เกล็ดเหมันต์สีเงินโปรยปรายจากฟากฟ้าแตะััลงบนฝ่ามือ เพียงชั่วครู่ก็ละลายหายไป หลิงมู่เอ๋อร์ทอดมองแนวเทือกเขาที่ไกลออกไปอันปกคลุมด้วยสีเงินของหิมะ สามารถมองเห็นกิ่งก้านต้นไม้บางส่วนได้อย่างรางเลือน ทว่าหลังจากนั้นในไม่นาน แม้แต่สีของมันก็ยังถูกปกคลุมไว้จนมิด เหลือไว้แต่เพียงสีขาวโพลน หิมะรอบนี้ตกมาตลอดทั้งเดือนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
หลิงมู่เอ๋อร์ห่อร่างกายด้วยเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะั์ตาอันลุ่มลึกเต็มไปด้วยความสับสน
สองวันแล้ว ในที่สุดก็สามารถยอมรับความจริงได้ นางจากผู้สืบทอดทางการแพทย์แผนโบราณในยุคปัจจุบันกลายมาเป็สาวชาวนาในสมัยโบราณ ครอบครัวนี้ยากจนข้นแค้น มีพ่อแม่และพี่ชายขาพิการ มีน้องชายไม่ชอบพูดอีกหนึ่งคน เหมันตฤดูอันแสบเหน็บหนาว ที่บ้านไม่มีอาหารเหลืออยู่ ครอบครัวของพวกเขาหิวมาสามสี่วันแล้ว
ควรจะพูดว่า ในครอบครัวที่ยากจนนี้ เ้าของร่างเดิมไม่เคยได้อิ่มท้อง คราวนี้พวกเขาขาดเสบียงอาหารมาสามสี่วันแล้วอย่างแท้จริง
สามปีที่แล้ว พี่ชายหลิงจื่อเซวียนหกล้มจนขาได้รับาเ็ขณะตามไปทำงานกับท่านพ่อ ท่านพ่อท่านแม่เ็ปใจยิ่ง คิดหาวิธีรักษาเขาอย่างเต็มที่ ทว่าในตอนนั้นยังไม่ได้แยกบ้าน ยังอาศัยอยู่กับท่านลุงใหญ่ ท่านลุงสอง ท่านอาเล็กและท่านปู่ท่านย่า เงินที่แต่ก่อนหามาได้ล้วนอยู่ในมือของท่านปู่ท่านย่า ท่านปู่กับท่านย่าไม่อยากใช้เงินรักษาขาของพี่ใหญ่ จึงจัดการให้พวกเขาแยกบ้านออกไปทันที
หลังจากที่แยกบ้าน ครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ได้รับสิ่งของอะไรมากมาย ท่านพ่อท่านแม่เป็คนซื่อสัตย์ ได้รับส่วนแบ่งเป็ที่นาระดับกลางสองหมู่และที่นาระดับต่ำสองหมู่ พวกเขาทำการบุกเบิกพื้นที่รกร้างหนึ่งผืนปลูกพืชผักด้วยตัวเอง ย้ายไปอาศัยอยู่เรือนสภาพทรุดโทรมที่เชิงเขา ท่านพ่อเข้าไปทำงานในเมือง แต่ละเดือนหาเงินได้สองร้อยกว่าอีแปะ เงินสองร้อยกว่าอีแปะนี้เป็เงินที่ใช้จุนเจือทั้งครอบครัว ทว่าเนื่องจากครึ่งเดือนก่อนหิมะตกลงมาอย่างหนักไม่หยุดหย่อน ถนนหนทางบนูเาถล่มลงมา ท่านพ่อไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ ทั้งครอบครัวของพวกเขาจึงไม่มีอาหารกิน สภาพอากาศเช่นนี้ แม้แต่ในูเาก็ล้วนไม่มีอาหารเหลือ พวกเขานอกจากจะต้องอดทนหิวแล้วยังจะสามารถทำอันใดได้อีก?
“มู่เอ๋อร์…”น้ำเสียงอ่อนแรงดังขึ้นจากด้านนอก
หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นแต่สตรีหนึ่งนางที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าบางๆ เดินมาจากระยะไกล สตรีนางนั้นสวมใส่เสื้อผ้าฤดูร้อนทั้งยังมีรูชำรุดหลายจุด นางเดินอยู่บนพื้นหิมะด้วยเท้าเปล่าทั้งสองข้าง เท้าสองข้างที่เดินอยู่บนหิมะนั้น เย็นจนบวมขึ้นมา ขณะนี้หิมะยังคงตกหนักอยู่ นางทั้งไม่มีสิ่งใดมากำบัง ออกจากบ้านไปหนึ่งรอบท่ามกลางลมหิมะแรง เส้นผมของนางเปียกชุ่ม ริมฝีปากหนาวเย็นจนกลายเป็สีเขียว
นี่คือมารดาเ้าของร่างนี้นามว่า หยางซื่อ
หยางซื่ออายุสามสิบกว่าปี ถ้าหากเป็ยุคปัจจุบัน นางอยู่ในวัยเจริญพันธุ์พอดี แต่ในเวลานี้เส้นผมของหยางซื่อขาวราวกับสีดอกเลา ใบหน้าซีดเซียว สีหน้าไม่เพียงแต่เหลืองซีดเท่านั้น กลับมีริ้วรอยอีกมากมาย นี่คือหญิงอายุสามสิบกว่าปีที่ใดกัน? นางคล้ายกับหญิงวัยกลางคนอายุสี่สิบห้าสิบโดยแท้จริง
หยางซื่อหิวมาหลายวันแล้ว นางเดินโคลงเคลงไปมา กอปรกับอากาศที่หนาวเหน็บ นางเดินออกจากบ้านด้วยสภาพที่เสื้อผ้าเนื้อบางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าร่างกายอ่อนแอ อาจจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
หลิงมู่เอ๋อร์วิ่งออกไป พยุงร่างของมารดาที่กำลังจะล้มลง หญิงสาวมองนางอย่างกลัดกลุ้ม “ท่านเป็อันใดหรือไม่เ้าคะ?”
ทันทีที่ก้าวเข้าไปเหยียบในหิมะ รองเท้าฟางใต้ฝ่าเท้าพลันเปียกชุ่ม กระแสความหนาวเย็นะเืจากฝ่าเท้าแล่นเข้าสู่ร่างกาย ทันใดนั้นนางก็หนาวจนตัวสั่น เมื่อครู่นางหลบตัวอยู่ภายในห้อง รู้สึกหนาวจนคิดอันใดไม่ออก ตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าใจว่า เมื่อเทียบกับหยางซื่อ นางถือว่าโชคดีมากแล้วที่สามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องได้ หยางซื่อนั้นเพื่อลูกลูกของตนเอง นางไปขอร้องบ้านเรือนทั่วทุกแห่งหน คนในหมู่บ้านพบเห็นนางล้วนต่างปิดประตูใส่ วันนี้ไม่รู้ว่าจะได้อะไรหรือไม่ ถ้าหากไม่มี หญิงสาวก็จะบอกนางว่าไม่ต้องออกไปอีกแล้ว ในตอนนี้นางคือหลิงมู่เอ๋อร์ เป็สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวนี้ นางจะคิดหาวิธีจัดการให้เอง
หยางซื่อแย้มยิ้มอย่างขมขื่นให้กับหลิงมู่เอ๋อร์ นางคลายฝ่ามือ ไข่ไก่อุ่นๆ หนึ่งใบนอนอยู่บนนั้น
“มู่เอ๋อร์ ในนี้มีไข่ไก่อยู่หนึ่งใบ เป็ป้าสะใภ้ของเ้าแอบให้ข้ามา เ้ารีบเอาไปทำน้ำแกงไข่เถิด เ้ากับพี่ชายและน้องชายแบ่งกันทานคนละนิด วันนี้ก็จะไม่หิวแล้ว” หยางซื่อกล่าวเสียงอ่อนระโหยโรยแรง ร่างของนางพลันล้มลงหงายหลัง ดวงตาปิดสนิท แขนร่วงลงสู่พื้นทันที เห็นไข่ไก่อันล้ำค่านั้นกำลังจะตกลงไปในพื้นหิมะ
หญิงสาวรีบร้อนรับแขนของนางเอาไว้ คว้าไข่ใบนั้นที่ได้มาอย่างยากเย็น เมื่อไข่ตกลงอยู่ในมือของนาง ความรู้สึกภายในใจพลันรู้สึกหนักอึ้งเป็พิเศษ
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดมองสตรีอ่อนแอผู้นี้ มีความรู้สึกเจ็บที่หน้าอก แสบจมูกเป็อย่างยิ่ง นางไม่รู้ว่านี่เป็ความรู้สึกที่เ้าของร่างเดิมหลงเหลือเอาไว้หรือไม่ หรือเป็ความรู้สึกของตัวนางเอง
เ้าของร่างเดิมเป็เพียงเด็กที่โง่เขลา เมื่อคราวก่อนที่บ้านมีอาหารเหลืออยู่ไม่มากนัก นางแบ่งอาหารส่วนนั้นของตนเองมอบให้กับน้องชายของนางกิน นางจึงทั้งหิวทั้งหนาวจนสิ้นใจในที่สุด ทว่าทั้งหมดนี้ ครอบครัวของนางล้วนไม่ทราบ สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากนางตายไปแล้ว ได้มีิญญาจากอีกโลกหนึ่งเข้าร่างนี้แทน
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ หรือเป็เพราะว่าพวกเขามีชื่อที่เหมือนกัน?
ในโลกก่อน นางเป็ทายาทของตระกูลแพทย์แผนโบราณ เมื่ออายุได้ห้าปี ในพิธีเซ่นไหว้เทพเ้า นางถูกแหวนวิเศษประจำตระกูลยอมรับเป็เ้าของ ดังนั้นนางจึงถูกผู้าุโของตระกูลรับไปอบรมเลี้ยงดูอย่างลับๆ ครั้นเมื่อกลับถึงบ้านอีกครั้ง นางก็เป็เด็กหญิงอายุสิบห้าปีแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ของนางให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวอีกหนึ่งคน ปฏิบัติต่อพวกเขาเปรียบเสมือนไข่มุกเสมือนหยก แต่สำหรับนาง ในสายตาของพวกเขากลับมีความเคารพนบนอบ มีความเกรงกลัว ทว่าหาได้มีความรักความผูกพันไม่ ั้แ่นั้นเป็ต้นมา นางก็ไม่เคยกลับบ้านอีกเลย
ในโลกนี้ นางรู้สึกว่าได้รับความรักในฐานะหญิงชาวนาธรรมดาคนหนึ่ง
ร่างกายของเ้าของร่างเดิมอ่อนแอเป็อย่างยิ่ง หิวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก นางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ไม่ง่ายเลยกว่าจะแบกหยางซื่อกลับเข้ามาในห้องได้
หยางซื่อเปียกโชกไปทั้งร่าง จำต้องถอดเสื้อผ้าของนางออกทั้งหมดอย่างช่วยไม่ได้ แล้วห่อนางไว้ในผ้าห่ม แท้จริงแล้วผ้าห่มเ่าั้เป็ผ้าห่มที่ทำขึ้นมาจากเสื้อผ้าเก่าที่ขาดจนสวมใส่อีกต่อไปไม่ได้
เส้นผมของนางก็เปียกชื้นด้วยเช่นกัน ถ้าปล่อยให้นอนเช่นนี้ต่อไป จะต้องป่วยเป็แน่ หลิงมู่เอ๋อร์หาผ้าเช็ดตัวขาดๆ หนึ่งผืนม้วนผมให้นางไว้ แม้ว่าทำเช่นนั้น ร่างกายทุกส่วนของนางก็ยังเย็นราวกับน้ำแข็งไม่ได้ช่วยให้อบอุ่นขึ้นมาเลยสักนิด
ไข่ใบนั้นยังคงวางไว้อยู่บนโต๊ะ ในห้องข้างๆ มีเด็กชายหนึ่งคนนอนซมด้วยพิษไข้ นั่นก็คือน้องชายของเ้าของร่างนี้ เด็กคนนั้นเพิ่งจะอายุสิบปี เนื่องจากบนใบหน้ามีรอยปานติดอยู่ จึงมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ นานวันผันผ่าน ถึงได้แปรเปลี่ยนเป็เด็กที่เป็โรคปิดกั้นตนเอง นางเป็ห่วงหยางซื่อ แต่เด็กคนนั้นนางก็ไม่สามารถวางใจได้เช่นกัน ดังนั้น ควรจัดการกับไข่ใบนี้เสียก่อน ให้เด็กนั่นกินแล้วค่อยกลับมาดูแลหยางซื่อ!
หลิงมู่เอ๋อร์เดินผ่านไป หยิบไข่ไก่ใบนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวัง นางรู้ซึ้งว่าสิ่งที่นางถืออยู่ในมือไม่ใช่เพียงไข่ไก่ หากเป็ชีวิตของคนทั้งครอบครัว
ปังปัง! เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก คนผู้นั้นกระทำการอย่างบุ่มบ่าม ทั้งเคาะทั้งถีบ ก่อนจะะโเสียงดังลั่น "เปิดประตู! ให้นังผู้หญิงน่าตายผู้นั้นออกมา"
เรือนทรุดโทรมหลังนี้เหมือนจะพังลงได้ทุกเมื่อ ที่สามารถทนมาได้จนถึงตอนนี้ถือว่า์มีเมตตามากแล้ว ไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดเคาะประตูอยู่ด้านนอก แต่ไม่ว่าจะเป็ผู้ใด คนเช่นนี้ล้วนทำให้ผู้คนเกลียดชัง
นางถือไข่ไก่อยู่ กำลังคิดจะออกไปดู คนผู้นั้นก็ถีบประตูเปิดเข้ามา เสียงดังตึง ประตูพลันล้มลงมาทันที
ตอนนี้ในบ้านมีเพียงนาง หยางซื่อ และน้องชายที่ยังไม่ตื่น หลิงจื่ออวี้
พี่ชายของนางหลิงจื่อเซวียนเห็นว่าคนในครอบครัวไม่อาจรับมือกับภัยหนาวได้ เดินกะเผลกไปที่หมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อดูว่าจะขอยืมข้าวสารจากสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในวันวานได้หรือไม่ สหายคนสนิทของเขาคนนั้นแต่งเป็ลูกเขยเข้าบ้านเ้าสาว เล่ากันว่าคนในครอบครัวนั้นค่อนข้างร่ำรวย ไปคราวนี้ หายไปประมาณสองสามชั่วยามได้แล้วยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าเป็เพราะหายืมข้าวสารไม่ได้หรือว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นระหว่างทางหรือไม่ นางหวังว่ามันคงจะเป็อย่างแรก ถ้าหากว่าเป็อย่างหลัง จิตใจของหยางซื่อคงจะหมดอาลัยตายอยากแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์เกรงว่าเสียงที่ดังขึ้นนี้จะรบกวนจนปลุกหยางซื่อที่อ่อนล้าทั้งยังมีหลิงจื่ออวี้ที่ป่วยหนัก นางขมวดคิ้วแล้วเดินออกไปขวางสตรีนางนั้นที่กำลังจะพุ่งเข้ามาทางประตู
สตรีนางนั้นสวมใส่เสื้อผ้าหนาชั้น แม้ว่าจะไม่ใช่เสื้อที่ทำจากผ้าฝ้าย แต่ก็เป็เสื้อผ้าที่ประกอบขึ้นด้วยเสื้อผ้าหลายชั้น เมื่อเทียบกับหยางซื่อแล้ว สีหน้าของคนผู้นี้ดีกว่ามาก และดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง
นางมีดวงตาคมดุจเหยี่ยวคู่หนึ่ง มองแล้วทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความดุร้าย ถึงแม้ว่าอายุไม่น้อยแล้ว แต่มองแล้วย่อมรู้ว่าได้รับการบำรุงที่ดีกว่าหยางซื่อมาก
คนผู้นี้คือท่านย่าของนาง มีอายุห้าสิบแปดปีแล้ว แต่หวังซื่อยังดูอายุน้อยกว่าหยางซื่อที่อายุสามสิบหกปีเสียอีก
“นังหญิงชั่วไร้ยางอาย แม่ของเ้าคนนั้นไปไหนเสียแล้ว? ” ั้แ่หวังซื่อเปิดปากก็ก่นด่าต่อหน้าหลิงมู่เอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง “อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเ้าทำเื่งามหน้าอันใด แม่เ้ากล้าขโมยไข่ของข้าไป อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ไก่หยุดออกไข่ไปนานแล้ว ไข่เ่าั้เป็ของเมื่อก่อนที่ออกทิ้งไว้ มีทั้งหมดสิบสองใบ แม่ของเ้าขโมยไปหนึ่ง คิดว่ายายแก่อย่างข้าจะหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ในเวลานี้ไข่อยู่ในมือของหลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์กุมไว้แน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา “แม่ของข้าไม่มีทางขโมยไข่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีไข่อยู่ในมือ แต่ก็ไม่ได้ขโมย ท่านพูดจบแล้วใช่หรือไม่ หากจบแล้วก็เชิญออกไปเสียเถิด ท่านเสียงดังเหลือเกินเ้าค่ะ”
ดวงตาของหวังซื่อฉายแววประหลาดใจ นางได้สติกลับมาหยิบไม้กวาดด้านข้างแกว่งไปทางหลิงมู่เอ๋อร์ ทุบตีไปพลางะโไปพลาง “เ้าคนเลวทรามต่ำช้าคนนี้ เป็เพียงของชดเชย [1] กล้าดีอย่างไรมาเถียงกับย่าของเ้าเช่นนี้ ข้าจะตีเ้าให้ตาย ของชดเชยเช่นเ้า จะอีกกี่ชาติก็ไม่มีอันจะกิน ริอาจหาญมาขโมยของของข้าไป สิ่งของของข้าเป็สิ่งที่คนชั้นต่ำเช่นพวกเ้าจะสามารถกินได้หรือ? แม่เ้าเป็คนไม่เจียมตัว เ้ามันก็เลวทรามต่ำช้า คนต่ำช้าย่อมให้กำเนิดแต่สิ่งของต่ำช้า”
ร่างกายหลิงมู่เอ๋อร์อ่อนแอเกินไป คิดอยากที่จะเคลื่อนหลบก็ยากแล้ว ด้วยความสามารถก่อนหน้านี้ของนาง สตรีเช่นนี้มาหนึ่งคน ตีหนึ่งคน มาหนึ่งคู่ ตีหนึ่งคู่ แต่ว่าร่างกายนี้ทั้งหิวและหนาวเกินไป หนาวจนตัวจะแข็งในไม่ช้า
ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แรงโต้ตอบก็ไม่มี เดิมทีร่างกายนั้นหนักอึ้งอยู่แล้วยังถูกทุบตีจนได้แผลทั่วร่าง หวังซื่อคล้ายกับคนเสียสติจะทุบตีนางให้ตายเพื่อไข่หนึ่งใบ
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกทุบตีอยู่หลายครั้ง ร่างกายของนางเจ็บจนทนไม่ไหว นางหรี่ตาลง เหยียดขาไปขัดขาของหวังซื่อ
เท้าหวังซื่อสะดุดซวนเซ ร่างอ้วนท้วนของนางทรุดลง เสียงดังโครม กระทั่งพื้นดินยังสั่นะเื
ในห้องไม่มีหิมะ ครั้งนี้เป็การหกล้มจริงเจ็บจริง จมูกของหวังซื่อกระแทกกับพื้นขรุขระ ครู่เดียวเืก็ไหลไปทั่ว พื้นดินต่างเต็มไปด้วยคราบเืราวกับดอกเหมยก็มิปาน ถึงอย่างไรนางก็อายุมากแล้ว การล้มในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เบา ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะตอบสนองกลับมาได้ นางรู้สึกว่าเจ็บจมูกเป็อย่างยิ่ง เอื้อมมือออกไปัั เห็นเืสีแดงฉานเต็มมือ สักพักจึงร้องเสียงดังทันที “กรี๊ด เื... "
หลิงมู่เอ๋อร์ลูบแขนของนาง หวังซื่อลงมืออย่างโเี้เกินไป เดิมทีร่างของนางซูบผอมไม่มีเนื้อหนัง เมื่อถูกตีในการต่อสู้ครั้งนี้ ล้วนเจ็บไปถึงกระดูก
หวังซื่อค่อยๆ ลุกขึ้น ใช้นิ้วเปื้อนเืชี้ไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ กล่าวอย่างบันดาลโทสะ "เ้าของชดเชย วันนี้ข้าจะต้องตีเ้าให้ตายให้ได้"
“ท่านกำลังทำอันใด?” ทันทีที่หลิงจื่อเซวียนกลับมา เห็นน้องสาวแสนอ่อนแอของเขาถูกท่านย่าที่โหดร้ายชี้จมูกพร้อมก่นด่า เขาก็รีบวิ่งเหยาะๆ ด้วยขาที่พิการผิดรูปเข้ามา แย่งไม้กวาดจากหวังซื่อที่กำลังบ้าคลั่ง โยนมันลงบนพื้นอย่างรุนแรง “ท่านย่า หากน้องสาวทำอันใดผิดไป ข้าจะขอโทษแทนนางเอง นางอายุยังน้อย ไม่รู้ความ ท่านย่าอย่าถือสาหาความกับนางเลยขอรับ”
เมื่อหวังซื่อเห็นหลิงจื่อเซวียน ในใจบังเกิดความรู้สึกกลัวบางส่วน อย่าเห็นว่าหลิงจื่อเซวียนเป็เพียงคนขาเป๋คนหนึ่ง ในสมัยนั้นเขาเป็นายพรานฝีมือดี แม้ว่าตอนนี้ขาจะเป๋ไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็บุรุษวัยหนุ่มแน่น ด้านพละกำลังก็ยังแข็งแกร่งกว่าสตรีอยู่มาก ทว่า นางเป็ท่านย่าของเขา เขาก็คงไม่กล้าทำอันใด
“จือเซวียน วันนี้ย่ามาที่นี่เพื่อขอไข่คืนเพียงเท่านั้น ขอเพียงแค่พวกเ้าคืนไข่ให้กับข้า ข้าก็จะไม่เอาเื่กับนังเด็กสารเลวคนนี้” หวังซื่อถลึงตาใส่หลิงมู่เอ๋อร์อย่างเดือดดาล
“มู่เอ๋อร์ ให้นาง” หลิงจื่อเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แม้ว่าครอบครัวของเราจะอดตายกันหมด ก็จะไม่ยอมกินของส่งเดช ของบางอย่างเมื่อกินเข้าไป หากไม่ใช่ของที่ดี อดตายดีกว่าต้องทุกข์ทรมานใจ”
ด้วยนิสัยของหลิงมู่เอ๋อร์ นางย่อมไม่หวงแหนไข่นี้อย่างแน่นอน ทว่าไข่นี้เป็ไข่ที่หยางซื่อนำกลับมาด้วยความยากลำบากและบอกว่าเป็ป้าสะใภ้ใหญ่ที่ให้มา เหตุใดถึงได้กลายเป็ของของหญิงชราผู้นี้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้?
ทว่าหลิงจื่อเซวียนพูดถูก เพื่อไข่เพียงหนึ่งใบ ต้องถูกท่านย่าดูถูกเหยียดหยามถึงเพียงนี้ ไข่แบบนี้ถึงแม้ว่าจะกินเข้าไปในท้อง ก็เกรงว่าอาหารคงจะไม่ย่อย
“ท่านจงถือมันให้ดี อย่าได้หกล้มเป็อันขาด มิเช่นนั้นการเดินฝ่าหิมะตกหนักมาไกลถึงเพียงนี้เพื่อไข่หนึ่งใบ เกรงจะเป็การสูญเสียพลังงานโดยใช่เหตุนะเ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์ยัดไข่ใส่ในมือของหญิงชรา แล้วพูดอย่างเ็า
เชิงอรรถ
[1] ของชดเชย หมายถึง คำที่ใช้ดูถูกผู้หญิงในสมัยอดีตเนื่องจากครอบครัวของฝ่ายหญิงต้องเตรียมมอบสินเดิมเ้าสาวเมื่อออกเรือน