หลังจากที่ได้นอนหลับไปสองวันกับอีกหนึ่งคืนเขาก็ตื่นขึ้นและยังคงรู้สึกเหมือนมีเสียงวิ่งผ่านหูของเขาไปมาคล้ายกับยุงนับร้อยกำลังบินวนอยู่ข้างหูของเขาแต่ถึงอย่างไรมันก็ยังดีกว่าพันเท่าถ้าจะให้กลับเข้าไปนั่งอยู่ในโลงศพอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าเวลาสำหรับทำภารกิจจะเหลือไม่ถึงสามชั่วโมงแล้วทำให้ฉินโจ้วจำใจต้องลุกขึ้นจากเตียง
ช่องข้อมูลข่าวสารกะพริบวาบอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านไปห้าวันสี่คืน ดูเหมือนว่าจะมีข้อความค้างไว้เป็จำนวนมากเมื่อเขาเปิดออกอ่าน ก็ทำให้ฉินโจ้วรู้สึกมีความสุขมากเพราะทั้งหมดล้วนแต่เป็ข่าวดีทั้งสิ้น
ภารกิจที่จ้างวานเอาไว้ดูเหมือนว่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
มีผู้เล่นติดต่อมาหาฉินโจ้วถึงห้าคนแต่ละคนก็มีอิฐมากกว่ายี่สิบก้อนในมือ เมื่อรวมกันอย่างไรก็เกินร้อยมีคนหนึ่งเป็นักฆ่า สามคนเป็หัวขโมย ส่วนคนสุดท้ายเป็ผู้ใช้เวทและดูเหมือนจะเป็ผู้ใช้เวทธาตุแสงเสียด้วย เพื่อเงินแล้วแม้แต่เกียรติยศชื่อเสียงก็สามารถละทิ้งลงได้
ผู้ใช้เวทธาตุแสงลักลอบขุดอิฐของโบสถ์แห่งแสงออกมาขายฟังแล้วดูเป็เื่น่าขันมากกว่าที่ผู้ใช้เวทธาตุมืดเป็คนไปขุดเองเสียอีก
ทั้งหมดนี้ก็เพราะเงิน...
ฉินโจ้วทำได้เพียงส่ายหน้าไม่มีใครบังคับพวกเขาเสียหน่อย เขาเองก็ไม่ใช่ครู ถึงจะมานั่งสอนคนเหล่านี้ เื่ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือต้องทำภารกิจให้สำเร็จ โดยข้อความสุดท้ายเพิ่งส่งมาไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าผู้เล่นเหล่านี้แทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว การนอนก็เป็ลูกไม้วิธีหนึ่งที่ใช้ในการเจรจาต่อรองได้ซึ่งอาจทำให้เขาได้ผลประโยชน์มากยิ่งขึ้น
อิฐหนึ่งก้อนต่อหนึ่งเหรียญทองพวกผู้เล่นเ่าั้จึงรู้สึกกังวลว่านี่เป็เื่ตลกล้อเล่นหรือเปล่าเพราะมันเท่ากับหนึ่งพันหยวนเลยทีเดียวถ้าคนผู้นี้ไม่ได้ถูกประตูหนีบหัวจนเพี้ยนไปแล้วล่ะก็คนธรรมดาทั่วไปใครจะจ้างทำภารกิจแบบนี้กัน และอีกอย่างหนึ่ง ฉินโจ้วก็ไม่ได้ตอบกลับข้อความมาหนึ่งวันหนึ่งคืนยิ่งทำให้ผู้คนเ่าั้เริ่มร้อนรน ซึ่งนี่ก็ใกล้จะได้เวลาที่เหมาะสมแล้วหลังจากที่อาบน้ำ กินอาหารเช้าเรียบร้อยฉินโจ้วจึงได้ตอบกลับข้อความอย่างใจเย็นและทำการตกลงนัดหมายเื่เวลาและสถานที่
คนที่นัดไว้คนแรกมีอาชีพเป็นักฆ่าฉินโจ้วก็ไม่รู้จนกระทั่งได้เจอกันถึงได้รู้ว่าเป็นักฆ่าหญิง เธอรูปร่างไม่สูงนักแต่สมส่วนสวมผ้าพันคอสีดำปิดบังใบหน้าเอาไว้ เผยให้เห็นเฉพาะคางเรียวแหลม ผิวดูเรียบเนียนด้วยเซนส์ของฉินโจ้วบอกได้เลยว่า เธอคนนี้ต้องเป็ผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
''เหล็กในผึ้ง'' นั่นคือชื่อของนักฆ่าหญิงคนดังกล่าวชื่อฟังดูน่าจะมีพิษสงไม่น้อย คนทั่วไปเมื่อได้ยินชื่อก็ต่างรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
"มีอิฐทั้งหมด 26 ก้อนลองตรวจสอบดูได้" เสียงของนักฆ่าหญิงค่อนข้างชัดเจน มีสำเนียงซูโจวอยู่บ้างเป็เอกลักษณ์ดี เมื่อได้ยินแล้วก็ยากที่จะลืมได้
ฉินโจ้วตรวจสอบความสมบูรณ์ของอิฐเพียงเล็กน้อยหลังจากที่ยืนยันได้ว่ามาจากมหาวิหารอูถัว เขาก็จ่ายเงินไป 26 เหรียญทอง ในส่วนของเื่จำนวนปีนั้นเขาคงไม่สามารถทดสอบได้เนื่องจากมันไม่มีวงปีเหมือนต้นไม้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามตราบใดที่อิฐมาจากแหล่งที่มาที่ถูกต้อง อายุก็ไม่ใช่ปัญหา
"ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกัน คราวหน้าถ้ามีภารกิจอะไรก็สามารถติดต่อฉันได้โดยตรง" นักฆ่าสาวเอ่ยขึ้นในขณะที่หยิบเหรียญทอง ภายในดวงตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นแต่ท่าทางที่มองมานั้นฉินโจ้วรู้สึกได้เหมือนกำลังถูกมองว่าเป็พวกโง่ที่ดีแต่ใช้เงิน
"หวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีก"ฉินโจ้วตอบพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อการแลกเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองต่างคนก็ต่างไปในตอนแรกที่ได้พบกันนั้นต่างก็ดูเรียบร้อยดี ไม่ได้เกิดปัญหาขึ้นแต่อย่างใด
การติดต่อซื้อขายกับหัวขโมยนั้นค่อนข้างง่าย เพียงแค่รับสินค้าและก็จ่ายเงินก็เท่านั้นพวกเขาไม่ได้ถามอะไรเลยสักคำดูเหมือนว่าพวกหัวขโมยจะเข้าใจการทำธุรกิจประเภทนี้เป็อย่างดีมีเครดิตเป็เครื่องยืนยันการแลกเปลี่ยนกับหัวขโมยทั้งสองคนนั้นค่อนข้างรวดเร็วมากจะติดปัญหาก็แค่คนสุดท้ายเท่านั้น
"มันเกิดอะไรขึ้นถึงได้มีอิฐเพียงครึ่งก้อน"ฉินโจ้วถามด้วยความสงสัย
นักฆ่ายิ้มอย่างเขินอายก่อนจะตอบว่า"มันหักเพราะเกิดจากอุบัติเหตุ ดังนั้นครึ่งก้อนนี้ฟรี ไม่คิดเงิน"
ฉินโจ้วในเวลานี้รู้สึกมีความสุขมาก ราวกับซื้อหนึ่งแถมหนึ่งแต่ก็นั่นแหละ เวลานี้ฉินโจ้วมีอิฐอยู่ในมือ 99 ก้อนกับอีกครึ่งหนึ่ง เหลือเพียงแค่ชิ้นสุดท้าย ดูเหมือนอีกแค่ก้าวเดียวภารกิจก็จะลุล่วงแล้ว
"นี่... หิ่งห้อย ตอนนี้ผมมาถึงใต้ต้นไทรแล้ว คุณอยู่ไหน จะมาถึงเมื่อไร?"ฉินโจ้วส่งข้อความไปหาผู้ใช้เวทธาตุแสงคนสุดท้าย
"เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นนิดหน่อย รอสักครู่ เดี๋ยวจะรีบไป" หิ่งห้อยส่งข้อความตอบกลับมา
"ตามนั้น" ฉินโจ้วยิ้มออกมา เมื่อได้ยินเสียงก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่าย้าจะทำอะไรการและเปลี่ยนครั้งนี้คงจะไม่ง่ายดายเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หิ่งห้อยนั้นรออยู่ที่นี่ และเมื่อสามนาทีก่อนหน้านี้ข้อความที่ถูกส่งมายืนยันว่า คนคนนี้ยังไม่ออกไปไหน ฉินโจ้วก็ไม่ได้คิดว่าหิ่งห้อยจะมีธุระด่วนอะไรเขาไม่้ารอแม้เพียงแค่สามนาที อันที่จริงแล้วการแลกเปลี่ยนก็ใช้เวลาไม่นานอย่างมากก็แค่ 3-5 นาทีเท่านั้นแบบนี้คงจะสรุปได้อย่างเดียวว่าหิ่งห้อยนั้นมีความคิดอื่นอยู่ในใจ
หลังจากรออยู่เกือบชั่วโมง ฉินโจ้วก็ได้รับข้อความจากหิ่งห้อยอีกครั้ง
"ฉันไปไม่ได้แล้ว ขอเปลี่ยนสถานที่หน่อยเป็หน้าร้านชา"
ฉินโจ้วตอบตกลง ก่อนจะออกจากร้านต้นไทรผ่านไปชั่วครู่ก็มาถึงหน้าประตูร้านชา ดูเหมือนว่าหิ่งห้อยจะยังมาไม่ถึงฉินโจ้วจึงสั่งน้ำชามาหนึ่งกา ก่อนจะนั่งรออย่างอดทนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเกือบชั่วโมง ก็ยังไม่มีใครโผล่มาให้เห็นดูเหมือนว่าตอนนี้จะเหลือเวลาสำหรับทำภารกิจไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ฉินโจ้วมั่นใจว่าหิ่งห้อยนั้น้าขายแต่ไม่พอใจที่จะขายในราคาหนึ่งเหรียญทอง และแน่นอนว่าหิ่งห้อยคงยังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่แถวๆนี้ ถ้าเขาดูมีท่าทีกังวลเมื่อไรก็คงจะเข้าแผน
ดังนั้นฉินโจ้วจึงต้องทำใจให้เย็นเข้าไว้ไม่ตื่นตระหนก แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ราวกับนั่งกินลมชมวิวไป มองออกไปนอกหน้าต่างดูสาวงามที่เดินผ่านไปมาด้วยความรู้สึกสบายใจเป็อย่างมาก
"มาเจอกันที่หลังูเาเทียม" อีกครั้ง...ที่หิ่งห้อยขอเปลี่ยนสถานที่แลกเปลี่ยน
ในตอนนี้ฉินโจ้วเริ่มรู้สึกโกรธมาก นี่เป็เพราะภารกิจ ถึงยังคงอดทนอยู่ได้ก่อนจะเดินตามมาที่ด้านหลังูเาเทียมดูเหมือนว่าคราวนี้หิ่งห้อยจะไม่ได้เล่นลูกไม้แต่อย่างใดเมื่อปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มีปีศาจหญิงตามมาด้วย หน้าอกใหญ่โตริมฝีปากสีแดงเื
"นายสินะที่เป็คนจ้างทำภารกิจ จะให้เรียกนายว่าอะไร?" หิ่งห้อยเป็คนผิวค่อนข้างขาวเนียน ใบหน้าเปื้อนยิ้มแบบคนเ้าเล่ห์แต่ก็ยังพอดูมีเสน่ห์อยู่บ้างสำหรับเด็กผู้หญิงที่เพิ่งก้าวออกมาสู่สังคมโลกภายนอกแว่บแรกที่เห็นก็พอจะทำให้ประทับใจอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงนี่ฉุดคะแนนโดยรวมลงทันที
"เรียกผมว่า ''พระอาทิตย์ตกดิน'' ก็ได้ ว่าแต่เอาของมาด้วยหรือเปล่า?ฉินโจ้วตอบด้วยนามแฝงไปอย่างไม่ใส่ใจ
รอยยิ้มอันน่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหิ่งห้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า "เมามายซบตักสาวงาม ผู้ก่อตั้งฉินหวังกรุ๊ปถึงนายไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักนายเป็อย่างดี"
"ถ้าในเมื่อรู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็ดีเลย...จะเอาไงก็ว่ามาเลยละกัน" ฉินโจ้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อชื่อของเขาถูกเปิดเผยราวกับว่าเขาไม่ได้เป็คนพูดโกหก แต่เป็คนอื่นสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็มิตร
หิ่งห้อยยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะพูดขึ้นว่า"กว่าจะได้อิฐก้อนนี้มา ฉันก็จ่ายเงินไปไม่น้อยและยังเกือบถูกไล่ออกมาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์อีก ดังนั้นราคามันควรจะสูงหน่อย"
ฉินโจ้วนึกในใจ ผิดไปจากที่คาดที่ไหนเขาพยักหน้าเพื่อให้ว่าต่อไป เมื่อเห็นว่าฉินโจ้วไม่ได้ตอบรับทันใดนั้นในใจของหิ่งห้อยก็รู้สึกแปลกๆ แต่เมื่อนึกถึงสถานภาพของฉินโจ้วแล้วเธอก็พูดต่อทันที "เงื่อนไขของฉันง่ายมาก สิบเท่าฉันอยากได้ราคาที่สิบเท่า"
ฉินโจ้วนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมามีเพียงแค่รอยยิ้มเ็าเผยให้เห็นเท่านั้น
ในครั้งแรกนั้นั้แ่ที่พวกเขายังไม่ได้พบกันจนหลังจากที่ได้พบกับหิ่งห้อยแล้วนั้น สายตาของฉินโจ้วนั้นดูสงบนิ่งจนน่ากลัวคิ้วที่หนาคมสีดำเข้มราวกับหมึกนั้นไม่ต่างจากมีดสองเล่ม หิ่งห้อยมองดูด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างก่อนจะะโออกมาอย่างลืมตัวว่า "ตกลงจะเอาหรือไม่ ก็บอกมา ถ้าไม่... ฉันจะไปทันทีไม่ทำให้นายเสียเวลา"
จู่ๆ ฉินโจ้วก็ยิ้มออกมาให้ความรู้สึกเย็นะเือย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับจู่ๆก็มีลมหนาวโชยมาปะทะเข้ากับใบหน้า และพูดขึ้นว่า "อย่าห่วงไปเลยเื่เงินน่ะเป็เื่เล็กน้อย แต่ผมอยากเห็นสินค้าก่อน ถ้าไม่ตรงตามที่ระบุไว้ผมก็ไม่อยากได้หรอก คุณเข้าใจใช่ไหม?"
"เื่นั้นไม่ต้องเป็ห่วง ของของฉันนั้นเป็ของแท้สมกับราคาแน่นอนไม่ต้องกังวลว่าจะถูกโกงหรอก" หิ่งห้อยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและความมั่นใจก็เพิ่มมากขึ้น
ปกติแล้วฉินโจ้วเห็นเงินสำคัญยิ่งกว่าพระเ้าเป็ไหนๆแต่สำหรับวันนี้แล้ว เงินแทบไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะภารกิจนั้นต้องมาก่อนเสมอ
หลังจากที่หิ่งห้อยหยิบก้อนอิฐออกมา ฉินโจ้วก็ตรวจสอบอย่างละเอียดทุกก้อนซึ่งก็เหมือนกับอิฐที่ได้รับมาก่อนหน้านี้มีพลังงานศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหิ่งห้อยคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย ถ้าไม่ติดเื่นิสัยขี้โกงล่ะก็ถือว่าเป็คนที่มีความสามารถมากคนหนึ่งทีเดียวและยังสามารถนำอิฐมาได้มากที่สุดอีกด้วย มากถึง 37 ก้อนด้วยกันซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่านำมาได้อย่างไร
นี่ก็ไม่ต่างจากหอคอยที่อยู่ใกล้น้ำย่อมได้พระจันทร์ก่อน ดูเหมือนว่าจะประเมินเธอสูงเกินจริงไปหน่อยน่าจะขโมยบ้านที่ยากจะป้องกัน ใช่แล้ว... นั่นแหละ... ตระกูลหัวขโมย
เป็เวลาเกือบสิบนาทีก่อนที่ฉินโจ้วจะเงยหน้าขึ้น และมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจของหิ่งห้อยก่อนจะถอนหายใจออกมา ต้องรับมือกับคนพวกนี้ไม่คิดเลยว่าจะต้องเสียเวลาคิดวางแผนอีก ถ้าหากว่าท่าทางของหิ่งห้อยที่แสดงออกมานั้นดูสงบนิ่งใจเย็นกว่านี้อีกหน่อย แสดงทีท่าไม่แยแสมากกว่านี้อีกหน่อย ฉินโจ้วก็อาจให้ราคาถึงสามเท่าแต่ในเวลานี้ทุกอย่างเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว มีแต่เื่น่าเบื่อ
"ถ้าดูเผินๆรูปลักษณ์ภายนอกดูสมบูรณ์แต่ว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็อิฐที่มาจากมหาวิหารอูถัวจริงคงต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อน ผมเองก็ดูไม่ออก คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญยืนยันก่อนถ้าไม่อย่างนั้นผมคงไม่จ่ายเงินให้นะ" ฉินโจ้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย? ถ้าตกลงก็แค่จ่ายเงินและรับของพร้อมกันทีเดียวไม่ได้หรือ?" หิ่งห้อยะโขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
"ถ้าเพียงแค่คำพูดของเธอบอกว่า มันเป็อิฐของมหาวิหารอูถัวผมเองก็คงพูดได้ว่ามันไม่ใช่เหมือนกันทุกวันนี้ในสังคมของคนเราให้ความสำคัญในเื่ของหลักฐานมันจะเป็ของแท้หรือไม่นั้น แค่นำชิ้นส่วนเล็กๆ ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด ว่าพวกมันไม่มีอะไรผิดพลาด ใช้เวลาไม่นานหรอก?" น้ำเสียงของฉินโจ้วเต็มไปด้วยความเ็า บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
''เฮ้อ...'' หิ่งห้อยส่งเสียงออกมาก่อนจะพูดว่า"ของของฉัน ฉันย่อมรู้จักมันดี นายไม่ต้องหวาดระแวงในตัวฉันหรอก ถ้านายอยากได้ก็อย่าโยกโย้จะทดสอบอย่างไรก็ว่ามา ฉันไม่มีเวลามากหรอกนะ"
ฉินโจ้วเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้วดูเหมือนว่าคนคนนี้จะไม่โง่ทีเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใดก่อนจะพูดขึ้นว่า "ของน่ะอยากได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมคงไม่อยากจ่ายเงินเพื่อซื้อของปลอมหรอกนะ การตรวจสอบก็จำเป็ถ้าคุณกังวลว่าจะล่าช้า ส่งมันมาให้ผมชิ้นหนึ่งเพื่อตรวจสอบก็ได้ถ้าตรวจสอบแล้วว่าเป็ของจริง ก็สรุปได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็ของจริงจะได้ไม่เสียเวลาของพวกคุณ เพื่อความสบายใจของผม พวกคุณคิดเห็นว่าอย่างไร?"
หิ่งห้อยคิดอยู่ชั่วครู่ถึงแม้ว่าเธอเองจะร้อนใจ แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะสุดท้ายเธอเองก็้าทำให้การซื้อขายครั้งนี้สำเร็จในเมื่อมีคน้าที่จะซื้อ ถึงแม้ว่าอิฐเหล่านี้จะเป็ของหายากแต่ถ้าราคาแพงมากเกินไปก็จะทำให้ผู้ซื้อนั้นเกิดความกลัว เมื่อนั้นอิฐเหล่านี้ก็อาจจะกลายเป็ขยะเธอเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ฉินโจ้วหยิบก้อนอิฐออกมาหนึ่งก้อนจากนั้นก็โยนเหรียญทอง 10 เหรียญไปให้หิ่งห้อย
"นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?"หิ่งห้อยจ้องมองดูเหรียญทองที่อยู่ในมือก่อนจะเอ่ยถาม
"หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว ถ้าเกิดว่าก้อนอิฐไม่ตรงตามที่้าอย่างน้อยคุณก็ยังได้สิบเหรียญทอง ไม่อย่างนั้นคิดหรือว่าถึงเวลานั้นผมจะยังยอมจ่ายเงินให้คุณอีก แน่นอนว่าถ้าคุณมั่นใจในอิฐของคุณหลังจากตรวจสอบเสร็จค่อยจ่ายทีเดียวก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ส่งสิบเหรียญทองนั่นกลับมา"ฉินโจ้วจ้องมองไปยังหิ่งห้อยด้วยสายตาเย้ยหยัน เมื่อเขาได้อิฐก้อนสุดท้ายมาแล้วเขาก็ไม่จำเป็ต้องกังวลว่าจะทำให้หิ่งห้อยโกรธหรือไม่
หิ่งห้อยรีบเก็บเหรียญทองไปอย่างรวดเร็วจะให้ส่งคืนอย่างนั้นหรือ ตลกสิ้นดี... ก่อนจะพยักหน้าและพูดขึ้นว่า"ทำตามที่นายว่าก็ได้"
"รอเดี๋ยวก่อน"ปีศาจสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของหิ่งห้อยเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบมานาน"นายต้องจ่ายเงินมาให้เราก่อน 5 เหรียญทองเพื่อเป็หลักประกันไม่อย่างนั้นเราไม่รับรองว่าเราอาจจะเอาของเหล่านี้ไปขาย่ที่นายกำลังตรวจสอบก็ได้"
ฉินโจ้วมองดูหญิงสาวที่ดวงตาสอดส่ายไปมาที่รูจมูกมีห่วงขนาดใหญ่ร้อยอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า "พวกคุณตามผมมาได้เลยผมรับรองว่าใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย บางทีอาจจะไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำคุณคงไม่มีเวลาทำธุรกิจด้วยเวลาเพียงเท่านั้นหรอก"
ปีศาจสาวไม่ชอบที่ถูกฉินโจ้วดูถูกจึงพูดขึ้นว่า "หนึ่งนาทีอย่างนั้นหรือ ได้... พวกเราจะรอคุณหนึ่งนาทีเวลาของพวกเรามีค่า ถ้ามีคนอื่นอยากทำการค้ากับเรา ดูซิว่าคุณจะพูดว่าอย่างไร?
ฉินโจ้วไม่ได้โต้ตอบอะไรไป ความรู้สึกของพวกเธอทั้งสองคนในตอนนี้เวลาเพียงหนึ่งนาทีไม่ต่างอะไรกับหนึ่งล้านนาทีเลย
หลังจากที่เห็นว่าฉินโจ้วไม่ได้พูดอะไร ปีศาจสาวก็เชิดหน้าขึ้นก่อนจะแตะที่แขนของหิ่งห้อย พร้อมกับสูดลมเข้าเต็มปอดและพูดว่า "ฉงฉง สรุปว่าเธอจะเอาหรือไม่เอา?"
หิ่งห้อยเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเห็นได้ชัดว่ามันทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าเธอมองไปที่ปีศาจสาวด้วยความชื่นชมก่อนจะพูดกับฉินโจ้วว่า "ก็ดี...ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้าเขาไม่จ่ายมัดจำ เราก็จะไปทันทีถ้าเกิดว่านายมาหาพวกเราอีกครั้ง มันจะไม่ใช่ราคานี้แล้ว ค่ามัดจำ 5 เหรียญทอง ไม่สิ... 10 เหรียญทอง"
ฉินโจ้วยักไหล่ ก่อนจะแสดงท่าทางว่าอยากจะทำอะไรก็ตามใจ
จากท่าทีที่ฉินโจ้วแสดงออกมาพวกเขาก็รู้แล้วว่าฉินโจ้วไม่ได้ล้อเล่น ทำให้หิ่งห้อยสับสนไปเล็กน้อยในส่วนของปีศาจน้อยเองก็ไม่ต่างกัน ทำไมจู่ๆ ฉินโจ้วก็เกิดไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างนั้นถ้าดูจากก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่เคยไม่รอนี่นา ทำไมเขาจึงเปลี่ยนใจกะทันหัน หรือมีคนยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้เขาหรือเขาแค่พยายามทำใจให้เย็นลง หิ่งห้อยในเวลานี้ก็ชักจะไม่ค่อยมั่นใจจู่ๆ ก็รู้สึกใจหายวาบ ปีศาจสาวที่อยู่ข้างๆ ก็ดึงแขนเสื้อของหิ่งห้อยก่อนจะมองด้วยสายตาเป็เชิงถามว่าแล้วจะเอาอย่างไรต่อ
หลังจากที่กัดฟันแน่น หิ่งห้อยก็ถอนหายใจออกมา และดึงแขนปีศาจสาวให้เดินหันหลังมาเธอเชื่อว่าฉินโจ้วกำลังแสร้งทำ ถ้าใครเป็คนเอ่ยปากก่อน ก็ถือว่าเท่ากับยอมแพ้
หนึ่งก้าว...สองก้าว... สามก้าว...
หลังจากที่เดินไปประมาณห้าเมตรหิ่งห้อยก็หันหลังกลับไป ก่อนที่จะตกตะลึงอยู่อย่างนั้น
ไม่มีใครอยู่ด้านหลังของพวกเธอเลยดูเหมือนว่าฉินโจ้วได้จากไปแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้