“บังอาจนัก!” เสียงะโดังสนั่นจนทำให้พื้นดินสั่นะเื ลมปราณอันเกรี้ยวกราดได้ะเิออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลกำลังพวยพุ่งลงมากดทับพวกเขา คนคนนั้นเป็ใครกัน??? ทำไมถึงมีลมปราณที่แข็งแกร่งเช่นนี้
เมื่อเห็นหลินเฟิงถูกโยนเข้าไปในหมอกสีดำ นกกระเรียนก็ได้กลายเป็ลำแสงพุ่งลงมา ประกายแสงเจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้าประหนึ่งดาวตกพุ่งไปยังฝูงสัตว์อสูร
ดูเหมือนว่าพวกสัตว์อสูรจะรู้สึกได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามที่กำลังเข้ามาใกล้ ทำให้สัตว์อสูรปีศาจเ่าั้เริ่มกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าหมอกมายาที่อยู่ตรงกลางฝูงสัตว์อสูรกลับยืดหนวดออกมา มันพุ่งไปรับร่างของหลินเฟิงที่ลอยมาจากทางด้านหน้า เพื่อดึงเข้ามาในหมอก จากนั้นก็รีบม้วนตัวเตรียมหนีออกไป
สัตว์อสูรระดับจิติญญาไม่เพียงแค่สามารถดูดซับหยวนชี่ฟ้าดินได้เท่านั้น แต่ยังมีไหวพริบด้วยเช่นกัน เมื่อมันรู้สึกได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามของนกกระเรียนที่กำลังพุ่งเข้ามา มันก็รีบถอยทันที
เมื่อปีกของนกกระเรียนสะบัดครั้งหนึ่งก็กลายเป็ใบมีดสีเงินอันคมกริบ จากนั้นก็ฟันไปทางฝูงสัตว์อสูรปีศาจด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เหล่าสัตว์อสูรปีศาจพากันหนีตายกันจ้าละหวั่น
ฝูงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ไม่สามารถต้านทานมนุษย์ที่มาใหม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็เ้าของจิติญญานกกระเรียนมีพลังแข็งแกร่งเกินจินตนาการ
ในขณะเดียวกันฝูงสัตว์อสูรก็ได้ถูกทำลาย ส่วนหมอกสีดำกระจายตัวกลายเป็กลุ่มหมอกสีเทาเล็กๆ ลอยไปตามสายลม เช่นเดียวกับร่างของหลินเฟิงที่หายสาบสูญไป
“สัตว์อสูรลึกลับนั่น มันจะต้องเป็สัตว์อสูรกลายพันธุ์แน่ๆ”
เมื่อฝูงชนเห็นฉากที่สัตว์อสูรปีศาจลึกลับได้กลายเป็หมอกควันน้อยใหญ่ ก็รู้เลยว่ามันไม่มีร่างกายที่แท้จริง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังก็ยากจะจับมันได้
นกกระเรียนกระพือปีกอย่างรวดเร็วจนสร้างพายุขนาดย่อมขึ้นมา พัดร่างของศิษย์สายนอกระดับต่ำหลายคนกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้น พวกเขาเห็นเพียงเงาร่างของนกกระเรียนที่พุ่งผ่านหน้า เพื่อไล่ตามหมอกสีดำเข้าไปในหุบเขาเฮยเฟิง ทุกๆ ที่ที่นกกระเรียนบินผ่านได้ก่อให้เกิดซากศพสัตว์อสูรปีศาจเป็จำนวนมาก
แข็งแกร่ง เป็พลังที่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนหายใจไม่ทั่วท้อง!
ตอนที่คุณชายต้าเผิงมาหาเื่ถึงนิกาย ถึงแม้ว่าคุณชายต้าเผิงจะจิติญญานกเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับนกกระเรียนเมื่อครู่นี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวมาก
หลายคนล้วนรู้สึกตื่นเต้น เพราะพวกเขาได้เห็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนี้ลงมือเป็ครั้งแรก ซึ่งในใจก็แอบสงสัยอยู่ว่าคนคนนี้เป็ใครกัน และทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่มีสัตว์อสูรปีศาจตัวไหนกล้าต่อกรกับเขาเลย
“นิกายหยุนไห่ของพวกเราดำรงอยู่มาตั้งพันๆ ปี ในสมัยที่รุ่งเรืองนั้น ย่อมมีผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจหลบซ่อนตัวอยู่เป็จำนวนมาก”
ในดวงตาของทุกคนล้วนมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา พวกเขาต่างหวังว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนั้น
ในตอนนั้นเองได้มีบุคคลอีกสองคนกำลังลอยอยู่กลางอากาศ และพุ่งทะยานเข้ามา สองคนนั้นก็คือประมุขหนานกงหลิงและม่อชั่งหลัน
“มันเกิดอะไรขึ้น?” เมื่อร่างของหนานกงหลิงตกลงมาถึงพื้น ก็เอ่ยปากถามม่อเสียที่อยู่ด้านหน้าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผู้าุโม่อเสียจงใจทำร้ายศิษย์สายนอกของนิกาย และโยนเขาเข้าไปในปากของสัตว์อสูร” ม่อเสียยังไม่ทันได้เปิดปากพูด หลิ่วเฟยก็แย่งพูดขึ้นมาแทน ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชังรุนแรง
ถึงแม้ว่าหลิ่วเฟยจะเกลียดหลินเฟิง แต่นางก็หวังว่าตัวเองจะกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาได้ด้วยพลังของนางเอง และนางก็ไม่อยากให้หลินเฟิงต้องมาตายอย่างไม่เป็ธรรมเช่นนี้ พร์ของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่านางมาก ซึ่งเขาอาจจะกลายเป็เสาหลักของนิกายในอนาคตก็ได้ หลิ่วเฟยรู้สึกเสียใจที่เห็นผู้าุโของนิกายตัวเองจงใจสังหารหลินเฟิงเช่นนี้
“เรียนท่านประมุข มีศิษย์สายนอกคนหนึ่งไม่ยอมล่าสัตว์อสูรปีศาจด้วยตัวเอง มิหนำซ้ำยังหน้าด้านมาขโมยแกนอสูรที่ศิษย์คนอื่นๆ ล่ามาได้ ทั้งยังหนีจากการต่อสู้ในยามคับขันอีก ศิษย์คนนี้สมควรตายแล้ว” ม่อเสียไม่ยอมรับความผิด ทั้งยังยัดข้อกล่าวหาให้กับหลินเฟิงอีกต่างหาก ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับว่าใครกันแน่ที่หน้าด้าน!!!
“ศิษย์คนนี้สมควรตาย?! ดี วันนี้เ้าก็ตายตามเขาไปซะ!!!”
น้ำเสียงอันเย็นะเืตะคอกออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พายุที่รุนแรงพลันปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ฝูงชนถอยหนีกันจ้าละหวั่น และไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง
สีหน้าของม่อเสียพลันเปลี่ยนไป เขารีบปลดปล่อยลมปราณออกมาปกคลุมร่างอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นลำแสงอันทรงพลังพุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง
“ตูม!!!”
ร่างของม่อเสียกระเด็นไปชนกับูเาทางด้านหลังอย่างจังจนหิน้าถล่มลงมา ม่อเสียกระอักเืออกมา เห็นได้ชัดว่าพลังโจมตีนี้รุนแรงมากขนาดไหน
ผู้าุโสายในม่อเสียถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวก็กระอักเืออกมาราวกับปางตาย และเมื่อบิดาของม่อเสียเห็นเหตุการณ์นี้ก็รีบถลันตัวเข้ามาขวางไว้
ฝูงชนรู้สึกว่าฉากนี้เป็เหมือนละคร และยังเป็ละครที่หลายๆ คนยากจะเชื่ออีกด้วย
เมื่อลองมองชายชราคนนี้อย่างละเอียด หลายคนก็สามารถจำชายชราคนนี้ได้ทันที
“เป็เขา ยามแก่ของหอซิงเฉินคนนั้น”
ในใจของทุกคนต่างสั่นไหวขึ้นมา ในฐานะศิษย์ของนิกาย ถ้าจะบอกว่าสถานที่ที่ทุกคนล้วนไปบ่อยที่สุดรองจากที่พัก ก็คงจะเป็หอซิงเฉิน ดังนั้นจึงไม่มีใครที่ไม่รู้จักผู้าุโเป่ย
เมื่อก่อนมักจะเห็นผู้าุโเป่ยนั่งแกร่วอยู่กับที่ด้วยท่าทางเกียจคร้าน แต่ใครจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขากลับทรงพลังเป็อย่างมาก
ั์ตาของผู้าุโเป่ยตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาก้าวไปหาม่อเสียอย่างช้าๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เ็าว่า “เ้าเป็ถึงผู้าุโของนิกาย แต่กลับฝ่าฝืนกฎ ทำร้ายศิษย์รุ่นน้องในนิกายของตัวเอง หากไม่ฆ่าเ้าตรงนี้ เื่บัดซบนี้จะต้องแพร่กระจายไปทั่วนิกายอย่างแน่นอน”
สีหน้าของม่อเสียพลันซีดขาวขึ้นมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่สังหารศิษย์สายนอกคนหนึ่งจะทำให้ชะตาชีวิตของตัวเองถึงฆาตแบบนี้
ทันใดนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่ด้านหน้าของม่อเสีย เป็ม่อชั่งหลันนั่นเอง
“ผู้าุโเป่ย ท่านทำเกินไปแล้ว”
“เกินไป? ม่อชั่งหลัน เ้าสั่งสอนบุตรชายของตัวเองออกมาได้เลวจริงๆ” ผู้าุโเป่ยกล่าวอย่างเ็า ก่อนจะตะคอกใส่ม่อชั่งหลันอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ไสหัวไปซะ!”
“ผู้าุโเป่ย เหตุใดท่านถึงโมโหเช่นนี้?” หนานกงหลิงถลาเข้ามาขวางหน้า พลางกล่าวเกลี้ยกล่อมผู้าุโเป่ย
แน่นอนว่าหนานกงหลิงย่อมรู้ดีว่า ม่อเสียเป็คนแบบไหน แต่ม่อเสียมีค่ามาก สำหรับนิกายหยุนไห่ และยังมีม่อชั่งหลันอีก ความแข็งแกร่งของเขายอดเยี่ยมที่สุดในนิกายหยุนไห่ นอกจากนี้เขายังเป็ผู้คุมกฎของนิกายอีกด้วย ซึ่งม่อชั่งหลันทุ่มเทเพื่อนิกายหยุนไห่มาโดยตลอด หากม่อเสียเป็อะไรขึ้นมา ก็อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในนิกายขึ้น
“ท่านประมุขกรุณาหลีกไป วันนี้ข้าจะทำให้นิกายมันน่าอยู่ยิ่งขึ้น” ผู้าุโเป่ยหาได้ฟังไม่ หลินเฟิงคือคนที่ถูกเลือกมาเป็ผู้ฟื้นฟูนิกายให้กลับมารุ่งเรือง แต่บุคคลที่ถูกเลือกคนนั้นกลับถูกผู้าุโม่อเสียจับโยนเข้าไปในปากของสัตว์อสูรปีศาจ?!
“ผู้าุโเป่ย!!!” หนานกงหลิงะโออกมา เพื่อดึงสติของผู้าุโเป่ย
“ม่อเสียเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว เขาเป็คนสำคัญของนิกาย ข้าหวังว่าผู้าุโเป่ยจะเข้าใจ” หนานกงหลิงกล่าวกับผู้าุโเป่ย
“คนสำคัญของนิกายหรือ?” บนใบหน้าของผู้าุโเป่ยเผยรอยยิ้มคลุมเครือออกมา เหอะ!!! คนสำคัญของนิกาย ถูกไอ้สารเลวม่อเสียฆ่าตายไปแล้ว!!!
“หนานกง เ้ารู้ไหมว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็ใคร?”
ผู้าุโเป่ยไม่ได้เรียกเขาว่าท่านประมุขอีกต่อไป แต่เป็หนานกงแทน อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังเปลี่ยนไปจากเดิม
หนานกงหลิงรู้สึกมึนงง เห็นได้ชัดว่าเขาจำหลินเฟิงไม่ได้
“หากวันนี้ไอ้เฒ่ายังอยู่ที่นี่ ป่านนี้ม่อเสียได้ตายไปแล้ว” ผู้าุโเป่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเ็ป “คนสำคัญของนิกายหรือ หึ! หนานกง หลังจากที่เ้าได้ขึ้นเป็ประมุขแล้ว สติปัญญาของเ้าก็ลดน้อยลงไปจริงๆ”
เมื่อพูดจบ ทันใดนั้นก็มีปีกนกกระเรียนปรากฏขึ้นมาด้านหลังของผู้าุโเป่ย จากนั้นร่างของผู้าุโเป่ยก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และหายลับเข้าไปในกลุ่มเมฆ
“ผู้าุโคง” หนานกงหลิงพลันนึกถึงชายชราที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดขึ้นมา ทันใดนั้นร่างของเขาก็สั่นเทา ก่อนหน้านี้ที่จิติญญาแห่งเงาได้ปรากฏตัวขึ้นก็คือตอนที่เด็กที่ชื่อว่าหลินเฟิงได้พบเจอกับอันตราย และก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อยก็มีเสียงกลองจงกู่ดังขึ้นมา
“ตูม!!!” สมองของหนานกงหลิงพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาปรากฏจิตสังหารขึ้นมา เขากู่ร้องอย่างเกี้ยวกราดว่า
“ไอ้ม่อเสีย!!!”
ร่างกายของม่อชั่งหลันสั่นไหวขึ้นมา เขารู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่มาจากตัวของท่านประมุข เมื่อครู่นี้ผู้าุโเป่ยได้กล่าวอะไรกับท่านประมุขกันนะ?
ม่อชั่งหลันกวาดสายตามองไปที่ม่อเสียอย่างเ็า ช่างเป็บุตรชายที่โง่เขลานัก นับวันสมองยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ มีเพียงแค่ความหยาบคายและความไร้ยางอายเท่านั้นที่พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ยังชอบทำตามใจตัวเองอีกด้วย
…
ร่างกายของหลินเฟิงถูกหมอกสีดำล้อมรอบ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ในอากาศ ไม่รู้ว่ามันจะพาเขาลอยไปที่ไหน
กลิ่นอายอันเย็นเยือกกำลังกัดกร่อนร่างกายของหลินเฟิง และค่อยๆ ซึมเข้าไปในร่างของเขาช้าๆ ถึงแม้ว่าหลินเฟิง้าจะตอบโต้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบโต้อย่างไรดี?!
หลินเฟิงตระหนักว่า ความแข็งแกร่งของเขานั้นมันอ่อนแอสิ้นดี
หลินเฟิงก็ไม่คิดจะนอนรอความตายอยู่เฉยๆ ตอนนี้เขาได้ปลดปล่อยจิติญญาทั้งหมดของตัวเองออกมา ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็ดูลึกล้ำราวกับก้นเหวที่ไร้ก้นบึ้ง แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
“์?!”
หลินเฟิงพึมพำกับตัวเองเบาๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อเห็นั์ตาอันเย็นะเืของสัตว์อสูรปีศาจ และดวงตาคู่นั้นได้จ้องมองมาที่เขาราวกับสายตาของนักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
“หรือว่านี่คือ? ร่างกายที่แท้จริงของสัตว์อสูรปีศาจ” หลินเฟิงไม่เพียงแค่เห็นดวงตาคู่นั้น แต่ยังเห็นใบหน้าขนาดั์ที่ดำมืด ซึ่งดูดุร้ายและน่ากลัวของมันอีกด้วย
ทันใดนั้นก็มีหนวดจำนวนมากมาย ผุดออกมาจากเงามืดและยืดมาทางเขาราวกับจะกลืนกินหลินเฟิงเข้าไปทั้งตัว ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็ยื่นหนวดไปทางจิติญญาของหลินเฟิง เพื่อที่จะกลืนกินจิติญญาแห่ง์และจิติญญางูน้อยเช่นกัน
หลินเฟิงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และรับรู้ชะตากรรมของตัวเองว่ากำลังถูกมันกลืนกินอย่างช้าๆ
และในตอนนั้นเอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น
แต่ไหนแต่ไรมา จิติญญางูน้อยนั่นก็ไม่เคยเคลื่อนไหวแม้แต่ครั้งเดียว แต่จู่ๆ ตอนนี้มันก็เคลื่อนไหวขึ้นมา!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้