“อันที่จริงก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ท่านพ่อข้าชื่นชอบสิ่งของบางอย่าง แต่อาสี่รั้นจะแย่งไปให้ได้ เื่นี้ท่านย่าบอกแล้วว่า้ายกให้พ่อข้า แต่ดันเข้าตาอาสี่ เขาดื้อไม่ยอมปล่อยมือ นี่จึงทำให้วันนี้พอเพิ่งทำพิธีเปิดรับเทพไฉ่ซิงเอี๊ยเสร็จ พวกเขาก็เริ่มทะเลาะกัน”
นี่เป็ธรรมเนียมในพื้นที่ของผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านสามสิบลี้ เพื่อเป็การเปิดประตูในวันแรกของปีใหม่ ต้องจุดประทัดพวงใหญ่เพื่อต้อนรับเทพไฉ่ซิงเอี๊ยเข้าบ้าน และขอพรให้มีเงินไหลมาเทมา
หลิวซานกุ้ยมองไปที่กะละมังบนโต๊ะ นี่ช่างเป็เื่ที่ไม่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก เขากำลังจะเตรียมพิธีสรงสามให้เ้าเด็กหนุ่มทั้งสอง
หลิวจื้อไฉมองตามสายตาเขา ก่อนจะนึกเสียใจทีหลังที่ตนเองวู่วามไปหน่อย
“อาสาม ได้ยินว่าอาสะใภ้สามคลอดน้องชายตัวอ้วนสองคน หลานเองยังไม่เคยได้เจอเลย!”
เห็นหรือไม่ หลิวจื้อไฉนั้นเป็สำเนาของหลิวเหรินกุ้ยไม่มีผิด หลิวเต้าเซียงไม่ชอบเขาขึ้นมาจริงๆ
เชอะ! พวกสอพลอ!
เมื่อวานตอนที่มารดาของนางเพิ่งคลอด ไม่เห็นคนในครอบครัวเขามายินดีสักคน
อย่างที่รู้กัน แม้ว่าเมื่อวานจะเป็เทศกาลปีใหม่ แต่คนในหมู่บ้านที่รู้ข่าวบ้านนางต่างก็พากันมาดู ไม่ได้ถือกาลเทศะอะไรมากนัก เพียงแต่มาแสดงความจริงใจเล็กน้อย
มุมปากของหลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างประชดประชัน “ใช่สิ เมื่อวานมีคนมามากมาย พ่อข้าชะเง้อมองก็ไม่เห็นปู่ย่าพวกเ้ามาเลย”
คนรอบตัวมากันหมด มีเพียงคนในบ้านหลิวเดิมที่ไม่มา
นับว่าเป็การประชดประชันที่ใหญ่หลวง แต่วันนี้พอเกิดเื่ฝั่งนั้นก็หน้าด้านมาถึงบ้าน
ใบหูของหลิวจื้อไฉร้อนเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงต้องตอบอย่างงุ่มง่าม “เมื่อวานนี้ ครอบครัวกําลังยุ่งอยู่กับการบูชาบรรพบุรุษจนกระทั่งมืด แล้วก็ยุ่งกับการทานอาหารปีใหม่และโส่วซุ่ย ดังนั้นจึง...”
นี่เป็เพียงข้ออ้าง
แต่บูชาบรรพบุรุษ?!
หลิวเต้าเซียงหรี่ตาลงเล็กน้อย เหตุใดจึงไม่มีใครแจ้งให้ครอบครัวฝั่งของนางทราบ?
นางเงยหน้าขึ้นมองบิดาที่หน้าซีดขาว
พร้อมกับรู้สึกเคืองในใจโดยไม่มีสาเหตุ และน้ำเสียงเริ่มไม่ดี “ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็อย่าอยู่ที่นี่นานดีกว่า ท่านพ่อ ข้าจะไปเอาร่มให้ท่าน”
หลังจากที่หลิวเต้าเซียงนำร่มกระดาษมาให้เขา ก็ไปหาหลิวชิวเซียงในครัว แล้วกระซิบข้างหูนางไม่กี่คำ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวชิวเซียงขบริมฝีปากล่างไว้แน่นแล้วเอ่ยกับเฉินซื่อว่าจะไปที่บ้านเดิม ก่อนจะถูกหลิวเต้าเซียงลากออกจากครัว จากนั้นทั้งสองก็เลี้ยวไปห้องปีกตะวันออก
เฉินซื่อกําลังต้มแกงไก่ให้จางกุ้ยฮัวอยู่ในครัว นางชะเง้อมองออกมาแล้วพึมพำ “จะไปบ้านเดิมไม่ใช่หรือ? เหตุใดกลับเข้าห้องเล่า?”
สองพี่น้องเก็บของในห้องปีกตะวันออก แล้วกางร่มคนละคันเดินออกจากประตูไป
เฉินซื่อเห็นร่างสีแดงและสีเขียวอ่อน ก่อนจะพึมพําอีกครั้ง “ไหนบอกว่าไม่อยากสวมผ้าคลุมขนกระต่ายไม่ใช่หรือ?”
จากนั้นก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แล้วหันไปทำงานของตนต่อ
ไม่นานนักสองพี่น้องก็พากันมาถึงหน้าประตูบ้านเดิมตระกูลหลิว
ก่อนเข้าไปในลานบ้านก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากข้างใน หลิวชิวเซียงขมวดคิ้วสวยเล็กน้อย แล้วหันไปเอ่ยกับหลิวเต้าเซียง “น้องรอง เกรงว่าด้านในคงทะเลาะกันรุนแรง เราจะเข้าไปดูจริงหรือ?”
หลิวเต้าเซียงยิ้มเหมือนโจร พร้อมกับขยิบตาให้แล้วเอ่ย “ท่านพี่ อย่าลืมสิ วันนี้คือวันขึ้นปีใหม่”
นาง้าให้หลิวฉีซื่อมีวันขึ้นปีใหม่ที่ระทมทุกข์ นางจึงจะมีปีใหม่ที่สุขสันต์บันเทิงใจ
สรุปแล้ว ความสุขของนางคือการได้เห็นหลิวฉีซื่อไม่มีความสุข
หลิวชิวเซียงดึงเสื้อคลุมใหม่อย่างไม่คล่องตัว ส่วนหลิวเต้าเซียงยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านพี่ ท่านกลัวอะไร? ต่อไปพี่กับพี่หูจื่อก็จะแต่งงานกัน ฤดูหนาวทั้งที ใครจะไม่ใส่เสื้อคลุมอย่างนี้กัน?”
การปลอบใจของนางได้ผล หลิวชิวเซียงนึกถึงเื่ก่อนหน้านี้ หวงเสียวหู่ก็สวมใส่เสื้อคลุมขนกระต่ายตัวสั้นมีตรามงคลวงกลม
เมื่อเห็นว่าความไม่สบายใจของพี่สาวหายไปแล้ว หลิวเต้าเซียงจึงจูงมือของนางเข้าไปในบ้าน เดินอ้อมประตูฉุยฮัวเหมินแล้วเข้าไปยังเรือนด้านใน
หิมะในลานบ้านถูกเหยียบจนกลายเป็สีโคลน ได้สูญเสียความแวววาวระยิบระยับของมัน
ดูออกไม่ยากว่าก่อนหน้านี้หลิวเหรินกุ้ยกับหลิววั่งกุ้ยทะเลาะวิวาทกันรุนแรงเพียงใด
เมื่อทั้งสองเข้ามา หลิวจื้อเซิ่งปรายตามองหลิวจื้อเป่าที่นั่งเล่นหิมะอยู่ตรงนั้นอย่างดูแคลน แล้วกวาดตามองพวกนางสองคนที่มาใหม่อย่างเ็า เมื่อเห็นการแต่งกายของพวกนางก็ถึงกับประหลาดใจ
“ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมาแล้วหรือ?”
“พี่จื้อเซิ่ง ได้ยินว่าบ้านเดิมเกิดเื่ ข้ากับพี่จึงมาดู” หลิวเต้าเซียงตอบอย่างนอบน้อม
หน้าต่างของห้องทิศใต้ปีกตะวันออกถูกเปิดออก หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ชะเง้อมองแล้วถลึงตาใส่ทั้งสองคน “เชอะ พวกสาระแน!”
หลังจากด่าเสร็จก็อ้าปากเหวอ ลืมไปว่าวันนี้ห้ามด่าคน
หลิวเต้าเซียงคำรามเ็าในลำคอ แล้วกำเสื้อคลุมประดับขนกระต่ายของตนเองไว้แน่น
นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่า เดิมทีวันที่หิมะตกก็ไม่ควรออกจากบ้าน แต่เมื่อสวมเสื้อคลุมกลับไม่มีลมหนาวพัดเข้ามาเลย ทั้งร่างกายนั้นอบอุ่น นับว่าใช้งานดีนัก
เสียงอ่อนหวานของหลิวเสี่ยวหลันดังขึ้น เหมือนกำลังถามหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ว่าด้านนอกมีใครมา
หลิวเฉียวเอ๋อร์หันหน้าไปและบอกนาง
หลิวเสี่ยวหลันยื่นศีรษะออกมาดู ก่อนจะอิจฉาตาร้อนจนแทบคลั่ง
หลิวเต้าเซียงทำผมเป็วงต่ำสองฝั่ง้า ประดับสร้อยไข่มุกสีชมพูทั้งสองข้างและสวมเสื้อคลุมสีแดงประดับขนกระต่ายสีขาว ยิ่งขับให้นางดูมีสง่าราศี
หลิวเสี่ยวหลันเลื่อนสายตาไปมองหลิวชิวเซียงที่อยู่ข้างๆ นางตัวดีที่แต่ก่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา อ่อนแอและขี้ขลาด ทำเป็แต่แอบดูคนอื่นจากในห้อง ตอนนี้ราวกับเปลี่ยนเป็คนละคน
หลิวชิวเซียงเก็บผมขึ้นไปทั้งหมดและปล่อยปอยผมลงมาด้านข้าง ประดับด้วยปิ่นปักผมไข่มุกสีชมพู และปิ่นดอกไม้สีทองสลับเงิน สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนประดับขนกระต่าย ยิ่งทำให้นางดูอ่อนโยนและมีสง่ามากขึ้น
ดวงตาคู่นั้นของหลิวเสี่ยวหลันแดงก่ำ มองทั้งสองคนสลับไปมา
“นี่ หลิวเต้าเซียง เสื้อคลุมแบบนี้ใครใช้ให้เ้าใส่กัน ยังไม่รีบถอดออกมาอีก”
หลิวเต้าเซียงยกมุมปากขึ้นเผยความเ็า คนอื่นอยู่ไม่สุข นั่นแลคือวันฟ้าแจ้งของนาง
จากนั้นค่อยๆ หันมาด้านข้าง พร้อมกับเลื่อนร่มที่ถืออยู่ออกไปเล็กน้อย
เผยให้เห็นเสื้ออ๋าวสีแดงเงินที่ปักลายกิ่งดอกเหมยสีแดงด้านใน ส่วนด้านล่างก็เป็กางเกงผ้าฝ้ายสีเขียวเข้มลายมงคลทั้งห้าสีทองและแต่งขอบด้านข้าง
แสงสีทองนั้นทำเอาดวงตาของหลิวเสี่ยวหลันเกือบบอด ตอนนี้นางจึงเห็นได้ชัดเจนว่าตรงหน้าอกของหลิวเต้าเซียงมีสร้อยทองอิงหลัว [1] นกหงส์คู่เกาะอยู่บนดอกบัวสีทอง
สร้อยอิงหลัวนี้เป็ของขวัญประจําปีที่ซูจื่อเยี่ยส่งมา สิ่งที่มาพร้อมกับสร้อยอิงหลัวยังมีปิ่นปักผมหงส์อีกหนึ่งคู่ ต่างหูปีกนกขนาดเล็กหนึ่งคู่ กำไลข้อมือหางหงส์หนึ่งคู่ แล้วก็แหวนปีกหงส์บนดอกบัวสีทองอีกหนึ่งคู่
เดิมทีหลิวเต้าเซียงคิดว่ามันดูอลังการเกินไป แต่...
วันนี้คนในบ้านเดิมมาก่อกวนให้บ้านนางไม่อาจมีวันขึ้นปีใหม่ที่สงบสุข แล้วนางจะปล่อยคนเหล่านี้ไปได้อย่างไร
“นี่ เ้าๆๆ เ้ามีเครื่องทองด้วยหรือ?” หลิวเสี่ยวหลันกรีดร้องเสียงแหลม สิ่งที่แล่นเข้ามาในหัวของนางคือ ของเหล่านี้ควรเป็ของนาง
เื่อะไรต้องให้นางตัวดีสองคนอยู่เหนือกว่านาง?
ไม่ มันไม่ควรจะเป็แบบนี้!
ท่าทีบ้าคลั่งของหลิวเสี่ยวหลันทำให้หลิวเต้าเซียงเยาะเย้ยอีกครั้ง และตอบว่า “ใช่ นี่มันก็ปกติไม่ใช่หรือ?”
ใครบอกว่าครอบครัวของนางสวมใส่เครื่องทองไม่ได้
หลิวชิวเซียงซึ่งอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างมีชัยและกล่าวว่า “ใครใช้ให้เรามีน้าชายที่ดีกันเล่า!”
สำหรับของขวัญปีใหม่ที่คุณชายซูส่งมาให้ ทั้งครอบครัวตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่บอกกับคนข้างนอก
น้าชายที่ดี?!
สีหน้าของหลิวเสี่ยวหลันตกตะลึง!
หลิวเต้าเซียงฉวยโอกาสรีบพาหลิวชิวเซียงเดินเข้าไปในเรือนหลัก
เมื่อไปถึงประตู ก็เจอกับหลิวซานกุ้ยที่ออกมารับสองพี่น้องพอดี
“ข้าได้ยินเสียงพวกเ้าคุยกันในบ้าน เกิดอะไรขึ้น?”
คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาของเขาจะมองไปทางหลิวเสี่ยวหลันอย่างดุเดือด
น้องสาวคนเล็กในครอบครัวถูกท่านแม่ตามใจจนเสียคน เหตุใดจึงละโมบเช่นนี้?
ไม่มีสารรูปของหญิงสาวสกุลผู้ดีแม้แต่น้อย
หลิวเต้าเซียงตอบอย่างนอบน้อมว่า “ก็แค่อาเล็กเห็นเราแต่งกายสง่าแบบนี้และตกตะลึง อาเล็กลืมไปว่า เรานั้นมีน้าชายที่รักใคร่เอ็นดูพวกเรา”
หลิวชิวเซียงยังกล่าวอีกว่า “ท่านพ่อ เื่จบหรือยัง ตอนที่พวกข้ามา ท่านแม่สั่งไว้ว่าให้เรากลับไปกินอาหารกลางวัน”
หลังจากที่หลิวฉีซื่อได้ยินก็ตวาดเสียงดัง “ถุย ก็แค่วางไข่สองใบไม่ใช่หรือ? คิดว่าตนเองมีชีวิตสุขสบายล่ะสิ ซานกุ้ย ข้าว่าเ้าตามใจนางจนจะขี่ขึ้นหัวเ้าแล้ว สู้หาภรรยาใหม่ที่สาวกว่านี้ดีกว่า”
คําพูดของนางน่าชิงชังเหลือเกิน สองพี่น้องโกรธจนขอบตาแดงก่ำ หากไม่ใช่ท่านย่าแท้ๆ นางคงอยากรีบสลัดตัวหนังเหนียวนี่ออกไปจากชีวิต
หลิวเต้าเซียงเบะปากแล้วกวาดตามองคนในห้องด้วยความโกรธ
หลิวฉีซื่อ ทำตัวอวดดีไปเถิด!
ต้องมีสักวันที่โดนดีเอง
หลิวฉีซื่อไม่คิดเช่นนั้น นางยิ่งด่าก็ยิ่งได้ใจ “แล้วก็ แค่นางเด็กตัวดีสองคน จะไปเสียเงินแต่งตัวอะไรนักหนา ต่อไปยังต้องเสียสินเ้าสาวไปอีก ในเมื่อช้าเร็วก็ต้องเป็ของครอบครัวอื่น แล้วจะไปเสียเงินเปล่าๆ ทำไมกัน เ้ามันคนโง่เขลา เนรคุณ ใช้เงินสิ้นเปลือง ไม่รู้จักหัดเอามาตอบแทนพ่อแม่บ้าง โอ้ ตอนนี้เ้าได้ดีแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ คิดเอาเงินไปให้ขอทานหรือ? ถุย ขอทานก็คงไม่แล”
หลิวต้าฟู่ซึ่งกําลังสูบยาสูบแห้งอยู่ด้านข้างเริ่มเดือดดาล “ในเมื่อแยกครอบครัวไปแล้ว เหตุใดเ้าต้องสนใจว่าเขาจะใช้เงินอย่างไร เขามาเอาของเ้ากินหรือเอาของเ้าไปใส่หรือ?”
จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวต่อ “วันนี้เป็วันขึ้นปีใหม่ นางเฒ่าอย่างเ้ายังไม่รีบหุบปากเหม็นเน่าอีก”
เนื่องจากหลิวต้าฟู่ใช้เวลามามากกว่าครึ่งชีวิต จู่ๆ ก็พบว่าวันเวลาที่ไม่มีหลิวฉีซื่ออยู่นั้น อากาศดูสดชื่นกว่าเดิมหลายเท่า ดังนั้นจึงยิ่งไม่ชอบหลิวฉีซื่อ
ไฟโกรธในใจหลิวฉีซื่อลุกโชน “ตาเฒ่าตัวดี...”
“ท่านแม่ พอได้แล้ว!” บุตรชายคนโต หลิวสี่กุ้ยขมวดคิ้วแน่น ระอาเต็มทนจึงขัดคำพูดหลิวฉีซื่อแล้วเอ่ยโน้มน้าว “วันนี้คือวันขึ้นปีใหม่ ท่านแม่ ท่านใจเย็นก่อนเถิด ในเมื่อน้องสามมาแล้ว เราก็รีบพูดคุยกันเถิด”
หลิวซานกุ้ยมองย้อนกลับไปที่บุตรสาวสองคน อยากบอกให้พวกนางหลบไปก่อน แต่ห้องปีกตะวันออกมีคนออเต็มไปหมด หากว่าให้รอด้านนอกก็กลัวทั้งสองคนจะหนาว เขาจึงลำบากใจ เพราะไม่อยากให้เื่ร้ายๆ เข้าหูบุตรสาวทั้งสอง
หลิวเต้าเซียงไม่ใช่เด็กจริง ความวิตกของบิดานั้นนางเห็นได้ชัดเจน จึงยิ้มแล้วเอ่ย “ท่านพ่อ เหตุใดต้องคิดมาก ข้ากับท่านพี่โตแล้ว”
แม้ว่านางจะอายุเพียงเก้าขวบ แต่ก็เป็เด็กที่กำลังโตเป็สาว ยิ่งไปกว่านั้น ในครอบครัวก็มีนางช่วยพยุงขึ้นมา หลิวซานกุ้ยแค่กลัวว่าจะพาทั้งครอบครัวกลับไปใช้ชีวิตรันทดต่อ
เขาขมวดคิ้วแน่นโดยไม่คลาย แล้วเอ่ย “ช่างเถิด พวกเ้าเข้าไปกับพ่อ”
การให้ทั้งสองคนเข้าใจเื่เหล่านี้แต่เนิ่นก็ใช่ว่าจะเป็เื่ไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นอีกไม่กี่ปีบุตรสาวคนโตก็จะแต่งงานออกไป เื่เหล่านี้ต่อไปไม่แน่ว่าอาจจะได้เจอกับครอบครัวฝั่งสามีก็เป็ได้
หลิวซานกุ้ยก้าวเข้าไปในห้องโถง หลิวเต้าเซียงจูงหลิวชิวเซียงตามเข้าไป
ก่อนหน้านี้หลิวซานกุ้ยรู้เพียงว่าพี่น้องสองคนทะเลาะกัน แต่ยังไม่รู้รายละเอียดนั้น
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เข้าไปในบ้าน หลิวฉีซื่อเห็นเขาสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีฟ้าน้ำประดับขนกระต่ายตัวสั้น จิตใจก็กระสับกระส่าย เริ่มด่าทอเขาว่าเนรคุณ ทั้งเื่เงินกับอาหารดีๆ ที่ให้มาเพียงน้อยนิด แล้วยังบอกว่าที่หลิวซานกุ้ยเลี้ยงไก่หลายร้อยตัว แต่ก็ไม่แบ่งมาให้นางเลี้ยงสักสองร้อยตัว
เช่นนี้ นางจะได้เก็บไข่ไปแลกเงินได้
-----
เชิงอรรถ
[1] สร้อยอิงหลัว 璎珞 เป็สร้อยที่มีโครงเป็วงกลม และประดับจี้ลวดลายต่างๆ ตัวอย่างดังรูป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้