ทางเดินอันมืดมิด ร่างของเสิ่นิเหมือนจมดิ่งอยู่ในความมืด เขาก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างเป็ธรรมชาติ เขาก้าวเท้าทั้งสองข้าง ก่อนจะหยุดลงภายใต้แสงจันทร์
ปากแผลที่บริเวณหน้าท้องฉีกขาดฉกรรจ์เนื่องด้วยการวิ่งและการต่อสู้กันอย่างดุเดือด เืกลั่นตัวและหยดออกมาตามขอบสก๊อตซ์เทป สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีขาวซีด ในที่สุดเขาก็เผยให้เห็นความอ่อนแอ แต่ปืนลูกโม่ในมือขวาของเขาก็ยังคงไม่สั่นแม้แต่นิด
“คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?” เสิ่นิเห็นเซี่ยวอี๋จึงเอ่ยถามเบาๆ “เขาทำร้ายคุณหรือเปล่า?”
“เปล่า” จู่ๆ เซี่ยวอี๋ก็ร้องไห้ออกมา ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมบรรดาสาวๆ ที่ได้รับการคุ้มครองจากเสิ่นิถึงได้ตกหลุมรักเขาจนหัวปักหัวปำ เพราะผู้ชายคนนี้ ไม่เคยเกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ เขาจะมาถึงเบื้องหน้าคุณให้จงได้ และคำถามเพียงประโยคเดียวนั้น “คุณไม่เป็ไรใช่ไหม?”
นอกจากกองธนบัตรแล้ว จะมีอะไรทำให้ผู้หญิงะเืใจได้ขนาดนี้อีก?
“งั้นก็ดี ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว” เสิ่นิกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนแกตาย อย่าคิดไปไหนทั้งนั้น! แก ไอ้โรคจิตนิรวานหนังหนา แกวางแผนขุดหลุมพรางฉันไว้แต่แรก!” จิติญญาผูกพันซึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลังของเซี่ยวอี๋ในที่สุดก็สงบลงได้ เขาเริ่มวิเคราะห์ได้แล้วว่าเื่นี้มันผิดปกติ “จุดประสงค์ของแกก็คือมาช่วยผู้หญิงคนนี้ แกจงใจยิงลูกชายฉันต่อหน้า ทำให้ฉันพุ่งเป้าคิดแต่ที่จะฆ่าล้างแค้นแก และมองข้ามตัวเลือกที่จะฆ่าผู้หญิงคนนี้”
“คิดได้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? ฉันมาถึงที่นี่แล้ว แกยืนอยู่ในระยะยิงของฉัน ถ้าอยากรักษาชีวิตไว้ ก็แค่ปล่อยผู้หญิงมาก็พอ” เสิ่นิออกคำสั่งอย่างเ็า
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันจะไม่ทำตามความประสงค์ของแกอีก ฉันยอมรับว่าแกแกร่งอย่างกับตัวประหลาด ไม่แน่ว่าอาจจะแกร่งกว่ามือสังหารอันดับต้นๆ ในองค์กรของฉันอีก แต่ว่านะ ตราบใดที่ผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ในเงื้อมมือฉัน สถานการณ์จะไม่มีวันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของแก
ตอนนี้ฟังที่ฉันจะสั่งซะ ถ้าแกอยากช่วยผู้หญิงคนนี้ ก็ยกปืนลูกโม่ของแกขึ้นและยิงไปที่ขมับของตัวเอง” จิติญญาผูกพันกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าหลังจากฉันตายไปแล้ว แกจะปล่อยผู้หญิงไปอย่างปลอดภัย?” เสิ่นิถามอย่างเย็นใจ
“ไม่รู้ ฉันอาจจะเอาเธอไปขายก็ได้นะ?” จิติญญาผูกพันหัวเราะฮ่าๆ
“คุณน้า เชื่อใจผมไหม?” เสิ่นิไม่สนใจมือสังหารบ้าบอคนนี้อีกแล้ว
“เชื่อ”
“คุณเชื่อผมด้วยชีวิตของคุณได้หรือเปล่า?” เสิ่นิถามย้ำอีกครั้ง
“แกคิดจะทำอะไร?” จิติญญาผูกพันมองไม่เห็นใบหน้าของเสิ่นิ แต่เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เสิ่นิไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จู่ๆ เขาก็ยกปืนลูกโม่ในมือขึ้นและยิงไปที่ท้องของเซี่ยวอี๋ เซี่ยวอี๋เบิกตาค้างจ้องมองเสิ่นิราวกับว่ากำลังจะตาย
ะุหัวกลมวิ่งทะลุช่องว่างระหว่างอวัยวะภายใน พุ่งเข้าใส่ชุดเกราะของจิติญญาผูกพัน เดิมทีะุควรจะร่วงดั่งเช่นปกติ แต่มันกลับทำให้ชิ้นส่วนของเซรามิกแตกโดยสิ้นเชิง มันทะลุชุดยุบตัวเข้าไปที่ท้องของจิติญญาผูกพัน
เขาไม่รู้ตัวเลย การยิงของเสิ่นิไม่ได้สุ่มสี่สุ่มห้า เขาใช้ะุอันทรงพลังขนาดเล็กเพื่อเลาะชิ้นส่วนของเซรามิกที่อยู่บนร่างกายของจิติญญาผูกพันเหมือนกับมีดตัดกระดาษ มันค่อยๆ ร้าวราน ก่อนจะโจมตีไปที่ศูนย์กลางอีกครั้ง ซึ่งเป็ปราการด่านสุดท้ายที่จะใช้โค่นราชสีห์
แรงะเิของชิ้นส่วนเซรามิกะเืจนกระทั่งจิติญญาผูกพันล้มลงกับพื้น หน้าท้องของเขาดูเหมือนกับดอกไม้บาน เศษเซรามิกแตกร้าวนับร้อยชิ้นฝังอยู่ในตัว จะฆ่าเชื้อนับ 10 ชั่วโมงก็ใช่ว่าจะหมดจด
เซี่ยวอี๋ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านหลัง เธอเสียการทรงตัวและล้มลงที่ด้านหน้า แต่ก่อนจะทรุดตัวลง เสิ่นิกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ต้องพูดอะไร อย่าหายใจแรง ผ่อนคลาย แผลจะได้ไม่เปิด แบบนี้จะควบคุมการเสียเืได้ ผมเรียกรถพยาบาลมาแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะส่งตัวคุณไปที่โรงพยาบาล” เสิ่นิพูดพลางวางเซี่ยวอี๋ลงกับพื้น เขารีบลุกขึ้นและเล็งไปยังจิติญญาผูกพันซึ่งอยู่ไม่ห่างอีกครั้ง
ชายชราที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยคนนี้ ได้รับาแฉกรรจ์ เขาใช้กระบอกปืนยันตัวขึ้นจากพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาใช้มืออุดรูใหญ่ที่หน้าท้องไว้ ลำไส้ก็คงทะลักออกมา
“ถ้าแกนอนราบไม่ขยับ อาจจะยังพอรอดได้ แต่ตอนนี้...ขอประทานโทษ” เสิ่นิมองกองเืที่พื้นพร้อมกับถอนหายใจ
“ลูกชายตายแล้ว ฉันอยู่ต่อไปจะมีความหมายอะไร? ฉันใช้ทั้งชีวิตเพื่อสังหารผู้อื่น ทำในสิ่งที่ฉันเชี่ยวชาญ มันผิดตรงไหน? เพื่อเงิน ฆ่าคนมันผิดตรงไหน? ถ้าจะว่าก็ว่าที่ฉันฝีมือยังสู้...” จิติญญาผูกพันกระอักเืออกจากปากคำใหญ่ ร่างของเขาสั่นเทาก่อนจะยกปืนขึ้น
“อย่าบังคับฉัน” ปืนของเสิ่นิเล็งไปที่หน้าผากของจิติญญาผูกพัน
“ไม่ใช่ฉันที่บังคับแก...” จิติญญาผูกพันหัวเราะเยาะพร้อมกับยกปืนขึ้น แต่คนที่สังหารเขากลับไม่ใช่เสิ่นิ เงามืดอันผอมบางร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เหมือนกับไม้กางเขนคว่ำ ฉับเดียว ศีรษะของจิติญญาผูกพันก็ถูกตัดขาดในพริบตา
เชือกที่ขาเหยี่ยวผูกติดกับเครนสูงซึ่งหมุนมาจากตึกฝั่งตรงข้าม หลังจากการฆาตกรรม คนผู้นั้นก็มิได้หยุดแม้แต่เพียงวินาที คนคนนั้นเด้งตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าภายใต้แรงดึงกลับของยาง ะเิควันซึ่งถูกถอดสลักถูกปาลงกับพื้น แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ ปฏิกิริยาของเสิ่นินั้นว่องไวเสียยิ่งกว่ายางดึง เขายกปากกระบอกปืนขึ้น ขยับเพียงเสี้ยวเดียวก็สามารถตัดเชือกที่ดึงกลับมาจนขาดวิ่นได้ ร่างของคนคนนั้นพลิกหมุนกลางอากาศ เตะะเิควันซึ่งยังไม่ตกกระทบพื้นจนห่างออกไป 30 เมตร ก่อนจะตกลงมาที่ชั้นล่าง
เหยี่ยวซึ่งหมดหนทางดึงขากลับ ตีลังกากลางอากาศเหมือนกับผีไพร หญิงสาวเตะเท้าไปยังปลายแขนซึ่งกำลังปัดป้องของเสิ่นิ ยืมแรงถีบตัวลอยลิ่วไป 3 เมตร ก่อนจะลื่นล้มตัวลงบนพื้น
ณ ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามือสังหารซึ่งรวดเร็วปานสายฟ้าคือเด็กหญิง เธอสวมหน้ากากซึ่งปิดบังเพียงครึ่งล่างของใบหน้า ผมดำหยักศกตกลงมาตามธรรมชาติ เธอสวมชุดหนังรัดรูปสีดำ ที่ด้านหลังติดตั้งปีกร่อนแบบพับเก็บได้
นอกจากมีดพร้าเนปาลชุ่มเืในมือของเธอแล้ว สิ่งอันตรายที่สุดก็คือั์ตาสีน้ำตาลอันเยือกเย็นที่จับจ้องมา
“แกเป็ใคร?” เสิ่นิทิ้งปืนลูกโม่ 05 ในมือลง พร้อมกับยกหมัดขึ้นตั้งท่าเตรียมพร้อม
“เหยี่ยว มือสังหารคนหนึ่ง” เหยี่ยวตอบอย่างกระชับและรัดกุม
“ทำไมถึงฆ่าเขา?” เสิ่นิถามเหมือนผู้สำรวจทะเบียนบ้าน
“เขาเป็หนึ่งในมือสังหารระดับกลางขององค์กรเรา ฝีมือธรรมดา แต่ราคาถูก และทุ่มเทกับงานมาก แต่องค์กรมีกฎที่ว่าฆ่าคนเพื่อเงินเท่านั้น เมื่อเร็วๆ นี้หมอนี่สังหารคนด้วยเื่ส่วนตัว ไม่รับเงิน และยังก่อเื่วุ่นวายขนาดนี้ องค์กรมีคำสั่งให้เก็บซะ
แต่ในความเห็นฉัน น่าจะเพราะอีกไม่กี่เดือน เ้านี่ก็จะเกษียณออกจากองค์กรขี้เหนียวที่จะต้องจ่ายเงินค่าำาญให้ในจำนวนมหาศาล องค์กรจึงหาทางกำจัดมัน” เหยี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เธอสะบัดใบมีด จนเืกระเซ็นลงบนพื้นด้านข้าง “จริงๆ เลย ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็มือสังหาร แต่กลับอยู่มาถึงวัยเกษียณ แล้วจะไม่ให้คนขุ่นเคืองได้ยังไง?”
“ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?” เสิ่นิมองไปยังดวงตาคู่นั้นด้วยใจเต้นแรง
“พี่ชาย วิธีการอ่อยของพี่มันโบราณไปหน่อยหรือเปล่า?” เหยี่ยวภายใต้หน้ากากถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้
“ไม่ เหมือนฉันจะเคยเจอเธอที่ไหนสักแห่ง” เสิ่นิเชื่อมั่นว่าความทรงจำของเขาที่ถูกเค้นออกมาจากฝันร้าย ไม่มีทางพลาดแน่นอน “ถอดหน้ากากให้ฉันดูหน่อย”
“พวกผู้ชายอย่างพี่ชอบมามุกนี้ บอกให้ถอดหน้ากากก่อน ต่อมาก็บอกให้ถอดเสื้อผ้าให้ดูหน่อย สุดท้ายก็ถอดกางเกง...ตระบัดสัตย์” เหยี่ยวยืดตัวตรง ความสูง 150 เิเ ดูตัวเล็กกระจิริด “เอาอย่างนี้ พี่วางนกเขาลงบนพื้นก่อน ถ้าพี่ไม่สะดวก ฉันจะช่วยเอง!”
เหยี่ยวควงมีดพร้าเนปาลในมือขึ้นรอบหนึ่ง ก่อนจะคว้ามันด้วยหลังมือ ฝีเท้าของเธอพุ่งไปข้างหน้าในระยะไม่ถึง 3 เมตร ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้า
ความเร็วของเหยี่ยวทำให้เสิ่นิทึ่ง เรียกว่าอยู่ในระดับของนิรวานเลย แขนของเด็กหญิงช่างผอมบาง แต่อาวุธมีดนั้นกลับคมมาก เสิ่นิล่าถอยไป เขาใช้เสาปูนด้านหลังบดบังตัวจากใบมีด แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ เส้นเืแดงบนแขนของเหยี่ยวที่ปูดขึ้นมา บังคับให้มีดตัดโค้งไปตามเสาปูน แม้แต่เหล็กเส้นด้านในก็ยังถูกตัดเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยว การเคลื่อนไหวของมือยังคงคล่องแคล่ว เธอไล่ตามไปเรื่อย
กระทั่งเสิ่นิเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังและคว้าปืนพกของจิติญญาผูกพันได้ ปัง ปัง ปัง สามนัด เขากดดันให้เหยี่ยวล่าถอยไปยังขอบอาคาร
“พี่มันไร้ยางอาย ในเมื่อใช้ปืน ก็จะไม่เล่นด้วยแล้ว!” เหยี่ยวถีบตัวถอยหลังออกไปอย่างไม่ชอบใจ เธอบินถลาออกไปนอกอาคาร ปีกร่อนที่ติดอยู่ที่ด้านหลังของเธอกางออก เธอบินออกไปไกลในฉากยามค่ำคืน
เสิ่นิถือปืน เขายังอยู่ในระยะยิง ยังมีะุอยู่ในกระบอกปืน ไม่มีทางที่เขาจะพลาด แต่นิ้วกลับขัดขืนไม่ยอมยิง
รถพยาบาลและรถตำรวจมากันเนืองแน่นที่ชั้นล่าง ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือการจัดการกับปากแผลของเซี่ยวอี๋ เสิ่นิต้องลืมแม่สาวมือสังหารนามว่าเหยี่ยวไปก่อนชั่วครู่
เมื่อบินออกไปได้ 200 เมตร ในที่สุดหญิงสาวซึ่งอยู่ใต้เครื่องร่อนก็ถอดหน้ากากออก ก่อนจะมองย้อนกลับไปและถอนหายใจ “ฝีมือการยิงของพี่ชายแม่นขนาดนี้...นึกว่าจะโดนพี่ฆ่าตายเสียแล้ว
ไม่คิดว่าไม่ได้เจอกันนานนับ 10 ปี พี่จะกลายเป็นิรวาน แต่ฉันกลายเป็มือสังหาร...ช่างน่าขัน หวังว่าชีวิตเราคงไม่ต้องมากันอีกนะ...”
หากตอนนี้เสิ่นิได้เห็นใบหน้าของเหยี่ยวที่ชัดๆ แน่นอนว่าเขาจะต้องอุทานชื่อ “เสิ่นหวั่น” ออกมา น้องสาวผู้ซึ่งหมดลมไปต่อหน้าต่อตาเขา…
คืนนั้นทั้งคืน ความแค้นความเกลียดชังเข้ายึดสมองของเสิ่นิ หลังจากสะสางความแค้น เขาก็จากไปอย่างเร่งรีบ ไม่ได้เห็นหน้าเธอเลยสักนิด เมื่อแพทย์แจ้งว่าการช่วยชีวิตไม่เป็ผลและนำตัวเสิ่นหวั่นออกไปจากห้องผ่าตัด กลุ่มคนชุดดำก็พรากร่างของเธอไปและส่งขึ้นรถพยาบาลมุ่งหน้าไปยังสนามบิน เธอฟื้นคืนสติขึ้นมาบนรถ แต่เมื่อเธอมีสติสัมปชัญญะ ตัวของเธอก็ได้จากบ้านเกิดมาแล้ว
เสิ่นหวั่นยังไม่ตาย แต่นับแต่วันนั้นเป็ต้นมา เธอก็ได้ถือว่าเธอได้ตายไปแล้ว บนโลกตอนนี้ไม่มีเสิ่นหวั่นนแล้ว มีเพียงแค่มือสังหารสาวอายุ 16 ปีนามว่า “เหยี่ยว” เท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้