เวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำ ทุกคนช่วยกันจัดการกับร่างของหมาป่าส่วนไหนกินได้ก็นำมากินส่วนข้าได้แต่มองเพราะหมาป่าทั้งเจ็ดตัวเคยได้คุยกันและเป็เหมือนสมุนของข้ามาก่อนทำให้ข้ากินเนื้อของเสือัและปลาหลีฮื้อหลงหลิงแทน
หลังจากเคลื่อนพลังไปกว่าหลายรอบพลังของเคล็ดวิชาาก็เพิ่มขึ้นจนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
สวบ สวบ...
ตอนนี้คนที่ได้รับาเ็อย่างไอลาก็เดินเข้ามาพร้อมกับแววตารู้สึกผิด“ปู้อี้เชวียน ข้าขอคุยอะไรกับเ้าหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ว่ามาสิ”ข้าพูดขึ้นโดยไม่ได้ขยับเพราะกำลังตั้งกระบวนท่าัพันศิลาอยู่
นางเม้มปากแน่นแล้วเงียบไปพักใหญ่ถึงจะพูดต่อ“สำหรับเื่เมื่อครั้งก่อนข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่ควรจะทำตัวเป็ศัตรูกับเ้าส่วนเื่วันนี้ข้าเองก็ต้องขอบใจเ้ามากจริงๆ...เพราะถ้าไม่ได้เ้ายื่นมือเข้ามาช่วยพวกข้าคงต้องตายด้วยน้ำมือของทหารพวกนั้นไปแล้ว”
“ไม่เป็ไรหรอก เพราะเป็สิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว”
“เ้า...ยังโกรธข้าอยู่หรือเปล่า?” นางถามขึ้น
“ไม่หรอกน่า เ้าวางใจได้ ข้าขอบำเพ็ญต่อแล้วกันนะ”
“อย่างนั้นข้าไม่รบกวนแล้วล่ะ”นางมองข้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกไปพร้อมกับความรู้สึกในใจก่อนจะนั่งลงบนขอนไม้ไม่ไกล
ส่วนอีกฝั่งคือฉื่อเสี่ยนที่นอนพักผ่อนอยู่บนพื้นหญ้า “เ้าหนุ่มข้าว่านางก็ดูไม่เลวเหมือนกันนี่ ผิวก็ขาวหน้าตาก็ดีนางอุตส่าห์แสดงออกขนาดนี้แล้วทำไมเ้าถึงปฏิเสธเสียล่ะ เ้าดูสิท่ามกลางป่าไม้อันเหน็บหนาวขนาดนี้มีคนให้นอนกอดย่อมดีกว่านอนหนาวคนเดียวไม่ใช่หรือไง?”
ข้าปรายตามองคนแก่ตัณหากลับพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น“ดูเหมือนว่าตอนท่านผู้าุโยังหนุ่มยังแน่นจะต้องมีสาวน้อยรุมล้อมไม่น้อยเลยสินะขอรับ!”
อยู่ๆเขาก็เงียบก่อนจะหันหลังให้ข้าพร้อมกับนอนกอดโสมโลหิตสามพันปีนั้นไว้แล้วพูดต่อ ไป“ไม่คุยกับพวกคนหนุ่มอย่างเ้าแล้วดีกว่า เพราะตอนนั้นข้าล้วนแต่ใช้เงินซื้อมาทั้งนั้น...”
“...”
…
เช้าวันต่อมาเราแยกกันโดยฉื่อเสี่ยนพาคนที่ได้รับาเ็อย่างเชวียนหยวนจิ้นหวังอี้และคนอื่นๆ นำไปก่อน ส่วนข้าพาทหารทั้งสามคนเดินตามหลังเพราะถึงอย่างไรข้าก็รับของมาแล้วจะไม่ดูแลหน่อยก็คงจะไม่ดี ส่วนฉื่อเสี่ยนก็คอยดูแลพวกเราตลอดจนออกมาจากหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่หกและเมื่อมาถึงชั้นที่เจ็ดเขาก็เดินทางล่วงหน้าไปก่อน
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยงตรงแสงแดดจัดๆก็ส่องลงมาจนเหงื่อเปียกท่วมตัว
ข้าถือกระบี่สยบัเดินนำทาง ซึ่งมันเป็อาวุธระดับเงินที่มีพลังไม่เท่าไรจึงกลายเป็มีดถางหญ้าเพื่อเปิดทางชั่วคราวจนสามพี่น้องนั่นมองมาอย่างเสียดาย
เดินไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นจากป่าด้านหน้าเหมือนมีคนกำลังสู้กันอย่างดุเดือด
“สังหารองครักษ์ทุกนาย!”
“ฮ่าๆๆในที่สุดเ้าแกะตัวนี้ก็มาอยู่ในกำมือของกองทหารอินทรีอย่างพวกเราสักทีครั้งนี้จะต้องเรียกเงินจากพ่อของมันได้อย่างงามแน่นอน ฮ่าๆๆ”
กองทหารเือินทรี?
ทหารสามพี่น้องที่อยู่ข้างหลังของข้ามีสายตาค่อนข้างสับสนราวกับว่าพวกเขาเจอคนช่วยชีวิต แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเจอสักเท่าไรเพราะยังมีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ถึงแม้ข้าจะอยู่ในขั้นเทวิญญาระดับต้นแต่ถ้าเจอเข้ากับพวกนายทหารธรรมดาก็สามารถเอาชนะได้อย่างไม่ต้องเสียแรงมากนักทั้งยังเป็ถึงน้องชายของเทพศาสตราวุธปู้เสีวยนยินที่สามารถทำให้กองทหารเือินทรีพังลงอย่างไม่เป็ท่าดังนั้นจะปล่อยข้าเอาไว้ก็ยุ่งยาก จะลงมือสังหารข้าก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ขนาดว่าฉื่อเสี่ยนโกรธเพราะศิษย์ของตัวเองถูกรังแกยังทำได้ถึงขนาดนี้แล้วถ้าปู้เสวียนยินต้องโกรธเพราะน้องชายของตัวเองถูกสังหารจะขนาดไหน...
ข้าหันหน้าไปมองสามคนนั้นก่อนจะพูดขึ้น“พวกเ้ารออยู่ที่นี่ห้ามไปไหน!ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่รับรองความปลอดภัยของพวกเ้านะ”
“ขอรับ ท่านจอมยุทธ์น้อยวางใจได้...”
“ฉลาดมาก”
ข้าะโขึ้นไปบนยอดไม้แล้วมองลงไปยังต้นเสียงที่อยู่ไม่ไกลป่าด้านหน้าเตียนราบเผยให้เห็นรอยเืกระจัดกระจายพร้อมกับศพที่นอนเกลี่ยนกลาดนับสิบกว่าศพและก็เป็อย่างที่คิดเมื่อคนพวกนั้นคือกองทหารเือินทรีที่กำลังล้อมวงจู่โจมคนที่ข้าคุ้นเคยดีอย่างกลุ่มของิไซว่นั่นเอง!
ตอนนี้องครักษ์ทุกนายของิไซว่ถูกสังหารจนเกือบหมดเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากศพของคนเ่าั้ส่วนคนที่มีการบำเพ็ญในขั้น์ระดับกลางก็มีรอยถูกแทงจนทะลุที่หน้าอกสองรูทั้งทั้งที่เืไหลนองออกมาแต่เขาก็ยังพยายามจะพูด “นายน้อย...ท่านหนีไปสิขอรับทำไมยังอยู่ที่นี่อีก!?”
แต่ิไซว่จะหนีไปได้อย่างไรในเมื่อพวกทหารเือินทรียังคงเหลืออยู่ถึงเจ็ดแปดคนที่ยังสามารถต่อสู้ต่อไปได้ซึ่งแต่ละคนก็อนู่ในขั้น์ระดับกลางกันทั้งนั้นพวกมันมองไปยังจุดกลางด้วยแววตาโเี้ก่อนจะมีคนหนึ่งกระโจนเข้าไปฟันร่างขององครักษ์นายสุดท้ายจนร่างขาดออกเป็สองท่อน!
ข้าขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะถึงแม้คนอย่างิไซว่จะมีนิสัยลูกคุณหนูและค่อนข้างสมองทึ่ม แต่เมื่อเขายอมสละหญ้าิญญาเพลิงให้ข้าย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาก็เป็คนจิตใจดีมากพอสมควรดังนั้นคนอย่างเขาไม่สมควรต้องมาตายที่นี่!
เมื่อเจอคนที่กำลังลำบาก ข้าก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ!
ข้าปักกระบี่สยบัไว้บนต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกางมือขวาเพื่อเรียกกระบี่คมจันทราออกมาพลังของาัคุนขั้นเซียนแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างแล้วะโพุ่งไปข้างหน้าและฟาดกระบี่ด้วยพลังของวายุสังหารใส่หนึ่งในทหารเือินทรีส่วนเข่าทั้งสองข้างก็กระแทกลงบนร่างของอีกคนจนเกิดเสียงแตกร้าวของกระดูกดังออกมา
“เ้าเป็ใคร!”
คนของกองทหารเือินทรีที่เหลือมองข้าด้วยแววตาดุดัน“เ้ากลายเป็ศัตรูกับกองทหารเือินทรีอย่างนั้นหรือ!”
ข้าไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่กวัดแกว่งกระบี่ออกไปด้วยพลังของวาตะสลาตันขั้นเซียนซัดเข้าไปยังร่างของทหารขั้น์อีกสามนายจนไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้พวกนั้นกลายเป็เพียงเศษเนื้อกระจายไปทั่วบริเวณ
ทหารอีกสองนายที่มีขั้นการบำเพ็ญต่ำที่สุดอย่างขั้นหลอมปราณอายุประมาณยี่สิบต้นๆมองดูเพื่อนคนอื่นๆ ถูกฆ่าตายด้วยใบหน้าอันซีดเผือด
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!?” ข้าไม่ได้กะจะลงมือพูดขึ้นเสียงดัง
เมื่อทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เองิไซว่ก็จำข้าได้พลางมองอย่างมีความสุข“เ้าคือขอทานคนนั้น? ทำไม...ทำไมเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?แล้วทำไมถึงปล่อยให้พวกนั้นหนีไปล่ะ ฆ่าพวกมันเลยสิ!”
ข้าส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้น “ข้ามาเพื่อช่วยเ้าไม่ได้มาเพื่อฆ่าใครและอีกอย่างสองคนนั้นก็ไม่มีร่องรอยของเืเลยสักนิดแสดงว่าเมื่อกี้ก็ไม่ได้ฆ่าคนของเ้าด้วยเหมือนกัน ข้าจึงปล่อยพวกมันไป”
ิไซว่ได้ยินแบบนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่เลว...ข้าต้องยอมรับจริงๆว่านอกจากเ้าจะฉลาดหลักแหลมแล้วยังมีคุณธรรมมากด้วยเหมือนกันวันนี้เ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ถ้าอย่างนั้น...ข้ายอมให้เ้าเป็พี่ใหญ่เลยเป็อย่างไร?”
ข้าส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้อง”
ให้ตายเถอะ ข้าไม่อยากมีน้องชายแบบนี้หรอกนะ!
ข้าะโขึ้นบนต้นไม้เพื่อดึงกระบี่สยบัออกมาแล้วกลับไปยังสามพี่น้องพวกเขายังฉลาดพอที่จะไม่หนีไปไหนเพราะถ้าไม่มีข้าคอยดูแลปกป้องต่อให้เป็หุบเขาชั้นที่เจ็ดก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี
“ไปกันเถอะ”
ข้าบอกกับสามคนนั้นแล้วหันกลับมาคุยกับิไซว่ “คุณชายิข้าจะปกป้องเ้าออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ต่างคนต่างไป”
ิไซว่ชะงักไปพักหนึ่งก่อนที่ร่างกายจะสั่นเทิ้มเล็กน้อย“การทำดีแบบไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนถือเป็การทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ข้าซึ้งใจยิ่งนักแต่ว่า...ท่านจะไม่เป็พี่ใหญ่ของข้าจริงๆ เหรอ?”
ข้าขมวดคิ้วเข้มก่อนจะบอก “เลิกพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว ข้าจะนำทางส่วนพวกเ้าก็เดินตามคืนนี้ต้องไปให้ถึงหุบเขาชั้นที่สิบ และพอพรุ่งนี้เช้าก็จะออกไปได้แล้วล่ะ”
“ได้...ได้เลย”
…
ข้าพาคนที่ไร้กำลังต่อสู้เดินทางกลับออกมาโดยระหว่างทางก็พบกับสัตว์ิญญาระดับสามและระดับสี่มากมาย แต่โชคดีที่ข้ามีพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมมากทำให้สัตว์เ่าั้ไม่คณนามือข้าเลยสักนิดเวลาล่วงเลยกระทั่งดึกพวกเราก็มาถึงหุบเขาชั้นที่สิบจึงหยุดพักเดินทางกันก่อนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง
กลางดึกก็ต้มเนื้อเสือัแบ่งๆ กันกินนอนไปได้สักพักฟ้าก็สางและเริ่มออกเดินทางกันต่อ!
เราออกมาจากหุบเขาก่อนเที่ยงและเมื่อเดินออกมาได้ทั้งสามพี่น้องก็มีสีหน้าดีอกดีใจจนออกนอกหน้าส่วนิไซว่ก็มีสีหน้าที่ดีใจไม่ต่างกันขนาดว่าลูกน้องตายเป็สิบคนก็ไม่เห็นว่าจะเสียใจสักนิด
ณ ประตูทางออก
“หยุด!”
นายทหารคุมประตูเดินเข้ามาขวางตรงหน้าก่อนจะมองสัมภาระถุงใหญ่ของข้าแล้วพูดขึ้น“ฮึๆ เ้าหนุ่ม ดูเหมือนเ้าจะได้ของกลับบ้านไปไม่น้อยเหมือนกันนี่ มาๆๆมาชั่งก่อน เพราะเ้าจะนำของออกไปได้ไม่เกินห้ากิโลกรัม”
ข้ายิ้มเล็กน้อย เพราะมั่นใจว่าข้านำของออกไปได้มากกว่านั้นแน่นอนเพราะก่อนที่ฉื่อเสี่ยนจะออกไปเขาได้บอกวิธีที่ช่วยให้ข้านำของออกไปได้ตาม้ามาก่อนแล้ว
ข้าล้วงเอาตราสัญลักษณ์สีทองอันหนึ่งออกมาจากหน้าอกแล้ววางมันลงบนโต๊ะเบาๆก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเกิดมีเ้านี่?”
นายทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งก้มลงมองตราสัญลักษณ์พลางมองข้าสลับกันแล้วพูดขึ้น“ท่าน...ท่านมีตราของเทพศาสตราวุธด้วยอย่างนั้นหรือ?...เชิญ เชิญขอรับจะนำของออกไปเท่าไรก็ได้ตามใจท่านเลยขอรับ”
“ขอบคุณมาก”
เวลาแบบนี้จะถ่อมตัวได้อย่างไรล่ะ?
พอเดินออกมาได้ไม่นานก็มีรถม้าจากเมืองหลิงหยุนจอดรออยู่และยังมีเกี้ยวที่อยู่รอพวกคนมีเงินด้วยนอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนที่สวมชุดอันสูงศักดิ์ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็ชายแก่ร่างท้วมหนักประมาณร้อยกว่ากิโลที่แค่ขยับก็เหมือนหมูป่าตัวั์กำลังเดินใกล้เข้ามา
“ท่านพ่อ!”
ิไซว่ที่อยู่ข้างข้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งเข้าหาอ้อมอกของชายแก่ร่างท้วมคนนั้นก่อนน้ำตาจะไหลพราก“ข้าเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งในหุบเขาแล้วท่านพ่อ!”
ชายแก่ทำหน้าใก่อนจะถามขึ้น “ไซว่เอ๋อร์ทำไมเหลือแค่เ้าคนเดียว พวกองครักษ์ล่ะ?”
“พวกเขาถูกคนของกองทหารเือินทรีฆ่าตายหมดแล้วขอรับ!”
“อะไรนะ?”
ชั่วพริบตาเดียวชายแก่ผู้นั้นก็เดือดดาลขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดขึ้น“คนของกองทหารเือินทรีกล้าทำร้ายคนของข้าอย่างนั้นเหรอ? แม**งเอ๊ยที่ข้าไม่ทำอะไรพวกมันจึงคิดว่าข้าเป็แมวป่าอย่างนั้นเหรอ!”
สามพี่น้องตระกูลเว่ยฉื่อที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีจึงรีบหายเข้าไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็วแบบไม่เห็นเงา
และในเวลานี้เองิไซว่ก็ชี้มายังข้าแล้วพูดขึ้น “ท่านพ่อท่านนี้เป็คนที่ช่วยชีวิตข้าไว้ และข้ายังนับถือให้เขาเป็พี่ใหญ่แล้วด้วยท่านว่าพี่ใหญ่เขาดูมีสง่าราศีดีหรือเปล่าขอรับ?”
พอได้ยินแบบนั้นพ่อของเขาก็รีบเดินเข้ามาพร้อมกับลูกสมุนอีกหลายคนก่อนจะโค้งตัวคารวะข้า“ข้าคือพ่อของิไซว่ นายใหญ่แห่งตระกูลิในดินแดนกาฬวาตนามว่าิฉายขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตลูกชายคนเดียวของข้าซึ่งจะเป็ทายาทของตระกูลคนต่อไปของข้าเอาไว้การที่ท่านจอมยุทธ์ช่วยชีวิตลูกของข้าไว้ถือเป็บุญคุณอันใหญ่หลวงยิ่งนัก ฉะนั้นขอเชิญท่านไปที่บ้านของตระกูลิกับพวกข้าได้หรือไม่ขอรับแล้วข้าจะจัดการเลี้ยงรับรองท่านเป็อย่างดี!”
ข้าส่ายหน้าก่อนจะบอกไป “ท่านไม่ต้องเกรงใจหรอกขอรับข้าก็แค่เห็นเขาอยู่ในอันตรายจึงถือโอกาสช่วยไว้เท่านั้นส่วนเื่เลี้ยงรับรองนั้นไม่เป็ไรจริงๆ ขอรับเพราะเดี๋ยวข้าก็ต้องเดินทางกลับเมืองหลินเสี่ยเฉิงแล้วล่ะ”
“พวกข้าก็จะไปทางนั้นพอดีเลย ไปด้วยกันดีไหมขอรับ?”
“...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้