แน่นอนว่าปกติแล้วจะไม่สามารถนำตำราในหอคัมภีร์ออกมาไปข้างนอกได้ เพื่อเป็การป้องกันไม่ให้ทักษะวิชารั่วไหล เนื่องจากพวกผู้ฝึกยุทธ์ล้วนมีความจำเป็เลิศ ดังนั้นเวลาเพียงหนึ่งวันก็มากพอให้เด็กหนุ่มทั้งสามจดจำเนื้อหาและวิธีการฝึกในตำราได้แล้ว
พลังิญญาของมู่เฟิงนั้นแข็งแกร่งเป็อย่างมาก ความทรงจำของเขาจึงยิ่งเลิศล้ำกว่าคนทั่วไป เนื้อหาจำนวนหลายหมื่นคำ เขาสามารถจดจำมันได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และมันไม่ใช่เื่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับเขา
หลังจากมู่เฟิงจดจำวิธีการฝึกฝนของก้าวปทุมเพลิงได้แล้ว เขาก็เริ่มฝึกฝนมันทันที
ก้าวปทุมเพลิง ใช้วิธีการดูดซับพลังฟ้าดินแบบพิเศษ ดูดซับเอาพลังฟ้าดินธาตุไฟเข้าไปเผาผลาญให้กลายเป็พลังปราณ จากนั้นก็ให้มันไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณภายในร่าง ก่อนที่พลังเ่าั้จะปะทุออกมาทางจุดฝังเข็มบริเวณฝ่าเท้า ซึ่งนี่เป็วิธีเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว
“เคลื่อนไหวดุจสายฟ้า เปลวไฟพลันลุกโชน ทุกย่างก้าวล้วนกำเนิดดอกปทุม...”
มู่เฟิงพลันคิดถึงวิถีในการฝึก เพียงแต่ครั้งนี้เขาได้เว้นขั้นตอนของการดูดซับพลังฟ้าดินธาตุไฟเอาไว้ เด็กหนุ่มกำลังเผาผลาญพลังปราณภายในร่างให้กลายเป็พลังปราณเพลิง ก่อนที่เขาจะส่งพลังให้มันหลั่งไหลไปตามเส้นลมปราณ จนมันะเิออกมาจากฝ่าเท้า
ดวงตาของมู่เฟิงตาเป็ประกายขึ้นมา จากนั้นเขาก็เริ่มย่างก้าวออกไป!
ตู้ม...!
เปลวเพลิงสีแดงก็พลันปะทุออกมาจากฝ่าเท้าของเขาอย่างกะทันหัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วดุจลูกศรที่ถูกปล่อยจากคันธนู เพียงการะโก้าวเดียวร่างของเขาก็พุ่งทะยานออกไกลกว่าสิบเมตร
ปัง...!
“อ๊าก…!”
ปรากฏเสียงร้องดังก้องกังวานขึ้นภายในหอคัมภีร์ ศีรษะของมู่เฟิงกระแทกเข้ากับผนังกำแพงตรงหน้าอย่างแรงจนปรากฏให้เห็นรอยปูดนูนขนาดใหญ่ จากนั้นร่างของเขาก็ทรุดนั่งลงบนพื้น
“พี่เฟิง”
เสียงดังสนั่นเมื่อครู่ปลุกไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวงหลุดออกจากภวังค์ พวกเขารีบหันไปมองมู่เฟิงที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยความตื่นตระหนก ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังกุมศีรษะขณะร้องครางออกมาด้วยความเจ็บ
“ข้าไม่เป็อะไร พวกเ้าศึกษาเนื้อหาในตำราต่อเถอะ”
มู่เฟิงยกมือขึ้นกุมศีรษะพลางหยัดกายลุก
ทางฝั่งของอู๋อี้ เมื่อเห็นฉากนั้นดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความตะลึง
“เ้า เมื่อครู่เ้าเพิ่งแสดงวิชาก้าวปทุมเพลิงออกมาอย่างนั้นหรือ?”
อู๋อี้เอ่ยถามเสียงสั่น
มู่เฟิงยิ้มบางขณะยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความกระดากอาย ก่อนจะกล่าวเพียงว่า “เมื่อครู่ข้าไม่ได้สนใจเื่ทิศทาง ทำให้ผุ้าุโต้องมาเห็นเื่น่าขบขันแล้ว”
“มะ ไม่ ไม่เป็ไร”
อู๋อี้ส่ายหน้า ตอนนี้ดวงตาของเขากำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เ้าเพิ่งจะเรียนรู้เนื้อหาในตำราไปได้ไม่นาน แต่กลับสามารถแสดงก้าวปทุมเพลิงออกมาได้แล้ว นี่เป็เื่ที่น่าทึ่งมาก ความสามารถในการทำความเข้าใจของเ้านั้นสูงกว่าคนทั่วไปไม่น้อยเลย”
อู๋อี้กล่าวชมเด็กหนุ่มออกมาตามตรง และคำกล่าวนี้ก็ทำให้มู่เฟิงรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อย
ความสามารถในการทำความเข้าใจของเขานั้นดีมากจริงๆ เพียงแต่เมื่อครู่เขาได้เว้นขั้นตอนของการดูดซับพลังฟ้าดินธาตุไฟไป และอาศัยพลังปราณเพลิงแทน ซึ่งการะเิพลังเมื่อครู่นี้ก็เป็เพียงแค่เื่บังเอิญเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร การที่เขาสามารถะเิพลังปราณออกมาจากจุดฝังเข็มบริเวณใต้ฝ่าเท้าได้ั้แ่ครั้งแรกก็ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะเื่นี้มีน้อยคนนักที่จะสามารถทำได้
เนื้อหาจากตำราที่ไม่คุ้นเคย วิธีการฝึกที่แปลกใหม่จากเดิม อีกทั้งยังต้องทำความเข้าใจกับจุดฝังเข็มที่ซับซ้อนบนร่างกายเพื่อให้เกิดความชำนาญและความรวดเร็วในการฝึก แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็อย่างมาก
แต่ทันทีที่มู่เฟิงได้ศึกษาเนื้อหาของมัน เขากลับสามารถทำความเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถะเิพลังออกมาหลังจากใช้เวลาศึกษาแค่เพียงไม่นานอีก เห็นได้ชัดว่านอกจากพร์ที่น่าทึ่งของเขาแล้ว มันยังมีเื่ของความสามารถในการควบคุมพลังปราณของเขาด้วย
ซึ่งนี่ก็คือผลลัพธ์ของการฝึกฝนควบคุมพลังปราณจากคำชี้แนะของเยว่เอ๋อร์ก่อนหน้านี้นั่นเอง
“เ้าลองดูใหม่อีกครั้งสิ”
อู๋อี้กล่าวขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฟิงก็ย้อนคิดถึงวิธีการที่เขาทำเมื่อครู่ก่อนจะทำมันใหม่อีกครั้ง เขาใช้พลังปราณเพลิงแทนพลังฟ้าดินธาตุไฟ เริ่มด้วยการเผาผลาญพลังปราณก่อนจะโคจรพลังนั้นให้ไหลเวียนไปทั่วร่าง และเพียงไม่นานเปลวเพลิงก็ปะทุออกมาจากฝ่าเท้าของเขาอีกครั้ง ฉับพลันนั้นร่างกายของมู่เฟิงก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วกว่าในยามปกติ
แต่ในขณะที่ร่างกายของเด็กหนุ่มกำลังจะพุ่งชนเข้ากับกำแพง เขาก็พลิกตัวตีลังกาเหยียบกำแพงและหมุนตัวกลับไปที่ตำแหน่งเดิม ทว่าเมื่อพลังปราณที่โคจรในเส้นลมปราณเกิดการขาดหาย เปลวเพลิงใต้ฝ่าเท้าของเขาก็พลันหายไปด้วยเช่นกัน และนี่เป็ผลที่เกิดจากความไม่คุ้นเคยในการโคจรพลังของเขา
“ไม่น่าเชื่อ แค่เ้าเริ่มฝึกก็สามารถบรรลุวิชาก้าวปทุมเพลิงระดับเริ่มต้นได้แล้ว ดูเหมือนว่าขอเพียงเ้าฝึกฝนให้มากขึ้นอีกคงสามารถบรรลุระดับสัมฤทธิ์ขั้นต้นได้ในไม่ช้า ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก”
ผู้าุโอู๋อี้กล่าวด้วยความตื่นตาตื่นใจ คำชมนี้ทำให้มู่เฟิงรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง
ภายในหอคัมภีร์ สีหน้าของชายชราในชุดคลุมสีเทาเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความประหลาดใจในแววตา จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก หายากที่จะได้พบเจอเด็กหนุ่มที่มีพร์เช่นนี้”
ผู้าุโเหมียวเอนกายลงบนเก้าอี้ ััของเขายังคงเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของมู่เฟิงต่อไป
ในขณะที่ไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวงกำลังท่องจำเนื้อหาในตำรา มู่เฟิงก็เริ่มฝึกฝนแล้ว ส่วนผู้าุโอู๋อี้นั้นคอยเฝ้ามองมู่เฟิงฝึกฝนวิชาก้าวปทุมเพลิงจากระดับเริ่มต้นจนสามารถบรรลุถึงระดับสัมฤทธิ์ขั้นต้นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม
ในที่สุดเขาก็ทอดถอนหายใจออกมาให้กับพร์ของเด็กหนุ่มผู้นี้ เวลานี้ไม่มีคำพรรณนาใดที่จะสามารถแสดงถึงความตื่นตะลึงของเขาได้เลย
หากเปลี่ยนเป็คนธรรมดาทั่วไป ต่อให้ใช้เวลาสามเดือนก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถมาถึงระดับนี้ได้ แต่มู่เฟิงกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น
ในขณะที่ไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวงเพิ่งจะสามารถจดจำเนื้อหาในตำราได้ มู่เฟิงก็สามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับสัมฤทธิ์ขั้นต้นแล้ว
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เด็กหนุ่มทั้งสามคนก็เดินลงมาที่ชั้นล่างของหอคอยพร้อมกับอู๋อี้
“ผู้าุโเหมียว ข้าขอตัวก่อน”
อู๋อี้ประสานมือกำหมัดทำความเคารพผู้าุโเหมียว ขณะกล่าวลา
“อืม เ้าออกไปก่อนเถอะ ส่วนเ้าเด็กนี่ อยู่คุยกับข้าก่อนเถิด”
ผู้าุโเหมียวพยักหน้า ก่อนจะกล่าวรั้งให้มู่เฟิงอยู่ต่อ
มู่เฟิงรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย เขามองไปทางอู๋อี้ อีกฝ่ายจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้าุโเหมียวเป็ผู้าุโที่เก่งกาจเื่วรยุทธ์มากที่สุดในสำนักศึกษา มู่เฟิง ในเมื่อผู้าุโเหมียว้าให้เ้ารั้งอยู่ต่อ เ้าก็ยอมเชื่อฟังและให้ผู้าุโเหมียวชี้แนะเถิด”
มู่เฟิงพยักหน้า ก่อนจะหันไปบอกกับสหายทั้งสองของเขาว่า “พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะอยู่คุยกับผู้าุโเหมียวสักหน่อย”
จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองก็ถูกอู๋อี้พาตัวออกไป ตอนนี้จึงเหลือเพียงมู่เฟิงและผู้าุโเหมียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในหอคัมภีร์
“ผู้าุโเหมียว”
มู่เฟิงประสานมือกำหมัดคารวะผู้าุโเหมียวพร้อมโน้มศีรษะลงเล็กน้อย
“อืม เด็กน้อย ข้าเห็นพร์ของเ้าที่แสดงออกมาเมื่อครู่แล้ว นับว่าไม่เลวเลย”
ผู้าุโเหมียวรินน้ำชาให้ตัวเองขณะกล่าวอย่างใจเย็น
“ทำให้ผู้าุโเหมียวต้องเห็นเื่น่าขบขันแล้ว”
มู่เฟิงไม่ได้แสดงท่าทีภาคภูมิใจหรือทะนงตนออกมาแต่อย่างใด
“ความสามารถในการควบคุมพลังปราณของเ้าคงจะอยู่ในระดับละเอียดอ่อนแล้วสินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางโคจรพลังให้ไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยได้เร็วเช่นนี้”
ผู้าุโเหมียวเอ่ยถาม
“ใช่แล้วขอรับ ผู้น้อยได้ทำการฝึกควบคุมพลังปราณจนเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้วขอรับ”
มู่เฟิงอดไม่ได้ที่จะมองชายชราผู้นี้ใหม่อีกครั้ง ความสามารถในการสังเกตของอีกฝ่ายนั้นช่างเฉียบแหลมยิ่งนัก
“อืม ดูเหมือนว่าเื้ัเ้าจะมีปรมาจารย์ที่ขึ้นชื่อคอยชี้แนะอยู่แล้วสินะ แต่จากที่ข้าสังเกตวิชาก้าวปทุมเพลิงที่เ้าแสดงออกมาเมื่อครู่ เหมือนว่าเ้ากำลังเดินทางผิดอยู่ไม่น้อย”
ผู้าุโเหมียวกล่าวต่อ
“โอ้ ขอผู้าุโเหมียวโปรดชี้แนะ”
มู่เฟิงสะดุ้ง จากนั้นเขาก็คำนับชายชราด้วยความนอบน้อมเพื่อขอคำชี้แนะ
“เ้าใช้แหล่งพลังงานอื่นในร่างกายเพื่อแสดงวิชาก้าวปทุมเพลิงออกมา ใน่แรกเ้าอาศัยกลอุบายนี้ทำให้สามารถบรรลุเข้าสู่ระดับสัมฤทธิ์ขั้นต้นได้อย่างรวดเร็ว แต่การที่เ้าทำเช่นนี้ เ้าจะไม่มีทางสามารถบรรลุถึงระดับสมบูรณ์ได้”
ผู้าุโเหมียวอธิบาย
เมื่อได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็มองผู้าุโเหมียวด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง เขากล่าวขึ้นด้วยความใว่า “ท่านหมายถึงการที่ข้าละเว้นขั้นตอนของการดูดซับพลังฟ้าดินธาตุไฟหรือขอรับ?”
“ถูกต้อง เ้าคอยดูเอาเถิด ว่าอะไรคือก้าวปทุมเพลิง”
ผู้าุโเหมียวหยัดกายลุกขึ้นก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้า ภายในชั่วพริบตานั้นเขาก็ดูดซับพลังฟ้าดินธาตุไฟเข้าไปในร่างก่อนจะส่งพลังไปยังฝ่าเท้าอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาก้าวเท้าออกไป ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ปรากฏดอกปทุมสีแดงเพลิงขึ้นมารองรับฝ่าเท้า
เมื่อผู้าุโเหมียวก้าวเท้าหนึ่งก้าว ดอกปทุมเพลิงกฌปรากฏขึ้นมาหนึ่งดอก จากนั้นเขาก็เหยียบดอกปทุมขึ้นไปอยู่กลางอากาศ ทุกย่างก้าวของเขาจะปราฏดอกปทุมขึ้นกลางอากาศดอกแล้วดอกเล่า เป็ภาพที่งดงามจับตาไม่น้อย
“นี่คือวิชาก้าวปทุมเพลิงระดับสมบูรณ์อย่างนั้นหรือ...”
เมื่อเห็นภาพนี้ดวงตาของมู่เฟิงก็ฉายแววประหลาดใจ เขามองไปยังดอกปทุมเพลิงใต้ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายพลางใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่ชายชราเพิ่งพูดไปเมื่อครู่
ผู้าุโเหมียวพลิกกายก่อนจะร่อนลงพื้น เมื่อเห็นว่ามู่เฟิงกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิด เขาก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา
“เ้าเด็กนี่ยังนับว่าพอสั่งสอนได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้