หลินเผิงเฟยตะลึงงันกับคำพูดของเธอ ฉายชัดว่าเขาลืมเหตุการณ์นี้ไปแล้ว
“นี่ย่าแกสอนใช่ไหม? บอกว่าฉันทิ้งผัวทิ้งลูก? แต่ฉันจะทิ้งแกได้ยังไง? ฉันแค่ไปเรียนมหา’ลัยเท่านั้น พอเรียนจบฉันก็บอกกับทางสถาบันให้ฉันบรรจุงานแถวบ้าน ผลสุดท้ายกลับบ้านมาฉันเห็นอะไร?” หล่อนไม่อยากนึกถึงภาพนั้นเลย มันเจ็บแค้นใจทุกคราที่หวนคิดถึงมัน เพื่อแต่งงานกับหลินเสี่ยวหยาง เธอยอมทิ้งแม้กระทั่งบิดามารดาของตนเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับได้สิ่งใดตอบแทนกันเล่า? หล่อนเผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนพลางเอ่ยขึ้น “ย่าแกพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ด้วย แล้วยังให้แกเรียกหล่อนว่าแม่ พ่อแกขี้ขลาดเอาแต่ฟังคำของย่าแก แล้วเลือกที่จะอยู่กินกับนังนั่นจริงๆ !” ทุกลมหายใจของเธอสั่นระริก แทบจะเค้นกำลังทั้งหมดกดชิงชังไว้ในใจ ก่อนที่หล่อนจะตวาดกร้าว “เป็เพราะฉันไม่ยกโควตามหา’ลัยให้อาหญิงของแก ย่าแกเลยเกลียดฉันเข้ากระดูกดำ จงใจแยกฉันกับพ่อแกออกจากกัน!แต่เื่อะไรฉันต้องยกให้เธอล่ะ! ฉันสอบผ่านด้วยตัวเองนะ!” เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ในที่สุดก็ะเิเสียงหัวเราะร้ายกาจด้วยความแสนสุขใจ “ดูสิ กรรมตามสนองหล่อนแล้ว นังนั่นป่วยตายไปจนได้! หึ!”
“หุบปากของคุณซะ!” หลินเผิงเฟยดวงตาแดงเรื่อ เขาคาดไม่ถึงว่าเื่ราวจะมีต้นสายปลายเหตุเช่นนี้ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีวันยอมให้เจิ้งหยวนต่อว่าคุณย่าของเขาเด็ดขาด! ภายหลังพ่อของเขาแต่งงานใหม่ อย่างไรเสีย แม่ก็ไม่ได้้าพ่อ ทั้งยังเมินเฉยเขา หลินเผิงเฟยจึงทำได้เพียงอยู่กับคุณย่า แม้คุณย่าจะชอบด่าทอแม่ แต่อย่างน้อยท่านก็ยังยอมเลี้ยงเขา! เขาจึงเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ถึงคุณย่าของผมจะแย่แค่ไหน แต่ท่านก็ช่วยคุณเลี้ยงลูกจนโต! ไม่ปล่อยหนาวเหน็บหรือหิวโซ แล้วยังส่งให้เรียนมหา’ลัย!”
เจิ้งหยวนอยากบอกเหลือเกิน รู้หรือไม่ว่าค่าเล่าเรียนกับค่ากินอยู่ของแก ฉันเป็คนจ่าย ทว่าเมื่อมองบุตรชายที่ตาแดงก่ำ ซ้ำยังดูอึดอัดคับข้องและโกรธเกรี้ยวเบื้องหน้า คำพูดเ่าั้กลับติดอยู่ในลำคอ จริงอยู่ที่เธอออกเงินเอง แต่สุดท้ายก็ยังละเลยหน้าที่อบรมเลี้ยงดู ยามนั้นไม่ใช่ไม่เคยคิดพาลูกไปด้วย ทว่าเพราะต่อมามีคนแนะนำว่าผู้หญิงเลี้ยงลูกคนเดียวจะหาคู่อีกครั้งยาก บวกกับพาลโกรธลูกเพราะถูกหลินเสี่ยวหยางหักหลัง เธอจึงเลือกที่จะทิ้งลูกแล้วจากไปเพียงลำพัง ในเมื่อเธอเป็คนปล่อยมือจากความสัมพันธ์แม่ลูกนี้ก่อน แล้วมีสิทธิ์อะไรไปตำหนิลูกว่าโดนสอนให้เกลียดผู้เป็แม่อย่างเธอกัน?
เธออ้าปาก ทำท่าคล้ายจะเอ่ยบางอย่าง แต่ทว่าในจังหวะนั้นเอง ทั้งห้องก็พลันสั่นะเืกะทันหัน แผ่นดินไหว! แถมไหวรุนแรงมากเสียด้วย! เจิ้งหยวนตื่นตระหนก รีบหันหน้าหาบุตรชายตามสัญชาตญาณ ผลปรากฏว่าเห็นโคมไฟคริสตัลบนเพดานกำลังจะร่วงหล่นลงมา และหลินเผิงเฟยอยู่ข้างใต้มัน!
ชั่วขณะนั้น ราวกับว่าเธอโดนพลังวิเศษครอบงำ เธอกระโจนไปหาผู้เป็ลูกโดยไม่คิดไตร่ตรองสักนิด แรงจนเขาล้มลง วินาทีนั้นโคมไฟคริสตัลร่วงกระแทกศีรษะเธอแทน โลหิตไหลรินตามใบหน้าเข้าตา โลกทั้งใบเสมือนอาบย้อมไปด้วยสีแดงสด
ภายในโลกสีแดงฉาน สีหน้าของหลินเผิงเฟยฉายชัดถึงความประหลาดใจ แฝงกระทั่งความงงงันเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างคล้ายไม่เข้าใจว่าเจิ้งหยวนช่วยเขาทำไม
“รีบ… หนี…”
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่หล่อนฝากไว้ให้บุตรชาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก มีเพียงเสียงหวีดหวิวของสายลมเท่านั้น เปลือกตาพลันหนักอึ้งขึ้นทุกครา โลหิตที่หลั่งไหลนำเอาอุณหภูมิร่างกายของเธอออกไปทีละนิด ตัวเธอเย็นลง เย็นลง… เธอคิด เธอน่าจะใกล้ตายแล้ว
่เวลาก่อนตาย เธอพลันคิด หลินเผิงเฟยถูกย่าของเขาเลี้ยงมาอย่างดีจริงๆ เว้นเสียแต่ว่าความรังเกียจแม่ผู้ให้กำเนิด เขาทั้งฉลาด อดทน และมีความสามารถ พอพ่อแม่หย่าร้างกันแล้ว พ่อแต่งงานใหม่ แม่ก็ไม่สนใจใยดี ่วัยเด็กของเขาคงลำบากน่าดู เพื่อนร่วมชั้นจะเยาะเย้ย อาจารย์จะรังแกเขาไหม เพื่อนจะสงสารเวทนาเขาหรือเปล่า? ชาตินี้นอกจากให้เงิน เธอก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อบุตรชายเลย แต่อย่างน้อยก็ได้ช่วยชีวิตเขาสักครั้งใน่สุดท้ายของชีวิต เธอมีความสุขเหลือเกิน
เพียงแต่ชาติหน้าคงไม่ได้พบเจอกันแล้วกระมัง?
จะว่าไปเธอค่อนข้างคิดถึงเกี๊ยวฝีมือแม่ ไม่ได้กินมากี่ปีกันนะ…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้