อุณหภูมิด้านนอกของวันนี้สูงถึงสามสิบองศาหลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วเรียบร้อย เธอจึงสวมเสื้อยืดผ้าฝ้ายและกางเกงยีนฟอกขาวก่อนจะรวบผมหลวมๆ ดูแล้วเหมือนเด็กนักศึกษาไม่มีผิด
เธอเก็บข้าวของให้เรียบร้อยและเตรียมเดินลงไปด้านล่างทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักพร้อมกับลู่เป๋าเหยียนที่เดินตรงมาหาเธอ ราวกับเป็ห้องของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“นาย...”ูเี่อันถามอย่างหวั่นๆ “นายจะทำอะไร”
“ฉันลืมของไว้ที่นี่”ลู่เป๋าเหยียนตลบผ้าห่มขึ้นเพื่อหาของที่ว่า
“ของอะไร?”ูเี่อันเห็นดังนั้นจึงยกหมอนขึ้นมา “ของอะไรบอกมาสิ ฉันจะได้ช่วยหา”
ลู่เป๋าเหยียนหยิบเนกไทที่อยู่ใต้หมอนขึ้นมาก่อนยิ้ม
“เจอแล้ว”
ูเี่อันมองมันอย่างแปลกใจก่อนหน้าจะแดงระเรื่อ
“นะ นะ นายนี่ไม่ใช่ของนายสักหน่อย!” เธอยื่นมือออกไปเพื่อจะแย่งมันกลับคืนมา
แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับเบี่ยงตัวหลบเธอได้อย่างง่ายดายและเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ
“แต่เมื่อคืนเธอพูดเองว่าเธอแอบขึ้นไปซื้อเนกไทเส้นนี้มาให้ฉันตอนไปซื้อชานมแถมยังจ่ายเงินไปเกือบเท่าเงินเดือนของเธอ เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และขอร้องให้ฉันใช้มันในวันนี้”
“...”
เื่ราวหลังจากนั้นูเี่อันจำไม่ค่อยได้ก็จริงแต่หลังจากลู่เป๋าเหยียนพูดแบบนี้ ความทรงจำของเธอก็เริ่มชัดเจนแจ่มแจ้ง
เนกไทที่เธอแอบซ่อนไว้เพราะไม่รู้จะเอาให้เขาอย่างไรกลับกลายเป็ว่าเธอให้เขาไปตอนกำลังเมา
นี่เธอทำอะไรลงไปเนี่ยแล้วแบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน...
“ฉัน...ก็แค่รู้สึกว่ามันเหมาะกับนายเลยซื้อมา”เธอพยายามอธิบายให้ดูเหมือนเธอทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
“ที่จริงฉันไม่ได้คิดอะไรเลยนะ!”
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วก่อนเอ่ย
“เมื่อคืนเธอยังถามฉันอยู่เลยว่าชอบเธอหรือเปล่า”
ูเี่อันเบิกตากว้างอย่างใ
“นายได้ยินผิดแล้ว!ที่จริงฉันอยากถามนายว่า นายชอบเนกไทเส้นนี้หรือเปล่าต่างหากหรือไม่ฉันก็คงพูดผิดน่ะ คนเมานี่เนอะ พูดผิดพูดถูกเป็เื่ปกติ!”
ขืนอธิบายไปมากกว่านี้หน้าเธอคงแดงจนะเิแน่ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่ได้เถียงอะไร เขายื่นเนกไทส่งมาให้เธอ
ูเี่อันนิ่งไปความผิดหวังเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
“นายจะคืนให้ฉันงั้นเหรอ”
ลู่เป๋าเหยียนใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเธอไปหนึ่งที
“ฉันจะให้เธอช่วยผูกให้ฉัน”
“โอ๊ย”ูเี่อันร้องอย่างเจ็บจี๊ดที่หน้าผาก เธอดึงเนกไทออกจากมือเขามาอย่างเคืองๆ ก่อนจะช่วยผูกให้อย่างคล่องแคล่ว
กิริยาท่าทางของเธอทำให้ลู่เป๋าเหยียนเริ่มข้องใจจึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“เธอเคยผูกให้ใคร?”
ูเี่อันเกือบจะหลุดปากตอบชื่อซูอี้เฉิงออกไปแล้ว
ตอนที่เธอเพิ่งกลับจากอเมริกาซูอี้เฉิงชอบให้เธอผูกเนคไทให้พี่บอกว่าการได้เห็นหน้าเธอก่อนออกจากบ้านแบบนี้ทำให้เขามีพลังใจด้วยเหตุนี้เธอจึงสามารถผูกเนกไทได้อย่างคล่องแคล่ว
แต่...เื่อะไรเธอต้องบอกความจริงกับลู่เป๋าเหยียนกันล่ะ
เธอปรับความยาวของเนกไทให้พอดีก่อนยิ้มเ้าเล่ห์
“ไม่ใช่นายก็แล้วกัน!”
การตอบแบบนี้ะเืใจลู่เป๋าเหยียนยิ่งกว่าตอบชื่อคนอื่นออกไปเสียอีกหลังพูดจบเธอจึงรีบวิ่งหนีลู่เป๋าเหยียนกัดฟันกรอดพลางคิดวิธีจัดการกับหญิงสาวตรงหน้า
หลังอาหารเช้า ขณะทีู่เี่อันกำลังลังเลว่าจะขับรถไปบริษัทด้วยตัวเองดีหรือจะให้ลุงสวีขับรถไปส่งดี ลู่เป๋าเหยียนก็หยิบกุญแจรถขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ฉันจะไปส่ง”
หืมรถหรูพร้อมคนขับสุดหล่อแบบนี้มีเหตุผลอะไรกันที่เธอจะปฏิเสธล่ะว่าแล้วจึงรีบเดินตามเขาไปอย่างดีใจ
คราวนี้ลู่เป๋าเหยียนขับมาส่งเธอถึงที่สถานีตำรวจรถคันงามจอดลงตรงประตูหน้า ดูโดดเด่นสะดุดตาผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา
ูเี่อันลงจากรถเธอหันหลังกลับไปยิ้มพลางโบกมือลาลู่เป๋าเหยียนก่อนจะหิ้วถุงขนมที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวันก่อนเดินเข้าไปด้านในมุมปากของเธอยังคงติดรอยยิ้มบาง
ครั้งที่แล้วที่เขามาส่งเธอที่นี่คือสามวันหลังแต่งงานที่จริงตอนนั้นเธอดีใจมาก แต่ที่ไม่แสดงออกก็เพราะมีอุปสรรคหลายอย่างไหนจะต้องปิดบังเพื่อนร่วมงานแถมยังต้องระวังไม่ให้ลู่เป๋าเหยียนรู้ความรู้สึกของตัวเองอีก เพราะฉะนั้นเธอจึงแกล้งทำเป็รังเกียจเขาบอกให้เขาจอดรถก่อนจะถึงสถานีตำรวจเป็กิโล แต่ใน่ระยะเวลาไม่ถึงสี่เดือนตอนนี้กับตอนนั้นช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เธอหวังว่าการเปลี่ยนแปลงที่ดีแบบนี้จะคงอยู่ตลอดไปเธออยากจะเดินไปพร้อมกับลู่เป๋าเหยียนอย่างมีความสุขแบบนี้ไปถึงบั้นปลายชีวิต
“แหมๆดูเปลี่ยนไปนะจ๊ะ!” เสียวอิ่งเพื่อนร่วมงานของูเี่อันเริ่มแซว“ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน สีหน้าดูดีขึ้นนะเนี่ย รอยยิ้มก็สดใส๊สดใส เฮ้อสงสัยผอ.ลู่ของเธอคงจะดูแลดีล่ะสิใช่ไหม?”
ท่าทางจริงจังแต่น้ำเสียงคลุมเครือนั้นทำใหู้เี่อันผลักเสี่ยวอิ่งออกไปเบาๆ ก่อนจะหยิบพายสับปะรดของโปรดของเธอออกมา
“ถ้ายังพูดมั่วซั่วอีกทีหลังไม่ต้องมาหาของกินที่ฉันเลยนะ!”
เสียวอิ่งมองถุงใบใหญ่ในมือของูเี่อันก่อนเอ่ย
“เธอไปซื้อพวกมันมากับผอ.ลู่เมื่อวันก่อนใช่หรือเปล่าพวกเราเห็นข่าวกันหมดแล้วนะจ๊ะ”
ูเี่อันหน้าแดงก่อนจะหิ้วถุงขนมเดินตรงเข้าห้องทำงานของตัวเอง
เจียงเส้าข่ายเองวันนี้ก็เพิ่งกลับมาจากพักรักษาตัวเมื่อเห็นูเี่อันเดินเข้ามาพร้อมถุงขนมใบใหญ่ เขาก็เริ่มเข้ามาคุ้ยหาผลไม้อบแห้งของโปรดโดยไม่เกรงใจทว่าไม่พบปกติูเี่อันจะต้องซื้อมาเผื่อเขานะ!
เขาประท้วงอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเธอไม่ซื้อผลไม้อบแห้งมา?”
ูเี่อันอยากจะซื้ออยู่หรอกแต่ว่าลู่เป๋าเหยียนไม่ยอม...
เธอไม่กล้าบอกความจริงเลยได้แต่หาข้ออ้าง
“ฉันลืมซื้อน่ะไว้คราวหน้านะ!”
เจียงเส้าข่ายหัวเราะอย่างมีเลศนัย
“เธอไม่ใช่คนความจำแย่แล้วจะลืมได้ยังไง? เป็เพราะคนของเธอที่ไปพร้อมกันล่ะสิ”
ูเี่อันโยนหมูแผ่นให้เขาหนึ่งถุง
“หุบปากแล้วทำงานซะ!”
ความปลอดภัยของเมือง A ค่อนข้างดีมาโดยตลอด่ที่เธอกับเจียงเส้าข่ายลางานไม่ได้มีคดีใหญ่อะไรนอกเหนือจากคดีทะเลาะวิวาทของชาวบ้านที่าเ็เล็กน้อยฉะนั้นจึงไม่มีงานหนักหนายุ่งยากรอพวกเธออยู่การกลับมาทำงานวันแรกหลังจากพักไปนานจึงผ่านไปได้อย่างสบายๆ
ูเี่อันนึกว่าวันนี้จะเลิกงานได้ตรงเวลาทว่าก่อนเลิกงานแค่ไม่กี่นาที สารวัตรเหยียนได้ประกาศว่าเกิดเหตุด่วนขึ้น
“มีคดีฆาตกรรมที่อพาร์ทเมนต์หัวซีหญิงสาวรายหนึ่งตายในที่เกิดเหตุและได้รับการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วเธอคือลูกสาวคนโตของตระกูลเฉินที่มีข่าวฉาวทั้งเื่ธุรกิจและเื่อื่นๆ อยู่ใน่นี้ชื่อของเธอคือ เฉินเิเิ”
“เฉินเิเิสถานภาพโสด เธอช่วยงานของตระกูลมาโดยตลอด ่นี้เครือเฉินประสบวิกฤตอย่างหนักทำให้เธอมีแรงกดดันค่อนข้างสูง แต่เมื่อทางตำรวจท้องที่เข้าไปตรวจในที่เกิดเหตุพบว่าไม่คล้ายกับการฆ่าตัวตาย”
สัญชาตญาณของูเี่อันร้องเตือนว่างานนี้คงไม่ง่ายผู้ตายเป็พี่สาวของเฉินเสวียนเสวียนเฉินเสวียนเสวียนคงใช้โอกาสนี้มาหาเื่เธอแน่ๆ
เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุเธอกับเจียงเส้าข่ายก็เริ่มทำการสำรวจหาหลักฐาน จากนั้นจึงกลับไปที่สถานีตำรวจ
ระหว่างทางเธอได้รับโทรศัพท์จากลู่เป๋าเหยียนเธอจึงบอกเขาไปว่ามีคดีเกิดขึ้นให้เขากลับบ้านก่อนได้เลยเดี๋ยวเธอค่อยโทรหาอาเฉียนให้มารับ
“ฉันก็ต้องทำโอทีด้วยเหมือนกัน”ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “เธอเลิกประมาณกี่โมง”
ูเี่อันลองกะเวลาคร่าวๆก่อนตอบ
“น่าจะสักสี่ทุ่มหน่อยๆ”
“โอเคงั้นเดี๋ยวฉันไปรับ”
“อืม”ูเี่อันวางสาย ก่อนจะพบว่าเจียงเส้าข่ายกำลังจ้องมองเธอแปลกๆ
“มีอะไร?” เธอเบ้ปากน้อยๆ“ถ้าอิจฉาก็รีบไปหาเมียสักคนสิ”
“เธอรู้หรือเปล่า”เจียงเส้าข่ายเอ่ย“ว่าเมื่อกี้ตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับลู่เป๋าเหยียนมันดูเป็ธรรมชาติ ไม่เคอะเขินไม่หนี ไม่ปฏิเสธอะไรอีกแล้ว เจี่ยนอัน เธอรู้ไหมว่ามันหมายความว่าไงมันหมายความว่าเธอเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับเขาแล้วน่ะสิ”
ูเี่อันพูดอย่างไม่มั่นใจ“แต่พวกเราเพิ่งแต่งงานกันไม่ถึงครึ่งปี จะเป็ไปได้ยังไง...”
“ไม่เคยได้ยินหรือไง”เจียงเส้าข่ายยิ้ม “ความเคยชินมันเกิดขึ้นได้หลังจากทำอะไรติดต่อกันยี่สิบเอ็ดวันพวกเธอใช้ชีวิตร่วมกันมาจะสี่เดือนแล้วนะ”
ปฏิกิริยาแรกของูเี่อันคือเธอกลัวถ้าเธอชินกับการมีเขาอยู่ในชีวิต หากอนาคตต้องหย่าขาดกันไป แล้วเธอจะทำอย่างไร?
แต่...ใครบอกกันล่ะว่าเธอกับลู่เป๋าเหยียนจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้อีก?
เธอเชิดหน้าเล็กน้อยพลางเอ่ย
“เคยชินแล้วไง? ไม่ชินสิแปลก!”
เมื่อกลับมาถึงที่สถานีตำรวจพวกเธอก็สวมชุดกาวน์กับมาสก์ปิดปาก เจียงเส้าข่ายเริ่มพิสูจน์หาเวลาที่เหยื่อเสียชีวิตส่วนูเี่อันรับผิดชอบการผ่าชันสูตรศพ แต่เมื่อถอดเสื้อผ้าของเฉินเิเิออกเธอก็ถึงกับช็อก
ที่ข้อมือของเฉินเิเิมีรอยถูกเชือกรัดที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆท่อนบนของร่างกายมีรอยฟกช้ำน้อยใหญ่เต็มไปหมด ส่วนท่อนล่างนั้นสภาพไม่น่าดูเป็อย่างยิ่งเธอรู้ในทันทีว่าก่อนตายผู้หญิงคนนี้พบเจออะไรมาบ้างแถมคนที่ทำให้เธอเป็แบบนี้คงไม่ได้มีแค่คนเดียวแน่ๆ
เจียงเส้าข่ายเดินเข้าห้องมาก็ต้องประหลาดใจเขาส่งมีดผ่าตัดให้กับูเี่อันเธอผ่าเปิดทรวงอกอย่างเชี่ยวชาญก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง
“เธอใช้สารเสพติดก่อนตายได้ทำการเสพเฮโรอีนเป็จำนวนมาก”
“เฮ้อ”เจียงเส้าข่ายถอนหายใจพลางเตรียมอุปกรณ์ทำการทดลอง
“ยังสาวอยู่แท้ๆทำไมถึงเลือกวิธีนี้ทำร้ายตัวเองกันนะ”
ูเี่อันยักไหล่คนที่ไม่รู้จักรักตัวเองมีถมไป แต่นั่นก็เป็ชีวิตของพวกเขาเธอจึงไม่อยากไปวิพากษ์วิจารณ์เธอแค่หวังว่าคนเ่าั้จะเข้าใจว่าผลสุดท้ายแล้วจะได้รับผลลัพธ์อย่างไร
หลังง่วนอยู่กับเคสตรงหน้าเป็เวลานานจนสี่ทุ่มกว่าูเี่อันก็ถอดชุดเสื้อกาวน์และเดินกลับมาที่ออฟฟิศ แล้วก็ต้องเซอร์ไพรส์ เพราะที่โต๊ะของเธอมีคนคุ้นตากำลังนั่งรออยู่
“นายเข้ามาได้ยังไง”
ลู่เป๋าเหยียนวางสมุดที่เธอใช้จดบันทึกลงก่อนตอบ
“ผู้กำกับของพวกเธอพาฉันเข้ามา”
เขาเดินมาหาูเี่อันแตู่เี่อันกลับถอยหนี
“นายอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ฉันเพิ่งชันสูตรศพเสร็จ ตัวเหม็นมาก ขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
พูดจบเธอก็เดินเข้าห้องพักชั่วคราวของที่นี่เพื่อทำการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เจอเจียงเส้าข่ายพอดีจึงเอ่ยคำลา
“ฉันไปก่อนนะ”
“คนของเธอมางั้นเหรอ”เจียงเส้าข่ายยิ้ม “ไปเถอะ”
ูเี่อันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะกลับเข้าออฟฟิศไปเรียกลู่เป๋าเหยียน
“เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนจูงมือเธอเดินออกไปด้านนอกูเี่อันรู้สึกประหลาดใจ เพราะนอกจากคนที่ทำงานที่นี่แล้วแม้กระทั่งลั่วเสี่ยวซีที่เป็เพื่อนตายของเธอก็ยังไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้หากรู้ว่าเธอเพิ่งผ่าศพเสร็จอาจเพราะกลิ่นหรือข้อห้ามต่างๆ แต่ลู่เป๋าเหยียน...เขาไม่ถือเลยงั้นเหรอ?
หลังขึ้นรถลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ได้สตาร์ทรถในทันที เขาหันมาถามเธอ
“กินข้าวเย็นหรือยัง”
“กินแล้วสิ”ูเี่อันตอบ “คดีนี้ฉันกับเจียงเส้าข่ายช่วยกันทำงานไม่ได้ยุ่งขนาดไม่มีเวลากินข้าว”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว“พวกเธอผ่าศพกันอยู่ ยังกินข้าวลงอีกเหรอ”
“ครั้งสุดท้ายที่กินไม่ลงน่าจะเป็ตอนมหาวิทยาลัย”ูเี่อันตอบ “ศาสตราจารย์ให้พวกฉันดูรูปภาพประกอบการสอนวันนั้นพวกฉันไม่มีใครกินข้าวลงสักคน แต่หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็ภาพสยองขนาดไหนพวกฉันก็มีภูมิต้านทานแล้วเรียบร้อยตอนที่ศาสตราจารย์พาพวกฉันไปดูการผ่าชันสูตรศพจริงๆ ที่สถานีตำรวจหลายคนถึงกับอาเจียนเลยล่ะ แต่ฉันพยายามคิดแค่ว่าตัวเองกำลังดูรูปภาพอยู่เท่านั้นจึงไม่ได้อาเจียนออกมาส่วนเื่กินข้าวไม่ลงนี่เกิดขึ้นจริงๆ แหละ แต่พอดูไปเรื่อยๆ เจอบ่อยๆมันก็ชินแล้วล่ะ”
ถ้าถามต่อมากกว่านีู้เี่อันคงเริ่มอธิบายลงรายละเอียดให้เขาฟังแน่ๆลู่เป๋าเหยียนจึงรีบเปลี่ยนหัวข้ออย่างชาญฉลาด
“ผู้กำกับบอกว่าผู้ตายคือเฉินเิเิ”
“อืมพี่สาวของเฉินเสวียนเสวียน ผลการชันสูตรฟ้องว่าเธอติดสารเสพติดและได้รับการทรมานทางร่างกาย แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าเพราะสมยอมหรือเพราะถูกบังคับเธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคนในเวลาเดียวกัน” ูเี่อันพูดพลางใช้ความคิด“แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงกลายเป็คนแบบนี้ จากข้อมูลที่มีเธอจบจากมหาลัยดังความสามารถในการทำงานก็ยอดเยี่ยมเป็แบบอย่างให้กับใครหลายๆ คนแต่ชีวิตส่วนตัวเธอกลับเป็แบบนี้ ต้องมีสาเหตุอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ”
แววตาของลู่เป๋าเหยียนดูแปลกไป
“เจี่ยนอันเธอเลิกงานแล้ว อย่าคิดเื่งานต่อเลย กลับไปพักผ่อนดีกว่า”
“อืม”ูเี่อันตอบรับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอหลุดปากพูดอะไรกับลู่เป๋าเหยียนไปบ้าง
โอ๊ย เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ
