พลังลมปราณของเย่เฟิงถึงระดับห้าปีแล้ว จึงใช้วิชาอำพรางตาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ต่อให้ถอดหน้ากาก หลงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา แต่ชายหนุ่มไม่้าให้เธอมองภาพลวงตา แทนที่จะทำแบบนั้น เขายอมสวมหน้ากากขณะอยู่ต่อหน้าเธอดีกว่า
มีแค่เวลานี้ที่จะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่อะไรขึ้นระหว่างตระกูลเย่กับตระกูลหลง และหากเขาหาทางออกของความขัดแย้งระหว่างกันได้ จึงจะสามารถใช้ใบหน้าที่แท้จริงปรากฏตัวต่อหน้าเธอ!
จุดสำคัญอยู่ที่คำเตือนของเย่เวิ่นเทียนว่าต้องไม่ให้คนตระกูลหลงรู้ว่าเย่เฟิงฝึกวรยุทธ์... ชายหนุ่มยังคงเชื่อคำพูดของชายชราเพราะไม่ว่าอย่างไรตาเฒ่าคนนั้นก็เป็ปู่ของเขา
“นอนพักสักหน่อยนะ” เย่เฟิงจ้องตาคู่สวยของหลงหว่านเอ๋อร์ผ่านหน้ากากแล้วใช้วิชาสะกดจิตกับเธอ
ตอนนี้สาวน้อยเริ่มไร้เรี่ยวแรง ความคิดและจิตใจค่อยๆ ผ่อนคลาย ไร้ซึ่งการป้องกัน เมื่อตาคู่สวยปิดลง ร่างบางก็ตกสู่อ้อมแขนของเย่เฟิงอย่างนุ่มนวล
“ซี้ด...” เย่เฟิงหลุดเสียงร้องด้วยความเ็ป เนื่องจากเธอล้มลงบนแผลที่หน้าอกของเขาพอดี เกือบทำเขาตายเพราะความเ็ปนี้ ชายหนุ่มรีบประคองเธอไปข้างกองไฟแล้วจัดการให้อีกฝ่ายนอนบนกองใบไม้
เย่เฟิงถือโอกาสที่พ่อเธอยังไม่มาถามคำถามบางอย่างกับเธอขณะตกอยู่ในห้วงของการสะกดจิต
“หว่านเอ๋อร์ เธอรู้จักตระกูลเย่ไหม?” เย่เฟิงเอ่ยคำถามแรก
“รู้จักสิ” หลงหว่านเอ๋อร์ซึ่งอยู่ในภวังค์ตอบอย่างว่าง่าย...
ภายใต้แสงดาวและพระจันทร์ คนสองคนผลัดกันถามตอบไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าเย่เฟิงก็เข้าใจสถานการณ์ระหว่างสองตระกูลอย่างคร่าวๆ แล้ว บางทีอาจเป็เพราะมันไม่ใช่ความลับในยุทธจักร หลงหว่านเอ๋อร์เองก็ไม่ได้สติจึงพูดทุกอย่างออกมา
ที่แท้เมื่อสิบแปดปีก่อน ตระกูลเย่เป็หนึ่งในตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สุดในแวดวงผู้ฝึกวรยุทธ์ เย่เวิ่นเทียนที่โลดแล่นในวงการนี้ก็เป็ถึงรัฐบุรุษาุโและปรมาจารย์วรยุทธ์ที่มีอำนาจทั่วยุทธจักร แต่น่าเศร้าใจที่เย่ยวินเฟยพ่อของเย่เฟิงไม่สนใจศึกษาตำราจึงไม่มีวิชาหรือความสามารถติดตัว ทุกคนจึงเห็นเขาเป็เพียงลูกผู้ดีมีเงินที่ไม่ได้เื่ในวงการนักสู้เท่านั้น แต่หลังจากเย่เฟิงลืมตาดูโลกได้ไม่นาน พ่อของเขาก็คบชู้กับภรรยาของหลงโม่หราน
เมื่อหลงโม่หรานทราบว่าภรรยาของตนทำเื่แบบนี้ก็โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ อีกทั้งเย่ยวินเฟยยังก่อเื่สร้างความเกลียดชังกับคนในยุทธจักรมากมาย ตระกูลหลงจึงร่วมมือกับผู้มีอำนาจหลายคนในยุทธจักรฆ่าล้างตระกูลเย่ในถ้ำเขาหลัวฝู ในคืนนองเืนั้นหลงโม่หรานสังหารเย่ยวินเฟยกับภรรยาตัวเองด้วยมือของเขาเอง!
การต่อสู้ดำเนินต่อไปท่ามกลางความชุลมุน มีผู้าเ็ล้มตายนับไม่ถ้วน เวลานั้นเย่ยวินเฟยปกป้องเด็กน้อยเย่เฟิงที่เพิ่งเกิดมาไม่นาน ทำได้เพียงแหงนหน้ามองฟ้าแล้วคร่ำครวญต่อความโชคร้ายของครอบครัวที่ต้องพบเจอเื่แบบนี้
ประการแรกสองหมัดของเย่เวิ่นเทียนยากจะเอาชนะสี่มือ ประการที่สองเดิมทีเื่นี้เป็ความผิดของลูกชายของเขาอยู่แล้ว เหตุผลสองข้อนี้ทำให้เขาเก็บความคิดที่จะแก้แค้นและทำเพียงยื่นข้อตกลงให้บรรดาคนในยุทธจักรเท่านั้น
ข้อตกลงนั้นคือตราบใดที่เย่เฟิงไม่ฝึกวรยุทธ์ คนในยุทธจักรจะต้องไม่ไปยุ่งกับเย่เฟิง ไม่อย่างนั้นเย่เวิ่นเทียนจะฆ่าพวกเขาทุกคนแม้จะต้องสู้สุดชีวิตก็ตาม!
ปรมาจารย์วรยุทธ์กล่าวอย่างนี้แล้วจะยังมีใครกล้าไม่ทำตามหรือ?
ถ้ำเขาหลัวฝูเป็หนึ่งในสิบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ หากใช้สถานที่นี้ฝึกวรยุทธ์จะฝึกได้เร็วกว่าโลกภายนอกถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อตระกูลเย่ถูกทำลาย เย่เวิ่นเทียนก็ออกจากถ้ำเขาหลัวฝูพร้อมกับเย่เฟิงซึ่งยังเป็เด็กทารก และสถานที่แห่งนี้ก็ถูกตระกูลหลงยึดครองไป
ั้แ่นั้นเป็ต้นมาหลงโม่หรานก็กลายเป็คนไร้เหตุผล เริ่มแสดงตัวเป็ใหญ่เพื่อควบคุมยุทธจักร และปฏิบัติกับหลงหว่านเอ๋อร์อย่างเข้มงวดมาั้แ่เด็ก
ั้แ่เด็กเธอต้องเรียนรู้ความสามารถทางวัฒนธรรมต่างๆ กาลเวลาผันผ่านจนอายุสิบห้าปีก็ศึกษาได้เทียบเท่าระดับปริญญาโทของแต่ละแขนงวิชาทางโลก จากนั้นก็เชื่อมเส้นลมปราณและเปิดจุดตันเถียนได้ จึงเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์พลังภายในของตระกูลหลง เมื่ออายุสิบแปดก็มีพลังลมปราณระดับสามปีในจึงออกท่องยุทธจักรเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ตอนนี้เธอเพิ่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ออกฝึกฝนและหาประสบการณ์เป็เวลาสามปี ตอนนี้ระดับพลังลมปราณของเธอเลื่อนขั้นเป็สิบปีแล้ว หญิงสาวจึงกลายเป็บุคคลที่อายุน้อยที่สุดผู้โดดเด่นทั้งด้านปัญญาและความสามารถของตระกูลหลง!
เนื่องจากในวัยเด็กเส้นลมปราณจะเปราะบางและตันเถียนยังขุ่นมัว โดยทั่วไปจะไม่มีใครฝึกวรยุทธ์ั้แ่เด็ก และอายุสิบหกปีนับเป็อายุที่เหมาะสมที่สุด ความสำเร็จของหลงหว่านเอ๋อร์โดดเด่นไม่เหมือนใครในโลกยุทธจักร ทำให้หลงเสียน ลัวลี่หรือคนรุ่นราวคราวเดียวกันฝีมือห่างไกลกับเธอมาก
‘คิดๆ ดูแล้ว การฝึกฝนร่างชีพจรเซียนจะต้องมีพร์ไม่เลว และสาวน้อยคนนี้ก็ไม่โง่ เธอชอบมองหาสมบัติ์ต่างๆ เพื่อเลื่อนระดับพลังลมปราณได้เร็วขึ้น’
เย่เฟิงนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบเธอ ตอนนั้นในอ้อมแขนเธอมีหญ้าจินเย่สามต้น หลังจากเสี่ยงชีวิตแย่งหญ้าจินเย่จากคู่รักดาบ์ที่แข็งแกร่งกว่าเธอมาได้ ด้วยความสามารถที่มีและฐานะลูกสาวจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้นำตระกูลหลง ชื่อเสียงไม่ธรรมดาขนาดนี้จะไม่เคยได้ยินได้อย่างไร?
ชายหนุ่มทอดถอนใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้นระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลเย่ เป็เื่ที่จัดการได้ยาก และพ่อที่ตายจากไปของเขา ไม่นึกเลยว่าจะเป็ลูกชายที่ไม่เอาไหน...
เขายังอยากถามอะไรอีกมากมาย เช่นตอนนี้แม่ของเขาเป็อย่างไรบ้าง แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าสับสนมาจากทางเข้าของหุบเขาและรับรู้ทันทีว่าเป็หลงโม่หรานกับพวก
‘คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน’ เย่เฟิงคิดในใจ จากนั้นก้มลงประทับจูบแ่เบาบนแก้มใสของหลงหว่านเอ๋อร์แล้วระบายยิ้ม เขาใช้ย่างก้าวไร้เงาคว้าไข่มุกราตรีะโลงไปในสระลึก ก่อนค่อยๆ ดำลึกลงไป
ตอนนี้ตนยังเจอกับหลงโม่หรานไม่ได้ เพราะยังต้องกลับไปค้นหาร่องรอยของซูเฟยหยิ่ง
ส่วนกับหลงหว่านเอ๋อร์ ไว้เจอกันใหม่!
............
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น รถแลนด์โรเวอร์สีดำขับมาตามทางบนูเา ค่อยๆ ลงจากเชิงเขาเข้าใกล้เมืองหลินเจียง ในเวลาเดียวกันยังมีรถ SUV อีกหลายคันวิ่งตามหลังอยู่
ภายในรถโดยสาร หลงโม่หรานที่แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวสีขาวนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ท่าทีสงบนิ่ง แต่ความจริงข้างในกลับเต็มไปด้วยความโกรธ
หลงหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถได้รับการดูแลจากน้าสาวของเธอ ลูกสาวที่เขาภาคภูมิใจกลับถูกคนชิงตัวไปเมื่อคืน หากเื่นี้แพร่ออกไปต้องเป็เื่ขายหน้าครั้งใหญ่ของตระกูลหลงแน่นอน
เมื่อเขานำคนเดินตามควันที่ลอยจากหุบเขาตรงนั้น หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดก็ทราบเพียงไห่ถางที่เป็หนึ่งในคู่รักดาบ์ถูกกระบี่แทงทะลุหัวใจ และหลงหว่านเอ๋อร์ที่หลับใหลอยู่ข้างกองไฟด้วยท่าทางสบายใจ
“ชายสวมหน้ากากโม่จิ่วเกอ กล้ามากจริงๆ” ประกายเย็นเยียบปรากฏในดวงตาของหลงโม่หราน เขารู้ดีว่าเื่นี้ต้องเป็ฝีมือของชายสวมหน้ากากคนนั้นแน่
เขารู้เกี่ยวกับชายสวมหน้ากากไม่มากนัก รู้เพียงเขาเป็มือกระบี่ ทั้งทานหลางเจี้ยน ไห่ถาง และศพของหลงเสียนที่พบตรงเชิงเขาล้วนเสียชีวิตใต้คมกระบี่
หลงเสียนเป็ลูกชายของน้องชายหลงโม่หรานซึ่งเสเพลไม่สนใจศึกษาเล่าเรียน เมื่อไรที่มองเด็ฏหนุ่ม หลงโม่หรานก็จะนึกถึงเย่ยวินเฟย จึงไม่อาลัยอาวรณ์กับการตายนี้ แต่ลูกสาวของเขาถูกเ้าหมอนั่นทำให้แปดเปื้อนเช่นกัน หรือที่จริงแล้วมัน้ายั่วยุตระกูลหลงเหรอ?
เขาออกคำสั่งให้ปิดข่าวเื่นี้และไม่อนุญาตให้ใครแพร่ออกไปเด็ดขาด แต่ก็รู้ดีว่าคงปิดได้ไม่นาน ไม่เพียงชายสวมหน้ากากไม่ถูกจับ ชายวิปริตหนึ่งในคู่รักดาบ์ก็ไม่มีร่องรอยเช่นกัน คนเหล่านี้ล้วนรู้เื่ราวที่เกิดขึ้น...
“หว่านเอ๋อร์ หนูตื่นแล้วหรือ?” เสียงอ่อนโยนดังขึ้น เ้าของเสียงคือน้าสาวของหลงหว่านเอ๋อร์ ใบหน้างดงามฉายแววห่วงใยคนตรงหน้า
“นี่หนู... แล้วเขาล่ะ?” หลงหว่านเอ๋อร์เพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ลุกขึ้นนั่งทันทีแล้วมองไปรอบๆ อย่างประหม่า
“ใครเหรอ?” น้าสาวถาม
“โม่จิ่วเกอค่ะ เขา...” เมื่อหลงหว่านเอ๋อร์จำเื่ก่อนหน้านี้ได้ก็กระวนกระวาย แต่พูดได้ไม่กี่คำกลับถูกหลงโม่หรานขัดจังหวะ
“ไม่ว่าไอ้เด็กนั่นเป็ใคร พ่อจะไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่” หลงโม่หรานกล่าวต่อเสียงเบา “ส่วนลูก กลับไปแล้วพิจารณาตัวเองให้ดี ไม่อนุญาตให้ออกไปข้างนอกหนึ่งปี”
“อะไรนะคะ? ไม่นะ เขา—” หลงหว่านเอ๋อร์รีบค้าน
“เงียบซะ” หลงโม่หรานตวัดสายตามองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
หญิงสาวมองปราดเดียวก็รู้ว่าพ่อของเธอคิดอะไรอยู่ ทำให้เธอมึนงงชั่วขณะ
ถ้าโม่จิ่วเกอกับเย่เฟิงมีความเกี่ยวข้องกัน และพ่อของเย่เฟิงก็สวมเขาให้หลงโม่หราน ผู้นำตระกูลหลงอยากฆ่าเด็กหนุ่มมาตลอด แต่ไม่สามารถลงมือได้เพราะข้อตกลงที่ให้ไว้ ตอนนี้ชายสวมหน้ากากคนนั้นดึงตัวเองมาเกี่ยวพันกับเย่เฟิงแล้ว ไม่ใช่เขารนหาที่ตายเหรอ?
จะทำอย่างไรดี? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ขออย่าให้พ่อหาเจอเลย...
หลงหว่านเอ๋อร์รู้ดีว่าตัวเองเปลี่ยนการตัดสินใจของพ่อไม่ได้ จึงทำได้เพียงภาวนาในใจเงียบๆ เดิมเธอ้าให้เขาเป็ลูกเขยของตระกูลหลง แต่ตอนนี้ความหวังช่างเลือนราง
ในเมื่อเป็เช่นนี้ เธอทำได้เพียง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้