ชิงเหอกูกูยืดอกขึ้น ความหวาดกลัวในดวงตาพลันอันตรธานหายไป นางพูดเสียงดังว่า “เหนียงเหนียง ท่านอย่ารับปากเป็อันขาด! พวกบ่าวเกิดมามีชีวิตต่ำต้อย ต่อให้ต้องตายเพื่อฮองเฮาก็เป็เื่สมควรแล้ว!”
นางหันหน้าไปมองนางกำนัลคนอื่นๆ แล้วตวาดเสียงเฉียบขาด “แต่ละคนร่ำไห้เหมือนเสียบิดามารดาเพื่ออันใด ก็แค่มู่เทียนฝู่มิใช่หรือ มิใช่ตำหนักมัจจุราชสักหน่อย มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวกัน”
เหล่านางกำนัลได้ยินเช่นนั้น แต่ละคนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
“ขณะที่ผู้อื่นรังแกกดขี่พวกเรา คนในวังต่างพากันหลบลี้หนีหน้า มีเพียงเหนียงเหนียงที่คอยปกป้องพวกเรา ออกหน้าแทนพวกเรา! พวกเ้ายังไม่กระจ่างแจ้งอีกหรือ ไม่มีเหนียงเหนียง พวกเราย่อมกลายเป็ิญญาผีไร้ศาล ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น!”
ใช่แล้ว พวกนางและฮองเฮาเป็หนึ่งเดียวกัน มีเกียรติร่วมกัน และสูญเสียร่วมกัน!
ทันทีที่ฮองเฮาไปจากวังหลวง อนาคตของพวกนางย่อมมีแต่ความดำมืด
ความหวาดกลัวที่เคยมีนั้นไม่มีเหลือ ที่เข้ามาแทนที่คือความกล้าหาญเผชิญหน้ากับศัตรูคู่แค้น!
ชิงเหอกูกูหันกลับมามองเฟิ่งเฉี่ยน พลันหัวเราะเสียงขื่นออกมาะเืใจคนยิ่ง “เหนียงเหนียง เป็บ่าวเองที่โง่เขลา เดินไปติดกับหลุมพรางที่พวกเขาวางไว้ จึงทำให้เหนียงเหนียงต้องมาพบกับความยุ่งยากนี้ด้วย บ่าวรู้ว่าเหนียงเหนียงเป็คนรักคุณธรรม ทนเห็นพวกบ่าวต้องได้รับความทุกข์ทรมานไม่ได้ บ่าวเกิดมาชาตินี้ได้พบเ้านายเช่นเหนียงเหนียง บ่าวไม่มีอะไรต้องเสียดายในชีวิตแล้ว เหนียงเหนียง ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเพคะ โปรดยกโทษให้บ่าวที่ชาตินี้ไม่อาจปรนนิบัติเหนียงเหนียงได้อีก...”
พูดแล้ว แววตาของนางมีความเด็ดเดี่ยวพาดผ่าน นางดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาทันใด แล้วแทงเข้าไปที่ลำคอของตนเอง!
คนทั้งหมดต่างตกตะลึง นี่นางกำลังจะฆ่าตัวตาย!
“กูกู!”
“กูกู อย่านะ!”
“...”
นางกำนัลทั้งหมดตื่นตระหนก
มือปราบที่อยู่ใกล้ชิงเหอกูกูที่สุดคิดจะเข้าขัดขวางนาง แต่ช้าเกินไปแล้ว
กล่าวว่าไม่ช้าและไม่เร็ว วินาทีที่ปลายแหลมของปิ่นปักผมจะแทงเข้าไปบริเวณลำคอ ปิ่นปักผมอีกอันหนึ่งพลันแหวกอากาศเข้ามากระทบเข้ากับข้อมือของชิงเหอกูกู ส่งผลให้ปิ่นปักผมในมือของนางตกลงสู่พื้น
ชิงเหอกูกูเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจจึงประสานสายตาตื่นตระหนกของเฟิ่งเฉี่ยน นางตะลึงงัน ยังไม่ทันให้นางได้ตั้งตัว มือทั้งคู่ของนางก็ถูกมือปราบสองคนควบคุมเอาไว้เพื่อป้องกันมิให้นางฆ่าตัวตายซ้ำอีก
“เหนียงเหนียง...”
เฟิ่งเฉี่ยนค่อยๆ ดึงมือว่างเปล่ากลับมา พรูลมหายโล่งอกออกมาเบาๆ เมื่อสักครู่ได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ปรากฏว่าเป็ไปตามที่คิด นางมีความคิดให้ความดีและความชั่วพังพินาศลงพร้อมๆ กัน เคราะห์ดีที่นางมีปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวพอ จึงขัดขวางมิให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้น
ที่เหนือความคาดหมายของนางก็คือ ชิงเหอกูกูถึงกับเป็สตรีที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวปานนี้ เพื่อไม่ให้นางรับท้าเดิมพัน นางยินดีตายเพื่อตัดปัญหา
ในใจเฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุด
แต่ยิ่งนางทำเช่นนี้ นางก็ยิ่งไม่อาจทอดทิ้งพวกนาง!
หลุบตาลงใช้ความคิดครู่หนึ่ง เมื่อนางช้อนตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของนางราวเปล่งประกายราวกับมีเปลวไฟที่ทำร้ายผู้คนได้อย่างไรอย่างนั้น นางมองไปทางไทเฮา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ได้ ภายในเวลาห้าวัน หากข้าไม่อาจหาแมวเทพสามหางอีกตัวหนึ่งมาได้ ข้าจะเป็ฝ่ายลาออกจากตำแหน่งฮองเฮา และไปจากวังหลวง!”
“เหนียงเหนียง!” เสียงแหบพร่าของชิงเหอกูกูร้องขึ้นด้วยความสิ้นหวัง
“เหนียงเหนียง ท่านอย่าได้รับปากนะเพคะ!” จื่อซูส่ายหน้าแรงๆ
“เหนียงเหนียง...” บรรดานางกำนัลคนอื่นๆ ฟุบร่างลงกับพื้นน้ำตานองหน้า
องค์หญิงหลานซินและฉีเหม่ยเหรินสบตากันปราดหนึ่งแล้วยิ้มอย่างได้ใจ
บรรลุจุดประสงค์ ไทเฮาและคนอื่นๆ จึงออกไปจากตำหนักเว่ยยาง
คนทั้งหมดมาอย่างรวดเร็วและจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน!
ภายในตำหนักเว่ยยางเหลือเพียงเฟิ่งเฉี่ยนและนางกำนัลแปดคน
นางกำนัลทั้งหมดคุกเข่าอยู่บนพื้นภายใต้การนำของชิงเหอกูกู ทุกคนมีสีหน้าเ็ป
“เหนียงเหนียง ล้วนเป็บ่าวที่ทำร้ายท่าน บ่าวมีความผิดสมควรตายหมื่นครั้ง!” ชิงเหอกูกูคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้น ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างที่สุด
หากนางระมัดระวังอีกสักนิดคงไม่ตกหลุมพรางของอีกฝ่าย เหนียงเหนียงก็ไม่ต้องรับท้าเดิมพันของไทเฮา
เฟิ่งเฉี่ยนลุกขึ้นจากเก้าอี้หงส์เดินมาหยุดเบื้องหน้านางแล้วโน้มกายลงไปประคองนางขึ้นมา “อีกฝ่ายได้เตรียมแผนการมาเป็อย่างดี พวกเ้าไม่มีทางป้องกันได้ เื่นี้โทษพวกเ้าไม่ได้”
นางหันไปพูดกับคนอื่นๆ “ลุกขึ้นมาให้หมดเถิด!”
ชิงเหอกูกูลุกขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นน้ำตาร้อนๆ คลอคลองกระบอกตา “แต่เหนียงเหนียงเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไม่ง่ายดาย ท่านไม่ควรรับท้าเดิมพันไทเฮาเพราะพวกบ่าวจริงๆ เพคะ”
“ถูกต้องเพคะ เหนียงเหนียง ท่านทำเช่นนี้ไม่คุ้มค่าเลย!” จื่อซูขบฟันตลอดเวลาเพื่ออดทนต่อความเ็ปบนร่างกาย
เฟิ่งเฉี่ยนยื่นมืออกไปตบแขนจื่อซู “คุ้มหรือไม่ ในใจข้าย่อมรู้ดี! ก็แค่ละทิ้งตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้น ไม่ใช่เื่คอขาดบาดตาย เหตุใดพวกเ้าต้องร่ำไห้เหมือนกำลังไว้ทุกข์ด้วย”
“เหนียงเหนียง...” จื่อซูกระบอกตาแดงก่ำ ลำคอตีบตันพูดอะไรไม่ออก
นางกำนัลคนอื่นๆ ต่างซาบซึ้งใจจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
พวกนางอาศัยอยู่ในวังหลวงมานาน กระจ่างแจ้งดีถึงความสำคัญของอำนาจ
ในสายตาของพวกนาง การละทิ้งตำแหน่งฮองเฮาเป็เื่ใหญ่เทียมฟ้า แต่เมื่อหลุดออกมาจากปากฮองเฮาแล้ว กลับกลายเป็เื่ไม่สำคัญอะไรเลย นี่ทำให้พวกนางรู้สึกเลื่อมใสในตัวฮองเฮายิ่งขึ้นไปอีก
เฟิ่งเฉี่ยนมองคนทั้งหมดแล้วแย้มยิ้ม “อีกทั้ง...ไม่แน่ว่าข้าจะพ่ายแพ้นี่นา!”
คนทั้งหมดมองนางด้วยแววตาตกตะลึง เห็นั์ตาดำขลับนั้นค่อยเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้น ราวกับดวงดาวที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด จากนั้นได้ยินนางพูดเน้นทีละคำ “นอกจากตัวข้าเอง้าไป หาไม่แล้ว ใครก็อย่าคิดบีบบังคับให้ข้าจากไป!”
นางมีความคิดจะไปจากวังหลวง แต่นาง้าไปจากที่นี่อย่างสง่าผ่าเผย!
พวกเขาวางหลุมพรางบีบบังคับให้นางจากไป แต่นางจงใจไม่ไป!
ข้าไม่เพียงแต่ไม่ไปไหน ข้ายังจะเปิดโปงพวกเ้าเพื่อทวงคืนความยุติธรรมอีกด้วย!
สาเหตุที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือนางต้องปกป้องบุตรชายของตน ปกป้องคนในตำหนักของตน เพราะนางรู้ว่า ทันทีที่นางจากไป องค์หญิงหลานซินและฉีเหม่ยเหรินจะต้องลงมือกับคนในตำหนักของนางอีกครั้งแน่นอน ถึงขั้นที่เย่เอ๋อร์อาจมีอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ก่อนหน้าที่นางจะไปจากวังหลวง นางจะต้องขจัดสาเหตุที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเย่เอ๋อร์ออกไปให้หมดเสียก่อน!
คำพูดของนางคล้ายฆ้อนที่กระแทกเข้าไปในจิตใจและความทรงจำของทุกคน ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าลึก ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกยอมศิโรราบ!
ใบหน้าที่เดิมทีเต็มไปด้วยความงามและเ็า พลันแผ่กระจายความเด็ดเดี่ยวและเสน่ห์ดึงดูดใจ ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก!
วินาทีนี้ในใจของทุกคนบังเกิดความคิดประหลาดขึ้นอย่างหนึ่ง ราวกับว่าบนโลกใบนี้ไม่มีเื่ใดที่เหนียงเหนียงทำไม่สำเร็จ!
คำพูดหยิ่งผยองนั้นพูดง่าย แต่การกระทำนั้นกลับยากเหลือเกิน
เฟิ่งเฉี่ยนถูกองครักษ์ขวางไว้หน้าประตูวังอย่างไร้เยื่อใย!
“ทูลเหนียงเหนียง ไม่มีป้ายคำสั่งจากฝ่าา ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าออกประตูวังได้ตามอำเภอใจพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนหงุดหงิด ในฐานะฮองเฮา กระทั่งประตูวังก็ยังออกไปไม่ได้ ฐานะฮองเฮาของนางช่างไร้ค่าจริงๆ!
ไม่มีทางเลือก นางได้แต่เดินย้อนกลับไปมุ่งหน้าไปยังห้องทรงพระอักษร เพื่อขอป้ายคำสั่งจากเซวียนหยวนเช่อ
ใครเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะเข้าใกล้ห้องทรงพระอักษรนางก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้เสียแล้ว
“เหนียงเหนียง โปรดรั้งอยู่ก่อนพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าามีราชโองการ หากไม่มีคำสั่งเรียกเข้าเฝ้าจากฝ่าา ไม่ว่าผู้ใดล้วนห้ามเข้าใกล้ห้องทรงพระอักษรพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนร้อนใจ “เช่นนั้นเ้าไปรายงานสักหน่อย บอกว่าฮองเฮามีเื่ด่วน้าเฝ้าเข้าฝ่าา จะเสียเวลาไม่ได้!”
องครักษ์พูดหน้าตาย “ฝ่าายังได้กำชับมาเป็กรณีพิเศษอีกด้วยว่า รวมไปถึงฮองเฮาด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไม่พบทั้งสิ้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนมีโทสะ ชัดเจนเหลือเกินว่าเซวียนหยวนเช่อตั้งใจทำกับนางเช่นนี้ ด้วยหูตาในวังหลวงของเขา เขาจะต้องรู้เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทว่ากลับเจตนากีดกันนางไว้นอกประตู หรือเขาตั้งหน้าตั้งตารอให้นางไปจากวังหลวงให้เร็วที่สุดเช่นกัน