ลั่วเสี่ยวซีกุมมือถือพลางหัวเราะอย่างมีเลศนัย
ระหว่างูเี่อันกับลู่เป๋าเหยียนต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆเธอรู้จักเพื่อนเธอคนนี้ดี
แต่จะว่าไปพวกเขาแต่งงานกันแค่สามเดือนก็คืบหน้าขนาดนี้แต่เธอที่ตามจีบซูอี้เฉิงมาเป็สิบปีกลับยังหยุดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนเป็ความล้มเหลวที่น่าอับอายยันบรรพบุรุษจริงๆ
วันนี้เธอจะต้องเซ็นสัญญากับหัวซิงให้ได้เธอจะพิสูจน์ให้ซูอี้เฉิงเห็นว่า เธอไม่ใช่คุณหนูไฮโซที่คอยแต่จะเกาะพ่อแม่กินที่ผ่านมาเพราะว่ายังไม่เจอสิ่งที่อยากทำต่างหาก แต่ถ้าเธอจริงจังกับมันเมื่อไรก็สามารถเป็ผู้หญิงที่ทั้งเก่งและโดดเด่นได้เหมือนกัน!
ก่อนไปตามนัด่เที่ยงลั่วเสี่ยวซีแต่งหน้าอย่างประณีต และเปลี่ยนชุดเป็เดรสสีแดงสั้นสุดเซ็กซี่จากนั้นจึงขับรถสปอร์ตสุดหรูของเธอไปที่โรงแรม
สถานที่สัมภาษณ์คือที่โรงแรมแม้มันจะดูแปลกไปหน่อย แต่เพราะคนที่นัดเธอเป็คุณแม่ลูกหนึ่งที่มีลูกชายโตจนขึ้นประถมแล้ว จึงไม่ได้ติดใจอะไรเธอคิดแค่ว่าวิธีการทดสอบของบริษัทชั้นนำอาจจะพิเศษกว่าที่อื่นๆ ก็เป็ได้
ที่แท้มันเป็แบบนี้นี่เอง
เมื่อถึงร้านกาแฟที่โรงแรมอาเมย์ที่เป็ผู้จัดการนางแบบก็ได้ทำการอธิบายโครงสร้างบริษัทคร่าวๆจากนั้นก็บอกเธอว่า วงการนี้ภายนอกอาจจะดูสวยงาม แต่ที่จริงแล้วเป็งานที่ลำบากมาก
คนอื่นถ้าหิวยามดึกอาจจะโทรหาเพื่อนนัดกันไปกินบะหมี่ดื่มเหล้าเฮฮาสังสรรค์กันได้แต่ถ้าทำงานในวงการนี้ หากไม่ต้องรีบร้อนไปทำงานเวลาส่วนใหญ่มักถูกใช้ไปกับการดูแลรักษารูปร่างให้ดูดีอาหารสามมื้อจะต้องถูกควบคุมอย่างเหมาะสม หากใครรอบเอวเกินยี่สิบห้านิ้วจะได้รับบทลงโทษขั้นรุนแรงจากทางบริษัท
ลั่วเสี่ยวซีพยักหน้า“เื่พวกนี้ฉันเข้าใจดีค่ะ ฉันอดทนได้ ขอแค่ได้กลายเป็คนดัง!”
อาเมย์ยิ้ม“บริษัทเองก็อยากได้สาวสวยที่อดทนและไม่กลัวความลำบากแบบเธอนี่แหละ”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มกว้าง“แล้วพวกเราจะเริ่มสัมภาษณ์กันเมื่อไรคะ”
“ต่อจากนี้เลย”อาเมย์ตอบ “เสี่ยวซี พี่จะต้องบอกเธอก่อนวิธีการสัมภาษณ์ของบริษัทเราค่อนข้างพิเศษ พวกเราไม่ได้อยากให้เธอโชว์รูปร่างหรือเดินแบบให้ดูเพราะเื่พวกนี้เธอผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว แต่พวกเราอยากให้เธอแสดงความสามารถและความแน่วแน่ที่้ากลายเป็คนดัง”
หลังจากอาเมย์พาเธอเข้าไปในห้อง Private ลั่วเสี่ยวซีจึงได้เข้าใจว่าตนต้องมาพบเจอความสกปรกของวงการนี้อีกแล้ว
หัวซิง้าคุยทำธุรกิจกับบริษัทหนึ่งส่วนเธอมีหน้าที่เทคแคร์ฝั่งตรงข้ามในมื้ออาหารนี้เพื่อผลักดันให้การเจรจาประสบความสำเร็จอาเมย์บอกว่านี่คือโอกาสที่เธอจะได้แสดงความสามารถ
ลั่วเสี่ยวซียิ้มเย็น“ลำพังแค่ท่านผอ.ของหัวซิงกับผู้จัดการมือทองแบบพี่ยังไม่มั่นใจว่าจะเซ็นสัญญาได้สำเร็จอีกเหรอคะพวกคุณอยากจะเซ็นสัญญากับฉันหรืออยากให้ฉันกินข้าวกับลูกค้าเพื่อหวังผลประโยชน์กันแน่?”
อาเมย์ถึงกับหน้าตึงเธอนึกไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวซีจะเป็คนตรงขนาดนี้
“ในฐานะที่เป็เด็กใหม่ของวงการมันก็ต้องแลกอะไรกันบ้างไม่งั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้รบตบมือกับโลกปัจจุบันที่สาวสวยหน้าตาดี ต่างก็อยากจะโด่งดังกันทั้งนั้น”
“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ให้โอกาสฉันได้แสดงความสามารถ”ดวงตาคู่งามของลั่วเสี่ยวซีจ้องหน้าอาเมย์ เธอยิ้มอยู่ก็จริง แต่ทว่าน้ำเสียงกลับเยือกเย็น“แบบนี้อีกหน่อย พวกคุณไม่ให้ฉันนอนกับลูกค้าเพื่อพิสูจน์ว่าฉันมีค่าพอจะดันให้ดังหรือเปล่าเลยเหรอคะ”
“เธอ...”
การที่อาเมย์พูดไม่ออกก็เหมือนการยอมรับกลายๆลั่วเสี่ยวซีไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป เธอจึงตั้งท่าจะกลับ แต่ทันใดนั้นประตูห้อง Private ก็ถูกเปิดออก ตามด้วยซูอี้เฉิงและลูกน้องที่เดินเข้ามา
โลกนี้ยังมีเื่อะไรบังเอิญไปมากกว่านี้อีกไหมคนที่ผอ.ของหัวซิงคิดอยากให้ก็คือเขา?
ซูอี้เฉิงเองก็สังเกตเห็นลั่วเสี่ยวซีในทันทีดวงตาเขาฉายแววอะไรบางอย่าง แต่ชั่วเสี้ยววินาทีเขาก็เบือนสายตาออกทำตัวเหมือนกับลั่วเสี่ยวซีเป็แค่คนแปลกหน้า
ความผิดหวังเกาะกุมจิตใจของลั่วเสี่ยวซีในทันทีทว่าเธอชินแล้วล่ะ เพราะสิ่งที่เขาให้กับเธอมาโดยตลอดหลายปีมานี้ก็คือความรู้สึกแบบนี้
ถ้าซูอี้เฉิงไม่อยากจะเจอเธอขนาดนี้แล้วล่ะก็งั้นเธอ...จะอยู่ขวางหูขวางตาเขาต่อสักหน่อยละกัน
ผอ.เผิงแห่งหัวซิงยิ้มพลางแนะนำเธอกับซูอี้เฉิง“ผอ.ซู นี่คุณลั่วเสี่ยวซี เป็นางแบบคนใหม่ที่เรากำลังจะเซ็นสัญญาด้วยครับวันนี้มีแต่ผู้ชาย เวลาคุยกันก็ออกจะน่าเบื่อไปสักหน่อย ให้มีสาวๆ อยู่ด้วยจะดีกว่าจริงไหมครับ”
ซูอี้เฉิงยิ้มบางโดยไม่ปฏิเสธเขาดูสุขุมและสง่างามอย่างทุกที ยากที่ใครจะคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ยิ่งเขาเป็แบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกอยากเล่นกับไฟ
ลั่วเสี่ยวซียิ้มอย่างเย้ายวนพลางเดินเข้าไปหาเขาอย่างมีจริตเธอช่วยลากเก้าอี้ให้เขานั่ง
“ผอ.ซู นั่งก่อนสิคะ”
ซูอี้เฉิงจ้องหน้าลั่วเสี่ยวซีพลางตอบ
“ขอบคุณ”
อาเมย์นึกไม่ถึงว่าจู่ๆลั่วเสี่ยวซีก็คิดเปลี่ยนใจ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนผอ.เผิงเองก็เซอร์ไพรส์ที่ลั่วเสี่ยวซีเป็งานขนาดนี้เขายิ้มอย่างพอใจ จากนั้นจึงเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์
อาหารยังไม่มาก็จริงแต่ไวน์แดงไวน์ขาวเหล้านอกทั้งหลายได้ถูกนำเข้ามาเสิร์ฟก่อนหน้านี้แล้วผอ.เผิงผายมือมาทางเธอ
“เสี่ยวซีดื่มให้กับผอ.ซูสักแก้วสิ ั้แ่ผอ.ลู่แต่งงานไป ทั้งเมือง A ก็เหลือหนุ่มโสดที่เพียบพร้อมแค่คนนี้คนเดียวแล้วนะการที่เธอได้มากินข้าวกับเขาถือว่าโชคดีมาก ไหนแสดงความจริงใจให้เขาเห็นหน่อยเร็ว”
ลั่วเสี่ยวซียิ้ม“ได้เลยค่ะ”
เธอหยิบเหล้ากั๋วเจี้ยว1ขึ้นมารินให้กับซูอี้เฉิงจนเต็มแก้วจากนั้นจึงรินให้ตัวเองหนึ่งแก้วใหญ่ๆ
หายากที่จะมีหญิงสาวใจกล้าถึงขนาดนี้ผอ.เผิงเองก็ใ เขาตัดสินใจแล้วว่า ดีที่สุดคือเจรจากับทางเครือเฉิงอันให้สำเร็จแต่ถ้าไม่...อย่างไรเขาก็จะเซ็นสัญญากับลั่วเสี่ยวซี
คนแบบนี้เขาขอเก็บไว้เองดีกว่าปล่อยให้ตกอยู่ในเงื้อมมือคนอื่น
อีกด้านลั่วเสี่ยวซีก็ยกแก้วขึ้นมา
“ผอ.ซูแก้วนี้ฉันดื่มให้คุณค่ะ”
เหล้าขาวที่ค่อยๆ ไหลลงไปทำเอาลำคอแสบร้อนกลิ่นฉุนของเหล้าขึ้นมาเต็มจมูก รสของมันร้อนแรงไปจนถึงกระเพาะ
ดีที่ลั่วเสี่ยวซีคุ้นชินกับเหล้าแรงๆพวกนี้อยู่แล้ว เธอคว่ำแก้วลงเพื่อแสดงว่าไม่เหลือเหล้าแล้วสักหยดอย่างจริงใจจากนั้นเอียงคอเล็กน้อยพลางพูดว่า
“ผอ.ซู ตาคุณแล้วค่ะ”
ซูอี้เฉิงยิ้มเขายกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วราวกับกำลังกินน้ำเปล่า
ลั่วเสี่ยวซีลอบบ่นในใจ ‘ตาบ้านี่!’
อาหารเริ่มถูกนำเข้ามาเสิร์ฟทีละอย่างสองอย่างผอ.เผิงส่งสัญญาณมาทางลั่วเสี่ยวซี เธอจึงรีบคีบอาหารให้ซูอี้เฉิงทันทีพลางพูดเสียงหวานละลายใจ
“ผอ.ซูทำงานมาทั้งวันคงจะเหนื่อยใช่ไหมคะ ทานเยอะๆ นะคะ”
พูดจบเธอก็จับมือซูอี้เฉิงพลางพูดเสียงเบา
“ที่ฉันคีบให้นายมีแต่ของที่นายชอบไว้หน้าฉันหน่อย ฉันอยากจะเซ็นสัญญากับหัวซิง”
ซูอี้เฉิงยิ้มเยาะ“รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
“แต่อีกฝ่ายเป็นายนี่มากกว่ากินข้าวฉันก็ยอม” ลั่วเสี่ยวซีพูดอย่างมีนัยด้วยรอยยิ้มเย้ายวนจากนั้นก็ขยับตัวนั่งให้เข้าที่ด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เพราะโต๊ะอาหารใหญ่มากคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างผอ.เผิงจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ซูอี้เฉิงกับลั่วเสี่ยวซีคุยกันแต่ดูจากสายตาและท่าทางของลั่วเสี่ยวซีแล้วเธอไม่เหมือนเด็กใหม่ทั่วไปที่มักจะเกร็งจนทำตัวไม่ถูกส่วนซูอี้เฉิงเองก็ดูไม่ได้รังเกียจอะไร
เขาถึงบอกไงว่าโต๊ะอาหารเป็เครื่องมือในการเจรจาธุรกิจ ส่วนอาวุธเด็ดอย่างลั่วเสี่ยวซีคงยากที่จะมีคนปฏิเสธ
ลั่วเสี่ยวซีเอื้อมมือไปหยิบไวน์แดงที่นำเข้าจากฝรั่งเศสจากนั้นจึงรินให้กับตัวเองและซูอี้เฉิง
“ผอ.ซูคะต่อไปนี้ฉันขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ แก้วนี้ฉันดื่มให้คุณ”
ไวน์แดงถูกดื่มจนหมดแก้วในทันทีใบหน้าที่แต่เดิมขาวมากอยู่แล้วเริ่มซีดลง สายตาเธอก็เริ่มพร่ามัว
เรือนร่างผอมบางผิวขาวนวลเนียนเดรสสีแดงอวดสัดส่วนโค้งเว้าสุดเย้ายวนเธอกัดริมฝีปากแดงระเรื่อพลางส่งยิ้มหวานให้กับซูอี้เฉิงอย่างยั่วเย้าราวกับนางแมวยั่วสวาท
ลั่วเสี่ยวซีรู้แค่ว่าเธอเริ่มมึนๆหัว ภาพของซูอี้เฉิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเริ่มเบลอไปหมด ถ้าเธอมองไม่ผิดตอนนี้สายตาของเขาดูเหมือนจะเคร่งเครียดขึ้น
เขาอารมณ์ไม่ดีซะแล้วเวลาเจอเธอ เขามักจะเป็แบบนี้
แต่วันนี้เธอไม่คิดจะเดินออกไปเพื่อยั่วโมโหเขาอีกแล้วเธอโถมตัวเข้าหาซูอี้เฉิงแล้วพูดพลางเกาะไหล่เขา
“ทำไมคุณไม่ดื่มล่ะคะ”
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ท่านี้ทำให้เธอดูเหมือนจงใจใช้ความอิ่มเอิบแนบชิดกับแผงอกแกร่งของเขาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างผอ.เผิงถึงกับกลืนน้ำลาย ถ้าซูอี้เฉิงยังไม่ติดกับอีกก็แปลกแล้ว...
ซูอี้เฉิงผลักลั่วเสี่ยวซีออก
“คุณเมาแล้ว”
“ฉันเปล่า!”ลั่วเสี่ยวซีพยายามนั่งตัวตรงอย่างดื้อรั้น “ถ้าไม่เชื่อฉันจะดื่มให้ดูอีกแก้วก็ได้!”
เธอรินไวน์ไปอีกค่อนแก้วจากนั้นจึงเดินโซซัดโซเซไปหาผอ.เผิง ว่าแล้วก็โอบไหล่เขาพลางพูดว่า
“ผอ.เผิง ฉัน...”
ผอ.ยิ้มกว้าง “สาวๆ สมัยนี้ทำงานเก่งยิ่งกว่าสมัยพวกเราอีกนะครับเก่งกว่า...” ขณะพูดสายตาของเขาไม่ละไปจากหน้าอกหน้าใจของลั่วเสี่ยวซีแม้แต่น้อย
ซูอี้เฉิงลุกขึ้นพรวดและรั้งลั่วเสี่ยวซีเข้าหาตัวในทันที
“ผอ.เผิงเื่สัญญาเราไว้คุยกันวันหลัง”
ลั่วเสี่ยวซีเริ่มมึนหัวมากขึ้นทุกทีเธอดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ถูกซูอี้เฉิงลากออกจากห้องไปจนได้
ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมนี้มีห้องชุดส่วนตัวของซูอี้เฉิงอยู่เธอรู้ดี เขาคบกับผู้หญิงหลายคนแต่ก็ไม่เคยพาสาวๆ เ่าั้กลับบ้านเลยสักครั้ง มีแต่พามาพักที่นี่ และเธอเองก็เคยมาทำลายค่ำคืนอันงดงามของพวกเขาอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้ถึงซูอี้เฉิงจะพาเธอขึ้นไปเธอก็วางใจ เพราะเขาคงไม่มีทางทำอะไรเธออยู่แล้ว
ซูอี้เฉิงเห็นสภาพของลั่วเสี่ยวซีในตอนนี้แล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเขาลากเธอให้เข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นจึงเปิดก็อกน้ำและสาดน้ำเข้าหน้าเธอเต็มๆ
อากาศปลายฤดูใบไม้ผลิทำให้น้ำเย็นเยียบเสียดกระดูกจนลั่วเสี่ยวซีถึงกับตัวสั่น เธอเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างจึงจ้องหน้าซูอี้เฉิงอย่างโมโห
“ทำอะไรของนายเนี่ย!”
ซูอี้เฉิงดันเธอชิดกำแพง“ลั่วเสี่ยวซี เธอจะเล่นแบบนี้ไปถึงเมื่อไร!”
ลั่วเสี่ยวซียิ้ม“ฉันจะทำอะไรในสายตานายก็ดูล้อเล่นไปหมดเลยใช่ไหม? สารภาพรักกับนายก็เป็การล้อเล่นตามจีบนายก็แค่ล้อเล่นแล้วนายเคยเจอใครที่ไหนที่ล้อเล่นด้วยการทำเื่แบบนี้นานเป็สิบๆ ปีบ้างหรือเปล่า”
ซูอี้เฉิงปล่อยเธอให้เป็อิสระมือสองข้างล้วงกระเป๋าพลางยิ้มเย็น
“แล้วเธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรือไง?”
ลั่วเสี่ยวซีโมโหจนหน้ามืดเธอกัดฟันพูดออกไป
“ฉันไม่ใช่! ซูอี้เฉิงฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าฉันตั้งใจจริง!”
เธอไม่ได้ล้อเล่นเธอจะทำให้เขาเห็นเธอคนที่เจิดจรัสและโดดเด่นให้ได้
เธอจะทำให้เขารู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่ได้ล้อเล่น เธอตั้งใจตามจีบเขามาหลายปีตั้งใจเป็นางแบบที่มีชื่อเสียง
รอยยิ้มเยือกเย็นปนเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของซูอี้เฉิง
“เพื่อพิสูจน์ให้ฉันเห็นเธอต้องไปนั่งกินเหล้าเป็เพื่อนคนอื่นแบบนี้น่ะเหรอ ลั่วเสี่ยวซีนี่เธอกำลังพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเธอเป็ผู้หญิงชั้นต่ำแค่ไหนอยู่หรือเปล่า”
ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ใช่เขาล่ะก็คนที่จะออกมากับลั่วเสี่ยวซีก็คงเป็คนอื่นต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นคงไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
‘ผู้หญิงชั้นต่ำ’ คำพูดนี้ทำร้ายจิตใจของเธอเหลือเกิน
ใช่สิ เธอมันต่ำ์ประทานสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็ฐานะทางครอบครัวพ่อแม่ที่รักเธอ หน้าตาที่โดดเด่น...
แต่เธอกลับทำตัวไม่เอาไหนเธอดันมาชอบซูอี้เฉิง และตามจีบเขาแบบไม่ลืมหูลืมตามาเป็สิบปี สุดท้ายขนาดยอมถวายตัวให้เขาเขายังไม่เอาเลย
เธอคงเป็ผู้หญิงชั้นต่ำจริงอย่างที่เขาว่า
“เรามาคุยเื่ธุรกิจกันดีกว่า”อยู่ๆ ลั่วเสี่ยวซีก็ยิ้มขึ้น
“ผอ.เผิงบอกให้ฉันกินข้าวเป็เพื่อนนายเพื่อทำให้นายพอใจและเซ็นสัญญากับเขา ถ้านายเซ็นสัญญากับหัวซิงฉันก็จะได้เป็นางแบบของที่นี่ จะต้องทำยังไงนายถึงจะยอมตกลงเซ็นสัญญากับเขา?”
สายตาของซูอี้เฉิงเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน
“รู้งานดีถึงขนาดยอมกินข้าวเป็เพื่อนฉันแล้วแล้วไม่รู้หรือไงว่าขั้นตอนหลังจากนี้คืออะไร”
“นอนกับนาย”ลั่วเสี่ยวซีรูดซิปชุดกระโปรงของตนลง จากนั้นจึงยื่นมือไปปลดเนกไทของเขาออก
“แน่นอนว่าฉันรู้ดี”
**********************
1 เหล้าขาวชนิดหนึ่ง
