คิดถึงยามที่ถูกทุบตีในวันนั้นแล้วโจวจื่อเฉิงก็ยังหัวเสียไม่หาย แต่เมื่อเห็นสตรีนองน้ำตาเบื้องหน้า ผู้งดงามราวบุปผาสะพรั่งนี้แล้ว เขาจึงถอนหายใจเบาๆ “ลุกขึ้นเถอะ ข้ายกโทษให้ ่หลังมานี้ข้าโชคไม่ค่อยดีนัก เื่แย่ๆ จึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีคนใส่ความข้า องค์หญิงฮุ่ยหลิงยังใช้ประโยชน์จากเื่นี้อีก ดูท่านี่คงเป็จุดตกต่ำของตระกูลโจวเสียแล้ว”
ในขณะที่โจวจื่อเฉิงดึงชิวอวิ๋นให้ลุกขึ้น มืออันกำยำของเขาก็ได้ััเข้ากับฝ่ามืออ่อนนุ่มของนาง ชิวอวิ๋นครางเบาๆ ก่อนรีบชักมือกลับ ใบหน้าสุกก่ำราวลูกตำลึง
โจวจื่อเฉิงเพ่งมองนาง และพบว่านางช่างตัวเล็กน่ารักนัก แม้ความงามมิอาจเทียบท่านหญิงจิ่งฮวา ฮวาชีเยว่ได้ ทว่าสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรเขาก็มิอาจดึงดูดความสนใจจากฮวาชีเยว่ได้อีก
และยังดูเหมือนชิวอวิ๋นเองก็สนใจเขาอยู่บ้าง
“ขอบคุณคุณชายโจวเ้าค่ะ ชิวอวิ๋นจะไม่ลืมความใจกว้างนี้แน่!” ชิวอวิ๋นเงยหน้าขึ้นพลางมองคุณชายโจวด้วยสายตาเป็ห่วงเป็ใย “าแของท่าน...”
“หายแล้ว”
“และภัตตาคารของท่าน...เช่นนี้เป็อย่างไรเ้าคะ นายหญิงของบ่าวใส่ความท่านผิดไปเมื่อคราวก่อน ท่านจึงเตรียมมาเยี่ยมเยือนภัตตาคารแห่งนี้ในวันพรุ่งเพื่อช่วยกู้ชื่อเสียงให้ร้านท่าน”
ชิวอวิ๋นถามอย่างระมัดระวัง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวจื่อเฉิงก็ให้ยินดีนัก “ยอดเยี่ยม! ข้าขอบคุณท่านหญิงตรงนี้! ท่านหญิงต้องวิ่งเต้นเช่นนี้ ต้องขออภัยแล้ว...”
ชิวอวิ๋นยิ้มยั่วยวน “ทำไมหรือเ้าคะ? ท่านควรจะทราบไว้ว่าท่านหญิงคงไม่คิดจะมาหากบ่าวไม่เป็ผู้เสนอความคิดนี้ มิเช่นนั้นนายหญิงคงไม่ทราบว่าจะขออภัยท่านอย่างไรดี!”
โจวจื่อเฉิงรีบขอบคุณชิวอวิ๋นทันที ทั้งคู่สนทนากันอีกเล็กน้อยก่อนชิวอวิ๋นจะจากไป
วันถัดมา ฮวาชีเยว่เดินนำชิวอวิ๋นและเทียนซีเข้ามายังภัตตาคารนี้ ในภัตตาคารนั้นเงียบราวป่าช้า มีพวกนางเป็ลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว แต่เมื่อได้เห็นท่านหญิงจิ่งฮวานำบริวารเข้ามาเช่นนี้ เหล่าสามัญชนรอบๆ ก็เกิดความสงสัยแล้วตามเข้ามาในร้าน
ด้วยเหตุนี้เอง ธุรกิจของภัตตาคารแห่งนี้จึงได้กลับมารุ่งเรืองเป็ครั้งแรกในรอบหลายวัน
โจวจื่อเฉิงและพ่อบ้านอู๋ยินดีเสียจนมิอาจหยุดกล่าวขอบคุณฮวาชีเยว่ได้เลย
“คุณชายโจว ข้ามีเพื่อนคนหนึ่งที่ยืนกรานอยากพบท่านเสียให้ได้ เื่เมื่อคราวก่อนล้วนเป็ความสะเพร่าและความเข้าใจผิดของข้า เมื่อทราบว่าคุณชายโจวรักคนผู้นี้ ข้าจึงพา...”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง ภายในห้องรับรองนั้น ความงดงามนางบดบังสาวใช้ทั้งหมดเสียจนสิ้น
โจวจื่อเฉิงใสุดขีดทั้งยังสับสนกับเป้าหมายของฮวาชีเยว่ ทว่า ข้างกายนาง สาวใช้ก็เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ใบหน้าคุ้นเคยทำให้เขาตกตะลึง!
” องค์หญิง...”
“ชู่...” ผู้อื่นรีบปิดปากเขา สตรีผู้นั้นคือองค์หญิงฮุ่ยเจินไม่ผิดแน่ ทว่าเมื่อนางก้มหน้าและสวมหน้ากากปกปิดเช่นนี้จึงมีผู้สังเกตไม่มาก
“จื่อเฉิง ไปคุยกันในห้องอื่นเถอะ!”
องค์หญิงฮุ่ยเจินมองฮวาชีเยว่ด้วยความขอบคุณก่อนจะลอบพาโจวจื่อเฉิงไป
ฮวาชีเยว่จิบชา สบสายตาสับสนและเศร้าสร้อยของเทียนซี
เขาคิดถึงมารดาที่จากไปแล้วของตน เห็นองค์หญิงฮุ่ยเจินที่รังแกเขาอยู่ข้างกายมารดาบุญธรรมเช่นนี้ จะไม่เสียใจได้อย่างไร?
ฮวาชีเยว่ลูบศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน “เทียนซี แม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้ ทำใจให้สบายแล้วจำไว้เสียว่ากรรมที่ก่อไว้ไม่มีวันหายไปไหน”
ได้ยินเช่นนั้น เทียนซีก็พยักหน้าอย่างงงวย
“นายหญิง บ่าวไม่เข้าใจว่าทำไมท่านต้องทำดีกับองค์หญิงนั่นขนาดนั้น...หากฮ่องเต้ทรงทราบเข้าแล้วละก็...” ชิวอวิ๋นกระซิบ ลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็มองฮวาชีเยว่อย่างไม่สบายใจ
ฮวาชีเยว่ยิ้มอย่างเย็นใจ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดจะเดินไปเหยียบกับดักหรือลงโคลนด้วยตัวเองหรอก”
แม้จะเข้าใจ แต่พวกนางก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี
แต่ฮวาชีเยว่ก็ต้องรู้สึกใขึ้นมาเมื่อเห็นอวิ๋นสือโม่พาจี้เฟิงและหวงฝู่เซียนเข้ามาหลังนางทานอาหารไปได้ครึ่งหนึ่ง
พวกเขาได้ยินว่าฮวาชีเยว่มาเยือนภัตตาคารต้งไห่ ก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่านางคิดอะไรอยู่จึงได้มีท่าทีต่อต้านฮ่องเต้เช่นนี้
ด้วยเพราะฮ่องเต้เป็ผู้มีเมตตาและยุติธรรม คงไม่ทรงกริ้วฮวาชีเยว่จนสั่งลงโทษนางด้วยเื่เพียงนี้เป็แน่
“ฮวาชีเยว่ กล้าหาญนัก! องค์หญิงฮุ่ยหลิงวางกับดักเอาไว้แล้วยังกล้าเข้ามาทานอาหารที่นี่อีก!” เห็นนางทานอาหารอย่างสบายใจ หวงฝู่เซียนก็พูดยั่วยุออกมา
ฮวาชีเยว่พยักหน้าให้จี้เฟิง แล้วตอบรับด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านเองก็เหมือนกันมิใช่หรือ?”
“นี่เ้า...” หวงฝู่เซียนคิดคำตอบกลับไม่ออก
อวิ๋นสือโม่กลับนั่งลงแทน บริกรนำรายการอาหารมาให้เขา ขณะที่เด็กน้อยรีบรุดไปอยู่ข้างอวิ๋นสือโม่ นวดแขนอีกฝ่ายอย่างยินดี
อวิ๋นสือโม่มองดูเด็กน้อยอย่างรักใคร่ ก่อนอุ้มเขาขึ้นมานั่งตัก “เทียนซี วันนี้เ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
เทียนซีพยักหน้า ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
จี้เฟิงเห็นแล้วก็อดที่จะแหย่เขาไม่ได้ “พี่อวิ๋น ท่านดูราวกับเป็บิดาของเขาเลย!”
“ฮาๆ...พี่จี้ล้อเล่นแล้ว! เทียนซีจะเป็บุตรของพี่อวิ๋นไปได้เช่นไร?” หวงฝู่เซียนหัวเราะเสียงดัง “ฮวาชีเยว่เป็สตรีมักมากทั้งยังถือตัว เ้าคิดว่าเพียงฮ่องเต้แต่งตั้งเป็ท่านหญิงแล้วเ้าจะปลดเปลื้องจากข้อเสียได้หรือ?”
“พี่หวงฝู่คงล้อเล่นอยู่กระมัง หรือท่านสงสัยการตัดสินของฮ่องเต้?”
ฮวาชีเยว่คลี่ยิ้มมองหวงฝู่เซียน หวงฝู่เซียนหน้าแดงเป็ลูกตำลึงด้วยความโกรธ “เ้า เ้า นี่เ้า...” เขาดิ้นรนพยายามหาทางโต้เถียงอีกครา
แล้วก็เป็อีกครั้งที่หวงฝู่เซียนพ่ายให้กับฮวาชีเยว่
อวิ๋นสือโม่สบตากับจี้เฟิงแล้วคลี่ยิ้ม
“เ้า...เ้าชอบทานไก่นึ่งดอกบัวใช่ไหม?” จี้เฟิงสั่งไก่นึ่งดอกบัวไปพลางถามฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่ใ “พี่จี้ ท่านรู้ได้เช่นไร?”
สีหน้าของอวิ๋นสือโม่มืดหม่นลง เขาเลื่อนจานตรงหน้าแล้วกล่าว “เทียนซี เ้าชอบทานสิ่งนี้ใช่หรือไม่?”
ฮวาชีเยว่สั่งไก่จานนี้มาให้เทียนซี ไม่ใช่เพื่อทานเอง
เทียนซีพยักหน้าพลางมองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาเป็ประกาย
ฮวาชีเยว่ยิ้มกว้าง “ทั้งสองท่านพูดถูกแล้ว ข้ากับเทียนซีต่างก็ชอบอาหารจานนี้”
“เช่นนั้นเราจะสั่งเพิ่มอีก” จี้เฟิงยิ้มอย่างเอาใจใส่ สายตาเต็มไปด้วยสิเน่หา
ประกายแสงแปลกตาแวบขึ้นในดวงเนตรอันดำมืดของอวิ๋นสือโม่ เขายิ้มบางเบาแล้วกล่าว “ดูท่านหลงใหลท่านหญิงจิ่งฮวานัก”
“วีรชนย่อมหลงใหลมณีงาม เป็หลักธรรมแต่เก่าก่อน” จี้เฟิงไม่คิดปกปิดความหลงใหลที่เขามีต่อฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่ตื่นตะลึง นางคิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้จะซื่อตรงได้เพียงนี้
จี้จิงหัวเราะคิกคัก “ใช่ ยามนี้เป็ถึงท่านหญิงแล้วแต่ไร้ซึ่งความลำพอง! นางเป็แบบที่ข้าและพี่ชายชอบเลยล่ะ! ฮ่าๆๆ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง แต่มิได้ตอบคำ
อวิ๋นสือโม่เลิกคิ้วขึ้นพิจารณาฮวาชีเยว่ “เส้นคิ้วหนายิ่งกว่ากิ่งไม้ ริมฝีปากสีบางกว่าดอกอิง แสดงให้เห็นถึงความขาดแคลนในรัก ใบหน้ามีรูปทรงราวผลกวา แปลว่าเป็คนมีไหวพริบ...แม้จมูกนางจะตั้งตรงแต่ดูโชคร้าย...นางมิใช่คนโชคดี ไม่ใช่คนที่น่าคล้อยตาม และมิเคยเป็โฉมงาม”
เมื่อได้ยินอวิ๋นสือโม่ดูิ่ฮวาชีเยว่เช่นนั้น หวงฝู่เซียนก็หัวเราะออกมา “ฮาๆ ท่านพูดถูกแล้ว แม้ฮวาชีเยว่จะถูกแต่งตั้งเป็ท่านหญิง แต่การกระทำเก่าก่อนของนางย่อมไม่มีวันถูกลืม! ฮึ ฮวาชีเยว่ อย่าได้ลืมว่าเ้าเคยััทั้งข้าและพี่อวิ๋นอย่างไม่เหมาะสม! ”
คำพูดของหวงฝู่เซียนทำให้สีหน้าของจี้จิงและจี้เฟิงหมองลง
ฮวาชีเยว่ไม่ได้โกรธ นางตอบรับ “จริงหรือ? ข้าลืมไปได้อย่างไรกัน?”
“เ้า เ้า...เ้าคนเ้าเล่ห์!” หวงฝู่เซียนกล่าวอย่างคมคาย แต่ก็ยังมิอาจเทียบเคียงฮวาชีเยว่ได้
จี้จิงและคนที่เหลือต่างก็ยิ้มให้ความเ้าเล่ห์ของฮวาชีเยว่ นางเอาตัวรอดจากคำดูิ่ของอวิ๋นสือโม่และหวงฝู่เซียนได้ ทั้งยังสื่อได้อีกว่านางไม่สนคำพูดของพวกเขาเลย
“เ้าจำไม่ได้หรือ? เมื่อวันที่หกเดือนมิถุนายน เ้า...เ้าดึงแขนเสื้อข้า!” หวงฝู่เซียนโกรธเสียจนตำหนิฮวาชีเยว่ออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ฮวาชีเยว่ยังคงยิ้มพลางลุกขึ้นเทสุราให้หวงฝู่เซียน “ท่านหวงฝู่เซียน ข้าได้ลืมเื่ในอดีตไปสิ้นแล้ว ยิ่งกว่านั้น...ท่านจงสบายใจเสียเถอะ เพราะท่านไม่เหลืออะไรให้ข้าสนใจอีกต่อไปแล้ว!”
หวงฝู่เซียนหน้าแดงเป็ตำลึงสุก เพราะฮวาชีเยว่ไม่แม้แต่จะชายตามองเขาในระหว่างที่กำลังรินสุรา ท่าทีนี้ชี้ชัดว่านางไม่สนใจเขาเลยจริงๆ
“ฮาๆ! ชีเยว่ช่างมีคารมคมคายนัก! เอ้า ฉลอง!” จี้จิงลุกขึ้นอย่างเริงร่า เรียกหาคำฉลอง แก้วกระทบกันส่งเสียงดัง
ระหว่างที่มื้ออาหารอันสนุกสนานนี้ดำเนินไปครึ่งทาง แขกไม่ได้รับเชิญอีกคน องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็ปรากฏตัว
วันนี้เป็วันแข่งของงานประลองตระกูลจี้ องค์หญิงฮุ่ยหลิงที่กำลังเบื่อจึงเดินไปเดินมาอยู่นอกเรือนองค์หญิง จนนางผ่านมาที่นี่ นางก็ได้เห็นว่ามันมีลูกค้าแน่นขนัด ทำให้นางทั้งใทั้งเกรี้ยวกราด
“ฮวาชีเยว่ เ้าช่างกล้านัก!”
เสียงตวาดด่าดังลั่นดึงสายตาทุกคู่ให้หันมอง ตรงนั้นมีภาพองค์หญิงฮุ่ยหลิงผู้ก้าวเดินเข้ามาอย่างเ็า เมื่อเห็นฝูงชนแล้วผู้มีพลังปราณ เสี่ยวซิ่นก็กระแอมออกมา
องค์หญิงฮุ่ยหลิงสงบใจลงเมื่อนางคิดถึงบทลงโทษที่ฮองเฮามอบให้
นางทำผิดพลาดมากมาย ยามนี้โจวจื่อเฉิงถูกปล่อยตัว ภัตตาคารกลับมาเปิดได้แล้ว หากนางยังใช้วิธีสกปรกอื่นใดอีก ฮองเฮาคงได้เดือดดาลยิ่งขึ้นเป็แน่
องค์หญิงฮุ่ยหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกในขณะที่ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพนาง ฮวาชีเยว่แย้มยิ้มราวบุปผาพลางกล่าว “เป็องค์หญิงนี่เอง เชิญนั่งเพคะ!”
ฮวาชีเยว่จงใจมอบที่นั่งของนางให้องค์หญิงฮุ่ยหลิง เพื่อให้นางได้นั่งลงข้างอวิ๋นสือโม่
ความโกรธขององค์หญิงค่อยๆ จางลง
แต่เพราะการมาของสตรีผู้นี้ จึงไม่มีใครอยากทานอะไรอีก
ระหว่างมื้ออาหาร องค์หญิงฮุ่ยหลิงพยายามหว่านเสน่ห์และส่งยิ้มให้อวิ๋นสือโม่อยู่ไม่ขาด แต่คู่กรณีหันหลังหนีนาง นางเองก็กำลังไม่พอใจฮวาชีเยว่เพราะนางถูกฮองเฮาลงโทษเื่ภัตตาคารต้งไห่ ทว่าฮวาชีเยว่กลับมาทานอาหารที่นี่ นับเป็การขัดใจนางอย่างชัดแจ้ง
ที่สำคัญ องค์หญิงฮุ่ยหลิงหลงรักหนานอ๋อง แต่หนานอ๋องกลับเอาแต่เฝ้ามองฮวาชีเยว่ด้วยสายตาเสน่หา เป็ผลให้ฮวาชีเยว่ขนลุกไม่หยุด
“ไม่กี่วันก่อนมีคนพบหนูตายในอาหารร้านนี้ ข้านับถือความกล้าหาญของท่านหญิงจิ่งฮวานักที่ยังมาทานอาหารที่นี่ได้” องค์หญิงฮุ่ยหลิงไม่แตะตะเกียบตนเองแม้แต่น้อง กลับมานั่งเสียดสีฮวาชีเยว่แทน
ฮวาชีเยว่ยิ้มอย่างสงบ “เมื่อร้านถูกใส่ความไปครั้งหนึ่ง ครั้งถัดไปพวกเขาย่อมระมัดระวังมากขึ้น รักษาความสะอาดให้ดียิ่งขึ้น หากท่านมีร้านของตัวเอง พระองค์ก็คงทำเช่นเดียวกันมิใช่หรือเพคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้