ในใจของซูอินเชื่อว่าหลินเฉวียนไม่หลอกเธอ แต่เธอเพิ่งจะรู้จักอีกฝ่ายไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็เื่ส่วนตัวของเขาที่จะมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่เฒ่าสวี ดังนั้นเธอจะไม่พูดถึงมันในตอนนี้
เธอรีบปิดสายตาประหลาดใจก่อนจะรับเอกสารชำระเงินจากมือของหลินเฉวียน จากนั้นรีบไปให้ห่างจากซอยเล็กนี้
สำหรับเอกสารชำระเงินนี้ ทั้งในชาติก่อนและปัจจุบันเธอไม่เคยัับ่อนใต้ดิน แต่ด้วยสามัญสำนึก ก็พอจะรู้ว่าธุรกิจเช่นนี้ไม่น่าจะมีเอกสารชำระเงิน ความสามารถให้ออกเอกสารเช่นนี้ได้คงมาจากหน้าตาของหลินเฉวียนอย่างแน่นอน
ซูอินไม่พูดมาก แต่จดจำสิ่งนี้ไว้ในใจ หลังจากนี้หากได้รับเงินปันผล เธอต้องให้ซองแดงแก่หลินเฉวียนแน่นอน
เมื่อหาเงินได้ก็ไม่ต่างจากคนรวย ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนเงินในธนาคารของเธอจะเพิ่มขึ้น
ตัดสินใจเงียบๆ แล้ว ระหว่างทางเธอก็แยกกับหลินเฉวียนและไปที่ร้านชานม
พี่หงยังคงยุ่งเหมือนเคย เมื่อเห็นเธอพี่หงกำลังจะออกไป ซูอินรีบอธิบายเื่การลางานและบอกว่าหลังจากสอบขึ้นมัธยมปลาย เธอคงมีธุระและไม่ได้มาที่นี่อีก
หลังจากสอบขึ้นมัธยมปลาย เป็ไปได้ว่าเธออาจต้องกลับชนบท อีกทั้งฟุตบอลโลกครั้งนี้ทำให้เธอไม่ขัดสนเื่เงินอีก ต่อไปคือการเข้าเรียนมัธยมปลาย การบ้านต้องทำให้เธอยุ่งกว่านี้แน่ เธอเป็เพียงหญิงสาวธรรมดา ไม่ได้มีความจำดี ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้มีสมองเฉลียวฉลาดจนน่าเหลือเชื่อ จึงทำได้เพียงต้องมุ่งมั่นและตั้งใจเรียน
แม้จะรู้สึกอาลัยอาวรณ์พี่หง แต่เธอเดาได้ว่าตนเองคงไม่ได้มาที่นี่อีก
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ อวี๋อ้ายหงแสดงความกังวลเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็เหมือนเดิม
ซูอินมาอยู่ที่ร้านนี้ครึ่งเดือนแล้ว แม้พฤติกรรมจะไม่ชัดเจน แต่อีกฝ่ายคุ้นเคยกับการรับมือผู้คน ไม่เหมือนคนอื่นที่อายุเท่ากัน เด็กเช่นนี้ไม่มีทางทำงานอยู่ที่ร้านของเธอได้นาน
แต่ครึ่งเดือนมานี้ กิจการร้านดีขึ้นเยอะ ทำให้เธออาลัยอาวรณ์เด็กสาวคนนี้มาก แต่ก็รอดูอนาคตของเด็กคนนี้ที่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
เมื่อเข้าใจแล้วเธอก็รีบจ่ายค่าแรงให้ซูอิน และยังให้อั่งเปาด้วย
“เธออยู่มาจนถึงวันนี้ถือว่าไม่ใช่เื่ง่าย ต่อจากนี้ไปพักผ่อนให้เพียงพอ ทำข้อสอบให้ดีที่สุด มุ่งมั่นทำสอบให้ได้ร้อยยี่สิบคะแนนทุก วิชานะ”
ซูอินเปิดซองอั่งเปา ในนั้นมีเงินหนึ่งร้อยยี่สิบหยวน ซึ่งเป็จำนวนคะแนนเต็มของทุกวิชาในการสอบขึ้นมัธยมปลาย
ชาติก่อนสองสามีภรรยาตระกูลหลิงทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่หลิงเมิ่ง เธอเกือบเข้ามัธยมปลายไม่ได้เพราะการระรานที่หนักหน่วงของหลิงเมิ่ง
ในชีวิตนี้แม้ว่าเธอยืนยันที่จะกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ต่างฝ่ายคือคนแปลกหน้า จึงไม่ต้องพูดถึงเื่ได้รับการเลี้ยงดูและคำอวยพร
เมื่อคำนวณดูแล้วสอง่ชีวิตนี้ของเธอ นี่เป็ครั้งแรกที่มีคนอวยพร
คำอวยพรที่จริงใจทำให้คนอบอุ่นหัวใจ สีหน้าของซูอินแสดงความประทับใจ “พี่หงคะ คุณดีกับหนูมาก ทำให้หนูไม่อยากไปจากที่นี่”
ใบหน้ามีเสน่ห์ของอวี๋อ้ายหงเผยรอยยิ้ม “ถ้างั้นก็อย่าไปสิ”
“ไม่มีทางเลือกจริงๆ ค่ะ แต่พี่หงคะ หลังจากสอบเข้ามัธยมปลายหนูก็จะมีโทรศัพท์ หลังจากนี้หากคุณยุ่ง ้าให้ช่วยก็โทรหาหนูได้เลย หากไม่ติดอะไร หนูจะมาอย่างแน่นอน”
คราวนี้หากเธอได้รับเงินปันผล เธอก็จะซื้อโทรศัพท์มือถือได้สักเครื่อง
“แบบนั้นก็ดี…”
อวี๋อ้ายหงให้เบอร์โทรศัพท์แก่เธอ ก่อนจะเข้าไปหลังร้านเพื่อเก็บข้าวของ จากนั้นออกไปเรียกรถด้วยท่าทีรีบเร่งเหมือนเช่นเคย
เหลือเพียงซูอินที่ค่อยๆ เก็บของและเปิดร้าน
แม้จะเป็ไปได้ว่านี่คือวันสุดท้ายของการทำงาน แต่เธอก็ยังคงไม่รีบ และตั้งใจทำงาน
ตอนที่ชงเครื่องดื่มทีละแก้ว คนที่เกี่ยวข้องกับเธอไม่ได้มีท่าทีเฉยเมยอย่างที่เธอคิด
ตระกูลหลิง สามีผู้เชื่อฟังมาตลอดหลายปีกำลังทะเลาะกับอู๋อู๋ และยืนกรานที่จะนำตัวซูอินกลับมา
แต่การนำตัวเธอกลับมาไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำเพื่อความพอใจ
ไม่ใช่เพียงไปส่งลูกเข้าสอบเพื่อแสดงว่าตนเองเป็พ่อแม่ที่ใส่ใจ พวกเขายังจัดเตรียมงานฉลองเป็พิเศษเพื่อต้อนรับการกลับมาของหลิงเมิ่ง เชิญคนใหญ่คนโตของเมืองผิง แน่นอนว่ารวมถึงซูอินด้วย โดยตัวเอกในครั้งนี้เปลี่ยนจากหลิงเมิ่งเป็ซูอิน
หลังจากการตัดสินใจทั้งสองเื่ หลิงเมิ่งที่เพิ่งเลิกเรียนกลับมาได้ยินเข้าพอดี เื่แรกทำให้เธอไม่สบายใจมาก เื่ที่สองยิ่งรับไม่ได้
“มันเป็งานฉลองวันเกิดของหนู หลายปีที่ผ่านมาหนูไม่เคยได้ฉลองวันเกิดดีๆ เลย!”
อันที่จริงงานฉลองวันเกิดทุกครั้งก่อนหน้านี้ของหลิงเมิ่ง เมิ่งเถียนเฟินมักจะพาเธอเข้าเมืองเพื่อซื้อเสื้อผ้า สั่งทำเค้ก ซึ่งก็เหมือนกับเด็กชนบททั่วไป เธอเทียบเท่าเ้าหญิงตัวน้อยๆ ซึ่งดีกว่าซูอินที่ถูกสอนให้ประหยัด และเด็กไม่จำเป็ต้องฉลองวันเกิด แต่เมื่อดูจากการเตรียมการของตระกูลหลิง ทำให้เธอคิดว่างานฉลองวันเกิดทุกปีของซูอินจะต้องเป็งานเลี้ยงกลางคืนอย่างแน่นอน ในทางตรงข้าม การฉลองวันเกิดของเธอที่คิดว่าดีแล้วนั้นโยนทิ้งไปได้เลย
และนั่นเป็เหตุผลว่าทำไมระยะนี้เธอไม่ได้ไปก่อกวนซูอิน ก็เพราะเธอให้ความสนใจและจดจ่ออยู่กับการเตรียมงานฉลองวันเกิด จนมาได้ยินว่าต้องแบ่งงานฉลองครั้งนี้ให้ซูอินครึ่งหนึ่ง เธอจึงรับไม่ได้
หยาดน้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตา ท่าทีสะอึกสะอื้นของเธอทำให้อู๋อู๋สงสารจับใจ แิที่ถูกหลิงจื้อเฉิงสร้างขึ้นหายไปอย่างรวดเร็ว
สามคนพ่อแม่ลูกตระกูลหลิง “หารือเื่ของซูอิน” และ “ปฏิเสธที่จะทำให้เมิ่งเมิ่งต้องทุกข์ใจ” ความคิดทั้งสองนี้แตกต่างกันมาก เกิดปากเสียงในตระกูลหลิงขึ้นอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศอึมครึมจนไปถึงการสอบขึ้นมัธยมปลาย
แต่ทางตระกูลซู เมิ่งเถียนเฟินที่กลับไปบ้านเกิดเพื่อฉลองวันเกิดอายุหกสิบปีได้รับการร้องเรียนจากเมิ่งเวย หลานสาวของเธอ
เมื่อรู้ว่าบุตรสาวของตนไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง มีกินมีใช้สุขสบาย แต่กลับต้องทำงานที่ร้านชานมเพื่อหาเลี้ยงชีพใน่ที่ต้องทบทวนเพื่อเตรียมสอบขึ้นมัธยมปลาย ทำให้เธอรู้สึกปวดใจมาก
แทนที่จะเตรียมทำซาลาเปา เธอกลับหันไปโมโหใส่หลานสาว
แต่ความโกรธนั้นหายไปเมื่อทุกคนในตระกูลเมิ่งหันมาให้ความสนใจ แม้ว่าพี่สะใภ้คนโตของตระกูลเมิ่งคิดว่ามันไม่ใช่เื่ใหญ่ เธอสงสารบุตรสาวของตนเองถึงขั้นบ่นด่าน้องสามี แต่พี่ใหญ่ของตระกูลเมิ่งกลับสงสารน้องสาว จนเมื่อเขารู้เื่ทั้งหมดจึงตำหนิบุตรสาวของตนเองอย่างรุนแรง
เมื่อจบงานฉลองวันเกิด เมิ่งเถียนเฟินซึ่งกลับมาที่บ้านตระกูลซูก็อยากรีบไปหาบุตรสาว แต่เธอจำท่าทีรังเกียจของหลิงเมิ่งได้ รวมถึงคำพูดที่ทำให้หัวใจสลายตอนที่พวกเขาจากมา
ตระกูลยากจนในชนบทอย่างพวกเขา จะเทียบอะไรได้กับตระกูลร่ำรวยของคนในเมือง
หากเธอรีบร้อนไปและการเจอพ่อแม่ที่ไม่มีอนาคตอย่างพวกเขา คงทำให้บุตรสาวถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนหัวเราะเยาะ ซึ่งอาจจะเพิ่มภาระใน่สอบให้บุตรสาวมากขึ้น
เมิ่งเถียนเฟินรักและเอ็นดูบุตรสาว แต่เธอไม่เคยไปมาหาสู่ซูอิน ความรู้ความเข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับบุตรสาวของเธออยู่ที่หลิงเมิ่งทั้งหมด
เธอรู้สึกกังวลมาก เมื่อนึกถึงคำพูดของซูอินที่เคยบอกไว้ก่อนที่เธอจะออกมาจากตระกูลหลิงว่า “ให้ไปรับเธอหลังสอบขึ้นมัธยมปลาย” เมิ่งเถียนเฟินจึงพยายามระงับความปรารถนาในใจ
เมื่อจัดการงานในไร่เสร็จ ่เวลาพักผ่อนเธอจึงตัดสินใจไปจุดธูปขอพรที่วัดใกล้ๆ เพื่อขอให้บุตรสาวทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้คะแนนดี
เมื่อตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ตอนที่ซูอินยังไม่รู้ตัว คนที่มีความสัมพันธ์กับเธอไม่ได้เฉยเมยอย่างที่เธอคิด
รวมถึงหลินเฉวียน พี่หง ตระกูลฉินที่เคยช่วยเหลือเธอ และสองแม่ลูกตระกูลสวี เมื่อรู้ว่าเธอจะสอบ พวกเขาต่างก็อวยพรให้เธอทำคะแนนได้ดีๆ
อีกทั้ง “พรหมลิขิต” เหล่านี้ยังสร้างเส้นด้ายที่ตาเปล่ามองไม่เห็น พุ่งหาเธอจากทุกทิศทาง แต่ละเส้นแทงทะลุเข้าสู่ร่างกาย จมลงในน้ำพุแห่งจิติญญาขนาดสามฟุตก่อนจะหายไป
เมื่อเติมเต็มเพียงพอแล้ว น้ำพุที่ค่อยๆ สูญเสียจิติญญาอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนเ้าของมาหลายคนก็ค่อยๆ ฟื้นตัว