อาหารเช้าฝีมือเคอโยวหรานทำให้ทุกคนพึงพอใจเป็อย่างยิ่งโดยเฉพาะอาจารย์ทั้งสอง ต่างพากันจิบไวน์องุ่นและรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาช่างสูญเปล่าเสียจริง
เหตุใดถึงมิได้พบแม่นางผู้นี้ั้แ่เนิ่นๆ กันเล่า?
หลังมื้ออาหารเช้า ครั้นเห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เคอโยวหรานพลันเอ่ยว่า “ทุกคนเ้าคะ ข้าว เส้นหมี่ ธัญพืช และน้ำมันในจวนเหลือไม่มากแล้ว ข้าเตรียมตัวจะเข้าตัวเมืองสักหน พวกท่าน้าสิ่งใดหรือไม่เ้าคะ ข้าจะได้นำกลับมาให้พวกท่านด้วย”
ต้วนเหลยถิงเอ่ย “โยวหราน เข้าเมืองตามลำพังไม่ปลอดภัย ท่านหมอเทวะบอกแล้วว่าข้าต้องรักษาอีกหนึ่งวันจึงจะหายดี มิสู้รออีกสักวัน วันพรุ่งข้าจะไปกับเ้า”
เคอโยวหรานกล่าวตอบอย่างจนปัญญา “ข้าวของในห้องครัวเห็นก้นหม้อแล้ว หากไปวันพรุ่ง เย็นนี้คงได้เพียงดื่มลมตะวันตกเฉียงเหนือ [1] เสียแล้วเ้าค่ะ”
แม้ปากจะตอบกลับเช่นนี้ แต่ภายในใจกลับเอ่ยว่า : ก็เพราะมั่นใจว่าวันนี้ทุกคนมีธุระ ไม่ว่าผู้ใดล้วนมิอาจปลีกตัว ไม่อยากให้ผู้ใดตามไปด้วยจึงได้เลือกวันนี้อย่างไรเล่า
หากมีคนตามไปด้วยแล้วจะใช้สูตรโกงเยี่ยงไร? นางยังคิดจะขายเสบียงอาหารภายในมิติวิเศษเพื่อแลกเงินเสียด้วยซ้ำ
ยามนี้เคอโยวหรานขาดแคลนเงินมากที่สุด แม้พิษของต้วนเอ้อร์หลางจะถูกขจัดไปจนเกือบหมด ไม่จำเป็ต้องซื้อยาแล้วก็ตาม
แต่การเกณฑ์ทหารของราชสำนักนับเป็ดาบคมกริบที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ
ในชาติก่อน เพราะต้วนซานหลางพิการ ดังนั้นผู้ที่เข้าเกณฑ์ทหารจึงเป็ต้วนต้าหลาง
ยามนี้ขาของต้วนซานหลางถูกรักษาจนหายดีแล้ว มีความเป็ไปได้สูงที่จะเปลี่ยนตัวคนเข้าเกณฑ์ทหาร
กงล้อแห่งโชคชะตาได้เริ่มปรากฏร่องรอยแห่งความเปลี่ยนแปลงแล้ว หากไม่มีเงิน ภายในใจของเคอโยวหรานก็มิอาจสงบได้อย่างแท้จริง!
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเพิ่งจะมาเยือนยุคนี้ได้ไม่นาน ดวงตาทั้งสองมืดบอด จำต้องเข้าไปในตัวเมืองเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรอบ
มิเช่นนั้นกระทั่งยามทำอาหารก็ยังต้องอกสั่นขวัญแขวน ได้เพียงคลำหาวัตถุดิบมาปรุงตามความทรงจำของเ้าของร่างเดิม ด้วยกลัวว่าหากนำสิ่งของที่ไม่มีอยู่ในโลกแห่งนี้ออกมาใช้แล้วจะไร้ซึ่งคำอธิบาย
เ้าของร่างเดิมเป็คนบ้านนอกในชนบทโดยสมบูรณ์ ชั่วชีวิตเคยเข้าไปในตัวเมืองแค่ไม่กี่ครั้ง ต่อให้เข้าเมืองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา สายตาไม่กล้าแม้แต่จะชำเลืองมองซี้ซั้ว
สิ่งของที่อยู่ในความทรงจำมีน้อยเกินไป นางจำเป็ต้องไปสืบเสาะด้วยตนเอง...
ภายใต้การใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมไม่หยุดของเคอโยวหราน ท้ายที่สุดทุกคนก็ยอมให้นางเข้าตัวเมืองเพียงลำพัง มารดาสกุลต้วนกับถงซื่อยังกำชับนักหนา บอกให้นางรีบกลับมาโดยเร็ว
เคอโยวหรานรับปาก แบกกระบุงสะพายหลัง และเดินออกจากจวนสกุลต้วนท่ามกลางสายตามองส่งของทุกคน
ระหว่างทาง เคอโยวหรานฮัมเพลงเสียงเบาพลางมองสำรวจโดยรอบ แท้จริงแล้วนางพึงพอใจจวนเก่าที่ผู้เฒ่าเคอยกให้ตอนแยกจวนเป็อย่างยิ่ง ไม่เพียงสะดวกต่อการคอยดูแลเพราะอยู่ติดกับสกุลต้วนเท่านั้น
ทว่าทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำมีแค่สองครอบครัว ทั้งยังมีถนนสายตรงมุ่งสู่ตัวเมืองในระยะทางไม่ไกลอีกด้วย ไม่ต้องข้ามแม่น้ำผ่านหมู่บ้านเถาหยวน เหมาะแก่การร่ำรวยอย่างเงียบเชียบยิ่งนัก
บนหนทางไร้ซึ่งผู้คน เคอโยวหรานจึงเอากระบุงสะพายหลังใส่ไว้ในมิติวิเศษและเดินอย่างสบายอารมณ์
เวลาล่วงเลยไปหนึ่งชั่วยาม เคอโยวหรานที่ในที่สุดก็มองเห็นอาคารสูงพลันผ่อนลมหายใจออกมา ในชาติก่อนนางเคยเดินทางไกลถึงเพียงนี้เสียเมื่อใด?
นางลอบสาบานว่า รอจนกระทั่งภายหน้าตนรุ่งเรืองจะต้องซื้อรถม้าสักคัน หรืออย่างน้อยรถลากสักคันก็ยังดี...
หลังจ่ายค่าเข้าเมืองจำนวนสองอีแปะ เคอโยวหรานก็นำพาความสนใจใคร่รู้ก้าวเข้าสู่ตัวเมือง
นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะเหมือนกับเมืองโบราณที่อนุรักษ์ไว้ยิ่งนัก ล้วนแต่เป็ถนนหนทางปูด้วยหินรูปแบบเดียวกัน
ถนนแนวนอนและแนวตั้งตัดผ่าน ทั้งสองข้างทางมีร้านค้าเรียงราย เพิ่งจะแปดถึงเก้าโมงเช้าก็มีผู้คนสัญจรไปมา บรรยากาศครึกครื้นเป็อย่างยิ่ง
เคอโยวหรานใช้เวลาสองชั่วยามในการเดินชมจนทั่วทั้งตัวเมือง หลังจากสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยสี่ ในที่สุดก็กระจ่างแล้วว่าตนทะลุมิติมายังสถานที่เช่นใด
ที่แท้สถานที่แห่งนี้คือแคว้นฉีฉู่ของราชวงศ์ที่ไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ คล้ายคลึงกับราชวงศ์สุยและราชวงศ์ถังในชาติก่อน ทว่าก็มีส่วนที่แตกต่างด้วยเช่นกัน นั่นคือสามารถพบเห็นสตรีได้ตามท้องถนน ฐานะของสตรีไม่ต่ำต้อยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ราชสำนักยังสนับสนุนการค้า พ่อค้าค่อนข้างมีฐานะทางสังคม ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับผู้มีความสามารถ เปิดเส้นทางการสอบเคอจวี่ [2]
ส่วนเื่สินค้ากับวัตถุดิบ มีทั้งข้าวโพด พริก มันฝรั่ง และมันเทศเป็ต้น เกลือเองก็ราคาถูกและมีวิธีการกรองเกลือที่ละเอียดเป็อย่างยิ่ง
ส่วนเมืองซึ่งเป็ที่ตั้งอำเภอที่นางกำลังอยู่นี้คือจุดศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้า มีพ่อค้าเดินทางเข้าออกจำนวนมาก การค้ารุ่งเรือง อัตราการจับจ่ายใช้สอยก็ค่อนข้างสูงทีเดียว
มุมปากของเคอโยวหรานหยักยก ดวงตาเป็ประกาย ทั้งยังถูมือทั้งสองข้างไปมา ์ช่างเมตตานางจริงๆ ไม่เพียงมอบดัชนีทองคำให้ แต่ยังส่งนางมายังสถานที่ซึ่งเปี่ยมด้วยโอกาสทางการค้าเช่นนี้
อารมณ์ดีโผบินขึ้นสูงอย่างยากอธิบาย หญิงสาวยกยิ้มเสียจนมิอาจหุบปากได้
นางไปยังร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดแห่งหนึ่งเป็อันดับแรก จ่ายเงินสามอีแปะซื้อกระสอบป่านห้าใบ
จากนั้นอ้อมไปด้านหลังร้านขายข้าวสารเพื่อหามุมที่ไร้ผู้คน นางจัดการฉีกเอาข้าวเ้า ข้าวฟ่าง และข้าวเหนียวออกจากบรรจุภัณฑ์เดิม ตามด้วยใส่ข้าวเ่าั้แยกลงในกระสอบป่าน
เมื่อเหลียวซ้ายแลขวา มั่นใจว่าที่แห่งนี้ไร้ผู้คนสัญจรและปลอดภัยเป็อย่างยิ่ง นางจึงทิ้งกระสอบข้าวเอาไว้ที่นี่
ถึงอย่างไรก็คือข้าวสารห้ากระสอบ ด้วยร่างกายเล็กๆ เช่นนี้ของนาง แบกเพียงกระสอบเดียวก็ยังไม่ขยับเขยื้อน
หลังเดินออกจากตรอกเล็ก เคอโยวหรานพลันมุ่งตรงไปยังร้านขายข้าวสารสกุลต่งที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
ทว่าผู้ใดจะรู้ เพิ่งมาถึงหน้าประตูก็ถูกพนักงานร้านขายข้าวสารถือไม้กวาดตะเพิดออกมา “ไสหัวออกไป ขอทานจากที่ใดกัน? หลีกไป นี่ใช่ที่ที่เ้าควรมาหรือ?”
เคอโยวหรานถูกเขาเอาไม้กวาดปัดไล่จนถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่มีแม้แต่โอกาสได้ปริปากเอ่ย ทั้งยังถูกไล่ออกมาตามคำกล่าวประโยคนั้นจริงๆ
ครั้นเงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายทำจากไม้หวงฮวาหลี [3] ตามด้วยมองเสื้อผ้าซึ่งเต็มไปด้วยรอยเย็บปะของตน นางพลันลูบจมูก ก่อนจะหันหลังเดินไปทางร้านขายข้าวสารขนาดค่อนข้างเล็กอีกแห่งหนึ่ง
ภายในร้านมีชายชราร่างผอมผู้หนึ่งกำลังจดจ่อกับการดีดลูกคิด เขาขมวดคิ้วจนกลายเป็ร่องลึกก้นมหาสมุทร ปากก็เอาแต่เอ่ยพึมพำไม่ยอมหยุด
“แท้จริงแล้วผิดพลาดที่ใดกัน? ไม่ถูกต้อง นี่ตั้งสามสิบรอบแล้ว เหตุใดถึงไม่เหมือนกันเลยทุกรอบเล่า?”
ขณะกล่าวก็ยกมือที่กำพู่กันขึ้นมาเกาหัวด้วยความหงุดหงิด น้ำหมึกขีดเขียนลงบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว ภายหลังยังทุบอกกระทืบเท้าระบายอารมณ์หนึ่งหน
เขาพลิกเปิดหน้าแรกของสมุดบัญชีแล้วเริ่มคำนวณใหม่อีกครั้ง รอจนกระทั่งคำนวณไปถึงหน้าที่ห้า เคอโยวหรานพลันเอ่ยว่า “คำนวณผิดแล้วเ้าค่ะ”
ครั้นชายชราถูกรบกวนก็ถึงกับลืมตัวเลขที่เพิ่งคำนวณได้เมื่อครู่ อารมณ์ร้อนพุ่งขึ้นศีรษะทันใด เมื่อเงยหน้าก็พบเข้ากับแม่นางน้อยร่างผอมผู้สวมเสื้อผ้าซึ่งมีสภาพทรุดโทรม
วาจาที่เดิมทีนึกอยากใช้บริภาษคนติดอยู่บนริมฝีปากก่อนจะถูกกลืนลงไป สิ่งที่เอ่ยออกมากลับเป็คำว่า “เ้าลองบอกเถิดว่าผิดที่ส่วนใด?”
เคอโยวหรานชี้ไปยังผลรวมที่เขาเขียนไว้ตรงมุมขวาล่างพลางตอบ “ตรงนั้นเ้าค่ะ ผลรวมผิดแล้ว หนึ่งร้อยสามสิบสี่บวกห้าสิบหก บวกเจ็ดสิบสาม บวกสามร้อยเก้า รวมทั้งหมดคือห้าร้อยเจ็ดสิบสอง แต่ท่านเขียนห้าร้อยยี่สิบเจ็ด”
“หืม? ใช่หรือ?” ชายชราก้มหน้าลงตั้งใจดีดลูกคิด ผลคือผิดตรงส่วนนี้จริงๆ จึงเปลี่ยนจำนวนตัวเลขให้ถูกต้อง
จากนั้นตั้งใจคำนวณใหม่ั้แ่ต้น ได้ยินเพียงเสียงเขาดีดลูกคิด กระทั่งพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้ายก็ได้ยินเคอโยวหรานเอ่ยขึ้นอีกคราว่า “ทั้งหมดหนึ่งหมื่นสามพันเก้าร้อยแปดสิบหก”
หลังชายชราบวกเลขตัวสุดท้ายเสร็จ เขาก็จดจ้องจำนวนกระดานลูกคิดแล้วหันมาทอดมองเคอโยวหราน ก่อนจะหันกลับไปจ้องลูกคิดอีกหน ริมฝีปากอ้าหุบอยู่หลายครั้งกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ “เ้ามิได้ใช้ลูกคิด เหตุใดจึงคำนวณออกมาได้เล่า?”
เคอโยวหรานกลอกตาพลางตอบอย่างไร้สิ่งใดจะเอ่ย “ง่ายถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าคิดในใจเ้าค่ะ”
ชายชรา “...?” ง่ายหรือ?
เคอโยวหราน : ยากที่ใดกัน? วิธีคิดเลขเร็วั้แ่สมัยประถม เพียงไปหาเด็กมัธยมปลายมาสักคนก็พากันคิดได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ
อีกเื่หนึ่ง นางเป็ถึงผู้ที่เคยเข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระดับประเทศ แค่ความรู้เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ต่อให้หลับตาก็ยังคำนวณได้เลยกระมัง?
ชายชราตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ปรับอารมณ์ที่ถูกโจมตีจนพังยับเยินของตนให้เป็ปกติ ไม่อยากจะซักไซ้คนตรงหน้าเื่การคำนวณอีกต่อไป เพราะเดิมทีแม่นางน้อยผู้นี้ก็ทำให้ผู้อื่นต้องพานพบความพ่ายแพ้
เขากระแอมไอแล้วถามว่า “แม่นางน้อย เ้ามาซื้อข้าวสารหรือ?”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ดื่มลมตะวันตกเฉียงเหนือ 喝西北风 เป็สำนวนจีน หมายถึง อดอยาก ไม่มีอะไรจะกิน
[2] การสอบเคอจวี่ 科举 หมายถึง ระบบการคัดเลือกข้าราชการที่ทางราชสำนักจัดให้เป็การสอบส่วนกลางเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถตามผลคะแนนสอบ อีกทั้งเพื่อประเมินความรู้และคุณธรรมของผู้เข้าสอบ จากนั้นแต่งตั้งตำแหน่งข้าราชการในส่วนต่างๆ ต่อไป การสอบคัดเลือกนี้มีขึ้นั้แ่สมัยราชวงศ์สุย
[3] ไม้หวงฮวาหลี 黄花梨木 หมายถึง ไม้เขตร้อนซึ่งพบทางจีนตอนใต้และเวียดนาม ไม่พบในไทย บางคนเรียกไม้พะยูงหอม มีความโดดเด่นที่ลวดลายสวย หากเป็ไม้เก่าจะมีริ้วและประกายสีเหลืองทองในเนื้อไม้ ทำให้มีราคาแพงยิ่งขึ้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้