เมื่อเอ่ยมาถึงจุดนี้ ดวงตาของเขาพลันเป็ประกาย เขารีบล้วงเอาตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมาจากแขนเสื้อทันใด “ท่านหมอเจียง ข้าเลอะเลือนแล้ว อวี๋เจียวซื้อใบสัญญาซื้อขายตัวไปแล้ว การซื้อขายนี้ของท่านไม่อาจนับ เงินห้าสิบตำลึงนี้ข้าขอคืนให้ท่าน”
อวี๋เจียวเบ้ปาก จนถึงตอนนี้อวี๋หรูไห่ยังไม่เลิกใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ช่างน่าเสียดายที่นางมองปราดเดียวก็ล่วงรู้ถึงแผนการเ้าเล่ห์เ่าั้ของเขาเสียแล้ว
เจียงชิงเหอมองอวี๋หรูไห่อย่างเหยียดหยาม แต่ไม่ว่าอย่างไรใบสัญญาก็อยู่ในมือของอวี๋เจียวแล้ว นอกจากนี้นางยังจ่ายเงินตาเฒ่าอวี๋หรูไห่ผู้นี้ไปแล้ว เขาจึงรับตั๋วเงินกลับมาและเอ่ยวาจาเย้ยหยัน “ท่านหมออวี๋ เ้านี่ช่าง... ยากจะบรรยายด้วยประโยคเดียวจริงๆ ดูจากการกระทำเช่นนี้ของเ้าแล้ว แม่นางเมิ่งคงได้รับความคับข้องใจจากสกุลอวี๋อยู่ไม่น้อย!”
เขาหันไปหาอวี๋เจียว สีหน้าเปลี่ยนไปราวกับพลิกหน้าตำรา แย้มยิ้มและเอ่ยว่า “แม่นางเมิ่ง เ้ามีวิชาหมอที่ล้ำเลิศ เหตุใดถึงต้องอยู่ในสกุลอวี๋เพื่อใช้ชีวิตเช่นนี้? ถ้าเ้ายินดีจะไปเป็หมอในสำนักหุยชุนของพวกเรา สำนักหุยชุนของพวกเราจะดูแลเ้าเป็อย่างดีแน่นอน เงินเดือนสามสิบตำลึงเป็อย่างไร?”
ใบหน้าชราของอวี๋หรูไห่อับอายยิ่งนัก กระทั่งวิงวอนอย่างไม่อาย “แม่หนูเมิ่ง เป็ข้าไม่ดีเอง ปู่ยอมรับผิดกับเ้า แต่ไม่ว่าจะพันความผิดหมื่นความผิด แต่ท้ายที่สุดเ้าก็ยังคงเป็ภรรยาของเ้าห้า เป็คนสกุลอวี๋ของพวกเรา จะจากไปเช่นนี้ไม่ได้!”
เขาส่งสายตาให้สตรีแซ่อวี๋โจว บอกให้นางรีบเรียกคนจากครอบครัวรองมา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรั้งอวี๋เจียวไว้ในสกุลอวี๋ให้ได้
ั้แ่เหอตงเซิงมาถึง สตรีแซ่อวี๋โจวไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ กระทั่งผายลมก็ยังไม่กล้า เมื่อดูจากท่าทีของเหอตงเซิงกับเจียงชิงเหอที่อยู่ห้อง นางก็รู้แล้วว่าถ้าไม่อาจรั้งเมิ่งอวี๋เจียวเอาไว้ สกุลอวี๋ของพวกนางจะต้องสูญเสียเงินทองก้อนใหญ่ ดังนั้นนางจึงเร่งฝีเท้าไปยังเรือนครอบครัวรอง
อวี๋เจียวถือใบสัญญาโดยไม่เอ่ยสิ่งใด นางกำลังลังเลและปวดหัวอยู่บ้าง
ในชีวิตคนเรามีหลายต่อหลายครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกที่ไม่อาจแบ่งแยกว่าถูกหรือผิด แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้ว เส้นทางที่ต้องก้าวเดินและการใช้ชีวิตอาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อย่างเช่นครั้งนี้ หากยังอยู่ในจวนสกุลอวี๋ ชีวิตของนางในวันข้างหน้าจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน หากไปเป็หมอที่สำนักหุยชุน ทุกๆ วันตรวจคนไข้ ใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบก็ไม่เลวเช่นกัน
“แม่หนูเมิ่งกำลังจะไปจากจวนพวกเราแล้ว พวกเ้ารีบไปเกลี้ยกล่อมเร็วเข้า!” สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยด้วยสีหน้าเป็กังวลเมื่อมาถึงเรือนฝั่งตะวันออก
ครั้นซ่งชุนและอวี๋เมิ่งซานได้ยินพลันลุกขึ้นอย่างลนลาน อวี๋ฝูหลิงออกมาจากด้านข้างหมายจะเดินตามสตรีแซ่อวี๋โจวไปที่ห้องโถง
ครั้นเห็นว่าอวี๋ฉี่เจ๋อปราศจากท่าทีใดๆ สตรีแซ่อวี๋โจวรีบผลักประตูห้องของเขาให้เปิดออกแล้วเอ่ยเร่งเร้า “เ้าห้า ตอนนี้แม่หนูเมิ่งได้ใบสัญญาซื้อขายตัวไปแล้ว นางกำลังจะไปจากจวนของพวกเรา เ้ายังไม่รีบไปรั้งนางไว้อีก!”
อวี๋ฉี่เจ๋อเพิ่งดื่มยาเสร็จ เขาวางชามยาลงอย่างไม่รีบร้อน เงยหน้ามองสตรีแซ่อวี๋โจวอย่างเฉยเมย “หากนางอยากไป ข้าจะไม่เกลี้ยกล่อมให้นางอยู่ต่อ อีกทั้งสกุลอวี๋ของเรามีอะไรควรค่าให้รั้งนางไว้หรือขอรับ?”
สตรีแซ่อวี๋โจวอึ้งไป แม้ว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเฉยเมย แต่ยามปกติก็พูดได้ว่าเขาดีต่อเมิ่งอวี๋เจียวไม่น้อย ตอนแรกนางคิดว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะไม่อาจหักใจจากเมิ่งอวี๋เจียว คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่แยแสนางถึงเพียงนี้
“ท่านย่ายังมีเื่อื่นอีกหรือไม่?” ดวงตาเรียวยาวของอวี๋ฉี่เจ๋อจ้องมองสตรีแซ่อวี๋โจวอย่างเรียบเฉยขณะเอ่ยถาม
สตรีแซ่อวี๋โจวตะลึงงันไม่กล้าบังคับอวี๋ฉี่เจ๋อให้ไปที่ห้องโถง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ บางครั้งนางรู้สึกหวาดกลัวความคิดของเขาอย่างบอกไม่ถูก
ซ่งชุนและคนอื่นๆ มาถึงห้องโถง อวี๋ฝูหลิงเป็คนตรงไปตรงมา แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยใช้วาจารื่นหู ทันทีที่เข้ามาก็เอ่ยถามอวี๋เจียวอย่างร้อนใจว่า “ท่านย่าบอกว่าเ้าจะจากไปหรือ? จะไปที่ใด? อวี๋เจียว เ้าเป็ภรรยาของน้องชายข้าแล้ว จะบอกว่าไปก็ไปได้อย่างไร?”
แรกเริ่มเดิมทีไม่ต้อนรับขับสู้ มายามนี้ทั้งพึ่งพิงทั้งเชื่อใจ ภายในใจของอวี๋ฝูหลิงเห็นอวี๋เจียวเป็คนครอบครัวรองของนาง เป็น้องสะใภ้ของนางแล้ว! เมื่อมีอวี๋เจียวอยู่ ภายหน้านางจึงจะออกเรือนได้อย่างวางใจ
เมื่อเห็นอวี๋ฝูหลิงร้อนรนนัก ซ่งชุนจึงดึงนาง จากนั้นมองไปทางอวี๋เจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่หนูเมิ่ง ท่านย่าของเ้าบอกว่าเ้าจะไปแล้ว เ้าจะกลับบ้านเดิมหรือ?”
อวี๋เจียวปรายตามองสีหน้าร้อนใจของสตรีแซ่ซ่งและอวี่ฝูหลิง ลอบถอนใจ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ช่างเป็เื่น่าประหลาด เกิดเป็ความผูกพันโดยไม่ทันรู้ตัว
อวี๋เมิ่งซานเอนตัวพิงประตูห้อง เขาก้มหน้าลูบคลำขาเทียมด้านซ้ายที่ไร้ความรู้สึกอย่างเงียบเชียบครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงกล้ำกลืนว่า “แม่หนูเมิ่ง หากเ้าอยากไปก็ไปเถิด เ้ากับเจ๋อเกอเอ๋อร์ไม่ได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน อีกทั้งยังไม่ได้เป็สามีภรรยาทั้งในนามและการกระทำ หากภายหน้าแต่งงานกับผู้อื่นแล้วพวกเขาไม่เชื่อในความบริสุทธิ์ของเ้า ข้ากับท่านอาซ่งของเ้าจะเป็พยานให้เอง”
อวี๋หรูไห่ถลึงตาจ้องอวี๋เมิ่งซาน นึกขุ่นเคืองที่เขาไม่ช่วยทำให้สำเร็จก็ยังจะทำให้เสียเื่ เอ่ยตำหนิว่า “พูดจาเหลวไหล! ไม่ได้เป็สามีภรรยาทั้งในนามและการกระทำอะไรกัน ถึงแม้คนทั้งสองจะไม่ได้เข้าพิธี แต่คนในหมู่บ้านต่างก็รู้กันโดยทั่วว่าแม่หนูเมิ่งคือภรรยาของเ้าห้า จะให้แต่งงานกับผู้อื่นได้อย่างไร? ยังจะเอ่ยว่าบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์อะไร ใช่เื่ที่จะอธิบายให้ชัดเจนในไม่กี่ประโยคหรือ?”
เขาจ้องใบสัญญาในมือของอวี๋เจียว นึกอยากจะแย่งมาเสียประเดี๋ยวนั้นจึงยกยิ้มประจบ “แม่หนูเมิ่ง ถ้าเ้าอยากไปเป็หมอที่สำนักหุยชุน พวกเราจะไม่ขวางเ้า แต่ถึงอย่างไรเ้าก็เป็คนของสกุลอวี๋ของเรา จะจากไปอย่างไร้เยื่อใยไม่ได้”
อวี๋เจียวถือใบสัญญาไว้ในมือพลางชำเลืองมองเขาชั่วครู่ กวาดตามองสตรีแซ่อวี๋โจวแล้วหัวเราะเยาะ “คนสกุลอวี๋? พวกท่านเห็นข้าเป็คนสกุลอวี๋งั้นหรือ?”
อวี๋หรูไห่พลันใจฝ่อ รีบส่งสายตาให้สตรีแซ่อวี๋โจว สตรีแซ่อวี๋โจวทำได้เพียงเอ่ยโน้มน้าวเสียงเบาว่า “แม่หนูเมิ่ง แม้ข้าจะไม่ดีต่อเ้า แต่เ้าก็รู้ว่าสองสามีภรรยาครอบครัวรองปฏิบัติต่อเ้าอย่างไร เื่ในอดีตพวกเราไม่ต้องไปพูดถึงอีกแล้ว สิ่งที่ข้าทําผิด ภายหน้าข้าจะต้องแก้ไขให้ดีขึ้นแน่นอน”
อวี๋เจียวยิ้มบางเมื่อได้ยินวาจาเหล่านี้ นางลูบไล้ใบสัญญาในมือแล้วพูดขึ้นช้าๆ “หากอยากให้ข้าอยู่ในจวนสกุลอวี๋ต่อไปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ เพียงแต่ไม่อาจใช้วิธีรั้งข้าเช่นก่อนหน้านี้”
ครั้นเจียงชิงเหอได้ยินว่าอวี๋เจียวยังจะอยู่ต่อจึงรู้สึกผิดหวังอย่างไม่อาจเลี่ยง คิดจะเกลี้ยกล่อมนางก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม นางเป็เพียงแค่แม่นางน้อยผู้หนึ่ง หากไปจากจวนสกุลอวี๋ ข้างกายไม่มีคนคอยเป็ห่วงเป็ใยแม้แต่ผู้เดียว นางจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้จริงหรือ?
ทางด้านอวี๋หรูไห่ดวงตาทอประกาย รีบพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีว่า “จะให้รั้งอย่างไร? หากเ้ามีสิ่งใดไม่พอใจแค่เอ่ยออกมาเป็พอ”
อวี๋เจียววางใบสัญญาในมือลงบนโต๊ะแล้วดันไปทางอวี๋หรูไห่ อวี๋หรูไห่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เขาคว้าใบสัญญาขึ้นมาและกำลังจะสอดเข้าไปในแขนเสื้อ
อวี๋เจียวจดจ้องเขาอย่างแน่วแน่ แววตาคมกริบ อวี๋หรูไห่ชะงักความเคลื่อนไหว นางจึงค่อยเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน "ในเมื่อเป็คนครอบครัวเดียวกัน ยังจำเป็ต้องมีใบสัญญานี้อยู่อีกหรือ? อะไรกัน? ท่านผู้เฒ่ายังคิดจะใช้มันเพื่อบีบบังคับข้าในภายหน้างั้นหรือ?”
บนใบหน้าของอวี๋หรูไห่ฉายแววกระดากอาย นำใบสัญญากลับไปวางไว้บนโต๊ะด้วยท่าทางแข็งทื่อ อวี๋เจียวยังคงจับจ้องไปที่เขา อวี๋หรูไห่รีบกล่าวว่า “ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น แม่หนูเมิ่ง เ้าบอกมาสิว่าควรจะทำอย่างไรกับใบสัญญาซื้อขายตัวใบนี้?”
“ฉีกมันทิ้งไปเสีย” ริมฝีปากบางของอวี๋เจียวเอ่ยไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างเ็า
อวี๋หรูไห่นิ่งงัน เขามองใบสัญญาซื้อขายตัวบนโต๊ะอย่างไม่อาจหักใจ กล่าวกล้อมแกล้มว่า “นี่...นี่คงไม่ดีกระมัง?”
อวี๋เจียวเลิกคิ้ว ดวงตาเรียวหรี่ลง ในแววตาฉาบไปด้วยความเ็าสามส่วน “หรือท่านไม่อาจหักใจ? เช่นนั้นเท่ากับยังอยากใช้ใบสัญญาซื้อขายตัวใบนี้มาถ่วงรั้งข้าไว้?”
