ในความเป็จริงเขารู้เื่ที่หลิวฉีซื่อซื้อบ้านจวงจื่อ และรู้เช่นกันว่านาง้าเก็บมันไว้ให้บุตรชายคนเล็ก ไม่ใช่บุตรชายคนโตหลิวสี่กุ้ย
เพียงเพราะหลิววั่งกุ้ยคือความหวังทั้งหมดของนาง
หากหลิววั่งกุ้ยได้เป็ขุนนางในราชสำนัก บ้านจวงจื่อจะถูกโอนเป็ชื่อของเขา
นี่คือสิ่งที่หลิวฉีซื่อบอกกับเขาในตอนที่กำลังเข้านอนอย่างอารมณ์ดี ขณะเดียวกันก็บอกให้เขาอย่ายื่นมือเข้ามายุ่งกับความเป็ไปของบ้านจวงจื่อ
หลังจากที่เกาจิ่วและหลิวต้าฟู่เดินออกไป หลิวฉีซื่อก็เริ่มหายใจได้
คราวนี้เฉินซื่อไม่ได้ทำอะไร แต่เป็หลิวซุนซื่อที่จัดการเอง
เมื่อมองดูรอยเืของหลิวฉีซื่อแล้ว หลิวเต้าเซียงแอบคิดว่าป้ารองคงอาศัยโอกาสปลดปล่อยความเคียดแค้น
นางเกลียดชังหลิวฉีซื่อแน่แท้
คู่สามีภรรยาที่เคยดีต่อกัน เมื่อมีแม่สามีใจร้ายที่ชอบจุ้นจ้าน รั้นจะแต่งอนุเข้าบ้านให้ได้ จึงทำให้สามีภรรยาคู่นั้นต้องห่างเหิน หากว่าหลิวซุนซื่อไม่เกลียดชังนางก็คงแปลก
หลิวฉีซื่อรู้สึกเพียงความเผ็ดร้อนที่ริมฝีปากของตนเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
ที่จริงแล้วนางไม่อยากลืมตา แต่ก็ไม่กล้ายั่วโมโหพระเ้าอย่างซูจื่อเยี่ย จนถึงตอนนี้นางยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงทำการที่ไม่ไว้หน้านางเช่นนี้
ภายในห้องนั้นเมื่อหลิวฉีซื่อฟื้นขึ้นมา ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงต่างก็ดีใจ และสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ที่จู่ๆ ครอบครัวก็มีเงินสองร้อยกว่าตำลึงเข้าบัญชี
หลิวฉีซื่อหรี่ตามองไปรอบๆ อย่างอ่อนแรง หัวใจของนางหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยังคงแอบโมโหในใจว่าหลิวต้าฟู่นั้นพึ่งพาไม่ได้จริงๆ
“ท่านย่า กำลังมองหาท่านปู่หรือ?” หลิวเต้าเซียงหลุดปากและเรียกนางว่าท่านย่า!
“ลุงรอง รีบพยุงท่านย่าขึ้นนั่งดีกว่า อ้อ ใช่สิ ชิงเหมยไปรินน้ำชาร้อนมา”
หลิวฉีซื่อไม่อยากนั่งสักนิด นางอยากเป็ลมต่อ
“ท่านแม่ ท่านต้องอดทนไว้ ท่านพ่อกับนายท่านจิ่วไปเอาโฉนดแล้ว” หลิวเหรินกุ้ยกลัวว่ามารดาจะบ้าคลั่งอีก
“มีเขาชิงซานตั้งตระหง่าน ย่อมมิกลัวฟืนหมด คนอื่นเขามีอำนาจเหนือกว่าเรา!”
เดิมทีหลิวฉีซื่ออยากเอ่ยปากด่าว่าหลิวซานกุ้ยเนรคุณ แต่เมื่อได้ยินหลิวเหรินกุ้ยกล่าวเช่นนี้ ริมฝีปากที่ขยับสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
นางสูญเสียอำนาจไปแล้ว!
หลิวฉีซื่อไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าเื่ราวจะกลับกลายเป็เช่นนี้ได้ ดั่งไก่โบยบินและไข่ไก่ถูกทำลาย เดิมทีนางยังคิดอยู่ว่าพอตนเองอาละวาดจบแล้วก็จะขัดขวางหลิวซานกุ้ยไม่ให้ไปสอบจวี่เหริน ใครจะรู้ว่าดันมีคนเปิดโปงเื่ที่เขาไม่ใช่ลูกในไส้
นางนึกเสียใจ เหตุใดตอนนั้นตนเองละโมบถึงเพียงนี้ หากรู้ว่าเื่ราวจะเป็เช่นนี้ คงจะพอใจในเงินยี่สิบถึงสามสิบตำลึงที่ได้มาจากครอบครัวหลิวซานกุ้ยนานแล้ว ถึงอย่างไรก็ยังพอใช้ชีวิตไปได้
เมื่อนึกถึงว่าบุตรชายคนรองก็ยังไม่ได้ทำงาน และยังต้องพึ่งพานางเลี้ยงดู แต่จากสถานการณ์ตอนนี้นางต้องเสียทั้งที่นา แล้วยังต้องจ่ายเงินคืนหลายร้อยตำลึง ในใจของหลิวฉีซื่อก็ราวกับมีคนเอาเข็มมาทิ่มแทง
นางไตร่ตรอง หากไม่ใช่นางตัวดีหลิวเต้าเซียงที่เ้าเล่ห์เพทุบาย ชอบยุยงให้สองสามีภรรยาหลิวซานกุ้ยทำอะไรที่ไม่ใช่เื่ วันนี้นางคงไม่รู้สึกแย่เช่นนี้
คิดแล้วก็มองไปที่หลิวเต้าเซียงด้วยสายตาเชือดเฉือน
ทันใดนั้นจางกุ้ยฮัวก็มีสีหน้าแย่ขึ้นมา ก่อนจะเดินไปหาหลิวเต้าเซียงแล้วซ่อนบุตรสาวไว้ด้านหลัง พร้อมกับเอ่ยปาก “ท่านแม่ อ้อ ไม่ใช่สิ ท่านป้าหลิว เหตุใดท่านต้องเกลียดชังลูกรองข้าเช่นนี้ นางไปขโมยของบ้านท่าน หรือแย่งของบ้านท่านหรือ”
เมื่อนึกถึงเื่ชั่วช้าที่หญิงชราตรงหน้าเคยทำ จางกุ้ยฮัวก็อยากพุ่งเข้าไปข่วนใบหน้าของหลิวฉีซื่อ
“ซานกุ้ย แม้ว่าเ้าจะไม่ใช่ลูกในไส้ของแม่ แต่อย่างน้อยข้าก็ให้โอกาสเ้ามีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? หากไม่ใช่เพราะข้ามีความเมตตาในใจ แล้วเ้าจะเติบโตอย่างปลอดภัยได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่มีเมียมีลูก แม้ว่าข้าจะเคยคัดค้านเื่สู่ขอจางกุ้ยฮัวเป็ภรรยา แต่แม่ก็คิดเพื่อตัวเ้า ตอนนั้นตระกูลจางยากจนเพียงใด ใช่ว่าเ้าจะไม่รู้ กล่าวกันว่าเป็เพียงครอบครัวหญิงหม้ายตกงาน สถานะยากจนข้นแค้น ข้าเองก็ไม่อยากให้เ้ามีบ้านภรรยาที่ถ่วงอนาคตของเ้าไว้ เหตุใดเ้าจึงไม่เข้าใจความทุ่มเทของข้าบ้าง!”
หลิวฉีซื่อตัวสั่นขณะที่เดินไปข้างกายเขา แล้วคว้ามือของเขาอย่างร้อนรน “ซานกุ้ย อย่างน้อยแม่ก็ให้ข้าวเ้ากิน เลี้ยงเ้าั้แ่ตัวสูงแค่เอวข้า”
หลิวเต้าเซียงกังวลว่าบิดาผู้เป็คนดีบริสุทธิ์ เมื่อได้ยินหลิวฉีซื่อพูดแบบนี้ เกรงว่าในใจจะเกิดความละอายใจ
จางกุ้ยฮัวเอื้อมมือออกไปจับบ่าของนางเงียบๆ แล้วส่ายหน้าเบาๆ ยังมีคนนอกอยู่ แล้วจะปล่อยให้บุตรสาวของตนดูเป็คนชั่วร้ายได้อย่างไร เกิดชื่อเื่นี้เผยแพร่ออกไป คงเป็การบั่นทอนหนทางหมั้นหมายของนาง
“ท่านป้าหลิวพูดถูกต้อง สามีข้าเป็คนจิตใจเมตตา แล้วก็เป็คนที่สำนึกในบุญคุณ เขาย่อมไม่มีทางลืมความดีที่ปู่ทวดย่าทวดทำให้เขา ยิ่งไม่ลืมว่าตอนเด็กท่านพ่อรักใคร่เขาเพียงใด เพียงแต่เกรงว่าท่านป้าหลิวคงลืมอะไรบางอย่างไป”
หลิวฉีซื่อเกร็ง แล้วมองจางกุ้ยฮัวอย่างระแวดระวัง
“นางหน้าไม่อาย เ้าคิดให้ร้ายข้าอีกหรือ?”
จางกุ้ยฮัวรำคาญในใจเต็มทน อะไรคือให้ร้ายอีก “ท่านป้าหลิว ความจำของท่านช่างดีเหลือเกิน จำไม่ได้แล้วหรือ เช่นนั้นข้าจะเตือนท่านเอง ปีก่อนข้ากับซานกุ้ยเหตุใดจึงอาหารเป็พิษ ท่านอยากแกล้งลืมหรือ? เชอะ หญิงชราแบบท่าน ช้าเร็วต้องลงนรกขุมที่สิบแปดแน่นอน ภพชาติต่อไปจะได้เกิดเป็คนหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ได้”
“จางกุ้ยฮัว นางหญิงชั่วร้าย ซานกุ้ย เ้าดูสิ นี่คือธาตุแท้ของนางผู้หญิงคนนี้ แม่จะเข้าใจเื่เ่าั้ได้อย่างไร อีกอย่างนั่นคือเื่บังเอิญไม่ใช่หรือ!” จนถึงตอนนี้แล้วหลิวฉีซื่อยังคงไม่ยอมรับ นางเองก็ไม่กล้ายอมรับเื่ที่ตนเองวางแผนคร่าชีวิตคน
หลิวฉีซื่อดุด่าจางกุ้ยฮัว ขณะที่เฉินซื่อเป็คนแรกที่ไม่ยอม “หลิวฉีซื่อ เ้าต่างหากที่หน้าไม่อาย ลูกสาวข้าเป็คนดีมาตลอด มีเพียงเวลาที่เจอกับคนที่หน้าไม่อายอย่างเ้าจึงจะชักสีหน้า ในหมู่บ้านนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าลูกสาวข้านั้นเป็คนโอนอ่อนที่สุด”
“ท่านแม่ ช่างเถิด” จางกุ้ยฮัวไม่้าให้มารดาของตนโมโหและส่งผลต่อสุขภาพ จึงหันไปเอ่ยกับหลิวฉีซื่อ “ข้าจะไม่ถกเื่เหล่านี้กับท่าน ท่านไม่ยอมรับก็ไม่เป็ไร ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ท่านรีบเขียนใบค้างชำระหนี้เงินทั้งหมดสี่ร้อยสิบหกตำลึงเถิด”
ขณะที่จางกุ้ยฮัวกำลังพูดกับหลิวฉีซื่อ หลิวชิวเซียงก็เรียกให้อวี๋เยี่ยนสาวรับใช้ไปเอาพู่กันกับหมึกมา
“ข้าอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้” หลิวฉีซื่อหลบสายตา
แต่ให้ไปหลอกผี ผีก็คงไม่เชื่อ
ในอดีตจดหมายที่หลิวสี่กุ้ยส่งกลับบ้านมา นางเป็คนอ่านและเขียนตอบกลับเองทั้งนั้น มีเพียงหลายปีที่ผ่านมาที่อายุมากขึ้น เื่เหล่านี้จึงยกให้เป็หน้าที่ของหลิววั่งกุ้ย
ครอบครัวหลิวเต้าเซียงรู้ดีว่า หลิวฉีซื่อไม่มีทางเขียนใบค้างชำระหนี้อย่างเชื่อฟังว่าง่ายแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คนชั่วช้าอย่างไรก็มักจะมีผู้ช่วยเสมอ
“ลุงรอง ท่านว่าท่านย่าควรเขียนหรือไม่? เื่นี้คุณชายซูเองก็...”
“อะแฮ่ม! เ้าเรียกว่าอะไรนะ?” ซูจื่อเยี่ยไม่พอใจ และสะบัดหางตาเยือกเย็นไปที่นาง
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงมากกว่าสิบองศา หนาวจัง!
จากนั้นก็รีบฉีกริมฝีปากกลีบดอกท้อและเอ่ยอย่างประจบประแจง “พี่จื่อเยี่ย ต้องขอบคุณเ้ามาก!”
ซูจื่อเยี่ยพึงพอใจ แต่หลิวเหรินกุ้ยกลับไม่สงบ
เขาเข้าใจความหมายของหลิวเต้าเซียง นี่คือการขู่
มีอย่างที่ไหนรังแกกันแบบนี้ พอมีที่พึ่งก็ทำตัวกร่างเชียวนะ!
หลิวเต้าเซียงยิ้ม ที่พึ่งของนางนั้นยิ่งใหญ่มาก แล้วเ้าจะทำไม?
“ลุงรอง ข้าได้ยินมาว่าพี่จื้อไฉเรียนดี เขาเคยเอ่ยกับท่านพ่อข้าว่า อยากคำนับอาจารย์กัวเป็อาจารย์ด้วย!”
คุณชายซิ่วไฉในวัยเพียงสิบสองขวบ นับว่าน่าภูมิใจยิ่งนัก
หลิวเต้าเซียงเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมาย ทั้งที่ตัวยังเล็กนิดเดียว แต่กลับเล่าเรียนได้ดีจริงๆ
ยังจะปฏิเสธว่าไม่ได้ขู่ ชัดเจนแบบนี้จะดีหรือ?
หลิวเหรินกุ้ยรู้สึกปวดศีรษะ ท่านแม่ จะโทษลูกก็ไม่ได้นะ ลูกเองก็มีลูกชายเหมือนกัน
“ท่านแม่ ท่านรีบเขียนเถิด!”
หลิวฉีซื่อกำลังคิดอยู่ว่าจะเลี่ยงเื่นี้ไปได้อย่างไร เพื่อไม่ต้องมอบโฉนดและเงินสี่ร้อยตำลึงนั่นให้คนอื่น
แต่พอได้ยินหลิวเหรินกุ้ยพูดเช่นนี้ นางก็คิดว่าบุตรชายของนางทรยศ
ใบหน้าชรานั้นละห้อย คิ้วหนาที่เหี่ยวย่นขมวดเป็ปม ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “ผายลมมารดาเ้าสิ นั่นคือสินเ้าสาวของข้า เ้าคนกินบนเรือนขี้บนหลังคา นั่นล้วนต้องเก็บไว้ให้พวกเ้าพี่น้อง ส่วนของซานกุ้ย ข้าแบ่งให้เขาไปนานแล้ว!”
“ท่านย่าหลิว จะไม่เขียนจริงหรือ?” หลิวเต้าเซียงรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากตอแยกับนางต่อ
“ไม่เขียน มารดาไม่เขียน ฮึ หากไม่ใช่เพราะข้าใจดีมีเมตตา หลิวซานกุ้ยจะยังมีชีวิตอยู่รอดหรือ?”
นางมั่นใจว่าหลิวเต้าเซียงต้องไม่มีทางจัดการนางได้
หลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างเ็า มุมปากกระตุกเล็กน้อย “ชีวิตของท่านพ่อข้า ท่านไม่ได้เป็คนให้ หากจะตอบแทนก็ต้องตอบแทนท่านปู่ ไม่เกี่ยวกับเ้า”
ในอดีตกัวอวี้หลันกับหลิวต้าฟู่เป็คู่ที่มีใจให้กัน ต่อมาเมื่อได้พบเจอกันด้วยความบังเอิญอีกครั้ง คนที่นางเชื่อใจมากที่สุดก็คือหลิวต้าฟู่ ั้แ่ต้นจนจบจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลิวฉีซื่อแม้แต่น้อย
หลิวฉีซื่ออยากจะบอกว่านางเป็ภรรยาของหลิวต้าฟู่ ตอนนั้นหากนางไม่ยินยอม เขาก็ไม่มีทางอุ้มหลิวซานกุ้ยกลับมาได้
“ฮึ จะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างไร ตอนที่เขายาวแค่หนึ่งไม้บรรทัด และไม่มีนมให้กิน ก็มีข้าที่คอยอุ้มไปขอบ้านนั้นทีบ้านนี้ที จึงเลี้ยงเขาจนโตได้”
นางย้ำคำว่าอุ้มหนักแน่นมาก
เหตุผลที่หลิวเต้าเซียงบังคับให้นางเขียนใบค้างชำระหนี้ในวันนี้ ก็เพราะว่ามีที่พึ่งอันแข็งแกร่งอย่างซูจื่อเยี่ย
เมื่อมีแรงกดดันจากเขา ถึงอย่างไรหลิวฉีซื่อก็ไม่กล้าอาละวาดใหญ่โต
หากพ้นวันนี้ไป คนที่หน้าหนาอย่างหลิวฉีซื่อย่อมไม่มีทางยอมรับ หรือกระทั่งอาจจะแว้งกัดก็เป็ได้
ซูจื่อเยี่ยเบื่อหน่ายหลิวฉีซื่อเต็มตน ทั้งที่หลักฐานก็มีพร้อม แต่ยังหัวแข็งไม่ยอมรับผิด
“ไม่เขียนหรือ?”
หลิวฉีซื่อมองไปที่ดวงตาที่เ็าของเขา พลันรู้สึกว่าร่างกายแข็งตัว
“เดิมทีก็เป็สินเ้าสาวของข้าอยู่แล้ว เื่อะไรข้าจึงต้องให้”
เพียงแต่ว่าน้ำเสียงของนางที่ตอบมานั้นอ่อนแอเล็กน้อย
ซูจื่อเยี่ยพ่นคำพูดออกมาเพียงสองคำ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปชะงัก
“ขังคุก!”
หากเ้าไม่เขียนใบค้างชำระหนี้ ก็จะถูกลากเข้าไปอยู่ในเรือนจำ
หลิวฉีซื่อระส่ำระส่าย ก่อนจะรีบหันไปอ้อนวอนหลิวซานกุ้ย “ถึงแม้เ้าจะไม่ใช่ลูกในไส้ของข้า แต่ข้าก็เลี้ยงเ้ามาจนโต อีกอย่างแม่สำนึกผิดแล้ว ตอนนั้นไม่ควรปล่อยให้เงินบดบังสายตา เพียงแต่เื่อาหารเป็พิษ แม่ไม่ได้ตั้งใจให้เป็แบบนั้นจริงๆ ตอนนั้นได้ของเ่าั้มา ข้าก็แค่อยากแบ่งทุกคนในครอบครัวกินกัน พวกเ้าจะได้รับรู้ถึงความดีของจวนตระกูลหวง”
แต่การจะอ้อนวอนก็ต้องทำให้ดูเข้าท่ากว่านี้ นางกลับเอ่ยถึงแต่บุญคุณและเปิดทางรอดให้กับตนเอง
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองเบาๆ “ท่านย่าหลิว รีบเขียนเถิด เขียนแล้วจะได้ไม่มีอะไร หากท่านอยากถูกคุมขังในเรือนจำจริง ไม่รู้ว่าอาสี่จะเสียใจมากเพียงใด”
นางกล้าเดิมพันว่า เพียงแค่เห็นความเ็าของหลิววั่งกุ้ยคงทำให้หลิวฉีซื่อสามารถทำเื่ทุกอย่างได้
“ข้า”
หลิวฉีซื่อไม่้าเขียนจริงๆ นางยังไม่รู้ว่าวันเดือนปีใดจึงจะสามารถคืนเงินก้อนนี้ได้ทั้งหมด อีกอย่างสิ่งที่ทำให้นางปวดใจที่สุดคือ การยื่นมือเข้ามาของซูจื่อเยี่ยทำให้ต้นไม้เขย่าเงินของนางหายไป!
“ท่านเลิกพูดเื่บุญคุณที่เลี้ยงดูได้แล้ว ก่อนสิบขวบ ท่านพ่อข้าถูกปู่ทวดย่าทวดเลี้ยงดู หลังจากสิบขวบก็ทำงานเยี่ยงวัวเยี่ยงควาย ฮึ หากจะคำนวณจริง ที่ท่านต้องจ่ายคงไม่ใช่แค่สี่ร้อยสิบหกตำลึง ทว่าท่านพ่อข้าเป็คนสำนึกในบุญคุณ เพราะเห็นแก่ที่พวกท่านมีทางรอดให้แก่เขา จึงยังอิงตามเงินสองตำลึงเพื่อเลี้ยงดูพวกท่าน ข้าว่าท่านย่าหลิว ท่านน่าจะพอใจได้แล้วนะ! หรือว่าท่านยอมไปใช้ชีวิตในเรือนจำ”
-----