นางยืนอยู่หน้าเตียงของยวี้เอ๋อร์เป็เวลานาน ถ้าไม่ใช่เพราะความเ็ปที่ข้อเท้าซึ่งทำให้นางไม่อาจยืนนิ่งได้ นางก็คงยังไม่รู้สึกตัว
เด็กสาวหันกลับไปอย่างสงบ ภายใต้การจ้องมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยของจ้าวจื่อซิน มู่หรงฉิงเพียงอดทนกับความเ็ปที่ข้อเท้าและเดินกลับไปที่ห้อง
“เ้ารู้ั้แ่แรกแล้วหรือ?” เสียงของจ้าวจื่อซินดังมาจากด้านหลัง ฝีเท้าเงียบกริบของเขาเหยียบลงบนใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นทำให้เกิดเสียงเบาๆ
มู่หรงฉิงไม่ตอบ แค่กัดฟันและมุ่งหน้าเดินต่อไป
เขาถูกมู่หรงฉิงเพิกเฉยอีกหน จ้าวจื่อซินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มู่หรงฉิงคนนี้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีจริงๆ เขาเพิ่งจะช่วยชีวิตนาง เด็กสาวจะไม่ซาบซึ้งใจแม้แต่น้อยหรือ? ถึงนางไม่ยอมอิงแอบแนบชิดและซบอก ก็ควรพูดขอบคุณเขาเล็กน้อยไม่ใช่หรือ?
ความคิดนั้นทำให้จ้าวจื่อซินถึงกับใ ถ้ามู่หรงฉิงเข้ามาอิงแอบแนบชิดและซบอกเขาจริงๆ เกรงว่าเวลานี้นางคงจะไม่มีผลลัพธ์ที่ดี
เขาพึมพำในใจ เมื่อเห็นมู่หรงฉิงเข้าไปในห้อง เงาร่างอันงดงามชดช้อยถูกยืดออกไปด้วยแสงเทียนอย่างไม่มีขอบเขต ครั้นสะท้อนบนบานหน้าต่าง จ้าวจื่อซินจึงหมุนตัวหันกลับโดย้ากลับห้องของตน แต่ในจังหวะที่หมุนตัว ร่างกายงดงามชดช้อยของนางกลับล้มลงอย่างกะทันหัน เขาได้ยินเสียงเก้าอี้เตี้ยล้มกระแทกพื้น
หัวใจเต้นรัวทันควัน เป็ไปได้หรือไม่ที่เฉินเทียนหยูจะตื่นขึ้นมาแล้ว? แต่ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเห็นแต่เงาของนางเท่านั้น และเฉินเทียนหยูคงไม่ฉลาดพอที่จะรู้วิธีซ่อนตัวและฆ่าใน่เวลาที่มีอาการคลุ้มคลั่ง
เป็ไปได้หรือไม่ว่านางได้รับาเ็?
เมื่อหวนนึกถึงท่าทางนิ่งเงียบของนางระหว่างทาง และหวนคิดถึงใบหน้าของนางเมื่อครู่ก่อน จ้าวจื่อซินกลับรู้สึกอึดอัดเนื่องจากความคับข้องใจ แม้นี่จะเป็่กลางฤดูร้อน แต่ก็มีก้อนน้ำแข็งอยู่ในห้อง ดังนั้นนางคงไม่มีเหงื่อมากในระยะเวลาอันสั้น
เขาคิดในใจระหว่างสาวเท้าเดิน เขาผลักประตูห้องและเดินตรงไปที่ห้องชั้นใน จ้าวจื่อซินเห็นมู่หรงฉิงนั่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเ็ป ท่าทีเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกอะไรกระแทกเข้าที่หัวใจอย่างรุนแรง แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ช่างหัวแข็งจริงๆ
มู่หรงฉิงเ็ปจนใบหน้าถึงกับเปลี่ยนสีแล้ว ครั้นจ้าวจื่อซินเข้ามาใกล้ นางจึงได้รับรู้ถึงการมาของเขา นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขากลับไม่สนใจถึงหลักปฏิบัติหญิงชายซึ่งไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน เขาเข้ามาช่วยพยุงตัวนางขึ้น มิหนำซ้ำยังเป็เื่ยากที่เขาจะเปล่งเสียงอันอบอุ่นเช่นนี้ “เ้าาเ็หรือ?”
“ข้าไม่เป็อะไร แค่เวียนศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น” มู่หรงฉิงไม่กล้ารับการดูแลของจ้าวจื่อซินง่ายๆ นางรู้สึกว่าจ้าวจื่อซินเป็เฉินเทียนหยูอีกคน หากวันหนึ่งเขาไม่มีความสุข เขาก็จะฆ่านางอย่างไร้ความปรานี
ขณะที่จ้าวจื่อซินพยุงนางขึ้น เขาได้หยิบเก้าอี้ที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมาตั้ง มู่หรงฉิงนั่งลงโดยไม่เกรงใจใดๆ และรินน้ำชาด้วยท่าทางสงบ “ขอบใจเ้าสำหรับการช่วยเหลือในคืนนี้ เปลี่ยนสุราเป็ชา! คารวะเ้าหนึ่งถ้วย!”
คำพูดสุภาพก็พูดได้ คำพูดขอบคุณก็ต้องพูดได้ด้วยเช่นกัน วันข้างหน้ามีโอกาสมากมายที่จะต้องให้จ้าวจื่อซินช่วยชีวิต นางไม่อยากเสียโล่อันแข็งแกร่งไป
โบราณว่าไว้ ‘ไม่ว่าแมวขาวหรือแมวดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี ถ้าพูดถึงจ้าวจื่อซิน มู่หรงฉิงคิดว่า ไม่ว่าจ้าวจื่อซินจะมีภูมิหลังอย่างไร ตราบใดที่เขาสามารถจัดการกับเฉินเทียนหยูยามคลุ้มคลั่งได้ เขาก็เป็คนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
คำว่า ‘ใช้ประโยชน์’ ก่อตัวขึ้นในใจของนาง มู่หรงฉิงใ เนื่องจากคำดังกล่าวผุดขึ้นในความคิดของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายหน อันดับแรกนางคิดจะใช้เฉินเทียนหยูให้เป็ประโยชน์ จากนั้น้าใช้ชุ่ยเอ๋อร์ และในเวลานี้นางกำลังคิดว่าจะใช้จ้าวจื่อซินอย่างไร
ดูเหมือนว่าผู้คนมักจะทำอะไรด้วยการถูกบังคับ ไม่มีคนเลวที่สุด และไม่มีคนดีเกินไป ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย แม้กระทั่งพระพุทธเ้าเองก็ยังคิดใช้ประโยชน์จากทุกคนที่อยู่รอบตัวเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง
นางคิดในใจเป็พันเป็หมื่นตลบ หลังจากรู้สึกตัวอีกหน ดวงตาของมู่หรงฉิงก็ยิ่งเ็าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็เมื่อก่อน มู่หรงฉิงอาจเป็แค่คนที่มีท่าทีเฉยเมย แต่หลังจากประสบกับการเปลี่ยนแปลงนานัปการ นางก็กลายเป็คนจิตใจเ็าคนหนึ่ง
ความรู้สึกสัมพันธ์คืออะไร? ความเสน่หาคืออะไร? สิ่งเ่าั้มีความหมายว่าอย่างไร? ขอแค่ใช้ประโยชน์ได้ นางจะต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้ม ความจริงใจคืออะไร? ความภักดีต่อเ้านายคืออะไร? คำพูดเ่าั้ล้วนเป็การพูดพล่ามทั้งนั้น วันนี้ยวี้เอ๋อร์ทรยศนางได้ วันพรุ่งนี้ปี้เอ๋อร์ก็สามารถทรยศนางด้วยเหตุผลอื่นเช่นเดียวกัน ในเวลานี้แม่นมทั้งสองถูกเปลี่ยนความทรงจำแล้ว และไม่รู้ว่าในวันรุ่งขึ้นจะเป็เช่นไร จะหักหลังนางหรือไม่ก็ไม่อาจรับรองได้
ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเมตตาได้อีกต่อไป นางไม่อาจพึ่งคนเ่าั้ตลอดไปได้ ความเ็ปต้องทนเอาเอง ความขื่นขมก็ต้องลิ้มรสด้วยตัวเอง จะไม่มอบหัวใจให้ใครอีกต่อไป และจะไม่หวังให้ใครช่วยชีวิตนางอีกต่อไป!
มู่หรงฉิงไม่ได้คำนึงว่าตนเองกำลังตกอยู่ในโลกน้ำแข็งแห่งความเย็นเยียบ แต่นางที่อยู่ในโลกแห่งนั้นคิดเพียงว่าจะช่วยพี่ชายใหญ่ได้อย่างไร นางคิดเพียงว่าจะล้างแค้นให้ท่านแม่ของนางได้อย่างไร ขบคิดเพียงจะหาวิธีออกจากทะเลแห่งความทุกข์นี้ คิดเพียงจะใช้ประโยชน์จากคนรอบตัวที่นางสามารถใช้ได้อย่างไร
มู่หรงฉิงดูแข็งแกร่งขึ้น จ้าวจื่อซินผู้ซึ่งนั่งตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้น นางมีความมุ่งมั่นอะไรหรือ? นางคิดบางสิ่งบางอย่างได้แล้วหรือ?
ไม่เข้าใจว่าทำไมมู่หรงฉิงถึงเปลี่ยนไป แต่จ้าวจื่อซินก็แค่หยิบถ้วยชาขึ้นและชนถ้วย จากนั้นจึงดื่มในอึกเดียว
สำหรับการขอบคุณของนาง เขาแค่รู้สึกสุขสงบ เดิมทีนางควรจะรู้สึกขอบคุณ แต่จ้าวจื่อซินไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามู่หรงฉิงจะต้องขอบคุณเขา?
“ดึกมากแล้ว เ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าคิดว่าคืนนี้เขาจะไม่คลุ้มคลั่งอีกแล้ว” ความเ็ปที่ข้อเท้ารุนแรงขึ้นถึงขั้นต้องกำถ้วยน้ำชาแน่น และนางรู้สึกเหมือนกับว่าถ้วยน้ำชากำลังจะแตกกลายเป็เสี่ยงๆ
แน่นอนว่าถ้ากำลังภายในของนางมีมากกว่านั้น หรือถ้วยนี้บางลงอีกสักเล็กน้อย เกรงว่ามันจะแตกกลายเป็เสี่ยงๆ ไปแล้ว
เมื่อมองข้อมือที่ออกแรงจับถ้วยจนกลายเป็สีขาวซีด สายตามืดครึ้มของจ้าวจื่อซินพลอยเลื่อนมองใบหน้าของอีกฝ่าย และเขาก็เห็นเพียงเม็ดเหงื่อผุดซึมอยู่บนหน้าผากของนางไม่น้อย
นางได้รับาเ็แล้ว นี่คือข้อสรุปที่เขาสามารถยืนยันได้ แต่ทำไมนางไม่พูดล่ะ? นางไม่ไว้ใจเขาหรือ?
จ้าวจื่อซินรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างอธิบายไม่ถูก เมื่อหวนคิดถึงตัวเองที่ช่วยเหลือนางครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้น นางกลับไม่เชื่อใจเขานัก ชายหนุ่มวางถ้วยลงอย่างหนักหน่วงก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเ็าอยู่หลายส่วน “บอกข้าว่าเ้าได้รับาเ็ที่ใด มิเช่นนั้นข้าจะช่วยตรวจหาให้โดยไม่เกรงใจ”
คำพูดของจ้าวจื่อซินเป็ภัยคุกคาม และนี่ยังเป็ภัยคุกคามที่โจ่งแจ้งในห้องของนางกับเฉินเทียนหยู ทั้งที่เฉินเทียนหยูกำลังนอนอยู่บนเตียง คำพูดของจ้าวจื่อซินจึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่งยวด
เป็เพราะนางไม่มีผู้ชายคอยปกป้องหรืออย่างไร นางถึงถูกผู้ชายภายนอกข่มขู่?
มู่หรงฉิงกัดฟันแน่นโดยไม่ปริปาก แต่นั่นทำให้จ้าวจื่อซินหมดความอดทน เขาผลักโต๊ะไปทางด้านข้าง มู่หรงฉิงแค่มองดูความเย็นะเืในดวงตาของจ้าวจื่อซิน นางก็รู้แล้วว่าเขาทำตามที่พูดได้
ในจังหวะที่จ้าวจื่อซินยกมือขึ้น มู่หรงฉิงก็รีบยกเท้าที่าเ็ขึ้นมา “ข้อเท้าของข้าพลิก”
น้ำเสียงของมู่หรงฉิงราบเรียบ ไม่มีความสุขและไม่มีความรู้สึกโกรธใดๆ ไม่ระคายเคืองทั้งที่ถูกคุกคาม ที่สำคัญยังไม่หวั่นกลัวจากการถูกคนดูถูก เมื่อจ้าวจื่อซินถอดรองเท้าของนางก็เห็นข้อเท้าบวมผิดปกติ ในหัวใจของเขาจึงคล้ายมีคลื่นที่อธิบายเป็คำพูดไม่ได้
บวมเช่นนี้แล้วแต่นางก็ยังคงสามารถนั่งอย่างโง่ๆ โดยไม่พูดอะไร นางช่างอดทนได้จริงๆ
“เ้านั่งรอก่อน เดี๋ยวข้าไปหยิบยามาให้” ข้อเท้าบวมถึงเพียงนี้ถ้าไม่รีบทายา กลัวว่าจะเกิดอันตรายได้
มู่หรงฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก นางเพียงพยักหน้าเพื่อพิสูจน์ว่านางจะนั่งตรงนี้และรอเขาไปหยิบยามาให้อย่างเชื่อฟัง
จ้าวจื่อซินเคลื่อนไหวด้วยความว่องไว มู่หรงฉิงถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ฝั่งจ้าวจื่อซินก็หยิบน้ำหนึ่งอ่างและหยิบยาขวดหนึ่งเข้ามา หลังจากจุ่มข้อเท้าบวมลงในน้ำ เขาจึงค่อยๆ ทายาลงไป
“ข้าทำเองได้” จังหวะที่จ้าวจื่อซินทายาบนข้อเท้า มู่หรงฉิงกลับหดข้อเท้าโดยสัญชาตญาณ ทว่ามันถูกเขาจับไว้แน่นส่งผลให้นางออกปากร้อง ‘ซี้ด’ ด้วยความเ็ป
ในระหว่างทายา จ้าวจื่อซินไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงลงน้ำหนักมือในการทายาอย่างมาก นางบิดแขนเสื้อของตัวเองเกือบจะยับยู่ยี่ด้วยความเ็ป เขาจึงลดทอนกำลังของเขาให้เบาลง “สองวันนี้เดินให้น้อยลง พรุ่งนี้เ้าไม่ต้องทำตามกฎแล้ว ข้าจะคุยกับฮูหยินผู้เฒ่าเอง”
“ถ้าเกิดเฉินเทียนหยูจะฆ่าข้าอีกหนล่ะ?” การไปคำนับตามกฎมารยาทอะไรนั่น นางย่อมไม่อยากไป ในเมื่อจ้าวจื่อซินเกริ่นขึ้นมาก่อน นางก็จะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพียงแต่ถ้าเฉินเทียนหยูคลุ้มคลั่งอีกหน และสภาพของนางเป็เช่นนี้ กลัวว่านางคงทำได้แค่รอความตายเท่านั้น!
“ใน่สองวันนี้ ให้เ้ากับเฉินเทียนหยูไปอยู่ที่เรือนหยางเซิง ที่นั่นจะมีคนปกป้องเ้า” หลังจากพูดจบ เขาก็ปล่อยข้อเท้าบวมเป่งอันน่ากลัวของนาง “เนื่องจากเป็ความร่วมมือ ข้าจะดูแลเ้าอย่างดี ถ้าเ้าไม่เชื่อว่าข้าจะสามารถช่วยชีวิตเ้าได้ วันข้างหน้าข้าก็จะไม่สนใจชีวิตหรือความตายของเ้าอีกต่อไป!”
หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดมือออกไป โดยที่ไม่ได้ยกอ่างน้ำออกไปแต่อย่างใดและแม้กระทั่งยา เขาก็ไม่ทิ้งไว้ให้นาง
มู่หรงฉิงกลายเป็ใบ้ เขาหมายความว่าอย่างไรหรือ? เขาไม่สบอารมณ์? เพียงเพราะนางไม่เชื่อใจเขากระนั้นหรือ?
ครั้นเห็นเขาเดินไปที่ประตู มู่หรงฉิงก็รีบพูดทันควัน “แน่นอนว่าข้าเชื่อใจเ้า” ข้าจะไม่เชื่อใจได้อย่างไร? ถ้ายังไม่เชื่อใจอีก วันพรุ่งนี้ถ้าเกิดเฉินเทียนหยูคลุ้มคลั่งอีกหน นางคงได้แต่รอการไปพบกับท่านแม่อย่างแน่นอน!
มู่หรงฉิงไม่ได้รับคำตอบ แต่ยาขวดหนึ่งกลับถูกโยนเข้ามา เด็กสาวรีบรับมันไว้ หลังจากมองดูก็เห็นว่าเป็ยาที่ใช้ทาให้นางเมื่อครู่นี้
คนอะไรแปลกประหลาดจริงแท้
เด็กสาวเก็บยาในระหว่างวิพากษ์วิจารณ์ในใจ ก่อนที่จะมองสถานการณ์ของตนเองอย่างจนปัญญา
ตรงนี้อยู่ห่างจากเตียงด้วยระยะทางหลายสิบก้าว และนางก็อยู่ห่างจากเก้าอี้ยาวด้วยระยะทางที่ไกลมากกว่า นางไม่้านอนเตียงเดียวกับเฉินเทียนหยู นางจะต้องนอนบนเก้าอี้ยาวนั่น แต่...นางจะเดินไปยังเก้าอี้ยาวได้อย่างไร?
นางถอนหายใจเบาๆ กับโชคชะตาของตนก่อนจะยืนขึ้นด้วยการยันตัวกับเก้าอี้ นางกำลังคิดพิจารณาว่าตนควรจะะโไปยังเก้าอี้ยาวหรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้ะโ คนคนนั้นก็กระโจนเข้ามา นางใแต่เนื่องจากได้ยินเสียงของจ้าวจื่อซินซึ่งไม่มีความเ็ารวมทั้งไม่ได้กระตือรือร้นนัก “ข้าไม่อยากเปลืองยา”
อืม? กลัวนางจะเจ็บมากไปกว่านี้แล้วเปลืองยามากกว่าเดิมใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้น นางก็ควรจะขอบคุณยาตัวนั้นจริงๆ ที่ช่วยนางไม่ให้ต้องสะบักสะบอมและทนความเ็ปจากการะโด้วยเท้าข้างเดียว
หลังจากวางมู่หรงฉิงลงบนเก้าอี้ยาว จ้าวจื่อซินก็ยื่นมือไปหยิบผ้าห่มบนเก้าอี้ยาว นั่นทำให้ถุงเครื่องหอมปรากฏขึ้น มู่หรงฉิงจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเฉินเทียนหยูถึงไล่ตามนางอย่างไม่ลดละ
ไม่ต้องดูก็รู้ว่าในถุงผ้าบรรจุอะไรไว้ มันต้องเกี่ยวข้องกับผลไม้นิรนามเป็แน่ นางนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวเป็เวลาครึ่งคืน ร่างกายของนางย่อมมีกลิ่นผลไม้นิรนามติดตัว และไม่แปลกใจเลยที่นางต้องสะบักสะบอมเช่นนี้
ยวี้เอ๋อร์นะ ยวี้เอ๋อร์ เ้าคิดว่า ข้าควรจะคืนสิ่งที่เ้าทำกับข้าใน่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาอย่างไร?
“ในเมื่อเ้ารู้ว่านางใช้การไม่ได้เป็เวลานานแล้ว ทำไมเ้าถึงยังเก็บนางไว้ข้างกายล่ะ?” จ้าวจื่อซินกอดอกขณะมองมู่หรงฉิงจาก้า
“การเก็บสิ่งอันตรายที่รู้แล้วไว้ข้างกายเ้า ย่อมดีกว่าปล่อยให้มันเป็ภัยคุกคามที่ไม่รู้นับไม่ถ้วน” นางพูดเบาๆ โดยปราศจากอารมณ์ ก่อนปูผ้าและวางถุงเครื่องหอมไว้ในตำแหน่งเดิมราวกับว่าเมื่อครู่นางมองไม่เห็นมันอย่างไรอย่างนั้น
“เ้า...” หลังจากคำว่า ‘เ้า’ จ้าวจื่อซินก็ตระหนักได้ว่าตนไม่มีอะไรที่พูดได้อีก เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมผู้หญิงซึ่งต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเ่าั้ถึงต้องคิดอะไรซับซ้อนมากมาย?
จ้าวจื่อซินนั่งลงบนเก้าอี้ยาวอย่างสบายๆ ก่อนที่จะมองไปที่มู่หรงฉิงทันที “มู่หรงฉิง เ้าแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นจริงๆ” นางละเลยเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ความอดทนของนางแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ถ้าเป็ผู้หญิงคนอื่นถูกเฉินเทียนหยูทรมานมาเป็เวลาหลายวัน พวกนางก็คงจะร้องไห้ฟูมฟายกลับไปที่บ้านของพ่อแม่แล้วเป็แน่ ถ้าเป็หญิงอื่น ขณะที่เขานั่งนิ่งๆ ตรงหน้า เกรงว่าพวกนางจะอิงแอบซบอกเขาตั้งนานแล้ว จะเหมือนนางที่นั่งนิ่งไม่แม้กระทั่งเผยความอ่อนแอออกมาเสียที่ไหน
แตกต่างกันหรือไม่? มู่หรงฉิงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวจื่อซิน หัวใจของนางสงบอย่างมาก สงบมากกระทั่งเริ่มคาดเดาถึงตัวตนของจ้าวจื่อซิน
จ้าวจื่อซินถูกเฉินเทียนหยูพากลับมาเมื่อสามปีก่อน เฉินเทียนหยูบอกว่าจ้าวจื่อซินรับฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวจื่อซินและเฉินเทียนหยูย่อมไม่ใช่ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเ้านายกับผู้รับใช้ และไม่ใช่ทั้งความสัมพันธ์เช่นเพื่อน
เฉินเทียนหยูมีวรยุทธ์ระดับสูง จ้าวจื่อซินเคยพูดว่า เมื่อเฉินเทียนหยูมีสติ เขายังสามารถต่อสู้กับเฉินเทียนหยูได้สูสี แต่ถ้าเฉินเทียนหยูคลุ้มคลั่ง เขาทำได้แค่ซ่อนตัวเท่านั้น
จากการวิเคราะห์ มู่หรงฉิงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเฉินเทียนหยูและจ้าวจื่อซินประลองฝีมือกันภายใต้สภาวะปกติ ทั้งสองคนที่มีสภาพปกติเท่าเทียมกัน หากเฉินเทียนหยูแสดงออกถึงความโเี้โดยไม่ออมมือ จ้าวจื่อซินอาจสู้เฉินเทียนหยูไม่ได้