ตะวันตกดินสายัณห์รำไร สาดส่องเส้นสายสีทองสู่ผืนปฐีประกาศก้องรัตติกาลจวนมาเยือน
ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาบนถนนเสียงร้านข้างทางร้องเรียกลูกค้าดังลั่น ด้วยอยากขายสินค้าที่เหลือไม่มากให้หมด ความพลุกพล่านจอแจที่สุดในวันหนึ่งๆกำลังจะปิดฉากลง
หลังหั่วอี้ฟังรายงานของนายกองเฉินเสร็จและสอบถามเื่สถานที่ชัดเจนแล้วเขาก็เอาสองเท้ากระทุ้งท้องม้าอย่างแรง ทั้งหวดแส้เร่งให้มันวิ่งไป
สถานที่ต้องสงสัยที่นายกองเฉินค้นพบห่างจากจวนแม่ทัพไม่ไกลไม่นานหั่วอี้ก็มาถึงเรือนสี่ประสาน [1] ขนาดเล็กที่ดูไปแล้วนับว่าสะอาดสะอ้านแห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นหั่วอี้มาทหารยามที่คอยเฝ้าอยู่หน้าเรือนสี่ประสานแห่งนี้ก็เข้ามาทำความเคารพเขาทันทีก่อนจะเปิดประตูเรือนนำเขาเข้าไปข้างใน
“ท่านแม่ทัพ ท่านมาแล้ว”รองนายกองจ้าวที่กำลังตรวจตราอยู่ภายในห้องได้ยินเสียงหั่วอี้จึงรีบออกมาต้อนรับเขา
“จ้าวเข่อ มีที่ใดน่าสงสัยหรือไม่?” หั่วอี้ส่งม้าให้แก่ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตู
“เรียนท่านแม่ทัพ มีบางแห่งที่น่าสงสัยขอรับเพียงแต่จะเป็ที่ที่พวกโจรใช้เป็แหล่งกบดานหรือไม่ยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจต่อไปขอรับ”รองนายกองจ้าวเอ่ยขณะพาหั่วอี้มายังห้องทางฝั่งตะวันออก
หั่วอี้เดินเข้าไป สิ่งที่เขาพบเห็นกลับไม่มีสิ่งใดผิดปกติเป็เพียงเรือนสี่ประสานที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ทั่วๆ ไปและมีการเก็บกวาดได้สะอาดสะอ้าน
“ท่านแม่ทัพเชิญดูทางนี้ขอรับ” รองนายกองจ้าวชี้ไปบนเพดาน
หั่วอี้เงยหน้าขึ้น เห็นลางๆ ว่าบนขื่อมีตัวอักษรเล็กๆ อยู่เพียงแต่มองไม่ชัดเจนเขาะโขึ้นไปบนคาน จึงพบว่าตัวอักษรนั้นเขียนไว้ว่า ‘หนี้เืคืนด้วยเื ใช้วิธีของมันคืนสนองมัน’
“เบาะแสนี้เป็ผู้ใดค้นพบ?” หั่วอี้ะโลงมาจากคาน กวาดตามองทุกคนที่ในห้องโดยรอบ
“เรียนท่านแม่ทัพ เป็ข้าน้อยค้นพบขอรับ”รองนายกองจ้าวไม่รู้ว่ามีเื่ใดไม่ถูกต้อง สีหน้าพลันซีดเผือดทันใด
“กลุ่มของพวกเ้าค้นพบที่แห่งนี้นับว่ามีความชอบให้รางวัลทุกคนคนละสิบตำลึงเงิน รองนายกองจ้าวทำงานละเอียดเบาะแสนี้หากไม่ใช่คนละเอียดรอบคอบก็จะไม่มีทางหาพบ ให้รางวัลห้าสิบตำลึงเงินนายกองเฉินกำหนดวิธีค้นหาได้ถูกต้องเป็ผล ให้รางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงิน”
“ขอบคุณ ขอบคุณท่านแม่ทัพขอรับ”ทหารทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้ยินว่าได้รับรางวัลต่างพากันร้องขึ้นมาอย่างยินดีโดยเฉพาะรองนายกองจ้าวที่เมื่อครู่ยังหน้าซีดอยู่แต่ตอนนี้กลับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาแล้ว
“ต่อให้ต้องขุดค้นลึกสามฉื่อก็จะต้องหาตัวคนที่อยู่ที่นี่ออกมาให้จงได้รองนายกองจ้าวรับหน้าที่งานในขั้นต่อไปนายกองเฉินตามข้าไปดูสถานที่ต้องสงสัยแห่งต่อไป”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ” นายกองเฉินและรองนายกองจ้าวรับคำเหลือรองนายกองจ้าวพากำลังคนค้นหาต่อ ส่วนนายกองเฉินและหั่วอี้ก็ไปที่ต่อไป
หั่วอี้กลับไม่รู้ว่าในขณะที่เขาออกตรวจสอบที่ต่างๆ ในค่ำคืนนี้ในเรือนหลังของจวนเขากลับไม่ได้สงบสุข
ในจวนแม่ทัพ พร้อมๆ กับยามราตรีมาถึงฮูหยินในแต่ละเรือนล้วนเตรียมทานอาหารเย็น ทว่าแต่ละคนต่างมีเื่ในใจ ค่ำคืนนี้ทุกคนจึงพากันทานอาหารไม่ได้รสได้ชาติเอาเสียเลย
ณ หอหั่วเยี่ยนหลิ่วจิ้งเอาแต่คิดถึงคำพูดก่อนหั่วอี้จะออกไปอยู่ตลอดทั้งบ่ายบอกว่าคืนนี้จะมาค้างกับนาง และไม่รู้ว่าเป็เพียงคำเย้าหยอกหรือเกิดอารมณ์ขึ้นมาจริงๆจึงตัดสินใจว่าจะให้พวกเขามาเป็สามีภรรยากันอย่างแท้จริงเสียที
นับั้แ่นางรับปากข้อเสนอของหวงฝู่จิ้งนางก็รู้แล้วว่านางจะไม่อาจเก็บรักษาความบริสุทธิ์ของตนไว้ได้เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะถูกผู้ใดเอาไปเท่านั้น
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หั่วอี้ล้วนไม่แตะต้องนาง นางก็รู้สึกว่าเป็ปาฏิหาริย์อย่างมากแล้ว
หั่วอี้มาเอ่ยดังนี้ ทำเอาหลิ่วจิ้งใจเต้นไม่เป็ส่ำตลอดบ่ายนางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่านางหวาดกลัวสิ่งใดก็มิใช่ว่าเป็เื่ที่นางเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วหรอกหรือเมื่อเทียบกับการที่นางต้องเสียตัวให้ทั่วป๋าเจิ้งกษัตริย์แห่งชางอี้แล้ว หากเป็ดังนี้ก็มิใช่ดีกว่ามากแล้วหรือ?
หลังจากหั่วอี้ออกไป หลิ่วจิ้งก็เอาแต่เดินไปมาอยู่ภายในห้องแม้แต่เื่ที่นางเพิ่งเสียอำนาจใหญ่หลวงไปเพราะหั่วอี้มอบตำแหน่งแม่งานดูแลงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าให้แก่นางจ้าวก็กลับกลายเป็เื่ที่ไม่สำคัญใดกับนางแล้ว
เพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ นางก็นั่งไม่ติดที่ความจริงแล้วนางต้องกล้ำกลืนเอาอาหารรสเลิศเ่าั้ใส่ปากโดยไม่ได้ััถึงรสชาติเอร็ดอร่อยใดๆ แม้แต่น้อย
เื่ที่หั่วอี้จะมาค้างด้วย่ชิงเอาจิติญญาของหลิ่วจิ้งไปนางไม่สดชื่น ไร้เรี่ยวแรงไปจัดการเื่ใดๆ ทั้งสิ้นแม้แต่เมื่ออวี้จิ่นได้ยินเื่งานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าและอยากฟังความคิดเห็นของนางแต่นางกลับตอบอวี้จิ่นเพียงคำเดียวว่าไม่มีความคิดใดทำเอาอวี้จิ่นยิ่งไม่เข้าใจนางเข้าไปอีก
“อวี้จิ่น เ้าว่าข้ายังป่วยไม่หาย ยังมีไข้อยู่หรือไม่? เ้ารีบเข้ามาคลำหน้าผากข้าซิ ข้ารู้สึกว่ายังตัวร้อนอยู่มากจะต้องเป็เพราะข้าไม่ยอมเชื่อคำท่านหมอหวัง ไม่ยอมทานยาตามเวลาไข้จึงไม่ลด เ้ารีบมาดูซิว่าเป็เช่นนั้นหรือไม่”
อวี้จิ่นไม่ได้ความเห็นเื่แผนการตอบโต้จากหลิ่วจิ้งแต่กลับได้คำพูดไร้เหตุไร้ผลจากนางแทน อวี้จิ่นฟังแล้วประหลาดใจเป็ที่สุด
“ฮูหยิน นี่ท่านเป็อะไรไป เหตุใดบ่าวฟังท่านพูดไม่รู้ความเ้าคะ”อวี้จิ่นรีบเข้าไปตรวจดูหน้าผากของหลิ่วจิ้งว่าร้อนหรือไม่
หลังจากตรวจดูแล้ว อวี้จิ่นก็ส่ายหน้าด้วยความฉงน “ฮูหยินท่านไม่มีไข้นี่เ้าคะ มีผู้ใดที่แช่งให้ตนเองไข้ขึ้นบ้าง”
“เ้าไม่เข้าใจ อวี้จิ่น” หลิ่วจิ้งตัดสินใจออกไปเดินเล่นดูซิว่าทิวทัศน์ที่สวนหลังจวนจะทำให้นางสงบจิตใจลงได้หรือไม่
“อวี้จิ่น ออกไปเดินเล่นกับข้าหน่อย”
ได้ยินคำของหลิ่วจิ้ง อวี้จิ่นก็ยิ้มกว้าง “ใช่แล้วฮูหยินควรออกไปเดินเล่นข้างนอก ท่านเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องมาทั้งบ่ายแล้ว ท่าทางไม่สดชื่นเอาเสียเลยเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งเดินเร็วเหลือทนอวี้จิ่นเร่งเดินตามหลังนางด้วยสีหน้างงงวย วันนี้ฮูหยินมีท่าทีแปลกประหลาดจริงๆ
อวี้จิ่นติดตามหลิ่วจิ้งมาหนึ่งเดือน พอจะเข้าใจวิธีที่อีกฝ่ายใช้จัดการเื่ต่างๆเื่ที่ไม่้าให้นางรู้ ก็อย่าไปอยากรู้เกินไปเป็ดีที่สุด
ทว่าหลังจากนั้นพักใหญ่อวี้จิ่นก็ยังอดไม่ไหวเอ่ยถามเื่ที่นางสงสัยออกมา “ฮูหยินเ้าคะ ท่านจะตระเตรียมสิ่งใดเป็ของกำนัลอวยพรในวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ?”
ได้ยินคำ หลิ่วจิ้งก็หยุดเดินทันใด หันหน้ามองอวี้จิ่นและยกมุมปากขึ้นเอ่ยยิ้มๆว่า “เ้าไม่พูด ข้าก็กลับยังไม่ได้คิดเื่นี้ให้ดีเลยอวี้จิ่นเ้าเป็คนเก่าในวังหลวง บอกความคิดเ้าให้ข้าฟังหน่อย มีความคิดดีๆ อันใดบ้าง”
อวี้จิ่นเกาหัวพลางยิ้มอย่างขัดเขิน กล่าวว่า“ฮูหยินเยาะบ่าวเล่นแล้ว บ่าวจะมีความคิดดีๆ ใดได้เ้าคะ”
นางไม่รู้จริงๆ เพราะในวังหลวงล้วนเป็ผู้อื่นถวายของกำนัลแด่องค์หญิงโอกาสที่องค์หญิงจะมอบของกำนัลนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยต่อให้ต้องมอบก็จะมีขุนนางกรมพิธีการรับหน้าที่ตระเตรียมให้พวกนางไว้พร้อมสรรพไม่จำเป็ต้องให้พวกนางยุ่งยากอันใด
หลิ่วจิ้งยิ้มบางๆ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็เช่นนี้ ให้ข้าคิดดูอีกที”หลิ่วจิ้งได้ยินอวี้จิ่นเอ่ยถึงเื่นี้จึงหันเหความคิดมาที่เื่วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าแทน
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เรือนสี่ประสาน คือ บ้านแบบจีนโบราณที่มีรั่วรอบมีลานบ้านอยู่ตรงกลาง มีห้องต่างๆ อยู่รอบลาน อาจแบ่งเป็ชั้นๆ หน้า กลาง หลังใหญ่เล็กไปตามขนาดของพื้นที่บ้าน
