หมู่บ้านของเผ่าอิงกูอยู่ห่างจากเมืองชิ่งโดยใช้เวลาในการโดยสารรถม้าราวสองชั่วยาม ั้แ่ข้ามมิติมาจนถึงบัดนี้ถังชิงหรูยังไม่เคยออกจากอาณาเขตเมืองชิ่งสักครา ระหว่างทางนางชมทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดสายตา ยามเห็นม้าควบทะยานบนท้องทุ่งพลันรู้สึกตื่นตาตื่นใจ
บุรุษห้าวหาญตะบึงอาชาห้อเหยียดไปในทุ่งหญ้าเขียวขจีอย่างคึกคะนอง หญิงสาวซึ่งอยู่ไกลออกไปต้อนฝูงแกะพลางขับลำนำเป็บทเพลงรัก ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินออกมาจากกระโจมใกล้ๆ ดวงหน้าชราเต็มไปด้วยริ้วย่นยามทอยิ้มกว้าง มีเด็กหญิงตัวน้อยผูกผมแกละหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงใสปานกระดิ่งเงินอยู่ข้างๆ
"สวยจัง" ถังชิงหรูไม่เคยเห็นทิวทัศน์เช่นนี้มาก่อน ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด ภาพบรรยากาศแบบนี้จะเห็นได้แต่ในภาพเขียนที่แสดงในพิพิธภัณฑ์
บางทีการข้ามมิติมาครานี้อาจไม่ใช่เื่เลวร้ายเท่าไรนัก อย่างน้อยนางก็ได้ชื่นชมวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป ทั้งยังได้พบกับคนโบราณตัวจริงเสียงจริง
"ข้าไม่เคยมาที่นี่เหมือนกัน" เฉินิมองเหม่อออกไปด้านนอก "สารถี เ้าไม่ได้มาผิดที่กระมัง"
"ทูลท่านอ๋อง เอ๊ย... คุณชาย ท่านวางใจได้เลยขอรับ บ่าวมาไม่ผิดทางแน่ ที่นี่เผ่าอิงกูขึ้นชื่ออย่างมาก ประชาชนเมืองชิ่งของเราก็ไปมาหาสู่ทำการค้ากับพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง" คนบังคับรถสะบัดแส้ พลางตอบเสียงดังกลับมา "คุณชายนั่งให้ดีนะขอรับ บ่าวจะเร่งความเร็วขึ้นอีกหน่อย ไม่ช้าก็จะถึงบ้านเกิดของใต้เท้าจางแล้ว"
เฉินิไม่นำพา แต่พอสารถีเร่งความเร็ว รถม้าพุ่งทะยานไปด้านหน้า เขาก็หน้าคะมำโถมเข้าใส่ถังชิงหรูทั้งตัว
ถังชิงหรูก้มศีรษะลง เห็นเฉินิหน้าแดงก่ำฟุบอยู่บนต้นขาของนาง ก็ประคองเขาขึ้นมาอย่างใจเย็น เอ่ยว่า "ยังมีหน้ามาบอกว่าน่าหลันหลิงเป็บัณฑิตอ่อนแอ ท่านก็ไม่ได้ดีกว่าสักเท่าไรเลย นั่งให้ดี ตอนนี้เข้าเขตทุ่งหญ้าแล้ว ทางไม่ราบเรียบเหมือนบนถนน หากท่านล้มลงไปเดี๋ยวร่างกายบอบบางจะรับไม่ไหว"
"ชิ! เ้าห่วงตัวเองเถอะ" เฉินินั่งหยัดหลังตรงอย่างไม่สบอารมณ์
"เผ่าอิงกูที่ว่านี้เป็ชนเผ่าในแคว้นของพวกท่านหรือ" ถังชิงหรูเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ไม่ใช่ พวกเขาเป็แคว้นอิสระ มีวิถีชีวิตเป็ของตนเอง ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของผู้ใดทั้งสิ้น" เฉินิกล่าวเสียงเรียบ "ทว่าแต่ไรมาพวกเราต่างก็เป็น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง หากชนเผ่าของพวกเขาจะเข้ามาทำการค้าในอาณาจักรของแคว้นเรา พวกเราก็ยินดีต้อนรับ ถึงอย่างไรก็เป็เพียงชนเผ่าเล็กๆ ก่อปัญหาอันใดให้เราไม่ได้ มิจำเป็ต้องเข่นฆ่าสังหาร"
"ดูท่าฮ่องเต้ของพวกท่านจะไม่ใช่คนกระหายการโลหิต นับเป็บุญวาสนาของปวงประชาโดยแท้" ถังชิงหรูเอ่ยปากชื่นชม
"แม้ฮ่องเต้จะประเสริฐแล้วมีประโยชน์อันใด เมื่ออำนาจตกอยู่ในมือของพวกขุนนางเฒ่าเ่าั้" เฉินิกล่าวเสียงแข็ง "สักวันหนึ่ง ข้าจะช่วยพระเชษฐายึดอำนาจในราชสำนักกลับคืนมาให้จงได้"
ถังชิงหรูนึกถึงเฉินรุ่ยที่เพิ่งพบกันไม่นาน ในสมองของนางพลันสว่างวาบ "มิน่าเล่าเมื่อหลายวันก่อน..."
เฉินิหันกลับมา จ้องนางด้วยแววตาเฉียบคม "หลายวันก่อนทำไม?"
"หลายวันก่อนตอนที่ท่านหลับอยู่ก็ละเมอแต่คำว่าฆ่าๆๆ ที่แท้ก็อยากฆ่าขุนนางเฒ่าเ่าั้นี่เอง" ถังชิงหรูรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
"หลายวันก่อนเ้ามาด้วยหรือ ไฉนเปิ่นหวางไม่เห็นรู้เื่เลยเล่า" เพื่อตามเกี้ยวพาสตรีผู้นี้ เขาต้องขอให้นางมาตรวจชีพจรให้ตนเองทุกสิบวันและจ่ายเงินค่าวินิจฉัยโรคตามระเบียบ
"ตอนนั้นท่านหลับอยู่ ย่อมไม่รู้อยู่แล้ว มิเช่นนั้นข้าก็คงไม่รู้ว่าท่านเป็โรคนอนละเมออีกอย่าง" ถังชิงหรูชี้ไปที่กระโจมด้านนอก กล่าวว่า "ตรงนั้นมีคนแต่งชุดองครักษ์ ใช่บริวารของท่านหรือไม่ เขากำลังโบกมือให้พวกเราด้วยแน่ะ"
เฉินิหาได้ยื่นศีรษะออกไป เพียงแค่ตอบอย่างเอ้อระเหย "ใช่ เขานั่นแหละ"
รถม้าหยุดลง สารถีลงมาจากรถก่อน หลังจากนั้นก็เลิกม่านให้พวกเขาสองคน "คุณชาย แม่นาง ถึงแล้วขอรับ เชิญลงจากรถ"
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้นกล่าวกับเฉินิ "คารวะนายท่าน"
เฉินิลงจากรถ ยื่นมือให้ถังชิงหรู แต่นางกลับไม่สนใจ ะโลงมาเอง
หญิงสาวมองดูปุยเมฆขาวบนท้องฟ้าสีคราม กระโจมตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจี ก็รู้สึกเบิกบานใจอย่างมาก นางแหงนหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ดวงหน้าเผยรอยยิ้มงามตระการ
"ที่นี่ไม่เลวเลย" หลังจากเขย่าแขนของเฉินิ นางก็มองไปรอบด้าน ก่อนสายตาจะมาหยุดอยู่ที่บริวารของเขา ซึ่งมีนามว่าจางหลิน "นี่คือบ้านของเ้าหรือ ที่บ้านมีคนอยู่เยอะไหม หากข้ากับคุณชายจะพักที่นี่ เกรงว่าจะรบกวนการใช้ชีวิตของพวกเ้าน่ะสิ"
"แม่นางวางใจเถิด ข้าน้อยเตรียมกระโจมไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านกับคุณชายต่างมีกระโจมส่วนตัว ไม่มีสิ่งใดมารบกวนการพักผ่อนของทั้งสองท่านแน่นอน" จางหลินเอ่ยอย่างนอบน้อม
"เช่นนั้นก็ดี" ถังชิงหรูเห็นมีคนควบอาชาเข้ามาจากสถานที่ไม่ไกลนัก หญิงสาวคนนั้นสวมอาภรณ์สีแดง กำลังหัวเราะอย่างเริงร่า บุรุษคนหนึ่งสวมกอดเอวของนาง ดูเหมือนทั้งสองจะเป็คู่รัก หญิงสาวคนนั้นหน้าตางดงามมาก รูปร่างอวบอิ่มมีเสน่ห์เย้ายวน เมื่อเทียบกับสตรีที่อยู่ตรงข้าม ตอนนี้ตนเองก็เป็ท่อนไม้ไผ่ดีๆ โอ๊ย... อยากมีรูปร่างแบบนั้นบ้างจัง! เสียดาย ทำไมฉันต้องมาอยู่ในร่างของสาวใช้ด้วยนะ
"เ้าใช้สายตาอะไรอย่างนั้น" เฉินินึกว่าถังชิงหรูมองบุรุษที่อยู่บนหลังอาชา ก็รู้สึกไม่พอใจ ชายคนนั้นหน้าตาเกลี้ยงเกลา แต่ยังด้อยกว่าตนเองหลายขุม แต่พอพิจารณาอย่างถ้วนถี่ ถึงพบว่าสายตาของนางแลดูชอบกล สายตาที่จับจ้องั้แ่หัวจรดเท้าเห็นชัดว่ามุ่งไปที่สตรีคนนั้น
หรือว่าที่นางปฏิเสธเขา ก็เพราะว่านางไม่ชอบบุรุษ รสนิยมของสตรีผู้นี้คงมิได้เอนเอียงไปแล้วหรอกนะ
"นี่คือสายตาแห่งการชื่นชมของสวยๆ งามๆ" ถังชิงหรูแค่นเสียงหึ "ท่านไม่รู้สึกว่านางสวยมากหรอกหรือ ถามลูกน้องของท่านดีกว่า นางเป็ใครหรือ ทักษะการขี่ม้าไร้ที่ติ ข้าขี่ม้าไม่เป็ อยู่ๆ ก็นึกอยากเรียนขึ้นมาเสียแล้ว"
"นั่นคือหัวหน้าเผ่าอิงกูคนใหม่ของพวกเรา ผู้เข้ารับสืบทอดตำแหน่งในงานเลี้ยงคืนนี้ก็คือนาง" จางหลินอธิบาย "หัวหน้าเผ่าชอบใกล้ชิดกับประชาชน ปรกติก็มักเล่นสนุกกับคนในเผ่าเป็ประจำ คนที่อยู่ด้านหลังก็คือคู่หมั้นของนาง หรือสามีหัวหน้าเผ่าของเราในภายภาคหน้า"
"อ้อ..." ถังชิงหรูผงกศีรษะ "เผ่าอิงกูของพวกเ้าน่าสนใจนัก ข้าชอบที่นี่"
"หากแม่นางชื่นชอบ ก็มาพักที่นี่สักหลายวันหน่อย วันนี้เป็วันรับตำแหน่งหัวหน้าเผ่า พรุ่งนี้ก็เป็วันที่หัวหน้าเผ่าแต่งสามี ่สองสามวันนี้ก็จะครึกครื้นเป็พิเศษ" จางหลินอธิบายอยู่ด้านข้าง
"เช่นนั้นพวกเราก็อยู่ต่อหลายวันหน่อย ท่านว่าอย่างไร" ถังชิงหรูหันไปถามคนข้างกาย เฉินิยังไม่ทันให้คำตอบ นางก็ดีดนิ้วเป๊าะ ทึกทักเอาเอง "งั้นก็ตกลงตามนี้"
เฉินิมองตามหลังหญิงสาวที่วิ่งแล่นไปไกลแล้วด้วยความหงุดหงิด หน็อยแน่... สตรีน่าชังคนนั้นจงใจให้เป็แบบนี้สินะ
"กระโจมของเปิ่นหวางทำความสะอาดหรือยัง" เฉินิหันไปถามจางหลินซึ่งอยู่ข้างกาย
"นายท่านวางใจได้ ข้าน้อยกับคนในครอบครัวทำความสะอาดให้แล้วขอรับ" จางหลินกล่าวอย่างนบนอบ
"งั้นก็ดี" เฉินิมุ่นคิ้วขมวด "เอ๊ะ สตรีผู้นั้นหายไปไหนแล้วล่ะ เพิ่งมาถึงไม่ทันไร ก็หนีไปเที่ยวเสียแล้ว เปิ่นหวางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย"
ปรกติยามอยู่ในเมืองก็ควบคุมนางไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว ยามนี้มาถึงสถานที่เปิดโล่งเช่นนี้ กลัวแต่จะยิ่งควบคุมลำบาก
บนทุ่งหญ้าฝั่งตรงข้าม ถังชิงหรูไม่รู้ไปได้อาชามาจากไหน ยามนี้กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าตะบึงออกไปอย่างบ้าคลั่ง ตอนแรกเฉินิยังไม่เห็นว่าจะเป็เื่ใหญ่ แต่พอนึกได้ว่านางเพิ่งบอกว่าขี่ม้าไม่เป็ ดวงเนตรพลันเบิกกว้าง มองตามไปอย่างคาดไม่ถึง
"เฮ้..." เฉินิวิ่งตามพลางร้องะโ
จางหลินรีบไปจูงอาชาจากด้านข้างส่งให้ เฉินิพลิกกายขึ้นหลังอาชาก่อนควบตะบึงตามถังชิงหรูไปอย่างรวดเร็ว
ถังชิงหรูยื่นมือมาพลางหัวเราะเสียงดังบนหลังม้า ะโบอกเขาว่า "ข้าหยุดไม่ได้แล้ว"
"หญิงบ้า! หยุดไม่ได้ยังมีหน้าหัวเราะอีก เ้าอยากตายรึไงฮึ" เฉินิะโด่าพลางควบอาชาไล่ตามหมายประกบจากด้านข้าง
ถังชิงหรูขี่ม้าไม่เป็ แต่อาชาที่นางเลือกฝีเท้าเป็เลิศจึงวิ่งเร็วเป็พิเศษ ทั้งแข็งแรงกว่าอาชาของเฉินิ ไม่ว่าเขาจะไล่กวดอย่างไร ก็ตามไม่ทัน เฉินิกริ้วโกรธเป็ไฟ แต่ก็จนใจทำอะไรไม่ได้
"หญิงวิปลาส! เ้าะโมา เดี๋ยวข้าจะรับเ้าไว้เอง" เฉินิะโบอก
ถังชิงหรูกลอกตา สองมือกุมสายบังเหียนไว้แน่น ตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด "ข้าขี่ของข้าดีๆ จะให้ะโลงไปทำไม"
"เ้าทำแบบนี้มันอันตราย ต่อให้อยากขี่ม้าก็ควรศึกษาให้เป็ก่อน เ้ารีบะโลงมาเร็วๆ" เฉินิเริ่มมีโทสะ
หากอาชาตัวนั้นยังคงเตลิดอยู่เช่นนี้ ใครจะรู้ได้ว่ามันจะวิ่งไปที่ใด ชั่วขณะนั้น สตรีผู้หนึ่งก็ควบอาชามาจากฝั่งตรงข้าม นางสวมอาภรณ์สีแดงสดราวกับโลหิต รูปโฉมงามสะคราญ มีไฝเสน่ห์เม็ดหนึ่งที่กลางหน้าผาก ยามพิศมองชวนให้เคลิบเคลิ้ม นางกระโจนเข้าหาถังชิงหรู โอบกอดนางไว้ก่อนกลิ้งลงมาจากหลังม้า ทั้งสองล้มกลิ้งไปด้วยกันอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็หยุดลงในตำแหน่งที่ไกลออกไป
ถังชิงหรูนอนอยู่บนทุ่งหญ้า มองปุยเมฆบนท้องฟ้า เหงื่อกาฬ ผุดพรายเต็มหน้าผาก
สตรีผู้นั้นลุกขึ้นมานั่งหัวเราะเสียงดังกล่าวว่า "ข้าไม่เคยเห็นเ้า เ้าคงไม่ใช่คนเผ่าอิงกูกระมัง"
ถังชิงหรูก็ลุกขึ้นมานั่ง มองสตรีที่อยู่ตรงหน้าอย่างเพ่งพินิจ ยิ่งมองในระยะใกล้เช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่างามมาก
นางหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า "มิผิด เ้าคงเป็หัวหน้าเผ่าของที่นี่กระมัง ข้ามีนามว่าถังชิงหรู เป็หมอคนหนึ่ง"
"หมอ? ช่างเก่งกาจนัก" สตรีผู้นั้นหรือก็คือหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของเผ่าอิงกู มองหน้าถังชิงหรูด้วยความประหลาดใจ "เหตุใดสตรีถึงเป็หมอได้เล่า ข้ามีนามว่าอิงฉี ตอนนี้ยังไม่ใช่หัวหน้าเผ่า ต้องรอคืนนี้ก่อนถึงจะใช่ เ้ามาจากเมืองชิ่งหรือ ข้าได้ยินจางหลินบอกว่า สหายของเขาจะมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเราคืนนี้ด้วย คนในเผ่าของเราทุกคนล้วนยินดีต้อนรับ"
"ขอบคุณมาก ข้าเรียกเ้าว่าอิงฉีได้หรือไม่ หรือว่าต้องเรียกหัวหน้าเผ่า" ถังชิงหรูเห็นอิงฉีแสดงความเป็กันเองเช่นนี้ก็ยิ่งเกิดความรู้สึกดี
"เ้าเรียกข้าว่าอิงฉีเถอะ เผ่าของเรามิได้ถือสาธรรมเนียมอะไรขนาดนั้น การเรียกชื่อซึ่งกันและกันเป็เื่ปรกติ แต่นับจากคืนนี้เป็ต้นไป พวกเขาต้องเรียกข้าว่าหัวหน้าเผ่า ถึงจะทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกเคารพยำเกรงต่อข้า นี่คือสิ่งที่หัวหน้าเผ่าาุโ มารดาของข้ากล่าวไว้ แต่ข้ายอมให้พวกเ้าเรียกนามของข้า ต่อไปไม่มีใครเรียกชื่อของข้าแล้ว คงจะเหงาน่าดู เ้าไม่ใช่คนเผาอิงกูเรา ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์เหล่านี้"
เฉินิควบอาชาตามมาถึง เห็นพวกนางนั่งสนทนากันอยู่ ไม่มีใครได้รับาเ็ พลันรู้สึกโล่งอก แต่ยังคงวางสีหน้าเ็าอยู่เหมือนเดิม
ถังชิงหรูรู้ว่าเฉินิเป็ห่วงตนเอง ก็ทำแลบลิ้นแสดงสีหน้ารู้สึกผิด จากเหตุความวุ่นวายเมื่อครู่ ดูเหมือนว่านางจะเริ่มชอบดาวดวงนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว ทุกอย่างของที่นี่ล้วนเป็สิ่งที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด จากประสบการณ์ที่เดินทางไปดาวต่างๆ นับร้อย ก็ไม่มีที่ไหนน่าสนใจเท่าที่นี่มาก่อน
"นี่คือสหายของข้า นามว่าเฉินิ" ถังชิงหรูกล่าวจบ ก็หันไปบอกกับเฉินิ "นางคืออิงฉี เป็คนที่จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าเผ่าอิงกูคนใหม่"
เฉินิไม่กล้าเข้าใกล้สตรีใด จึงเพียงผงกศีรษะให้เท่านั้น
อิงฉีมองเฉินิก่อนหันไปพูดกับถังชิงหรู "คู่นอนของเ้าหน้าตาดีทีเดียว"
ถังชิงหรูอึ้งงันไปชั่วขณะ มุ่นคิ้วกล่าวว่า "เขาไม่ใช่คู่นอนของข้า เ้าอย่าพูดส่งเดช หากจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของเราแล้ว ข้าดูเหมือนจะเป็เ้าหนี้ของเขามากกว่า"
เฉินิได้ยินคำกล่าวของอิงฉีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก แต่พอฟังคำตอบของถังชิงหรู ก็ถลึงตาเกรี้ยวกราดใส่นาง "อย่าคิดจะทิ้งขว้างเปิ่น... คุณชายเยี่ยงข้าเชียวนะ ร่างกายของข้าถูกเ้าเห็นหมดแล้ว เ้ากล้าปัดความรับผิดชอบรึ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้