หลินหวั่นชิวรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่มีเสียนอวี๋ มิเช่นนั้นนางคงหาเครื่องที่ครบเช่นนี้ไม่ได้ อยู่ในหมู่บ้านกลางเขา จะไปตลาดสักครั้งไม่ง่ายเลย
ตอนที่เจียงหงหย่วนเข้ามาในห้องครัว เจียงหงหย่วนได้เปลี่ยนไปใส่ชุดใหม่ั้แ่หัวจรดเท้า
สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ หน้าตาอิ่มเอมไปด้วยความสุข
ดมกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัว มองหลินหวั่นชิวทำงานอย่างกระฉับกระเฉง เขารู้สึกขึ้นมาว่าหัวใจตัวเองถูกเติมเต็มเสียแล้ว
ถูกเติมเต็มด้วยสตรีนางนี้
เจียงหงหย่วนรู้สึกว่าการตัดสินใจที่ถูกที่สุดหลังจากตัวเองได้เกิดใหม่คือใช้หมูป่าแลกหลินหวั่นชิวกลับมา
“เ้าทำเนื้อเสือเป็หรือไม่? อย่าทำให้ของดีๆ เสียหายล่ะ”
หลินหวั่นชิวรู้ว่าบุรุษผู้นี้ชอบวางมาดจึงไม่ได้ถือสากระไร สาเหตุสำคัญเป็เพราะภาพที่เขาจัดการบรรดาสตรีปากมากก่อนหน้าเป็ประกายในความทรงจำมากจริงๆ ทำให้เวลาหลินหวั่นชิวมองเจียงหงหย่วนจะมีฟิลเตอร์ชั้นหนาใส่ลงไปโดยอัตโนมัติ เทียบได้กับใช้กล้องเพิ่มความงาม
“ทำเสียแล้วท่านจะอัดข้าหรือ?” หลินหวั่นชิวหยุดงานในมือ หางตาเลิกขึ้นมองเจียงหงหย่วน เสียงที่เหมือนขนนกทำเอาเขาคันยุบยิบในใจ
ปีศาจน้อย อยากจัดการเ้าในห้องครัวเสียจริง!
“ต้าเกอ ท่านห้ามทำร้ายพี่สะใภ้นะขอรับ!” เสียงของเจียงหงหนิงดังขึ้นอย่างผิดจังหวะ หน้าเจียงหงหย่วนดำมืดลงทันที
เขาคุมสีหน้าไว้ไม่อยู่ โยนคำพูดออกไปหนึ่งประโยค “เห็นข้าเป็บ้าหรือ ทุบตีาเ็แล้วต้องเสียเงินรักษา หรือหากตายทำให้หมูป่าขาดทุนพอดี!”
เจียงหงหย่วนหันตัวออกไป เจียงหงหนิงรีบช่วยเสริม “พี่สะใภ้ ต้าเกอเป็คนหยาบคายเช่นนี้ แต่เนื้อแท้เขาเป็คนดีมาก ไม่ทุบตีท่านเป็แน่ ท่านวางใจเถิด”
หลินหวั่นชิวอดยีหัวเจียงหงหนิงไม่ได้ “ข้ารู้ ข้าจงใจแหย่เขาเล่นเท่านั้น”
นึกถึงหน้าที่ดำทะมึนก่อนหน้านี้ของเจียงหงหย่วน จู่ๆ หลินหวั่นชิวก็ร้อนผะผ่าวที่หน้า
นี่นางเป็กระไรไป?
นางแหย่เจียงหงหย่วนเล่นเช่นนี้…เขาคงไม่คิดว่าตัวเองกำลังยั่วเขาหรอกกระมัง…
นอกห้อง เจียงหงหย่วนย่อมได้ยินที่หลินหวั่นชิวพูด ในใจเขาร้อนรุ่มมาก นี่ภรรยาตัวน้อยกล้าหยอกล้อกับเขาถึงเพียงนี้ ฮึ่ม สักวันจะให้นางได้เห็นความเก่งกาจของเขาให้ได้
น่าเสียดายจริงๆ เหตุใดต้องรับปากนางว่าค่อยเข้าหอตอนอายุสิบห้าด้วย?
“ต้าเกอ…พี่สะใภ้ดีมากจริงๆ” เจียงหงป๋อเห็นเจียงหงหย่วนยืนเหม่อก็พูดขึ้น
ความคิดเขาค่อนข้างละเอียดอ่อน ตอนนี้รู้แล้วว่าหลินหวั่นชิวดีแค่ไหนก็เริ่มกังวลว่าต้าเกอตัวเองจะไม่รู้จักดูแล พูดจารุนแรงจนพี่สะใภ้ใหนีไป
“ข้ารู้!” เจียงหงหย่วนตอบอู้อี้ เขามองเจียงหงป๋อ ตัวเองไม่อยู่บ้านมาสิบวัน เหล่าเอ้อร์ดูจะแข็งแรงขึ้นมาก หน้าเริ่มมีสีเื
“ต้าเกอ ข้าดีขึ้นมากแล้ว พี่สะใภ้บอกว่าโรคของข้ารักษาหายได้ ข้าได้ออกไปสูดอากาศทุกวัน กลายเป็ว่าสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก นางบอกว่าข้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องที่อากาศไม่ปลอดโปร่งมีแต่จะทำให้สุขภาพยิ่งแย่” ตอนที่เจียงหงป๋อพูดเื่พวกนี้ เขารู้สึกเคารพเลื่อมใสหลินหวั่นชิวอย่างสูงสุด
เจียงหงหย่วนซาบซึ้งใจ ภรรยาตัวน้อยนางนี้ดีกว่าที่เขาคิดไว้มาก
เดิมทีแค่คิดว่านิสัยนางนุ่มนวล คิดไม่ถึงว่ามาอยู่บ้านตระกูลเจียงแล้วจะเปลี่ยนไปไม่น้อย รู้จักออกตัวปกป้องหงหนิง ดูแลหงป๋ออย่างจริงจังจริงใจ…
“พี่สะใภ้ใหญ่เปรียบเสมือนแม่ วันหน้าพวกเ้าโตแล้วต้องกตัญญูต่อนาง” เจียงหงหย่วนพูดเสียงทุ้ม ตอนนี้เขามองหลินหวั่นชิวเป็คนในครอบครัวแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่ภรรยาที่ซื้อกลับมาคลอดลูก
“อื้ม ต้าเกอวางใจเถิด” เจียงหงป๋อตอบ ประโยคนี้เป็คำสาบานของเขา
หลินหวั่นชิวลองชิมเนื้อเสือ รู้สึกว่ารสชาติไม่เลว ตุ๋นจนเนื้อเริ่มเปื่อยแล้วจึงตักเนื้อใส่ชามใบใหญ่ ให้เจียงหงหนิงจัดโต๊ะที่นอกลานบ้าน
“กินข้าว!” หลินหวั่นชิวร้องเรียกด้วยรอยยิ้ม พูดกับเจียงหงป๋อว่า “เนื้อเสือนี่เ้ากินได้ มีประโยชน์ต่อกระเพาะ แต่เผ็ดเล็กน้อย กินนิดเดียวย่อมไม่เป็กระไร”
นับดูแล้วเจียงหงป๋อกินโอสถชำระไขกระดูกที่หลินหวั่นชิวให้ไปสองครั้งแล้ว ปกตินางคอยปรับให้การกินของเขาค่อยๆ ตามพวกนาง หากเจียงหงป๋อกินได้เยอะ นั่นก็หมายความว่าร่างกายเขากำลังแข็งแรงขึ้น
และด้วยเหตุนี้เอง หลินหวั่นชิวถึงได้กล้าให้เขาลองกินของเผ็ด พริกมีประโยชน์เช่นกัน ขอแค่ไม่กินมากเกินไปก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ใน ‘ตำราคุณสมบัติ’ มีบันทึกความร้อนจากพริกช่วยขับความเย็น ไล่ลมขับเหงื่อ ป้องกันการเป็หวัด ขับเสมหะขับความชื้น เหมาะกับอาการตอนนี้ของเจียงหงป๋อพอดี
“ขอรับ ลำบากพี่สะใภ้เสียแล้ว!” เจียงหงป๋อค่อยๆ นั่งลง ยิ้มให้หลินหวั่นชิวอย่างอ่อนโยน
“ไม่ลำบาก พวกเ้าชอบกินเป็พอ!” ในฐานะผู้สร้างอาหารรสเลิศ นางย่อมชอบให้คนชมฝีมือตัวเองอยู่แล้ว
เจียงหงหย่วนไม่พอใจเล็กน้อย เหตุใดรอยยิ้มนี่ดูขัดตาแปลกๆ?
เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังหึงเด็กอายุสิบขวบ
หลังจากทุกคนนั่งลง เจียงหงหนิงช่วยตักข้าวให้ทุกคน
เทียบกับอาหารประเภทเส้นแล้ว หลินหวั่นชิวชอบกินข้าวสวยมากกว่า คราวก่อนที่เข้าตำบลจึงซื้อข้าวสารมาจำนวนมาก
“พี่สะใภ้ อร่อยมากเลยขอรับ!” เจียงหงหนิงคีบเนื้อเสือเข้าปากหนึ่งตะเกียบ ตาเขาเป็ประกาย
เมื่อก่อนพวกเขาเคยกินเนื้อเสือเช่นกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้าเกอล่าเสือได้ เพียงแต่…รสชาติยากจะบรรยาย
เจียงหงหย่วนคีบเนื้อคำโตเข้าปากเช่นกัน อร่อยจริงด้วย!
หลินหวั่นชิวเห็นเจียงหงหย่วนหรี่ตาก็อดประหม่าไม่ได้ นางจ้องไปที่เขา “รสชาติเป็อย่างไรบ้าง?”
สีหน้าคาดหวังของนางใช้ได้ผลกับเจียงหงหย่วนเป็อย่างมาก เจียงหงหย่วนคีบกินอีกคำ “พอใช้ได้…”
พอใช้ได้จริงหรือ?
เช่นนั้นเ้าคีบใส่ชามกองโตแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร?
“เ้าเองก็กินด้วย!” จังหวะที่หลินหวั่นชิวกำลังบ่นในใจ ชามที่มีเนื้อกองโตใบนั้นก็ขยับมาอยู่หน้าตัวเอง
บุรุษผู้นี้นี่!
ปากร้ายใจดีเสียจริง!
แต่เมื่อคิดว่าเขาอายุแค่สิบเก้า หลินหวั่นชิวก็พอจะเข้าใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขาเริ่มขึ้นเขาล่าสัตว์ั้แ่อายุเท่าไร ดูจากฝีมือแล้วคงต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับสัตว์ป่าั้แ่ตอนอายุไม่มาก
มิหนำซ้ำยังต้องดูแลน้องชายสองคน หนึ่งคนในนั้นยังป่วย เห็นชัดว่าต้องแบกรับภาระมากขนาดไหน
นิสัยที่ชอบวางมาดเช่นนี้…ไม่แน่อาจเป็การอำพรางตัวตนของเขา เป็หนึ่งในวิธีป้องกันตัวเอง
หลินหวั่นชิวปวดใจขึ้นมาแปลกๆ นางคีบเนื้อหลายชิ้นใส่ชามเจียงหงหย่วนเช่นกัน “ท่านเองก็กินเยอะหน่อย กินเยอะจะได้มีแรง”
เจียงหงหย่วนดีใจมาก ภรรยาตัวน้อยคีบกับข้าวให้เขาด้วย!
เขามองหลินหวั่นชิวแวบหนึ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ “วางใจเถิด ข้าแรงเยอะอยู่แล้ว สักวันเ้าจะเห็นเอง!”
หลินหวั่นชิว “…”
หน้าไม่อาย!
มีเด็กอยู่ตรงนี้ถึงสองคนนะ!
ไม่พูดนอกเื่แล้วจะตายหรือ!
นางรู้อยู่แล้ว รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรเปิดช่องให้หมอนี่ เปิดแล้วเขามีแต่จะได้คืบจะเอาศอก
“เ้าตัดเนื้อเสือออกมาสามก้อน เดี๋ยวข้าจะพาหงหนิงไปส่งให้หลี่ซิ่วไฉและเอาไปให้สุ่ยเซิงกับฟู่กุ้ยบ้านละก้อน”
เจียงหงหย่วนเก็บเนื้อเสือไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือขายให้หลิวเฉียง เสือหนึ่งตัวมีเนื้อเยอะมาก แบกกลับบ้านมาก็กินไม่หมดอยู่ดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้