียจคร้าน โดยไม่ได้ร้อนรนใดๆ “ไม่ต้องรีบร้อน ให้คนพวกนี้เผยสิ่งที่พวกเขาปกปิดไว้ให้พวกท่านเห็นก่อนเถอะ เอามันออกมาสิ”
บรรดาสาวใช้ต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก มีเพียงหงเชี่ยวที่สับสน
เมื่อเว่ยซู่เห็นท่าทีเ่าั้ก็ตะคอกอย่างร้อนรน “ท่านปรมาจารย์สั่งให้พวกเ้าเอามันออกมา พวกเ้าก็เอาออกมาสิ!”
ไม่นานนัก บางคนยกแขน บางคนพับขากางเกง บางคนถอดกางเกง สร้างเสียงฮือฮาอยู่ไม่น้อย
เสียงร้องอุทานดังขึ้นเมื่อเห็นสภาพของคนเหล่านี้ ทุกคนไม่สนถึงความอับอาย แล้วมองดูพวกเขาแต่ละคนที่มีขนขึ้นตามมือบ้างขาบ้าง และหนึ่งในนั้นมีหางงอกออกมาครึ่งหนึ่งด้วย!
“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” มู่จ้งจิ่นเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เว่ยซู่ไม่ได้พูดถึงเื่นี้กับเขาเลยระหว่างทางมาที่นี่ หงเชี่ยวก็ยิ่งใกลัวขึ้นไปอีก นางรีบสำรวจตัวเอง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีขนขึ้นบนร่างกาย นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่อาจลดความหวาดหวั่นอยู่ดี
“เนื้อแมวอร่อยไหม?” ชิงอีถาม พลางหัวเราะคิกคัก
มู่จ้งจิ่นใเมื่อได้ยิน แล้วขมวดคิ้วแน่น “พวกเขาฆ่าแมวตัวนั้นเพื่อกินมันงั้นหรือ?”
ชิงอีไม่ตอบ ทว่า เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า “ซุปพยัคฆ์ัเป็ยาชูกำลังที่ดี แล้วก็จะเลิศรสหากใส่ลูกแมวที่ยังไม่เกิดมา พวกเ้าแบ่งซุปกันกินอย่างเพลิดเพลินแน่” มือขาวนวลของนางชี้แต่ละคน “เ้ากินมือไปหนึ่งข้าง เ้ากินขาไปหนึ่งข้าง โอ๊ะ ส่วนเ้าไม่รู้ว่าดวงดีหรือไม่ ถึงได้กินหางเ้าแมวน้อยไปนิดหนึ่ง ทว่า เคี้ยวไปกลับไม่มีรสชาติ ฮ่าๆ”
สิ่งที่นางพูดทำให้ผู้คนอดขนหัวลุกไม่ได้
มู่จ้งจิ่นเองก็ฆ่าศัตรูในสนามรบมานับไม่ถ้วน ไม่มีภาพการนองเือันโหดร้ายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่า ยามนี้ เื่นี้กลับสยดสยองอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งยังรู้สึกคลื่นไส้
ราวกับว่านางไม่ได้พูดถึงแมว แต่เป็ ‘คน’
ถูกคว้านท้อง นำก้อนเนื้อออกมา
ก่อนจะนำไปต้มในหม้อ แล้วถูกกินจนเกลี้ยง
“อุแหวะ” สาวใช้ตัวน้อยที่ฟังไปฟังมา จู่ๆ ก็อาเจียนออกมา ประหนึ่งว่าในท้องมีอะไรบางอย่าง้าออกมา
พวกเขาต่างหวาดกลัว หลายคนร้องไห้จนแทบจะเป็ลม
ชิงอียังคงเอื่อยเฉื่อยและเกียจคร้าน “อ้วกทำไมกัน ก็กินกันเอร็ดอร่อยขนาดนั้น จนลมหายใจเฮือกสุดท้าย แม่แมวตัวนั้นก็มองดูพวกเ้าว่าทำอะไรกับลูกของมันบ้าง พวกเ้ากินลงไปเองก็รับผิดชอบกันไปก็แล้วกัน...”
“ท่านปรมาจารย์พวกเราผิดไปแล้ว โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
“ข้าสัญญาว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์อีก ข้าจะกินมังสวิรัติ ข้าสวดมนต์ให้พวกมันทุกวัน ไม่สิ ข้าจะสวดมนต์ให้บรรพบุรุษแมวตัวนั้นทุกวัน...”
ภายในจวนเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้จนแสบแก้วหู
เว่ยซู่ฟังด้วยความสับสน จึงรีบเอ่ยว่า “ท่านปรมาจารย์จะฟังคำพูดไร้สาระของคนเหล่านี้ทำไม กินก็กินไปแล้ว มันไม่มีทางกลับมามีชีวิตอีกแล้ว แถมมันจะกลายเป็เื่ใหญ่อีกถ้าจะต้องหาคนมาทำพิธีกรรมต่างๆ เพื่อแผ่เมตตาให้มัน เื่เร่งด่วนในยามนี้คือการกำจัดสัตว์ร้ายตัวนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มันทำร้ายผู้คนอีก!”
ชิวอวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะขณะฟัง
ทำร้ายผู้คน?
ตอนนี้เขาหวังให้ชิงอีปล่อยวางเื่นี้เป็อย่างมาก แล้วปล่อยให้คนพวกนี้ตาย กล้าทำเื่เช่นนี้ยังมีหน้าจะมาขอความช่วยเหลืออีก?
เ้าแมวตัวนั้นทำร้ายผู้คนก็จริง แต่นางก็กระทืบมันด้วยความโกรธถือว่าแล้วไป ทว่า กลับคว้านท้องเอาลูกของมันมากินอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้สูงศักดิ์กลุ่มหนึ่งจะกล้าทำเื่ชั่วช้าเช่นนั้น
หากความโกรธแค้นของแม่แมวไม่สำแดงออกมา เกรงว่าเพียงแค่คล้อยหลังไปก็คงลืมไปแล้วว่าทำอะไรเอาไว้!
“นี่มันเป็เื่ที่รับไม่ได้จริงๆ ” ชิงอียิ้ม “กลับกันหากเ้าถูกคนคว้านท้อง แล้วต้องเฝ้าดูลูกของตัวเองถูกกิน เ้าจะยอมถอดใจหรือไม่?”
เว่ยซู่ขมวดคิ้ว และคิดว่าคำถามของนางช่างไร้สาระ
เขาเป็ถึงรองเสนาบดีกรมพิธีการ จะเอาสัตว์ตัวหนึ่งมาเปรียบเทียบกับเขาได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม มู่จ้งจิ่นตอบกลับอย่างเ็าว่า “หากเป็ข้า ต่อให้จะต้องต่อสู้ไปชั่วชีวิต ข้าจะต้องฉีกศัตรูเป็ชิ้นๆ ให้ได้!”
เว่ยซู่ฟังแล้วก็เบะปาก เ้าง่อยนี่ช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะเปรียบเทียบตัวเองกับสัตว์? โอ๊ะ หากอยากจะเป็สัตว์ก็อย่าเหมารวมคนอื่นไปด้วยก็แล้วกัน
ชิงอีเหลือบมองมู่จ้งจิ่นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนสายตากลับมาจ้องที่เว่ยซู่อย่างเ็าอีกครั้ง
เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่ว่าคนหรือสัตว์ต่างก็เป็สัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน
ชิงอีหาววอด ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำ เมื่อชิงอีหันหน้าไปดูก็พบว่าคนนั้นคือเซียวเจวี๋ย
“น่ารำคาญ”
เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้โกรธ เหตุใดถึงหงุดหงิดล่ะ?
“รสชาติแย่”
นางไม่ดื่มชาที่มีกลิ่นเหม็นอับ มันไม่ควรเข้ามาอยู่ในปากอันมีค่าของนาง
“ก็แค่น้ำเปล่าเอง อดทนไว้ก่อน คืนนี้ข้าจะชดเชยให้ทีหลัง” เซียวเจวี๋ยพูดพร้อมรอยยิ้มจางๆ ทว่า น้ำเสียงไม่อ่อนโยนนัก
ดวงตาของชิงอีเป็ประกายทันใด ก็ได้? จะมีอะไรดีไปกว่าิญญาบริสุทธิ์จากเขาอีกล่ะ ถึงชิงอีจะยังโกรธอยู่มาก แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็ยิ้มพร้อมยื่นมือมารับน้ำเปล่าไปดื่มอย่างมีความสุขทันที
อืม ชาที่ผ่านมือซึ่งเปื้อนด้วยิญญาชั่วร้ายของหนุ่มน้อยนั่น ช่างหอมหวานยิ่งนัก
มู่จ้งจิ่นสังเกตเห็นท่าทีอันคลุมเครือของคนทั้งคู่ เขาก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ตอนนี้มีคนมากมาย เขาจึงไม่มีโอกาสที่จะกล่าวตักเตือนได้ และทำได้เพียงทนมองต่อไป
“ท่านปรมาจารย์!” เว่ยซู่ร้อนใจจนทนรอไม่ไหว
นี่มันเป็เื่ความเป็ความตายเลยนะ หญิงสาวนางนี้กับเซ่อเจิ้งอ๋องยังจะมายักคิ้วหลิ่วตากันอยู่อีก
ช่างเป็คู่ชู้ชื่นที่เหมาะสมกันเสียจริง!
พวกเขาต่างบอกว่าเซ่อเจิ้งอ๋องไม่เข้าใกล้ผู้หญิง ฮึ ดูท่าว่าจะเป็เื่โกหกเสียมากกว่า มีที่ไหนต่อหน้าทะเลาะกับองค์หญิงใหญ่อย่างดุเดือด ทว่า ลับหลังกลับมาดูแลเอาใจใส่ร่างทรงสาว?
เว่ยซู่ส่งสายตาดูถูก ทันใดนั้น ชิงอีก็หันหน้ามามองเขา มันทำให้เขาสงบลงโดยพลัน ทั้งที่เขาไม่เห็นดวงตาที่อยู่ใต้หมวก แต่กลับสร้างความรู้สึกน่าขนลุก คล้ายว่าความคิดของเขาถูกอีกฝ่ายแอบฟัง
ชิงอีพูดด้วยเสียงเ็า “ช่วยชีวิตคนน่ะได้ ทว่า พวกเ้าต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเอง รองเสนาบดีเว่ย ท่านพร้อมหรือยัง?”
หัวใจของเว่ยซู่ถึงกับสั่นไหว และถามตะกุกตะกักว่า “ราคาเท่าไรหรือ?”
“แม่แมวตายอย่างไม่เป็ธรรม หลายชีวิตที่กำลังจะลืมตาดูโลกก็ตายไป คนเหล่านี้กินมันและลูกจึงเปื้อนมลทิน แน่นอนว่าเป็การเสียสละที่ดีที่สุด หาก้าขจัดความแค้นก็ต้องคืนชีวิตให้มันแล้วละ”
“อะไรนะ?” เว่ยซู่กล่าวด้วยความโกรธ “ชดใช้ชีวิตให้กับสัตว์? ไร้สาระ ชีวิตของสัตว์ตัวนี้มีค่าขนาดไหนกันเชียว!”
“บางครั้งคนก็ไม่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉานเท่าไรหรอก” เซียวเจวี๋ยที่ไม่ได้พูดอะไรมานานก็กล่าวอย่างเฉยเมย จากนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เว่ยซู่ “หากรองเสนาบดีเว่ยยอมแลกชีวิตกับลูกแมว เผลอๆ ยังเป็ติดหนี้เสียด้วยซ้ำ”
“ใครมันจะกล้าเอาชีวิตไปแลกกับสัตว์เดรัจฉานกัน?” มู่จ้งจิ่นพูดเสริม
ใบหน้าของเว่ยซู่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
ฮ่าๆๆๆ
ชิงอีะเิเสียงหัวเราะ จู่ๆ นางก็ชอบหนุ่มน้อยนี่ขึ้นมาทันใด
ไม่สิ ชอบความปากคอเราะรายของเขาต่างหาก
พูดแทงใจดำดีจริงๆ สะใจเหลือเกิน!
