อินจิ่วขมวดคิ้ว เก็บซ่อนความสงสัยภายในใจแล้วเปิดปากถาม “ศิษย์น้องหญิงสามารถจัดหาถั่วเหลืองได้มากน้อยเพียงใด?”
“ศิษย์พี่้าเท่าใด ข้าก็จัดหาให้ได้เท่านั้นเ้าค่ะ” สิ้นคำกล่าวของเคอโยวหราน อินจิ่วก็ถึงกับไร้สิ่งใดจะเอ่ย
เขาพลันสาวเท้าเดินมานั่งลงข้างโต๊ะหินภายในสองสามก้าว “ศิษย์น้องหญิงรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เอ่ยสิ่งใดออกมา? ปีนี้กระทั่งครอบครัวชาวนายังกินไม่อิ่มท้อง ผู้ใดจะปลูกถั่วเหลืองกัน?
เมื่อวานศิษย์พี่เช่นข้าส่งคนกว่าสามถึงสี่ร้อยคนออกไปสอบถามตามบ้านสวนกับครอบครัวชาวนาใกล้เคียงมาจนหมดแล้ว กระทั่งการไถคราดของปีนี้ ยังมีไม่กี่ครอบครัวที่ปลูกถั่วเหลือง”
เคอโยวหรานส่ายหน้าเอ่ย “มิใช่นะเ้าคะ ตามที่ข้ารู้มา ผู้ใหญ่บ้านเฉินแห่งหมู่บ้านเถาหยวนของพวกเราได้พาคนสกุลเฉินบุกเบิกที่ดินไม่น้อย ล้วนแต่ปลูกถั่วเหลืองทั้งสิ้นเ้าค่ะ”
อินจิ่วเอ่ย “นั่นก็ยังไม่พอ หมู่บ้านเถาหยวนของพวกเ้าใหญ่เพียงใดกัน? โรงสุราของข้าถึงขั้นขยายไปทั่วทั้งแคว้นเชียวนะ”
เคอโยวหรานค้ำคางด้วยมือข้างเดียวพลางเอ่ยว่า “แท้จริงแล้วศิษย์พี่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่? ท่านไม่ต้องสนใจว่าข้าจะเอาถั่วเหลืองมาจากที่ใด ท่านรู้แค่ว่าข้ามีถั่วเหลืองเป็พอ”
อินจิ่วชะงักงัน เอ่ยอย่างยอมประนีประนอมว่า “ก็ได้ เ้าชนะแล้ว”
ก่อนมาถึงที่นี่ อินจิ่วได้คิดหาหนทางบีบบังคับขู่เข็ญเคอโยวหรานจนนับไม่ถ้วน
ทว่ายามนี้เขากลับมิอาจหักใจข่มขู่ศิษย์น้องหญิงผู้นี้แม้แต่น้อย ถึงขั้นมีความรู้สึกบุ่มบ่ามอยากจะกอบโกยเงินให้นางเอาไปใช้อีกด้วย
อินจิ่วคิดว่าจะต้องเป็เพราะเมื่อวานตนพักผ่อนไม่ดีนัก จึงได้เกิดภาพลวงตาขึ้นมา ไม่แน่ว่าหากคืนนี้นอนหลับพักผ่อนให้ดีๆ วันพรุ่งความรู้สึกเช่นนี้ก็คงจะเลือนหายไป
เคอโยวหรานพอใจยิ่งนักที่อินจิ่วรู้สถานการณ์ พลันคลี่ยิ้มสั่งให้บ่าวรับใช้นำกระดาษ พู่กัน น้ำหมึก และจานฝนหมึกเข้ามา จากนั้นเขียนใบสัญญาด้วยตนเอง
“ข้ามีบ้านสวนอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าบ้านสวนปี้หลาน ผู้ดูแลนามหลี่จงเฉวียน บนนี้วาดเส้นทางให้แล้วเ้าค่ะ
ศิษย์พี่ส่งคนมาแจ้งหลี่จงเฉวียนเื่จำนวนถั่วเหลืองที่้าในแต่ละเดือนล่วงหน้า จากนั้นส่งคนไปรับตามเวลาที่ตกลงกันเอาไว้เป็พอเ้าค่ะ
ทุกครั้งที่ขนย้ายสินค้าจะสรุปเงินปันกำไร มือหนึ่งจ่ายเงิน มือหนึ่งรับของเ้าค่ะ
อาหารจำพวกเต้าหู้ของตำบลและอำเภอใกล้เคียง จะมีโรงงานในหมู่บ้านเถาหยวนของพวกเราเป็คนทำ
เพราะข้ารับปากชาวบ้านเอาไว้ว่าจะให้พวกเขามาทำงานในโรงงาน ย่อมมิอาจผิดคำพูดเ้าค่ะ”
อินจิ่วลูบไล้ปลายคางเกลี้ยงเกลา พิจารณาลายมือตัวอักษรแบบเสี่ยวข่าย งามดั่งปิ่นบุปผาดูประณีตยิ่งนัก จากนั้นอดพยักหน้ามิได้
“ได้ ไม่มีปัญหา ข้ามีโรงสุราตามตำบลและอำเภอใกล้เคียง ข้าจะบอกผู้ใต้บังคับบัญชาสักหน่อย เ้าส่งไปโดยตรงเป็พอ”
เคอโยวหรานพอใจอย่างยิ่งที่อินจิ่วตรงไปตรงมา ยังเอ่ยเสริมอีกว่า “ลองร่วมมือกันสักระยะ หากมีปัญหาอันใดค่อยหารือกันอีกครา ศิษย์พี่อย่าได้วางยาลูกน้องของข้าเพียงเพราะพูดจาไม่ลงรอยกันเชียวนะเ้าคะ!
หากข้ารู้ เช่นนั้นศิษย์พี่ก็อย่าได้กล่าวโทษว่าศิษย์น้องเช่นข้าเปลี่ยนสีหน้าไร้ไมตรี!”
“เอ่อ...” อินจิ่วชะงักไปสามวินาที ความคุ้นชินที่มีมาั้แ่เด็ก หลายครั้งที่วางยาเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เขาจะแก้ได้อย่างไร?
เอาเถิด! หากจะให้ศิษย์น้องหญิงชักสีหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากเห็นนัก ทำได้เพียงพยายามสุดความสามารถเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เคอโยวหรานกับอินจิ่วจึงหารือกันอยู่ในลานเรือนสกุลต้วนเกี่ยวกับเื่การค้าขายอีกไม่น้อย
คนสกุลต้วนยังไม่เท่าใด แต่เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงปลายคางแทบจะหล่นลงพื้นเลยทีเดียว
นายท่านของพวกเขามีน้ำอดน้ำทนถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อใดกัน สามารถนั่งหารือกับสตรีผู้หนึ่งได้นานขนาดนี้เชียวหรือ?
ระหว่างทางพวกเขาตามมาช้าเกินไป นายท่านถูกผู้อื่นสลับตัวระหว่างทางไปแล้วใช่หรือไม่?
จนกระทั่งอินจิ่วพาคนทั้งสองกลับไป เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงยังเอาแต่จ้องมองผู้เป็นายของตนเองไม่ยอมหยุด ต่างรู้สึกว่าไม่ค่อยจะเหมือนเื่จริงสักเท่าใดนัก
ทว่าเคอโยวหรานกลับไม่รู้สึกอันใด ก็แค่หารือเื่ความร่วมมือมิใช่หรือ นางเคยรับรองผู้นำน้อยใหญ่และแเื่ในชาติก่อนมาไม่น้อย เคยติดต่อสื่อสารด้านการค้ามามากมายหลายครั้ง ไม่ล้วนแต่หารือกันเช่นนี้หรอกหรือ?
หลังอินจิ่วกลับไป มารดาสกุลต้วนพลันจับจูงมือเคอโยวหรานและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าปกติ
“โยวหราน ซานหลางส่งหญิงรับใช้มาหลายนาง แม่เหลือไว้ให้เ้าสองนาง ตั้งชื่อว่าเสี่ยวสู่กับลี่ชิว
หากใช้ไม่ถนัดมือก็บอกแม่สักหน่อย แม่จะช่วยอบรมแทนเ้าให้ดีแล้วค่อยส่งให้เ้าอีกครั้ง”
“ขอบพระคุณท่านแม่เ้าค่ะ ข้าจะลองใช้ดูก่อน หากข้ามิอาจอบรมได้ ถึงยามนั้นจะขอให้ท่านแม่ช่วยเหลือเ้าค่ะ” เคอโยวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าภายในใจอัดอั้นด้วยความสงสัย
วันนี้มารดาสกุลต้วนเป็อันใดไป? เหตุใดจึงทำดีกับตนยิ่งกว่าเดิมกัน? หากพี่สะใภ้ทั้งสองมาเห็นเข้า จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ฉันพี่สะใภ้น้องสะใภ้หรือไม่?
เคอโยวหรานหารู้ไม่ว่าั้แ่มารดาสกุลต้วนเห็นใบหน้าที่งามเย้ายวนยิ่งกว่าสตรีของอินจิ่ว นางก็ตระหนักได้ถึงภัยคุกคามเสียแล้ว
ซานหลางไม่อยู่ นางจะต้องทำดีต่อโยวหรานให้มากเข้าไว้ ทำให้โยวหรานไม่สามารถไปจากเรือนแห่งนี้ มิอาจปล่อยให้อีกฝ่ายถูกชายงามจากข้างนอกล่อลวงไปได้
ขณะมารดาสกุลต้วนกำลังครุ่นคิด เคอโยวหรานก็เรียกเสี่ยวสู่กับลี่ชิวเข้ามา จากนั้นกำชับพวกนางว่าควรทำเช่นนั้นเช่นนี้หนึ่งรอบก่อนจะเอ่ยว่า “ล้วนเข้าใจว่าควรจะทำเช่นไรแล้วใช่หรือไม่?”
“เข้าใจแล้วเ้าค่ะ” เสี่ยวสู่กับลี่ชิวรู้สึกว่าเื่ที่นายหญิงมอบหมายช่างน่าสนุกยิ่งนัก ต่างพากันทำความเคารพเคอโยวหรานก่อนจะมุ่งหน้าออกจากประตูเรือนสกุลต้วน
คนทั้งสองข้ามสะพานไม้ ระหว่างทางชาวบ้านที่พวกนางพบเจอล้วนแต่หันมามองคนทั้งสอง
หมู่บ้านในยามนี้ค่อนข้างเป็ระบบปิด ครั้นจู่ๆ มีคนนอกสองคนเข้ามา ทุกคนจึงพากันใคร่รู้ยิ่งนัก
มีแม่เฒ่าหลิวผู้หนึ่งที่ค่อนข้างปากโป้ง ยามปกติก็ชอบเื่ซุบซิบนินทาเดินเข้ามาถามว่า
“พวกเ้าสองคนมาจากหมู่บ้านใดหรือ? คงมาหมู่บ้านเถาหยวนของพวกเราเพื่อเยี่ยมญาติกระมัง? จะไปเยี่ยมญาติเรือนใด? เหตุใดเมื่อก่อนถึงไม่เคยเห็นหน้าพวกเ้าเลยเล่า”
ลี่ชิวพลันยกยิ้มหวานเอ่ย “ท่านอาผู้นี้อาจมิทราบ พวกเราคือคนที่ภรรยาของเคอเจิ้งตงทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเชิญมาเ้าค่ะ
ไม่เพียงเท่านี้ เคอก่วงเถียนผู้เป็น้องสาวคนเล็กของพี่สะใภ้ใหญ่เคอจะออกเรือนในอีกสองวันให้หลังแล้ว เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนแม่เฒ่าเคอเพิ่งจะบอกเื่นี้กับนาง
ทว่าระยะหลังมานี้พี่สะใภ้ใหญ่เคอสุขภาพไม่ดีนัก ทำได้เพียงจ่ายเงินสองตำลึงเชิญพวกเราสองคนมาช่วยงานในเรือนผู้เฒ่าเคอสักสองวันเ้าค่ะ”
“ซี้ด...” แม่เฒ่าหลิวถึงขั้นสูดปากรับอากาศเย็นหนึ่งเฮือก “น้องเล็กของสามีออกเรือนยังจ่ายเงินสองตำลึงเชิญคนมาช่วยงานสองวัน? ถงซื่อผู้นี้จะกตัญญูเกินไปแล้วกระมัง?”
เสี่ยวสู่ยังรีบเอ่ยเสริมว่า “ยังมีอีกนะเ้าคะ ภายในสิบลี้แปดหมู่บ้าน ข้ายังไม่เคยเห็นสะใภ้ที่กตัญญูถึงเพียงนี้สักคน แม้คนล้มป่วยมิอาจลุกจากเตียง แต่ยังเอาเงินก้นหีบที่เก็บไว้เป็ค่ารักษาออกมาเชิญคนไปช่วยงานแทนเ้าค่ะ”
แม่เฒ่าหลิวยิ่งเอ่ยถามเสียงเบากว่าเดิม “เคอก่วงเถียนผู้นั้นจะออกเรือนแล้วจริงๆ หรือ?”
ลี่ชิวพยักหน้า “จะไม่เป็เช่นนั้นได้อย่างไรเ้าคะ กำหนดวันแต่งงานอย่างรีบร้อนทีเดียว คืออีกสองวันที่จะถึงนี้แล้วเ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่เคอยังไม่ทันได้เตรียมตัวแม้แต่นิด
อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยได้ยินว่าเคอก่วงเถียนผู้นี้จะหมั้นหมาย กลับบอกว่าจะแต่งงานเสียแล้ว ยามนั้นพี่สะใภ้เคอถึงกับตกตะลึงเลยนะเ้าคะ”
แม่เฒ่าหลิวพลันเอ่ยราวกับค้นพบแผ่นดินใหม่ “นี่ๆ พวกเ้าไม่รู้อันใด เคอก่วงเถียนผู้นี้ปกติไม่ออกประตูใหญ่ไม่ก้าวพ้นประตูรอง
ยามนี้นางจะแต่งงานแล้ว เดิมทีควรจะอยู่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม แต่นางกลับวิ่งเต้นไปจนทั่วหมู่บ้าน พวกเ้าเคยเห็นเ้าสาวคนใดออกจากเรือนใน่สามวันก่อนออกเรือนบ้างหรือไม่?”
แม่เฒ่าคนอื่นๆ อีกหลายคนพลันเข้ามาชมความครึกครื้นและเอ่ยคาดเดาเสียงเบา “ไอ้หยา เป็ความจริงทีเดียว เมื่อครู่ข้าก็เห็นนางแล้วเช่นกัน
พวกเ้าว่านางรีบร้อนแต่งงานขนาดนี้ เป็เพราะไปมั่วสุมกับบุรุษไม่รู้จารีตคนใดจนตั้งครรภ์แล้วหรือไม่?”
เสี่ยวสู่กับลี่ชิวต่างนึกไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะเปี่ยมจินตนาการขนาดนี้ จุดประสงค์หลักของพวกนางคือการประกาศให้ทุกคนรู้ถึงความกตัญญูของถงซื่อ
กลับไม่นึกว่าขณะคนเหล่านี้กล่าวว่าถงซื่อกตัญญู ยังเปลี่ยนบทเป็เคอก่วงเถียนลักลอบได้เสียกับผู้อื่น จะพูดจาซี้ซั้วเก่งเกินไปแล้วกระมัง
เสี่ยวสู่กับลี่ชิวหันไปสบตากัน พวกนางไม่อยากร่วมชมความครึกครื้นกับคนเหล่านี้จึงสอบถามถึงทางไปเรือนผู้เฒ่าเคอ