Chapter 11
“เอาข้าวผัดกุ้งไม่ใส่มะเขือเทศครับ”
“ไม่ใส่มะเขือเทศนะคะ ? ”
“ครับ”
ใกล้ละสายตาจากพนักงานสาวที่ก้มหน้าจดเมนูอาหารใส่กระดาษแผ่นเล็ก ๆ หลังจากทวนถามเขาจนมั่นใจแล้ว คนตรงหน้าที่จ้องมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าจริงจังคงลืมว่าตัวเองยังไม่ได้สั่งอาหารถึงได้พรมนิ้วบนหน้าจอแก้วไม่หยุด ใกล้ไม่อยากรบกวนพันลี้ที่ดูเคร่งเครียดสักเท่าไหร่ แต่เพราะพนักงานสาวมองเขาสลับกับเ้าตัวคล้ายกำลังขอให้ช่วยถามอีกคนให้หน่อย
ใกล้จึงต้องเอ่ยถาม “พันลี้ครับ...กินอะไรดี ? ”
“ลี้เอาเหมือนคุณใกล้เลย ~” ตอบทั้งที่ดวงตายังจ้องมองจอแก้วอยู่อย่างนั้น สีหน้าของเ้าตัวดูไม่ค่อยสบายใจ แต่น้ำเสียงกลับร่าเริงเหมือนเดิม
“เอาเหมือนเดิมอีกหนึ่งที่ครับ”
“ได้ค่ะ...รับน้ำอะไรดีคะ ? ”
“เอาน้ำเปล่า...” ใกล้มองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง ทว่าพันลี้ยังไม่ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์เลย เขาจึงตัดสินใจเลือกแทนเ้าตัว “…เอาน้ำเปล่าหนึ่งขวด แล้วก็น้ำแข็งสองแก้วครับ”
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ครับ” พูดพลางส่งเมนูอาหารคืนให้พนักงานสาวที่เตรียมเดินกลับไปส่งเมนูที่เคาน์เตอร์
ใกล้นั่งนิ่งไม่ส่งเสียงรบกวนคนที่กำลังเคร่งเครียดกับอะไรบางอย่าง พันลี้พาเขามากินข้าวที่ร้านอาหารของแม่รุ่นพี่ที่ชื่อ ‘เฮีย’ ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากสนามฟุตบอลหมายเลขหนึ่งพอสมควร เพราะคุณพระจันทร์เลือกโต๊ะติดกระจกจึงทำให้เขาได้กวาดสายตามองไปโดยรอบอีกครั้ง ใกล้ขอยกให้พื้นที่กว้างใหญ่ที่มีสนามฟุตบอลหญ้าเทียมถึงสี่สนาม มีสนามแบดมินตันหนึ่งสนาม มีสระน้ำเกลือที่อยู่ด้านหลังห้องอาบน้ำ และมีห้องฟิตเนส เป็อณาจักรของคนรักกีฬา
ใกล้เชื่อว่าถ้าใครได้มาที่นี่คงจะประทับใจไม่น้อย เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หากหิวก็สามารถมาที่ร้านนี้ได้ เมื่อกี้พันลี้บอกว่าเป็ธุรกิจครอบครัวของรุ่นพี่ เพราะบ้านนี้ชอบเล่นกีฬามาก จึงผันตัวจากเ้าของตลาดมาทำสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแล้วต่อยอดทำอย่างอื่นด้วย
ธุรกิจนี้น่าสนใจไม่เบาเลย
แต่ไม่ว่าจะทำอะไร...ทุกอย่างควรเกิดขึ้นจากคำว่า ‘รัก’
เพราะต่อให้เราเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน…
คำว่า ‘ท้อถอย’ จะถูกเปลี่ยนเป็คำว่า ‘ลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง’
“ครับพี่พี...ลี้อ่านในไลน์กลุ่มหมดแล้ว”
“...”
“ปัญหามันอยู่ที่ชนิดของผ้าครับ จากที่ไอ้เอฟมันเล่าให้ฟัง ลี้ว่าทางร้านจดรายละเอียดผิดไป งานมันเลยออกมาไม่ตรงตามที่เรา้า”
“...”
“น่าจะใช่ครับ...เอาแบบนี้ เดี๋ยวคืนนี้ลี้ไปหาพี่ที่บ้าน เราจะได้ช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหายังไง”
“…”
“ไม่รบกวนครับ ตอนดึก ๆ ลี้ว่างอยู่ แต่ถ้าเป็ตอนนี้ไม่ว่างเลย”
“…”
“ดึก ๆ พี่ยังไม่นอนใช่ไหมล่ะ ? ”
“…”
“โอเคครับ ไว้เจอกัน” คนที่เพิ่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ลี้ปล่อยให้คุณใกล้นั่งเหงานานเลย ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็ไรเลย เราไม่เหงาสักนิด”
“พอดีงานของลี้มีปัญหานิดหน่อย เพื่อนกับรุ่นพี่ที่เป็หุ้นส่วนเลยขอคำปรึกษากันในไลน์”
“อ๋อ....” ตอนแรกใกล้เดาว่างานที่มหา’ ลัยมีปัญหา แต่ถ้าพันลี้พูดแบบนี้ ใกล้คิดว่าคงเป็ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธุรกิจส่วนตัวของคุณพระจันทร์แน่ ๆ แต่เขาก็ไม่กล้าถามมากไปกว่านี้หรอก เดี๋ยวจะก้าวล้ำความเป็ส่วนตัวจนเกินไป เขาอยากให้เ้าตัวเป็ฝ่ายเล่าให้ฟังเองมากกว่า “…แต่ตอนนี้พันลี้เครียดน้อยลงแล้วเนอะ”
“ค่ะ...แต่ก็ยังเหนื่อย ๆ อยู่เลย อาทิตย์นี้งานที่มอก็เยอะ งานส่วนตัวของตัวเองก็มีปัญหา...” คนที่พูดเสียงแ่คล้ายจะหมดแรงทำหน้าตาเศร้าสร้อย ทว่าแววตากลับดูเ้าเล่ห์ คุณพระจันทร์ใช้มือเลื่อนจานเปล่าให้หลบไปอยู่อีกมุม ก่อนจะฟุบหน้าลงแล้วตะแคงแนบกับโต๊ะ มือหนาข้างหนึ่งเคลื่อนมาจับมือเขาไว้แล้วดึงไปไว้ตรงหน้าของเ้าตัว ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดที่หลังมือของใกล้เบา ๆ “...ลี้เหนื่อยมากเลยค่ะคุณใกล้”
ใกล้อดยิ้มไม่ได้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคุณพระจันทร์จะขี้อ้อนขนาดนี้ และไม่รู้ว่าตอนที่เ้าตัวรู้สึกเหนื่อยแบบนี้ คุณพระจันทร์จะอ้อนขอกำลังใจกับทุกคนหรือเปล่า
แต่เมื่อเห็นคนที่ตะแคงใบหน้าแนบไปกับโต๊ะหลับตาพลางบีบมือเขาเบา ๆ คล้ายกำลังรอให้เขาพูดปลอบใจคนที่เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์
ใกล้จึงรู้ว่า...
เวลาที่เราเหนื่อยมากขนาดนี้
เวลาที่เราแทบจะไม่มีแรงเหลืออยู่
เวลานี้...คงไม่ใช่ทุกคนที่จะเติมพลังให้เราได้
คงมีแค่บางคนเท่านั้นแหละ...ที่เป็กำลังใจสำคัญ
มือเรียวข้างที่ว่างอยู่เคลื่อนไปลูบที่เรือนผมสีบลอนด์ทอง ใกล้เห็นคนขี้อ้อนแอบอมยิ้มขณะหลับตา เ้าตัวเอานิ้วหัวแม่มือเกลี่ยบนหลังมือเขาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงผะแ่
“คุณคนใจดี...”
ใกล้ไม่รู้ว่าตอนนี้พันลี้ให้ความสำคัญกับเขาแค่ไหน เพราะเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานนัก แต่สิ่งเดียวที่ใกล้รู้คือ...ั้แ่ที่เราได้ใกล้ชิดกัน พันลี้ยังเป็คุณคนใจดีไม่เปลี่ยนแปลง
แม้สิ่งที่เจอมาในอดีตจะย้ำเตือนให้ใกล้คอยระวังคนใจดีที่พยายามทำดีกับเขามาก ๆ แต่เพราะคนใจดีคนนี้คือ ‘พันลี้’ และเพราะทุกการกระทำและคำพูดของพันลี้ทำให้เขาััได้ถึงคำว่า ‘จริงใจ’ ใกล้จึงปล่อยใจโดยไม่ระวังตัว เขาเคยเจอคนที่แสร้งทำดีด้วยมาเยอะแล้ว ใกล้เลยคิดว่าตัวเองพอจะรู้ได้ว่าใครจริงใจและไม่จริงใจด้วย
ใกล้ไม่ได้เอาเื่ราวและประสบการณ์ในอดีตมาทำให้ตัวเองเป็คนที่ปิดกั้น แต่เขาเอามันมาช่วยคัดกรองคนดี ๆ เข้ามาอยู่ในชีวิต หากครั้งนี้จะยอมปล่อยใจคิดเข้าข้างตัวเองอีกสักครั้ง และหากจะต้องผิดหวังจนเจ็บเจียนตายมากกว่าครั้งที่แล้ว…
ไม่สิ...เพราะครั้งนี้คนที่เขารักเป็ ‘พันลี้’
ใกล้เชื่อว่าตัวเองจะห่างไกลจากคำว่า ‘เ็ป’
ไม่ใช่เพราะใกล้เชื่อว่าคุณพระจันทร์จะไม่ทำให้เขาเจ็บ แต่เพราะใกล้เชื่อว่าตัวเองจะรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์ของเราได้ดีกว่าครั้งที่ผ่านมา บทเรียนต่าง ๆ ทำให้ใกล้รู้ว่าควรทำอะไร และรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะเดินเคียงข้างพันลี้ได้อย่างมั่นคง
แต่มีอีกหนึ่งสิ่งที่ใกล้เชื่อ...หลังจากรู้จักกับพันลี้
ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น...
ไม่ว่าพันลี้จะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เก็บซ่อนอยู่ภายในใจของเขาหรือไม่ก็ตาม
พันลี้จะยังเป็ ‘ดวงจันทร์ดวงเดิม’ ของใกล้ใจเสมอ
ใกล้จะไม่ถูกทิ้งให้เคว้งคว้างอยู่ในจักรวาลที่กว้างใหญ่เพียงคนเดียว…
“เราเป็กำลังใจให้พันลี้เสมอเลยนะ”
คนที่ยังคงแนบใบหน้าไปกับโต๊ะแล้วลูบมือเขาเล่นอยู่คลี่ยิ้มบางเบา ก่อนเอ่ย “ขอบคุณนะคะ”
ใกล้ก็ขอบคุณ...ที่ภายในร้านนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพนักงานที่สนใจแต่โทรศัพท์เครื่องสีขาวของตัวเองมากกว่าเราสองคน เพราะถ้ามีลูกค้าคนอื่นอยู่ด้วย คุณพระจันทร์คงไม่กล้าอ้อนเขาแบบนี้ และใกล้คงไม่มีโอกาสได้ปลดล็อกความรู้สึกของตัวเองให้กล้าคาดหวังมากกว่าเดิม เขาอยากขอบคุณทุก่เวลาในวันนี้ที่ทำให้...
ใกล้ได้ก้าวเข้าไปใกล้คุณพระจันทร์มากขึ้น
และทำให้เชื่อว่า...สักวัน ‘.ใกล้ใจจะได้อยู่เคียงจันทร์’
เมื่อใกล้เห็นพนักงานสาวถือถาดอาหารที่มีข้าวผัดกุ้งควันลอยคลุ้งกับแก้วน้ำแข็งและขวดน้ำเปล่าเดินมาทางโต๊ะของเรา เขาจึงขยับมือข้างที่ถูกอีกคนกุมไว้เบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณบอก และคุณพระจันทร์ก็เป็คนฉลาด เ้าตัวถึงได้ปล่อยมือแล้วนั่งหลังตรง
“ข้าวผัดกุ้งค่ะ”
“ครับ” ใกล้พยักหน้ารับขณะมองจานข้าวผัดกุ้งไม่ใส่มะเขือเทศทั้งสองจานวางลงตรงหน้าเราสองคน ก่อนที่พนักงานจะเอาแก้วน้ำแข็งมาวางข้างจานแล้วเทน้ำให้ ใกล้พยักหน้าอีกครั้งเป็เชิงขอบคุณพนักงานสาว ก่อนเอ่ย “ขอบคุณครับ”
พนักงานสาวยิ้มรับก่อนเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิม เขามองจานข้าวผัดที่เหมือนกันไม่มีผิด ทว่าในวินาทีถัดมาเ้าของจานข้าวผัดกุ้งไม่ใส่มะเขือเทศที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากำลังสร้างความแตกต่าง คุณพระจันทร์ใช้ช้อนตักกุ้งจำนวนห้าตัวที่มีอยู่ในจานของตัวเองมาใส่ในจานของเขา
เท่ากับตอนนี้...ในจานของใกล้มีกุ้งถึงสิบตัวเลยนะ
“พะ พันลี้...ถึงเราจะชอบกินกุ้งมาก แต่พันลี้ไม่ต้องแบ่งให้เราหรอก เอากุ้งไว้กินเองบ้างเถอะ…” ใกล้ว่าพลางจะตักกุ้งคืนให้อีกคน แต่พันลี้มองเขาด้วยสายตาจริงจังก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่เอาค่ะ คุณใกล้กินเลย ไม่ต้องห่วงลี้หรอก”
“เรา...” ไม่รู้เป็เพราะแววตาจริงจังหรือเพราะกุ้งสิบตัวที่ทำให้ใกล้รู้สึกลังเลที่จะพูดบางประโยคออกไป “...เราเกรงใจน่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ...ลี้ตั้งใจสั่งเมนูเดียวกับคุณใกล้ั้แ่แรกแล้ว”
“…”
“เพราะลี้ตั้งใจว่าถ้าคุณใกล้สั่งเมนูที่มีกุ้ง ลี้จะเอากุ้งในจานตัวเองให้คุณใกล้...คุณใกล้จะได้กินของโปรดเยอะ ๆ ”
ใกล้อมยิ้ม “…”
“อะไรที่อีกฝ่ายทำให้ด้วยความเต็มใจ...คุณใกล้ไม่ต้องรู้สึกไม่ดีหรือเกรงใจนะคะ...” คุณพระจันทร์ส่งยิ้มให้เขา ก่อนเอ่ยต่อ “…แค่ตั้งใจรับไว้ก็พอ”
“...”
“ตกลงไหมคะ ? ”
ใกล้พยักหน้ารับหงึกหงัก “อื้อ”
เ้าของรอยยิ้มสดใสที่แสงสว่างจากพระอาทิตย์ยังสู้ไม่ได้ละสายตาจากเขาแล้วก้มหน้ากินข้าว ใกล้ที่กล้าก้าวเข้าไปใกล้คุณพระจันทร์อีกนิดมองเ้าตัวพลางคิดว่า...
คนที่ได้คุณพระจันทร์ไปเป็คนรักในอนาคตคงโชคดีน่าดู
เพราะคุณพระจันทร์ทั้งสุภาพ น่ารัก และเอาใจใส่คนอื่นเสมอ
แต่เป็ในวินาทีนี้ที่ใกล้คิดว่าตัดสินใจไม่ผิดที่ยอมปล่อยให้ตัวเองได้หวังอยู่คู่กับดวงจันทร์ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอดวงจันทร์ของตัวเอง เหมือนที่ใครบางคนมีท้องฟ้าเป็ของตัวเองนั่นแหละ
ในเมื่อเจอแล้ว...
ใกล้ใจก็ต้องสู้สักหน่อย
มันคงไม่ผิด...ถ้าตอนนี้ใกล้จะขอหวังมากขึ้นอีกสักนิด
ให้ตัวเองได้เป็คนโชคดีคนนั้น...
แม้การก้าวข้ามผ่านบางความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในใจจะเป็เื่ยากสำหรับเขา ใกล้ยอมรับว่ารู้สึกกลัวและเป็กังวลทุกครั้งที่นึกถึง แต่เขามักจะพูดประโยคนี้ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่อยู่ภายในจิตใจ
ใกล้ใจ...
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ...
การที่เรายังปล่อยให้ตัวเองหวาดกลัวอยู่กับเื่เดิม ๆ
การที่เรายอมถอยหลังทุกครั้งที่เื่ฝังใจบางเื่เริ่มก้าวเข้ามาใกล้เรา
นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด...เพราะมันจะไม่ปล่อยให้เราได้หลุดพ้นจากความกลัว
และประโยคเตือนสติตัวเองให้หลุดพ้นจากความกลัวมักจะได้ผลเสมอ เพราะตอนนี้ใกล้สลัดความกลัวที่จะผิดหวังออกไปได้นิดหนึ่งแล้ว แม้ความรู้สึกเหล่านี้จะมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ใกล้เชื่อว่าอีกไม่นานมันจะถูกลบเลือนหายไป
ทว่าในตอนนี้ใกล้กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ความหวังที่มีความเป็ไปได้เพียงแค่ 1% ของเขายังพอไปต่อได้ แน่นอนว่าถ้าอยากเป็คนโชคดีที่ได้อยู่เคียงคู่กับคุณพระจันทร์ก็ต้องสู้
แต่จะสู้ยังไงดีนะ...
ใกล้ที่กำลังตักข้าวใส่ปากพลางคิดหาวิธีสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งดวงจันทร์เลิกตาโตในตอนที่มีบางอย่างผุดขึ้นในหัว คนตัวเล็กเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ พร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับบางประโยคที่เพิ่งคิดออก
“เพราะพันลี้เป็คนนิสัยดีแบบนี้…” ใกล้สบตากับอีกคนที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมา “…เราอยากเอาคนนิสัยดีแบบพันลี้ไปเก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้านเลย”
เหมือนใกล้ได้ยินเสียงกองเชียร์ปรบมือดังระงม เพื่อเป็กำลังใจให้คนขี้อายอย่างเขาที่กล้าพูดประโยคนี้ ใกล้ต้องรุกเพื่อให้คุณพระจันทร์หวั่นไหวบ้าง และอีกคนที่นิ่งเงียบขณะสบตากับเขาทำให้รู้ว่า...
ใกล้ใจไม่ใช่ loser boy....
ที่เอาแต่เขินและหลบสายตาพันลี้อีกต่อไปแล้ว ใกล้ใจเก่งขึ้นเป็กองเลย
อีกหน่อยคงจะรุกคุณพระจันทร์ได้มากกว่านี้
และใกล้ใจอาจจะเป็ The winner
ที่ได้รางวัลเป็ The Moon มา
ทว่าคุณพระจันทร์ตอบกลับประโยคคำพูดของเขาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ พลางมองเขาแล้วกัดริมฝีปากล่างน้อย ๆ คล้ายมันเขี้ยว เ้าตัวคงไม่คิดว่าพี่การ์ดจะเล่าเื่นี้ให้เขาฟังแน่ ๆ
ตอนนี้ใกล้ใจเหมือนถือไพ่เหนือกว่าคุณพระจันทร์เลย
เพราะใกล้คงจะเอาจุดนี้มาทำให้อีกคนหวั่นไหวได้นิดหนึ่ง (มั้ง)
“ดีเลยค่ะ...เราจะได้อยู่ในตู้เซฟด้วยกันสองคน”
ทุกอย่าง...ผิดคาดไปหมด ประโยคหยอกล้อที่มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้กันในตอนนี้ ทำให้คนที่เพิ่งพ้นจากสถานะ loser boy วิ่งกลับไปท้วงสถานะเดิมของตัวเองแทบไม่ทัน ใกล้ปล่อยให้ไพ่ที่ถืออยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้นโดยไม่คิดจะก้มลงไปเก็บขึ้นมา
คนตัวเล็กกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาอีกคน เพราะต้านทานรอยยิ้มและสายตาที่ดูเ้าชู้นิด ๆ ของคุณพระจันทร์ไม่ไหว คนที่กลับไปอยู่ในสถานะเดิมอย่างเต็มตัวมองจานข้าวพลางคิดว่า...
ไม่น่าพูดกับพันลี้แบบนั้นเลย
โดนสวนกลับมาที...หงายหลังเลยใกล้ใจ
“ดีไหมคะ? ”
คนโดนถามเงยหน้าขึ้นมองคุณพระจันทร์ “พะ พันลี้หมายถึง...”
“ลี้หมายถึง...เราอยู่ด้วยกันสองคนในตู้เซฟ แบบนี้ดีไหมคะ ? ”
“ไม่ดีหรอก...อึดอัดแย่เลย” ใกล้พูดพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“น้อยใจได้ไหมคะเนี่ย ? ...คุณใกล้บอกว่าอยู่กับลี้แล้วอึดอัด” คุณพระจันทร์พูดด้วยแววตาเศร้าสร้อย ก่อนจะก้มหน้ามองจานอาหาร
จนถึงตอนนี้ใกล้พอจะรู้แล้วว่าคุณพระจันทร์เป็คนตัวโตที่ขี้น้อยใจสุด ๆ คำพูดเมื่อกี้ของเขาอาจจะทำให้คุณพระจันทร์รู้สึกไม่ดี และเขาก็ควรรับผิดชอบคำพูดของตัวเองด้วยการทำให้คุณพระจันทร์กลับมายิ้มได้อีกครั้ง
“เราไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะ”
“...”
“พันลี้...โอ๋ ๆ นะครับ”
คุณพระจันทร์เงยหน้ามองเขา ก่อนเอ่ย “คุณใกล้โอ๋ลี้แล้วเหรอคะ ? ...ทำไมลี้ยังรู้สึกน้อยใจอยู่เลย”
เพราะคุณพระจันทร์พูดแบบนี้ ใกล้จึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกคนเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “โอ๋ ๆ นะครับ พันลี้คนเก่งของใกล้ใจ”
และเมื่อชักมือกลับมาจึงนึกขึ้นได้ว่า...
เดี๋ยวนะ...
เผลอพูดอะไรออกไปน่ะใกล้ใจ
;___________________;
“ลี้หายน้อยใจเพราะได้เป็คนของใกล้ใจนี่แหละค่ะ”
บ้าชะมัดเลย !
ใกล้ใจบ้าที่สุด
ที่เขินกับคำว่า ‘คนของใกล้ใจ’
“นอกจากโอ๋ให้หายน้อยใจแล้ว คุณใกล้พอจะโอ๋คนที่แข่งบอลแพ้อีกสักครั้งได้ไหมคะ ? ”
ใกล้พยายามเก็บอาการเขินอายเอาไว้ ก่อนเอ่ยถามอีกคน “พันลี้จะให้เราโอ๋ยังไง ? ”
เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์ใช้มือเลื่อนจานข้าวผัดให้ขยับไปทางขวา ก่อนที่มือหนาจะเคลื่อนมาคว้ามือของเขาไว้ คุณพระจันทร์ก้มศีรษะลงเล็กน้อยเหมือนตอนที่เห็นเขายื่นมือเข้าไปใกล้ ก่อนจะเอามือของเขาไปวางไว้บนเรือนผมสีบลอนด์ทอง “คุณใกล้ก็แค่ลูบหัวลี้เหมือนเมื่อกี้...แล้วก็บอกว่า โอ๋ ๆ ทำดีแล้วนะพันลี้ของใกล้ใจ”
ใกล้อมยิ้มขณะมองอีกคน เขาเป็เด็กดีของพันลี้เสมอนั่นแหละ “โอ๋ ๆ ทำดีแล้วนะพันลี้ของใกล้ใจ”
และใกล้หวังว่า…
คุณพระจันทร์จะเป็...
‘พันลี้ของใกล้ใจ’ ไปนาน ๆ
#ใกล้แค่พันลี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้