“มานี่!” เจียงหงหย่วนเรียกนาง ร่างกายที่เกร็งของหวั่นชิวถึงได้เริ่มคลายลง นางวิ่งเหยาะๆ ไปหาเขา เดินตามอยู่ข้างเจียงหงหย่วน เห็นเขาจับไก่ป่าสองตัวที่ยังดิ้นออกมาจากพุ่มไม้
บนตัวไก่ป่ามีคราบเื หลินหวั่นตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าบนตัวพวกมันมีรูเืขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ นางเข้าใจทันทีว่าเจียงหงหย่วนเก็บหินมาเพื่อกระไร
ขณะเดียวกันก็ตกตะลึงกับฝีมือของเจียงหงหย่วน ไม่แปลกเลยที่บุรุษผู้นี้ล่าได้ทั้งเสือ ทั้งหมูป่าและหมี เห็นชัดว่าเขาเป็ยอดฝีมือ
ยอดฝีมืออยู่ในหมู่ชาวบ้าน
คำพูดนี้ไม่ผิดเลย
“หย่วนเกอเก่งมาก!” หลินหวั่นชิวชมแบบไม่ลังเล
เจียงหงหย่วนมองดวงตาดอกท้อเป็ประกายราวกับมีดวงดาวทั่วฟ้าของหลินหวั่นชิว หัวใจเขาเต้นแรงทันที
ตึกตัก
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เจียงหงหย่วนตอบอย่างภูมิใจ “ไว้ได้เข้าหอ เ้าจะรู้เองว่าข้ายังมีฝีมือที่ยิ่งกว่านี้!”
หลินหวั่นชิว “…”
อันที่จริงนางอยากจูบเจียงหงหย่วน แต่พอเขาพูดเช่นนี้…ช่างมันเสียดีกว่า นางกลัวหมอนี่จะจัดการตัวเองกลางป่ากลางเขา
“ถือไว้!” เจียงหงหย่วนหักคอไก่ป่าอย่างช่ำชอง จากนั้นดึงเถาวัลย์เส้นหนึ่งมาผูกขาไก่สองตัวเข้าด้วยกันแล้วยื่นให้หลินหวั่นชิว
หากเขารู้สิ่งที่หลินหวั่นชิวคิดก่อนหน้านี้คงได้ตบหน้าตัวเองสักสองฉาดเป็แน่
จะอวดเก่งไปเพื่อเหตุใด อวดเก่งจนทำโอกาสที่จะได้จูบปากน้อยๆ หายไป!
(เจียงหงหย่วน “ภรรยาจ๋า…ข้าไม่ปากเสียแล้วตกลงหรือไม่?” )
หลินหวั่นชิวถือไก่ป่า เจอเห็ดก็เก็บพันธุ์ที่รู้จักเข้าอกเสื้อ เจียงหงหย่วนตักน้ำเสร็จ รับไก่ป่าจากหลินหวั่นชิว ทั้งคู่เดินตามกันลงเขากลับบ้าน
หลังกลับมาถึงบ้าน เจียงหงหย่วนนำไก่ป่าไปชำแหละ ส่วนหลินหวั่นชิวก็แช่เห็ดในน้ำเกลือ เตรียมตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่เห็ด
ผัดเครื่องในไก่กับไฟแรง น่าเสียดายที่เืไก่ไหลเกลี้ยงั้แ่ระหว่างทาง มิเช่นนั้นเอามาผัดก็ไม่เลวเช่นกัน
ไก่ป่าไม่เหมือนไก่บ้าน ไก่ป่าตัวเล็กกว่า ไม่ค่อยมีเนื้อ ตอนนี้พวกนางใช่ว่าจะไม่มีเงิน ไม่จำเป็ต้องประหยัด หลินหวั่นชิวจึงตุ๋นไก่หมดทั้งสองตัว
่เวลาที่หลินหวั่นชิวกำลังทำกับข้าว เจียงหงหย่วนหยิบขวานไปตัดฟืนกลับมาจากป่า
มื้อเที่ยงกินน้ำแกงไก่ใส่เห็ด แกงไก่เข้มข้นโรยต้นหอมไว้้า แค่มองก็อยากกินเสียแล้ว
หลินหวั่นชิวทำน้ำจิ้มน้ำมันพริก นางกับเจียงหงหย่วนต่างชอบกินเผ็ด รสชาติของเนื้อไก่ที่จิ้มกับน้ำมันพริกช่างอร่อยจนหยุดกินไม่ได้
ส่วนเห็ด นางชอบกินซุปน้ำใสรสดั้งเดิม
“หย่วนเกอ เดี๋ยวข้าไปกับท่านด้วย ข้าต้องไปร้านหนังสือในตำบล” หลินหวั่นชิวพูดกับเจียงหงหย่วนในขณะที่กำลังกินข้าว
เจียงหงหย่วนไตร่ตรองครู่หนึ่ง “แล้วจะกลับจากที่นั่นอย่างไร? ตามข้าไปอำเภอด้วยกันเลยเถิด เช้าวันพรุ่งค่อยกลับมา”
หงป๋อกำลังดื่มน้ำแกงไก่คำเล็กๆ ได้ยินเจียงหงหย่วนพูดเช่นนั้นก็รีบบอกว่า “พี่สะใภ้ตามต้าเกอไปเถิดขอรับ วางใจได้ ตอนนี้ข้าดูแลตัวเองได้แล้ว”
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “ไปด้วยกันดีกว่า ข้าไม่วางใจให้เ้าอยู่บ้านผู้เดียว ตอนนี้คนในหมู่บ้านรู้แล้วว่าบ้านพวกเรามีเงิน หากมีคนรู้ว่าเ้าอยู่บ้านแค่ผู้เดียวต้องมีพวกชอบลักเล็กขโมยน้อยมาหาเป็แน่ เ้าร่างกายอ่อนแอ หากพวกเขาทำร้ายจะทำอย่างไร?”
นางเองก็อยากไปอำเภอ หนึ่งคือไปดูร้านหนังสือในอำเภอ สองคือไปเยี่ยมเจียงหงหนิง
“ไม่ต้องขอรับ ข้าไม่อยากเป็ภาระแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเชิญฟู่กุ้ยเกอที่บ้านตระกูลหวางมานอนเป็เพื่อนคืนนี้ พวกท่านไม่ต้องเป็ห่วง” เจียงหงป๋อไม่ใช่เจียงหงหนิง เขารู้ความแล้ว ย่อมรู้จักอ่านสถานการณ์
“ตกลงตามนี้ ข้าจะไปบ้านตระกูลหวางบอกฟู่กุ้ยให้เดี๋ยวนี้” เจียงหงหย่วนวางชามแล้วลุกออกไป คิดในใจว่าเด็กนี่รู้จักอ่านสถานการณ์!
“เช่นนั้นคืนนี้เ้าทำบะหมี่น้ำแกงไก่เถิด” สองสามวันมานี้เจียงหงป๋อเป็ลูกมือให้หลินหวั่นชิวในห้องครัว นางจึงถือโอกาสสอนเขาต้มบะหมี่ไปด้วย
เขาอายุสิบขวบ อีกทั้งเขาไม่ได้ลุกจากเตียงไม่ได้และต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลินหวั่นชิวกำชับเื่อื่นๆ กับเขา จากนั้นหอบของกองหนึ่งตามเจียงหงหย่วนออกไป
รถล่อดีกว่าเกวียนวัวแต่ก็ยังคงส่ายโคลงเคลงอยู่ แต่ดีที่เจียงหงหย่วนขับรถนิ่ม ทั้งยังปูฟูกผืนหนาไว้บนที่นั่งด้านใน เวลานั่งจึงไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวแต่อย่างใด
ม่านที่ประตูตู้รถส่ายไปมา มองเห็นแผ่นหลังเจียงหงหย่วนเป็ครั้งคราว
หลังเขาตรงและกว้างมาก หลินหวั่นชิวคิดในใจว่าถ้าได้ซบต้องแข็งมากเป็แน่
นับวันนางยิ่งชอบชีวิตที่บ้านตระกูลเจียงตอนนี้ แม้จะขาดแคลนปัจจัยสิ่งของ แต่…มีกลิ่นอายของบ้าน
มีคนเป็ห่วงเ้า ดูแลเ้า ปกป้องเ้า เฝ้ารอเ้า
ไม่เหมือนชาติก่อน…
ทั้งที่เป็พ่อแม่แท้ๆ แม้จะมีเงินให้นางใช้ไม่ขาด เสื้อผ้าอาหารไม่เคยขาดแคลน แต่กลับไม่เคยมอบความรัก
พวกเขายุ่งเสมอ ยุ่งจนไม่ได้เจอกันนานสองสามปีหรือสามสี่ปี
และถึงจะเจอกันก็ต้องรีบกลับ แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้กินด้วยกันสักมื้อ
หากหลินหวั่นชิวไม่เป็ฝ่ายโทรหาพวกเขาก่อน พวกเขาก็ไม่เคยโทรหานาง
นางคิดบ่อยๆ ว่าตัวเองเป็ลูกเก็บมาเลี้ยงหรือไม่?
เหตุใดจึงมีพ่อแม่ที่ห่างเหินกับลูกตัวเองขนาดนี้?
หรือบางทีอาจงานยุ่งจริงๆ
นางได้แต่บอกตัวเองเช่นนี้
ตอนนี้แยกจากกันด้วยมิติเวลา…ไม่ต้องคิดแล้วว่ามีหรือไม่มีสิ่งใด ตั้งใจใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีเป็พอ
“หย่วนเกอ ถ้าพวกเราไปร้านหนังสือในตำบลก่อนจะทำท่านเสียเวลาหรือไม่?” หลินหวั่นชิวเปิดผ้าม่านมองแผ่นหลังเจียงหงหย่วนพร้อมกับพูดกับเขา
“เ้าอย่าชักช้าเป็พอ”
“วางใจเถิด ข้าไม่ชักช้าเป็แน่” หลินหวั่นชิวพูดยิ้มๆ บุรุษผู้นี้พูดจาแข็งกระด้างแต่ดีกว่าความเ็าห่างเหินของพ่อแม่เมื่อชาติก่อนมาก
ดังนั้น นางจะยัง้าสิ่งใดอีก ยังจะมีสิ่งใดไม่พอใจ?
หลินหวั่นชิวหัวเราะเยาะตัวเองในใจ นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองเป็คนพอใจง่ายกระไรเช่นนี้
เจียงหงหย่วนคิดไม่ถึงว่านางจะตอบอย่างเชื่อฟัง เขาคิดว่าภรรยาตัวน้อยจะโกรธเสียอีก เขาชอบเวลานางโกรธ
