เถ้าแก่หยิบจินตานขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นพวกคนงานที่รู้เื่ก็เริ่มกรูกันเข้ามาทั้งใบหน้าเริ่มถอดสีข้าจึงยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย “เสนอราคามาสิ ถ้าถูกใจข้าก็จะขายให้พวกท่านไม่อย่างนั้นข้าจะไปขายให้ร้านอื่นแทน”
“ได้!”
เถ้าแก่รีบตอบกลับโดยไม่ลังเล“จินตานขั้นห้าเจ็ดหมื่นเหรียญ ขั้นสี่สามหมื่นเหรียญ เ้าเห็นว่าอย่างไร?”
ข้าถึงกับหลุดขำเมื่อได้ฟังราคาทั้งหมด“จินตานสองอันนี้ข้าเพิ่งเอามาจากสัตว์ิญญาเมื่อวันก่อน พลังิญญายังเข้มข้นถือเป็ของล้ำค่ายิ่ง ท่านกลับให้ราคาเท่าหัวผักกาด สงสัยข้าจะมองท่านผิดไปจินตานสองอันนี้ราคาอย่างน้อยต้องขายได้แสนเหรียญและห้าหมื่นเหรียญข้าหยวนให้ได้แค่นิดหน่อย คิดเสียว่าเป็ค่าเสี่ยงชีวิตเข้าไปหาก็แล้วกัน”
พูดไปข้าก็แสดงทางท่าเศร้าสร้อยไปด้วย“น่าเศร้าใจสหายที่น่าสงสารของข้าทั้งสองต้องถูกงูกัดตายไปต่อหน้าต่อตา”
เถ้าแก่สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันทีอย่างไรก็ตามผู้ฝึกฝนิญญาที่เข้าไปในหุบเขาหลิงหยุนเพื่อล่าสัตว์ิญญาอย่างมากก็ได้แค่สัตว์ิญญาชั้นล่าง หรือถ้ามีเงินยังยากที่จะซื้อหาได้อีกอย่างหากที่ร้านมีจินตานขั้นที่สี่และห้าก็จะเพิ่มชื่อเสียงให้กับร้านเล็กแห่งนี้ได้ด้วย
เขากัดฟันกรอดสีหน้าคร่ำเคร่ง“ได้ ข้าจะถือว่าเ้าเป็สหายและตั้งราคาแบบใจกว้างแก่เ้าจินตานขั้นที่สี่ห้าหมื่นห้าพันเหรียญ ส่วนขั้นที่ห้าแสนเหรียญ เ้าว่าไง”
แม้ราคาจะไม่เป็ไปตามที่คาดไว้แต่ถ้าข้ายังขืนต่อรองต่อไป มีหวังว่าร้านนี้จะต้องขาดทุนอย่างแน่นอนข้าจึงยิ้มและตอบรับข้อเสนอนั้นไว้ “ในเมื่อท่านใจกว้างถึงเพียงนี้ข้ายอมขายให้ก็ได้...อะ นี่เป็บัตรธนาคารของข้า เ้าเอาเงินเข้าก็จบเื่”
“ได้”
เถ้าแก่ส่งบัตรให้พนักงานคนหนึ่งเพียงไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับใบเสร็จฝากเงินจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญและเงินสดอีกห้าพันเหรียญ
ก่อนออกจากร้านเถ้าแก่ก็ไม่ลืมที่จะเชื้อเชิญข้าในครั้งต่อไป “มาบ่อยๆ นะพ่อหนุ่ม”
...
ระหว่างทางก็แวะซื้อข้าวและอาหารไก่ติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
ตอนเช้าหลังให้อาหารไก่เรียบร้อยแล้วจึงฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ต่อ
เคล็ดวิชาต่อสู้ขั้นที่สองอาชาทรงพลัง!
เทียบกันแล้วระหว่างพลังนทีเชี่ยวกับอาชาทรงพลังม้าเพศผู้พันธุ์ดีที่งดงามและสะกดสายตาเยอะกว่าเมื่อออกท่ามือยิ่งได้ยินเสียงฝีเท้าของที่ทรงพลังมากขึ้นท่ามกลางจุดประภพิญญาพลังิญญาไหลเชี่ยวกรากดั่งกระแสธาราเข้าสู่ร่างกายไม่หยุดก่อนจะหลอมรวมเข้ากับเื ปรับพลังของร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ไม่กี่อึดใจพลังที่แข็งแกร่งก็วิ่งแล่นมายังหน้าอก
เฮือก!
สิ้นเสียงถอนหายใจหน้าอกพลันแอ่นขึ้น ควันสีขาวลอยฟุ้งสู่ท้องฟ้าปรากฏรูปร่างม้าตัวผู้สง่างามกีบเท้าทั้งสี่เหยียบย่ำกลุ่มควันราวกับมีชีวิตและพละกำลังมหาศาล
อาชาเหยียบหมอก!
ข้าตะลึงไปเหมือนกันเพราะไม่คิดเลยว่าจะเข้าถึงอาชาทรงพลังระดับเริ่มต้นอย่างง่ายดายเพียงนี้
ข้าพักกินงาิญญาวิหคและเริ่มฝึกต่อ
เพียงไม่นานกลุ่มควันเมื่อครู่ก็จางหายไปและถูกแทนที่ด้วยไอพลังิญญาที่ไม่สิ้นสุดเืในกายยังคงเดือดพล่านเพื่อขับสิ่งสกปรกออกไป หลอมรวมพลังิญญาเป็แก่นสารกล้ามเนื้อมีพลังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับรอ่เวลาที่จะออกมา
การฝึกดำเนินต่อไปกระทั่งพลบค่ำ
ตูม!
พลังิญญาะเิออกมาจากวงแขนฝุ่นควันฟุ้งกระจายก่อนจะตกลงมาดุจหิมะในฤดูหนาวพลังิญญากระทบเข้าที่ศีรษะแล้วสะท้อนออกไป เสียงควบม้าดังแว่วมาแต่ไกลม้าสองตัวส่งเสียงร้องวิ่งฝ่ากลุ่มควันและหายวับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นี่คือพลังระดับกลางอาชาคู่สู่ทะเล!
ข้าทั้งสุขใจและโล่งใจระคนกันแต่ดูเหมือนความคืบหน้าครั้งนี้จะยังไม่เพียงพอไม่มีทางที่จะสำเร็จเคล็ดวิชาต่อสู้ขั้นที่สองภายในวันเดียวเพราะสมัยที่ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ครั้งแรกยังใช้เวลากว่าสามเดือนกว่าจะสำเร็จตอนนี้แม้ข้าจะมีประสบการณ์มาก่อน แต่การบรรลุภายในหนึ่งวันถือเป็เื่ยากเกินความคาดหมายไปมากทีเดียว
แม้วันนี้จะไม่สำเร็จแต่วันที่สองต้องไม่พลาดแน่!
หลังจากเหนื่อยล้ามาค่อนวันจึงหยุดพักกินข้าวเย็นแล้วกลับมาฝึกต่อ
เมื่อเห็นงาิญญาวิหคเหลือเพียงครึ่งเดียวก็อดกังวลไม่ได้ ต่อให้เพิ่มโสมโลหิตสามร้อยปีก็ยังไม่เพียงพอสำหรับขั้นที่สาม
ทว่าหากเข้าถึงขั้นที่สามได้ พละกำลังของข้าก็จะเพิ่มขึ้นถึงหกเท่าและเมื่อรวมวิชาลมหายใจัและเพลงขาเมฆาหมอกขั้นหกด้วยแล้วอาจจะถึงครึ่งหนึ่งของพลังก่อนถูกเผาไหม้ปราณิญญาก็ได้ทั้งยังมีโอกาสชนะคู่แข่งอย่างจวงเหิงซิ่งได้เกินครึ่ง
พอนึกถึงจวงเหิงซิ่งก็ยิ่งอยากเอาชนะพวกที่ชอบดูถูกและมองคนอื่นต่ำต้อยกว่าต้องสั่งสอนให้หลาบจำเสียบ้าง!
เอาคำดูถูกเป็แรงผลักดันแล้วกลับไปฝึกฝนต่อ
เมื่อเข้าฌานวิชาลมหายใจัขั้นที่หกสำเร็จจึงกลับมาฝึกพลังิญญาเคล็ดวิชาต่อสู้ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกควันพลังในร่างกายไหลเวียนตลอดเวลาและพัฒนาแข็งแกร่งจนใกล้ถึงขีดจำกัดแต่เมื่อผ่านรอบแรกไปแล้วกลับพัฒนาได้ช้าลงของล้ำค่าอย่างงาิญญาวิหคจึงสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ของพลังก็จะได้น้อยลง
ยังมีอีกหลายคนที่ตลอดชีวิตนี้ยังทำไม่สำเร็จสาเหตุหลักไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ฉลาด แต่มาจากการฝึกฝนที่ต่ำเกินไปหรืออาจรวมถึงปัญหาทางพร์และความสามารถของคนคนนั้นด้วย
แตกต่างจากข้าที่มีความสามารถสูงไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถปลุกปราณิญญาระดับ์ได้แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีปราณิญญาแล้วก็ตาม มีคำกล่าวจากวิหารของเทพทั้งเจ็ดว่า‘ให้นำความสามารถมาต่อยอดพัฒนาเพื่อการบำเพ็ญที่สูงขึ้นในภายหน้า’ อย่างซูเหยียนตั้นไถเหยา และถังเชวียหรานซึ่งพวกนางต่างก็มีความสามารถและพัฒนาตัวเองจนเก่งกล้ามีชื่อเสียงสุดท้ายชาติตระกูลที่สูงศักดิ์ก็ไม่ใช่หนทางนำไปสู่การเป็จอมยุทธ์ที่ไร้เทียมทานหรือความจริงทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้วั้แ่พวกเราทุกคนได้ลืมตาดูโลก
…
หลังจากเคลื่อนพลังไปหลายรอบกลุ่มหมอกก็เริ่มก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ จนบดบังการมองเห็นหากเพิ่มขึ้นต่อไปก็เท่ากับว่าใกล้เข้าถึงขีดสุดแล้วนั่นเอง
ถึงเวลาฝึกอย่างจริงจังเพื่อบรรลุแล้วล่ะ!
ข้าแผดเสียงคำรามแขนทั้งสองข้างจะสั่นสะท้านด้วยพลังิญญาก่อนจะเข้าทะลวงจุดกั้นของเคล็ดวิชาภายในร่างกาย เสียงดังสนั่นเป็สัญญาณเตือนว่าบรรลุขั้นเริ่มต้นของเคล็ดวิชาา!
ตูม!
ข้าใช้ตาทิพย์มองผ่านไอหมอกนั้นไปไม่นานจึงมองเห็นม้ากำลังเหยียบย่ำไปบนเมฆหมอกจากหนึ่งเป็สองและเพิ่มขยายออกไปเรื่อยๆ สุดลูกหูลูกตา
หมื่นอาชาทะยานฟ้า!
ข้าฝึกขั้นที่สองของเคล็ดวิชาาจนถึงขั้นกลางแล้ว!
แววตาสุกใสขึ้นก่อนภาพตรงหน้าเมื่อครู่จะเลือนหายลับไปกลายเป็ภาพของโรงเกลากระบี่ดังเดิม
วันนี้การฝึกฝนเคล็ดวิชาาคงต้องหยุดไว้เท่านี้แม้จะยังไม่บรรลุขั้นที่สาม ทว่าความคืบหน้าคงเพียงพอจะอวดใครต่อใครได้บ้างแล้ว!
กระทั่งได้เวลาต้องไปฝึกฝนเพลงขาเมฆาหมอกกับเฉิ่นปู้หยุน
วิชาลมหายใจัคือพลังพื้นฐานเคล็ดวิชาาเพื่อความยำเกรง เพลงหมัดสายฟ้าและเพลงกระบี่เพื่อการต่อสู้ด้วยมือและทักษะส่วนล่างคือเพลงขาเมฆาหมอกสำหรับจอมยุทธ์ที่ไร้เทียมทานต้องไม่มีข้อบกพร่องไม่ว่าด้านใดเพราะจะเป็จุดอ่อนสำหรับคู่ต่อสู้ได้ ฉะนั้น การแสวงหาพลังที่ยิ่งใหญ่ต้องเริ่มจากการทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็เ้าแห่งกระบี่อย่างแท้จริง!
…
เขาลั่วเซี่ยเป็สถานที่ที่เงียบสงบเฉิ่นปู้หยุนซึ่งอยู่ตัวคนเดียวกำลังง่วนอยู่กับการตกปลาดูจากจำนวนน่าจะได้เยอะพอตัว
“ท่านกำลังตกปลาอยู่อย่างนั้นหรือท่านอาจารย์?” ข้านั่งลงบนโขดหินพลางถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เฉิ่นปู้หยุนยิ้มบาง“อืม บึงเยว่หยู่นี่ลึกจะตายปลาอะไรก็มีหมดแม้แต่ปลาที่ฟื้นฟูและกักเก็บพลังิญญาอย่างปลาิญญาก็มีอยู่ในบ่อนี้ด้วย
“ปลาิญญา?”
เขาพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ“อืม ปลาิญญามีอยู่หลายชนิดส่วนใหญ่จะสามารถฟื้นฟูพลังและลมปราณได้เหมือนหัวใจและเนื้อของสัตว์ิญญาเ้าดูปลาในกระชังที่มีสีทองนั่นสิ มันชื่อว่าปลาหลีฮื้อหลงหลิง ราคาพอๆกับเนื้อเสือัชั้นดี หนึ่งในอาหารชั้นเลิศของผู้ฝึกฝนิญญาเชียวนะ”
“อ๋อ” ข้าได้ยินแล้วก้มดูในกระชังก็เห็นปลาอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆมันมีตัวสีทองประกายแถมยังไม่ตายอีกต่างหาก
ข้าที่ลงมานั่งอยู่ริมบ่อถามขึ้น“อาจารย์ ท่านไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมถึงมีปลาหลีฮื้อหลงหลิงในบึงนี้ได้ทั้งที่จริงมันควรจะถูกจับไปหมดแล้ว ข้าว่าต้องมีคนเลี้ยงไว้แน่ๆท่านรู้หรือเปล่าว่าเป็ใคร?”
เฉิ่นปู้หยุนยิ้มแสดงท่าทีไม่ใส่ใจนัก “ข้าไม่สนว่าใครจะเป็คนเลี้ยง ข้าอยากกินข้าก็ตกใครจะมาทำอะไรข้าได้?”
ข้าเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะถามต่อ“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ท่านจะตกปลาต่อ หรือสอนเพลงขาเมฆาหมอกให้ข้าล่ะ?”
…
ชู่!
เขาส่งเสียงเตือนก่อนจะกระตุกคันเบ็ดในมือพร้อมด้วยปลาหลีฮื้อหลงหลิงที่ติดขึ้นมาด้วยน้ำหนักน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลกรัมเกล็ดสีทองชุ่มน้ำส่องประกายเล่นแสงกับดวงจันทร์เฉิ่นปู้หัวเราะชอบใจกับผลงานของตัวเอง “วันนี้โชคดีจริงๆได้ปลาชนิดนี้เพิ่มมาอีกตัว ค่ำนี้ต้องได้กินของอร่อยแล้วล่ะ ไปกันเ้าลูกศิษย์เดี๋ยววันนี้ข้าจะตุ๋นซุป ส่วนเ้าก็ฝึกวิชาอยู่ใกล้ๆ ข้าแล้วกัน”
“ขอรับ อาจารย์!”