แสงจ้ารายล้อมร่างทั่วป๋าเจียง เขาเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างเข้าโจมตี ก่อนจะปะทะกับการโจมตีของหวงเหยียนิ คลื่นพลังพลันะเิออก ทำเอาทั้งสองคนถึงกับร่นถอยหลัง
ฉากนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างใ ด้วยไม่คิดว่าทั่วป๋าเจียงจะมีพลังต้านทานอัจฉริยะชั้นยอดอย่างหวงเหยียนิ
ศึกของหวงเหยียนิและทั่วป๋าเจียงเป็ไปอย่างดุเดือด ทุกคนต้องต่อสู้ถึงสี่รอบ ชัยชนะจึงเป็เื่สำคัญ ดังนั้นทั้งสองคนจึงพยายามอย่างหนักเพื่อคว้าชัยชนะมาครอง
เพื่อจะเอาชนะทั่วป๋าเจียง หวงเหยียนิถึงกับต้องปลดปล่อยิญญาาของตนเอง จนในที่สุดด้วยการโจมตีหนึ่งของิญญาา ทั่วป๋าเจียงก็ไร้กำลังต่อต้านจึงถูกซัดกระเด็นและกระอักเื ทำให้หวงเหยียนิเป็ฝ่ายชนะ
ทั่วป๋าเจียงกลับไม่ผ่อนคลายแม้แต่นิดเดียว กระทั่งได้รับาเ็เล็กน้อย จำต้องบอกว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังคงด้อยกว่าหวงเหยียนิเพียงเล็กน้อย
“หวงเหยียนิผู้นี้แกร่งมากจริง ๆ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดทั่วไปก็ไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของเขา” เย่เฟิงคิดในใจขณะมองหวงเหยียนิคว้าชัยชนะไปหนึ่งแต้ม ในบรรดาสี่คน นอกจากทั่วป๋าเจียงที่ไม่มีความแค้นกับเขาแล้ว เว่ยเจิ้นเทียน หวงเหยียนิและเขา เสมือนน้ำไฟที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันไม่ได้
แม้แต่ซือคงเสวียนก็ยังมีความแค้นต่อเย่เฟิงที่ลึกซึ้งเป็อย่างมาก ดังนั้นเย่เฟิงจำต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ ถึงอย่างไรเย่เฟิงก็มีตบะอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาห้าคน
“การประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้เยี่ยมยอดมาก การแข่งขันระหว่างอัจฉริยะถือว่ามีประโยชน์ต่อข้า แม้เดินทางมาไกล แต่ก็คุ้มค่า!”
“ใช่ พวกเราไม่เพียงแต่ได้รับชมการแข่งขันระหว่างอัจฉริยะ แต่ยังได้ชมความงดงามขององค์หญิงซินอี๋ด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้ว”
หลังจากจบศึกของหวงเหยียนิกับทั่วป๋าเจียง ผู้คนในที่แห่งนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา แต่การประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเกินคาดเป็อย่างมาก
“ลำดับต่อไป ซือคงเสวียนปะทะเว่ยเจิ้นเทียน!”
ขณะนั้นเสียงของขุนนางผู้ดำเนินการดังขึ้น เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนี้ต่างก็อดตาเป็ประกายไม่ได้
“ซือคงเสวียนปะทะกับเว่ยเจิ้นเทียน สองคนนี้กำลังจะสู้กันอย่างนั้นหรือ?”
ในสถานการณ์ที่ผู้คนยังไม่เตรียมตัวเตรียมใจ ข่าวนี้ดูเหมือนจะกะทันหันไปหน่อย พวกเขาทราบดีว่าซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนคือสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในการประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้ และก็เป็สองคนที่มีสิทธิ์ชิงตำแหน่งราชบุตรเขยมากที่สุด
บัดนี้ในบรรดาห้าคน ไม่นึกว่าพวกเขาสองคนจะปะทะกัน จึงทำให้ผู้คนอดใระคนตื่นเต้นไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็ศึกต่อสู้ควรค่าแก่การรอคอย
ซือคงเสวียนได้ยินคำประกาศเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ซึ่งความผันผวน เขามองเว่ยเจิ้นเทียนก่อนจะเห็นอีกฝ่ายกำลังลุกโชนไปด้วยเจตจำนงต่อสู้ “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินชื่อเสียงขององค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเว่ยมาบ้าง ถือว่าเป็อัจฉริยะระดับหัวกะทิในหมู่อัจฉริยะแห่งเจ็ดอาณาจักรแดนชิงอวิ๋น เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากแลกเปลี่ยนวิชากับใต้เท้ามานาน บัดนี้โอกาสนั้นได้มาถึงพอดี เ้ากับข้ามาสู้กันสักครั้งเถอะ!”
“ดี!” เว่ยเจิ้นเทียนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนเดินขึ้นเวทีประลองพร้อมกัน เมื่อทั้งสองยืนประจันหน้า บรรยากาศก็เงียบงัน ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่ไร้ลักษณ์นั้น
“ข้าจะเอาชนะเ้า จากนั้นข้าก็จะเป็ราชบุตรเขตของอาณาจักรจ้าว” ซือคงเสวียนกล่าวพลางดวงตาเผยประกายเฉียบคม จากนั้นพลังน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกจากร่าง พร้อมแสงสีทองห่อหุ้มร่างประหนึ่งาาแห่งาก็ไม่ปาน
เขาซือคงเสวียนต้องเอาชนะเว่ยเจิ้นเทียนแล้วกลายเป็ราชบุตรเขยของราชวงศ์จ้าว ซึ่งประโยคนี้เขาเชื่อมั่นในตัวเองมาก ในสายตาเขา มีเพียงเว่ยเจิ้นเทียนที่เป็คู่ต่อสู้ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่อยู่ในสายตาเขา
“งั้นก็เริ่มเลยเถอะ!”
ดวงตาของเว่ยเจิ้นเทียนเผยประกายเย็นเยือก เขาเองก็เห็นซือคงเสวียนเป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองเช่นกัน หากไม่สามารถแต่งกับจ้าวซินอี๋ได้ เขาต้าเว่ยอาจตกเป็ขี้ปากของผู้คน ดังนั้นเขาจะแพ้ซือคงเสวียนไม่ได้
“วูบ!” ทันใดนั้นพลังปราณปะทุออกจากร่างเว่ยเจิ้นเทียน พร้อมกับมีแสงแห่งารายล้อมร่าง จู่ ๆ ทำให้เขาดูตัวสูงใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
“โฮก!” เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังสนั่นทั่วฟ้าดิน ตอนนี้เองพลังอสูรพวยพุ่งออกจากร่างเว่ยเจิ้นเทียน ทำบรรยากาศเปลี่ยนไปทันที ทุกสิ่งราวกับแข็งตัวก็ไม่ปาน นาทีต่อมาผู้คนเห็นร่างอันใหญ่โตปรากฏตัวที่ด้านหลังของเว่ยเจิ้นเทียน พร้อมกับเปล่งแสงสีทองอันโชติ่
“ิญญาาสิงโตเกล็ดทองขั้นคราม ทรงพลังมาก!”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ เว่ยเจิ้นเทียนปลดปล่อยิญญาาของตัวเองทันทีที่เริ่มศึกต่อสู้ ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นเหตุการณ์นี้เท่าไร นอกจากจะพบเจอคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง หรือรีบจบศึกถึงจะปรากฏฉากเช่นนี้ เห็นชัดว่าเว่ยเจิ้นเทียนเห็นซือคงเสวียนเป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของตนเอง
“โฮก!” ิญญาาสิงโตเกล็ดทองแผดเสียงคำรามอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งโจมตีซือคงเสวียนด้วยความรวดเร็ว ขณะเดียวกันเว่ยเจิ้นเทียนยังเหวี่ยงหมัดโจมตี จู่ ๆ เงาหมัดสีทองขนาดใหญ่ปรากฏที่กลางอากาศ ก่อนจะหลอมรวมกับการโจมตีของิญญาาสิงโตเกล็ดทอง ทำให้พลังทวีคูณขึ้นหลายเท่า
“ทรงพลังมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็อุทานด้วยความตกตะลึง หากเป็พวกเขา พวกเขาไม่มีทางรับมือกับการโจมตีที่บ้าคลั่งนี้ได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามซือคงเสวียนกลับนิ่งเฉยแม้เผชิญหน้ากับการโจมตีที่บ้าคลั่งนี้ จากนั้นดาบเล่มหนึ่งปรากฏในมือเขา เขากวัดแกว่งดาบเล่มนั้น ก่อนจะเข้าปะทะกับการโจมตีของเว่ยเจิ้นเทียน ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง และด้วยการปะทะครั้งนี้ ทำทั้งสองคนเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“ไม่เลวนี่ ชักจะน่าสนใจแล้วสิ!” ซือคงเสวียนเผยรอยยิ้มจาง ๆ คล้ายสนใจศึกนี้ขึ้นมา จากนั้นเขาตวัดดาบต่อเนื่องจนรังสีดาบปิดล้อมห้วงอากาศ ส่วนเว่ยเจิ้นเทียนแผดเสียงะโ จากนั้นเหวี่ยงหมัดโจมตี พลันรังสีหมัดปะทะกับรังสีดาบไม่หยุด เสียงะเิก็ดังสนั่นหวั่นไหว
“สองคนนี้แข็งแกร่งมาก แม้แต่การโจมตีเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะรับมือไหว ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วใครจะคว้าชัยชนะไปได้?” ผู้คนเห็นศึกที่บ้าระห่ำของซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนต่างก็ใจเต้นโครมคราม พวกเขานั้นไม่เคยเห็นศึกต่อสู้ระดับนี้มาก่อน ทั้งสองคนล้วนเป็อัจฉริยะชั้นยอด ทุกการโจมตีล้วนบ้าคลั่ง
“น้องหญิงเห็นหรือยัง? นี่สิอัจฉริยะชั้นยอด เป็คนที่เย่เฟิงนั่นเทียบไม่ติด ไม่ว่าคนใดก็ล้วนมีคุณสมบัติเป็ราชบุตรเขย” จ้าวหยางกล่าวกับจ้าวซินอี๋
“เย่เฟิงจะเอาชนะสองคนนั้นได้หรือ?” จ้าวซินอี๋เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็อดคิดในใจเช่นนี้ไม่ได้
อาจกล่าวได้ว่าซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สองคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่จ้าวซินอี๋เคยพบเจอ ซ้ำยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ทั่วไปจะเทียบเคียงได้
ส่วนเย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 ห่างจากซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนถึงหกขั้น ในใต้หล้านี้จะมีผู้ใดต่อสู้ข้ามระดับเช่นนี้ได้? เพราะศึกต่อสู้ของพวกเขาสองคน ทำให้จ้าวซินอี๋เริ่มกังวลใจ
“สิงโตคำราม!”
เว่ยเจิ้นเทียนแผดเสียงะโ จากนั้นเห็นิญญาาสิงโตเกล็ดทองที่อยู่ด้านหลังเขาแผดเสียงคำราม ก่อนจะมีคลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายประหนึ่งคลื่นทะเลก็ไม่ปาน พลอยทำให้ห้วงอากาศสั่นไหวไปด้วย แม้แต่เวทีประลองก็สั่นะเืเช่นกัน พร้อมกับปรากฏรอยร้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ
คลื่นเสียงนั้นกลายเป็พลังโจมตีที่พุ่งเข้าหาซือคงเสวียนอย่างบ้าคลั่ง เมื่อซือคงเสวียนเห็นฉากนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย เขาเพียงคิด พลันปรากฏแสงคุ้มกายสีเขียวหุ้มร่างเขาทันที แม้เป็การโจมตีทั่วไปก็ทำร้ายเขาได้ยาก ในขณะเดียวกันซือคงเสวียนก็ตวัดดาบโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับคลื่นเสียงของสิงโต ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ผู้คนด้านล่างเวทีประลองต่างถอยหลังและยกมือขึ้นปิดหูของตน กลัวว่าคลื่นเสียงนั้นจะทำร้ายตัวเอง
รังสีดาบทำลายคลื่นเสียง แต่คลื่นเสียงที่ยังหลงเหลืออยู่ยังคงจู่โจมร่างซือคงเสวียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซือคงเสวียนเซถอยหลัง แสงคุ้มกายที่ห่อหุ้มร่างแตกร้าว แสงที่เรืองรองก็ริบหรี่ลงเรื่อย ๆ
“ตาย!”
เว่ยเจิ้นเทียนแผดเสียงะโด้วยโทสะ เขาก้าวออกมาก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าซือคงเสวียนในพริบตา พร้อมกับวาดฝ่ามือโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทุกการโจมตีล้วนอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
“เ้าเป็คู่ต่อสู้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว!” ซือคงเสวียนกล่าวเสียงเรียบเฉย เขาจำต้องชื่นชมพลังของเว่ยเจิ้นเทียน การที่กองกำลังที่อยู่ภายใต้การปกครองของสำนักชิงอวิ๋นมีอัจฉริยะมากฝีมือเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เื่ง่ายเลยสักนิด
ซือคงเสวียนตวัดดาบต่อเนื่อง หลังจากทำลายการโจมตีของเว่ยเจิ้นเทียนที่พุ่งเข้ามา ซือคงเสวียนก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
“วูบ!”
นาทีต่อมาเสียงประหลาดดังขึ้น จากนั้นเงาร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏตัวที่ด้านหลังของซือคงเสวียน พร้อมกับปลดปล่อยพลังอันแกร่งกล้า
“แกว๊ก!” เสียงนกร้องดังขึ้น จากนั้นผู้คนเห็นเงาร่างนั้นค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็วิหคเทพขนาดใหญ่ ทั้งยังมีแสงห้าสีที่แฝงด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์รายล้อมร่าง
