ขณะที่กู่เทียนกำลังนำเซียวไป๋เข้าสู่พื้นที่จิติญญาของเขา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เขามองไปที่หน้าจอแล้วเห็นชื่อของแม่ กวงเยว่ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย เสียงของแม่ดังขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
"ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน บ่ายสามแล้วนะ!"
กู่เทียนหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ "ขอโทษครับแม่ ผมลืมไปเลย เดี๋ยวผมออกไปเดี๋ยวนี้"
หลังจากวางสาย กู่เทียนก็เร่งรีบนำเซียวไป๋เข้าไปในพื้นที่จิติญญาของเขา ซึ่งเป็พื้นที่ที่เขาสร้างขึ้นมาเองและตั้งชื่อว่า "พื้นที่แห่งความโกลาหล" ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากห้องทดลองไปทันที
ณ สวนกลางลานของตระกูลกู่ บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด มีผู้คนมากมายยืนรวมตัวกันอยู่ กลุ่มคนเ่าั้คือสมาชิกของ กิลด์กุหลาบดำ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจับตัวไว้ แต่ตอนนี้ได้รับการปล่อยตัวออกมาทั้งหมดแล้วด้วยคำขอร้องของเมิ่งหลิน โดยที่ในกลุ่มคนเ่าั้มี เย่เฟิง และลี่จวนก็มารวมอยู่ในกลุ่มคนเ่าั้ด้วย
ลี่จวนที่กำลังโกรธจัดหันไปมองรอบ ๆ คฤหาสน์ของตระกูลกู่ด้วยความไม่พอใจ เธอเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับที่นี่ ั้แ่กลิ่นอายของสถานที่ไปจนถึงบรรยากาศรอบตัว
ขณะนั้นเอง กวงเยว่เดินออกมาพร้อมกับเมิ่งหลิน ทันทีที่สมาชิกกิลด์กุหลาบดำเห็นหัวหน้าของพวกเขา ทุกคนก็พากันะโออกมาด้วยความเป็ห่วง
"หัวหน้า! เป็อะไรหรือเปล่าครับ?"
"ได้รับาเ็ตรงไหนไหมครับ?"
ทุกคนต่างถามไถ่ด้วยความกังวล ขณะที่ลี่จวนกอดอกและพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
"หัวหน้าถูกยัยป้าปีศาจนั่นทำอะไรหรือเปล่า? หรือถูกจับให้ทดลองกินอาหารพิษที่สามารถฆ่าคนได้หรือเปล่า?"
ทันทีที่สิ้นเสียง กวงเยว่เดินเข้าไปใกล้ลี่จวนก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หัวของเธอเบา ๆ รอยยิ้มอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกวงเยว่
"เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะจ๊ะ...สาวน้อย?"
ลี่จวนที่รู้ตัวว่าพูดอะไรผิดพลาดไปแล้ว ร่างของเธอแข็งทื่อทันที เธอรีบโค้งตัวขอโทษทันทีด้วยเสียงตะกุกตะกัก
"ข-ขอโทษค่ะ!"
เมิ่งหลินหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น "ตอนนี้ฉันไม่เป็อะไรแล้วนะทุกคน และก็..."
ก่อนที่เมิ่งหลินจะพูดจบ แรงกดดันมหาศาลก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้ากดทับทุกคนในบริเวณนั้นทันที บรรยากาศทั่วทั้งลานถูกปกคลุมไปด้วยพลังอันน่ากลัว เสียงะโดังก้องลงมาจากฟากฟ้า
ท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลกู่ถูกบดบังด้วยเงามืดขนาดมหึมา ทุกสายตาพากันเงยขึ้นมองก่อนจะพบกับภาพของปลาวาฬั์สีดำทะมึนที่กำลังลอยตัวเหนือฟากฟ้า ออร่าสัตว์ร้ายระดับ เพชร แผ่กระจายไปทั่ว พร้อมกับเสียงประกาศก้องดังลงมาจากชายที่ยืนอยู่บนหลังปลาวาฬตัวนั้น
"ฉันคือร้อยโท ลู่เหวินไท่ เ้าหน้าที่ตำรวจแห่งรัฐบาลกลาง! ฉันขออนุญาตเข้าตรวจสอบและจับกุมกลุ่มตระกูลกู่ทั้งหมดในข้อหาใส่ร้ายและคุกคามเด็กๆ ที่มีพร์!"
เสียงของชายผู้นี้ดังก้องไปทั่วทั้งเมือง ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างรู้สึกถึงพลังกดดันที่มหาศาลจนแทบหายใจไม่ออก ลี่จวนและสมาชิกกิลด์กุหลาบดำเริ่มตัวสั่น แม้แต่เย่เฟิงเองก็แสดงสีหน้ากังวล
ทว่าท่ามกลางแรงกดดันนั้น กวงเยว่ กลับยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่ง เธอสะบัดมือเพียงเบา ๆ ก็สร้างม่านพลังปกป้องผู้คนทั้งหมดโดยรอบ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
"คนจากรัฐบาลกลาง่นี้ดูเหมือนจะไร้สติปัญญามากขึ้นทุกวันสินะ แถมยังบ้าอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก..."
ทันใดนั้นเสียงเ็าของชายอีกคนก็ดังขึ้นมาจากอีกมุมของท้องฟ้า
"ร้อยโท ลู่เหวินไท่ ฉันขอถามหน่อยว่าคุณมีหลักฐานอะไรในการทำการจับกุมคนของตระกูลกู่?"
ทุกสายตาหันไปมองยังต้นกำเนิดของเสียงทันทีก่อนจะ ซูไป่เฉิง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดคลุมสีเงินที่ลอยตัวอยู่ไม่ไกลจากปลาวาฬดำของลู่เหวินไท่ เขานั่งอยู่บนหลังของม้าสีดำทมิฬ ดวงตาเปล่งประกายแสงสีแดงฉานราวกับอสูรแห่งรัตติกาล
ลู่เหวินไท่จ้องมองซูไป่เฉิงด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
"นี่มันไม่ใช่พื้นที่ดูแลของแก ถอยออกไปซะ ร้อยโท ซูไป่เฉิง!"
ซูไป่เฉิงเพียงแค่ยิ้มเย็น ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างสบาย ๆ
"หืม...อย่างนี้นี่เอง ข้าคงต้องเห็นด้วยกับที่คุณนายกู่พูดแล้วสินะ พวกที่พึ่งได้รับปลอกคอใหม่จากรัฐบาลกลางมันช่างเห่าดังขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ"
สิ้นเสียงของซูไป่เฉิง ออร่าพลังอันมหาศาลก็แผ่กระจายออกจากร่างของทั้งสองฝ่าย แรงกดดันปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเป็พายุพลังมหาศาลที่ทำให้พื้นดินสั่นะเื
กวงเยว่มองดูการเผชิญหน้าระหว่างสองคนนี้ด้วยแววตาสนุกสนาน เธอนึกถึงสิ่งที่ลูกชายของเธอ กู่เทียน เคยบอกไว้เกี่ยวกับรัฐบาลกลาง ถึงแม้ว่าผู้นำของรัฐบาลกลางจะถูกเลือกผ่านระบบการโหวตของเมืองต่าง ๆ แต่ว่าความจริงแล้วมันถูกควบคุมโดย สิบตระกูลระดับศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็ผู้กุมอำนาจเื้ั
รัฐบาลกลางนั้นไม่ได้เป็หนึ่งเดียวกันจริง ๆ แต่กลับแบ่งออกเป็หลายฝ่ายที่ต่างขับเคี่ยวกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
"เด็กหนุ่มที่ชื่อ เย่เฟิง น่าจะเป็คนที่ลู่เหวินไท่้าช่วยสินะ" กวงเยว่พึมพำกับตัวเอง เธอไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกเกี่ยวกับกองกำลังของเย่เฟิงนัก แต่ดูเหมือนเขาจะมีเื้ัที่ไม่ธรรมดา
ตูมมมมมมมมมม!!
เสียงปะทะกันดังขึ้นกลางอากาศ ท้องฟ้าทั้งหมดะเื พลังของทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครมองตามทัน
แต่แล้วเพียงไม่นาน ร่างกายหนึ่งก็ได้ร่วงกระแทกพื้นอย่างดัง
"แกร๊ก!"
ร่างของ ลู่เหวินไท่ ถูกจับกดลงกับพื้นอย่างไร้ทางสู้ มือของเขาสั่นเทาด้วยความใ สายตาที่เคยเย่อหยิ่งของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่อาจขยับตัวได้
"นี่แก...แกแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ไม่สิ...ระดับของแกมัน..."
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เขาก็หมดสติลงไปทันที
ซูไป่เฉิง ยืนอยู่เหนือร่างของเขาพร้อมกับรอยยิ้มเย็น "ขออภัยที่สร้างความวุ่นวายให้กับเมืองแห่งสายฝน"
กวงเยว่ที่ยืนมองอยู่เพียงแค่ยิ้มแล้วตอบ "ไม่เป็ไรหรอก แค่ได้กำจัดเ้าหน้าที่ทุจริตไปหนึ่งคน ฉันก็ดีใจแล้ว"
หลังจากนั้น ทั้งสองคนจ้องหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้าย ซูไป่เฉิงหายตัวไปในสายลมพร้อมกับม้าทมิฬของเขาพร้อมกับร่างที่หมดสติของลู่เหวินไท่
ทันใดนั้น ณ ยอดตึกสูงแห่งหนึ่ง
เสียงแจ้งเตือนบางอย่างก็ดังขึ้นมาในอากาศ
[ติ๊ง!! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สามารถหยุดยั้งบุตรแห่งโชคชะตาจากการถูกช่วยเหลือ โฮสต์ได้รับแต้มวายร้าย 10,000 แต้ม]
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนขอบตึก ยิ้มเยาะก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"แค่ 10,000 แต้ม? นี่แกให้มาแค่นี้ คิดว่าเอาไปเช็ดก้นรึไงหา!?"
เสียงของระบบดังขึ้นด้วยโทนเสียงแฝงความน้อยใจ
[โฮสต์พูดจารุนแรงจัง ระบบเสียใจนะ]
ชายหนุ่มที่มีชื่อว่า อู๋ซวง ที่เป็เพื่อนสนิทของกู่เทียน หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เขามองลงไปยังคฤหาสน์ของตระกูลกู่ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง