แม้ว่าในใจจะมีความคิดบางอย่างอยู่แล้ว แต่ซุนเฟยก็ยังไม่คิดจะลงมือปฏิรูปการจัดตั้งกองทัพและโครงสร้างอำนาจทางการเมืองของเมืองแซมบอร์ดในตอนนี้ทันที เขาเพิ่งจะมาถึงโลกนี้ได้แค่สามวัน มีเื่ราวอีกมากที่ยังไม่เข้าใจ หากเร่งทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า กลับกันจะทำให้เสียการเสียงานไป
ใน่สองสามวันนี้ ซุนเฟยคิดจะทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรก่อน
การประชุมยังคงดำเนินต่อไป
สถานการณ์แบบนี้ไม่เหมือนฉากที่สวยงามและน่าเบื่อในละครย้อนยุคราชวงศ์มากมายในโลกเก่า มันค่อนข้างตรงข้าม บรรยากาศในห้องโถงว่าราชการคึกคักมาก บนพื้นใต้บัลลังก์จะมีร่องหินแคบที่ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมืุ์ ซึ่งร่องหินนี้จะมีน้ำสะอาดไหลเอื่อยๆ ในร่องหินมีปลาสวยงามหลายตัวแหวกว่ายไปมาอยู่ในนั้น ทั้งสองข้างจะมีเก้าอี้หินเรียบๆ ตั้งเรียงรายกัน ที่นั่งบนเก้าอี้จะปูด้วยหนังสัตว์นุ่มๆ ให้ผู้เข้าร่วมการประชุมได้นั่งสบายๆ ในขณะที่แสดงความคิดเห็น ทุกคนต่างมีโอกาสและสิทธิที่จะอธิบายความคิดเห็นของตัวเอง สามารถคัดค้านความเห็นของาา ยืนตัวตรงก่อนจะแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา บางครั้งยังถกเถียงกับฝ่ายที่มีความคิดเห็นตรงกันข้ามด้วย
บรรยากาศที่เป็อิสระแฝงประชาธิปไตยอย่างลึกซึ้งแผ่กระจายไปทั่วห้องโถงใหญ่
เนื่องจากอเล็กซานเดอร์กลับมาเป็ปกติแล้ว นี่เป็การเรียกประชุมในฐานะาาอย่างเป็ทางการครั้งแรกหลังจากเสร็จสิ้นา ดังนั้นทุกคนที่มีตำแหน่งในเมืองแซมบอร์ดทั้งน้อยใหญ่ต่างได้รับโอกาสเข้าร่วมการประชุม ฝ่ายการทหารนอกจากบรู๊ค เพียร์ซ ดร็อกบา บัลลัคและนักรบอีกยี่สิบสองคนที่ได้ที่นั่งอย่างเป็ทางการแล้ว ‘เหล่าผู้นำ’ ทั้งน้อยใหญ่ในเมืองแซมบอร์ดต่างพากันแสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างเต็มที่ ความคิดเห็นประเด็นต่างๆ มากมายถูกยกขึ้นมา บางคนมีการเตรียมตัวมาอย่างดี พวกเขาเขียนข้อความลงบนหนังสัตว์ที่เหมือนกระดาษและผ้าไหม โดยเฉพาะบรรดาปู่เคราขาวห้าหกคนนั้นที่ดูมีคุณธรรมและบารมีสูงเป็ที่ยอมรับในเมืองแซมบอร์ด พวกเขาดูเหมือนกำลังเล่นกลกันอยู่ คอยดึงผ้าไหมที่เต็มไปด้วยข้อความต่างๆ ผืนใหญ่ออกมาแล้วเสนอความคิดเห็นที่เขียนไว้ทั้งหมดให้ซุนเฟยฟัง
ที่มีปัญหามากมายแบบนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เลขานุการบาร์เซิลได้ก่อความวุ่นวายทางการเมือง และาาอเล็กซานเดอร์ยังเป็เพียงเด็กปัญญาอ่อนที่น่าผิดหวัง ทำให้เมืองแซมบอร์ดตอนนี้ได้สะสมปัญหามากมายที่องค์าาจำเป็ต้องจัดการ อีกไม่นานซุนเฟยคงถูกปัญหาที่จำเป็ต้องจัดการพวกนี้ทับตายแน่ๆ เมื่อมองไปที่เอกสารที่กองเป็ูเาและบรรดาข้อเสนอมากมายที่จดบันทึกไว้ ซุนเฟยก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เขาลูบขมับเบาๆ พลางส่ายหัว
เมื่อเห็นซุนเฟยเป็แบบนี้ เพียร์ซและเหล่านักรบไม่กี่คนต่างก็พากันยิ้มกว้างพลางหัวเราะเบาๆ
บนใบหน้าของเบสท์ก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
ซุนเฟยเริ่มโมโห แต่ทันใดนั้นก็มีความคิดหนึ่งแล่นขึ้นมาในใจก่อนจะหันไปพูดกับเบสท์ที่เป็ว่าที่พ่อตาตัวเองว่า “ท่านอาเบสท์ ข้ายังเด็กนัก ประสบการณ์การจัดการพวกนี้ก็ไม่มี ในฐานะที่ท่านเป็ผู้าุโ ท่านควรจะช่วยข้า ฮึๆ เอาแบบนี้แล้วกัน ท่านช่วยข้าแยกหมวดหมู่เอกสารพวกนี้ทั้งหมด จากนั้นก็แยกเอกสารเสนอความคิดเห็นออกมาให้ข้าตัดสินใจอีกทีแล้วกัน ท่านว่าดีไหม?”
ได้ยินซุนเฟยพูดแบบนี้ เบสท์ก็พลันชะงัก
บางทีซุนเฟยอาจจะไม่ได้ฉุกคิดถึงงานที่เขาสั่งเมื่อครู่ ความจริงแล้วเมื่อก่อนมันเป็หน้าที่ของเลขานุการบาร์เซิลเป็คนจัดการ ด้วยคำสั่งนี้ นั่นเท่ากับว่าอำนาจการบริหารจัดการอาณาจักรทั้งหมดได้ฝากฝังให้เบสท์เป็คนดูแล...นั่นก็หมายความว่า หลังจากนี้ไปเบสท์จะกลายเป็เลขานุการคนใหม่ของเมืองแซมบอร์ด จู่ๆ ก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาจิ้งจอกเฒ่าเบสท์ตกตะลึงจนตาค้าง
เบสท์ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ อีกทั้งคนอื่นๆ ในห้องโถงต่างก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเื่แบบนี้ขึ้น
ในตอนนั้นบรรยากาศในห้องโถงว่าราชการก็แปลกไปเล็กน้อย
หลังจากเงียบไปได้สามสี่วินาที
“ฝ่าา ข้าขอคัดค้าน!” ในที่สุดก็มีบางคนยืนขึ้นมา
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ ข้าขอคัดค้าน...” และมีคนคล้อยตามทันที
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ เบสท์เป็คนเลวและเป็คนทรยศที่น่ารังเกียจ ครึ่งเดือนก่อนเขากระทำการชั่วช้าด้วยการขโมยสมบัติราชวงศ์แล้วหลบหนีไป เพราะเห็นแก่แองเจล่า พวกเราถึงไม่ทำการไต่สวนความผิดทางอาญาของเขา และนั่นก็เป็การให้อภัยที่ยิ่งใหญ่แล้ว เราจะให้คนชั่วร้ายที่ไร้ซึ่งคุณธรรมและเกียรติยศแบบนี้มาทำหน้าที่เป็เลขนุการาาที่เป็ตำแหน่งสำคัญแบบนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว องค์าาอเล็กซานเดอร์ ท่านไม่สามารถแต่งตั้งใครขึ้นมาตามพระทัยได้นะขอรับ!”
“คัดค้าน คัดค้าน คัดค้าน...”
ตอนนี้เสียงคัดค้านดังขึ้น ภายในห้องโถงก็กลายเป็วุ่นวายขั้นมา ซุนเฟยคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเื่แบบนี้ เขากวาดสายตามองอย่างเงียบๆ ก่อนจะแปลกใจที่บรู๊ค เพียร์ซและนักรบคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินฝั่งตะวันตกต่างไม่พูดอะไรเลย กลับกัน คนแปลกหน้าอีกสิบกว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตะวันออกของห้องโถงว่าราชการส่งเสียงคัดค้านออกมาอย่างรุนแรง และเป็ครั้งแรกที่ซุนเฟยพบทั้งสิบคนนี้ด้วย พวกเขาส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อผ้าสวยงาม บนหัวยังสวมมงกุฎสีเงินที่ฝังด้วยอัญมณี ท่าทางกระตือรือร้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง น้ำเสียงที่พูดก็เต็มไปด้วยความฮึกเหิม พวกเขาตบอกตัวเอง แสดงท่าทางที่คิดว่าดูมีคุณธรรมที่สูงส่ง
“พวกเขาเป็ใคร?” ซุนเฟยก้มหน้ากระซิบถามตอร์เรส ราชองครักษ์ที่อยู่ข้างกายตัวเอง
เด็กหนุ่มผมทองได้ยินก็รีบกระซิบตอบไปว่า “ฝ่าา ทั้งหกคนที่สวมมงกุฎสีเงินที่ยืนอยู่ด้านหน้า พวกเขาเป็ขุนนางชั้นในและคนที่สวมเสื้อผ้าสวยๆ อีกห้าคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาต่างเป็พ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักร ตามธรรมเนียมของอาณาจักรก่อนหน้านี้ พวกเขาเหล่านี้ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญในการประชุมและอาจจะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจขององค์าา”
ที่แท้ก็เป็แบบนี้
ซุนเฟยพยักหน้า พอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะโลกเก่าหรือต่างโลก ไม่ว่าประเทศไหนที่ใดก็มักจะมีนักการเมืองที่ชอบคุยโม้โอ้อวดพวกนี้ พวกเขาจะทรัพย์สมบัติของสังคมมากมาย เสพสุขกับอำนาจที่เหนือคนธรรมดา เกียรติยศและคุณงามความดีของกองทัพอย่างไร้ยางอาย เล่นสนุกกับอำนาจ เ้าเล่ห์เพทุบาย เมินเฉยต่อความคิดเห็นของประชาชน ปากบอกสนับสนุนคุณธรรมและเกียรติยศ ทั้งที่ความจริงแล้วก็แค่แสวงหาความปรารถนาของตัวเองเท่านั้น
ตอนนี้ ในห้องโถงว่าราชการไม่มีอะไรไปมากกว่าเสียงและสีหน้าของพวกพ่อค้าและขุนนางกลุ่มนี้
เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ซุนเฟยต้องถอนหายใจอีกครั้งพลางคิดว่าาาองค์ก่อนช่างอดทนจริงๆ แม้แต่พวกพ่อค้าโง่เขลาพวกนี้ก็ยังสามารถปรากฏตัวในห้องโถงว่าราชการได้ ภายในห้องโถงเหมือนตลาดสดที่มีแต่เสียงะโ...ดูเหมือนสิ่งที่เรียกว่าอาณาจักรและาาของเมืองแซมบอร์ด ความจริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับโจรูเาเลยสักนิด เหมือนกับที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านั้นว่า ที่นี่เทียบไม่ได้กับหมู่บ้านบนูเาห่างไกลที่อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของโลกเก่า...ซุนเฟยเห็นแบบนี้ก็อยากที่จะสร้างประเทศในอุดมคติของตัวเองขึ้นมา แต่หนทางมันคงจะยาวไกลน่าดู
“เงียบก่อน หยุดเสียงดังได้แล้ว เอาล่ะ เ้า คนที่พูดแย้งข้าคนแรก เ้าชื่ออะไร” ซุนเฟยโบกมือ เขาพูดแทรกเสียงโวยวายพวกนั่น ก่อนจะชี้นิ้วไปถามชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎสีเงินคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด
“ลิวอิสขอรับ ฝ่าา ข้าไวเคานต์ลิวอิส” ชายวัยกลางคนที่สวมมงกุฎสีเงินเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะโค้งกายเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
“อ้อ ลิวอิส...ไวเคานต์?”
ซุนเฟยรู้สึกสับสนเล็กน้อย พูดตามตรงไอ้พวกที่เกี่ยวกับตำแหน่งบรรดาศักดิ์ของฝั่งตะวันตก เขาก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัดเท่าไรนัก แต่ของพวกนี้ก็ไม่ได้เป็อุปสรรคต่อคำถามต่อไปนัก “ท่านไวเคานต์ หากท่านอาเบสท์ไม่เหมาะสม แล้วท่านคิดว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้กว่าล่ะ?”
“องค์าาอเล็กซานเดอร์ อย่างแรกที่จะพูดก่อนเลยว่า ข้าไม่ใช่ไม่รู้จักการถ่อมตัว แต่ข้าคิดว่า ข้าเหมาะที่สุดที่จะดำรงตำแหน่งนั้น...” ไวเคานต์ลิวอิสตบอกตัวเอง พลางพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ข้าเป็ขุนนางสายเืเมืองแซมบอร์ดที่บริสุทธิ์ที่สุด บิดาของข้าเคยได้รับการเรียกหาจากจักรพรรดิแห่งราชอาณาจักรเซนิท ตระกูลของข้ามีประวัติศาสตร์และเกียรติยศที่รุ่งโรจน์ ข้า...ดังนั้นผู้ที่จะรับผิดชอบหน้าที่เลขานุการคนใหม่ ตัวข้านั้นเหมาะสมที่สุด”
เขายังคงพูดไม่หยุด พ่อค้าและขุนนางหลายคนที่อยู่ด้านหลังต่างลุกขึ้นมาแสดงความเห็นด้วยและสนับสนุน
แต่บรู๊ค เพียร์ซและคนอื่นๆ กลับแสดงสีหน้าเหยียดหยาม
ซุนเฟยหัวเราะพลางส่ายหน้า มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าความจริงแล้วนี่เป็การต่อสู้แย่งชิงอำนาจ เนื่องจากว่ามีขุนนางหลายคนที่แสดงความโง่เขลาเกินเยียวยาตรงหน้ามากไป ทำให้เกิดฉากที่น่าขบขำออกมา ซุนเฟยมองไปที่ไวเคานต์ลิวอิสที่กำลังอธิบายถึงเกียรติยศตัวเองด้วยความภาคภูมิใจอย่างรังเกียจ ซุนเฟยจึงพูดว่า “เอาล่ะ ไวเคานต์ลิวอิส…เอ่อ แล้วก็คณะไวเคานต์ทุกท่าน ข้ามีคำถามหนึ่งคำถาม หากคำตอบของเ้าทำให้ข้าพอใจล่ะก็ เ้าก็จะได้ดำรงตำแหน่งเป็เลขานุการคนใหม่ของาา!”
ลิวอิสพลันดีใจ เขาตอบด้วยความมั่นใจว่า “ฝ่าา เชิญถามมาเลยขอรับ ข้ากล้าเดิมพัน ในด้านการจัดการบริหาร ไม่มีใครเหมาะสมมากกว่าข้าอีกแล้ว”
“งั้นดี ข้าอยากถามเ้าว่า ในตอนที่ทหารและชาวบ้านทั้งหมดกำลังต่อสู้ปกป้องเมืองแซมบอร์ด เ้า...อยู่...ที่...ไหน?” ซุนเฟยที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แสยะยิ้มออกมา เขาไม่ซ่อนสีหน้าเหยียดหยามของตัวเองเลยสักนิด
“ข้า...” ไวเคานต์ลิวอิสพลันชะงัก
“ฮ่าๆๆ...ตอนที่พวกข้าและองค์าาอเล็กซานเดอร์กำลังต่อสู้อยู่ ท่านไวเคานต์ลิวอิสคงมุดตัวซ่อนอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงตัวสั่นงันงกล่ะสิ ฮ่าๆ...” ดร็อกบาอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนพลางพูดอย่างตรงไปตรงมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแดกดัน บรู๊คและคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ฝั่งทิศตะวันตกในห้องโถงก็พลันหัวเราะออกมา
“พวกเ้า...พวกทหารสกปรกกลุ่มนี้...มีคุณสมบัติอะไรถึงมาอยู่ในห้องโถง?” ใบหน้าและลำคอของไวเคานต์ลิวอิสแดงก่ำพลางพูดออกมาอย่างโมโห “ขุนนางได้รับสิทธิ์ยกเว้นการเข้าร่วมา...ในฐานะที่เป็ขุนนางของเมืองแซมบอร์ด แน่นอนว่าข้าไม่เหมือนพวกชาวบ้านชั้นต่ำอย่างพวกเ้าที่จะออกไปสู้รบไร้สาระแบบนั้น”
“สู้รบไร้สาระ?” ซุนเฟยได้ยินสีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็เ็า ก่อนจะพูดอย่างโมโหว่า “ดี! เื่นี้ได้ข้อสรุปแล้ว ไวเคานต์ลิวอิส คำตอบของเ้าไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกพอใจสักนิด ดังนั้นเพื่อเป็การขอโทษข้า เ้าจะไม่ได้รับตำแหน่งเลขานุการ...คณะไวเคานต์ทุกท่าน ระวังคำพูดที่น่าอับอายด้วย ทหารสกปรกที่เ้าเอ่ยถึงเป็วีรบุรุษที่ปกป้องอาณาจักร หากครั้งหน้าข้าได้ยินพวกเ้าดูถูกวีรบุรุษเมืองแซมบอร์ดอีกล่ะก็ ข้าจะถอดยศตำแหน่งที่พวกเ้าภูมิใจนักหนาทิ้งซะ”
พูดถึงตรงนี้สายตาซุนเฟยก็แผ่รังสีฆ่าฟันออกมา
ลิวอิสชะงัก ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ซุนเฟยหันไปมองเบสท์แล้วพูดต่อไปว่า “ท่านอาเบสท์ เื่เอกสารพวกนี้รบกวนท่านจัดการก็แล้วกัน ฮึๆ เมื่อครู่เพราะได้ท่านไวเคานต์ลิวอิสได้เตือนข้าแท้ๆ ตอนนี้ข้าขอประกาศอย่างเป็ทางการว่า นับจากวันนี้ไป ท่านอาเบสท์จะป็นเลขานุการของอาณาจักรคนใหม่”
ในตอนแรกเบสท์ยังอยู่ในอาการใ แต่ก็เพิ่งจะสงบสติขึ้นได้ พอได้ยินว่าตัวเองถูกแต่งตั้งอย่างเป็ทางการ ตาแก่หน้าหล่อก็ไม่มีท่าทางปฏิเสธสักนิด เขาโค้งกายแสดงท่าทางยอมรับ
“ฮึ ฝ่าา ข้าคัดค้าน ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ นี่เป็ตำแหน่งที่จะมอบให้ใครส่งๆ ไม่ได้...เลือกคนชั่วมาเป็เลขานุการ ท่านอยากทำลายเมืองแซมบอร์ดหรืออย่างไร” พ่อค้าอ้วนที่ยืนอยู่ฝั่งตะวันออกเอ่ยขึ้น ใบหน้าของเขามีเครายาวเหมือนหมู พ่อค้าคนนั้นเห็นท่าทางขยิบตาของไวเคานต์ลิวอิสจึงกล้าที่จะลุกขึ้นมาแสดงท่าทางไม่พอใจ
ซุนเฟยพลันโมโหยิ่งกว่าเดิม
ในตอนที่เกิดา พวกเ้าทุกคนก็เอาแต่กลัวจนหัวหด หลังาจบก็ทนไม่ไหวที่จะออกมาแย่งชิ้นเค้กกันสินะ เป็แค่พวกขี้ขลาดก็ควรที่จะหดตัวอยู่แต่ในไข่ แต่นี่กลับไม่รู้ที่ตายมายืนเถียงคอเป็เอ็นอยู่ได้ ซุนเฟยเกลียดพวกนักการเมืองที่ชอบทำตัวเป็พวกมือถือสากปากถือศีล ฉับพลันความทรงจำที่ไม่น่าอภิรมย์ในโลกก่อนก็เอ่อล้นออกมาในหัว อารมณ์ของเขาะเิออกมา อดไม่ได้ที่จะกระทับเท้าดัง ‘ปึง’ แล้วลุกขึ้นยืน ชี้หน้า ‘ไอ้หมูตอน’ แล้วตะคอกด่ามันโดยไม่สนใจภาพลักษณ์าา “ไสหัวไปไอ้ตัวบัดซบ บิดาอยากแต่งตั้งใครส่งๆ แล้วเ้าจะทำไม? มีปัญญาก้าวก่ายหรือไง? หลังจากนี้ในพระราชวังของข้าจะต้องไม่มีหน้าโง่ๆ ของเ้าโผล่มาที่นี่...ทหารอยู่ไหน? มาลากไอ้พวกหน้าโง่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ออกไป!”
ซุนเฟยพูดเสียงดัง ทันใดนั้นก็มีเหล่าทหารที่สวมเกราะหนังสิบกว่านายเข้ามา แล้วจัดการลากพวกพ่อค้าทั้งหมดโยนออกไปนอกพระราชวัง ในดวงตาซุนเฟยปรากฏความเ็าที่น่ากลัวออกมา ทำให้ขุนนางอีกหกคนที่เหลือพากันหน้าซีด ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น พวกเขาค่อยๆ กลับมานั่งที่ตัวเองอย่างเงียบๆ
ซุนเฟยนั่งบัลลังก์ตัวเองต่อ
เขากวาดสายตามองก็ไม่มีขุนนางคนไหนกล้าสบตากับเขา
รู้สึกได้ว่า ตอนนี้ระบอบราชอาณาได้มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ซุนเฟยตัดสินใจที่แก้ไขระบบบริหารการปกครองอาณาจักรและการสร้างกองทัพอีกครั้ง ในเมื่อตัวเองได้เป็าาของอาณาจักรนี้แล้ว ในเมื่อโชคชะตาของตัวเองได้สัมพันธ์กับคนตรงหน้ากลุ่มนี้แล้ว ซุนเฟยก็จำเป็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างให้ได้ จะต้องเปลี่ยนสภาพที่เป็อยู่เพื่อปกป้องและรักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรักให้ได้
คิดถึงตรงนี้ซุนเฟยก็รู้แล้วว่า โรคที่รุนแรงจำเป็ต้องใช้ยาที่รุนแรง ดูเหมือนว่าเขาจำเป็ต้องรีบให้ยาหนักๆ แก่พวกนี้โดยเร็ว
เขาเปลี่ยนเป็ ‘โหมดพาลาดิน’ กลิ่นอายที่สูงส่งและบริสุทธิ์แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา เขาลุกขึ้นยืน สีหน้าเด็ดเดี่ยวขณะที่กล่าวว่า “ในนามาาแห่งเมืองแซมบอร์ด ข้าขอประกาศว่าสิบวันต่อจากนี้ ข้าจะปฏิวัติระบบการเมืองการปกครองและกองทัพของเมืองแซมบอร์ด จากวันนี้เป็ต้นไป ธรรมเนียมปฏิบัติและกฎระเบียบทั้งหมดที่เกี่ยวกับการบริหารและการทหารในสมัยาาองค์ก่อนจะถูกยกเลิก สิบวันหลังจบาเมืองจะเข้าสู่ในการปฏิวัติ ใน่เวลานี้ การบริหารจัดการอาณาจักรทั้งหมดข้าจะมอบอำนาจให้ท่านอาเบสท์เลขานุการคนใหม่เป็คนรับผิดชอบ ด้านการทหารทั้งหมดบรู๊คเป็คนรับผิดชอบ พวกเ้าใครมีความคิดหรือข้อเสนอดีๆ อะไรก็สามารถไปรายงานให้บรู๊คและท่านอาเบสท์ พวกเขาจะมารายงานให้ข้าอีกที”
กลิ่นอายความสูงส่งของพาลาดินและความน่าเกรงขามของาา เมื่อทั้งสองอย่างได้มารวมกันทำให้เสียงของซุนเฟยดังก้องไปทั่วห้องโถง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน ทุกคนก้มลงคุกเข่า แม้ในใจของพวกขุนนางจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา บรรยากาศรอบตัวพวกเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกของพวกเขากำลังถูกบิดเบือน ให้รับรู้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องเป็แบบนี้
นี่เป็ข้อดีของ ‘โหมดพาลาดิน’ ที่สามารถเพิ่มพลังการชักจูง ความน่าเกรงขามและคล้อยตามของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนต่อตัวเองโดยไม่รู้ตัว นี่เป็การโกงแบบใหม่ที่ซุนเฟยคิดค้นขึ้นมา
ทุกคนต่างยอมรับมตินี้และการประชุมก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
ก่อนการประชุมก็จบลง บรู๊คก็ลุกขึ้นมาก่อนจะเสนอเื่สำคัญอีกเื่ “ฝ่าา มีเื่สำคัญอีกเื่ที่จำเป็ต้องเตือนท่าน อีกครึ่งปีจะมีการซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวารทุกระดับที่สามปีจะมีหนึ่งครั้งที่ราชอาณาจักรเซนิท หากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดี พวกเราจำเป็ต้องเริ่มเตรียมตัวแล้วขอรับ”
บรู๊คพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนในห้องโถงต่างสามัคคีกันขึ้นมาทันที บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ดร็อกบาลุกขึ้นยืนพลางตบอกตัวเองแล้วพูดเสียงดังว่า “ครั้งนี้ พวกเราจะต้องจัดการคู่ปรับอย่างเมืองแบล็กสโตนให้ได้ แล้วเลื่อนระดับเป็ระดับห้าของอาณาจักรบริวาร”
ซุนเฟยรู้สึกแปลกใจก่อนจะถามว่า “ซ้อมรบระหว่างอาณาจักรบริวาร? อืม มันคืออะไรหรือ?”
สำหรับองค์าาอเล็กซานเดอร์ที่พึ่งฟื้นสติกลับมาเป็คนปกติ ทั้งความรู้ก่อนหน้านี้ก็ลืมไปหมดแล้วทุกคนจึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไร บรู๊คอธิบายอย่างอดทนว่า “ฝ่าา การซ้อมรับเป็การแข่งขันระดับชาติที่จัดขึ้นโดยจักรพรรดิแห่งเซนิท ถ้าการรบมีประสิทธิภาพโดดเด่น โอกาสที่เมืองแซมบอร์ดจะถูกยกระดับขึ้นเป็อาณาจักรบริวารระดับห้านั้น สำหรับข้าแล้วนี่เป็โอกาสดียิ่งขอรับ”
“อาณาจักรบริวารระดับห้า? แล้วมันมีอะไรดีไหม?”
“แน่นอนขอรับ เมืองแซมบอร์ดตอนนี้เป็เพียงอาณาจักรบริวารระดับหกของราชอาณาจักรเซนิท อาณาจักรที่ถูกจัดไว้เป็อันดับล่างๆ จะได้การสนับสนุนจากราชอาณาจักรเซนิทอย่างจำกัด หากครั้งนี้พวกเราได้เลื่อนระดับเป็ระดับห้า ไม่เพียงได้รับการสนับสนุนทางการเงิน วัสดุ และเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิมจากราชอาณาจักรเซนิท ยังสามารถเพิ่มประชาการและทหารในเมืองได้อีกด้วย ทั้งยังได้รับที่ดินเพิ่ม แม้กระทั่งได้รับรางวัลเป็ม้วนคัมภีร์ระดับดาว ซึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเมืองแซมบอร์ดได้!”
เป็ครั้งแรกที่ซุนเฟยได้ยินเื่นี้ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะถามว่า “งั้นจำนวนประชากรและทหารของเมืองแซมบอร์ดตอนนี้ก็ถูกจำกัดใช่ไหม? ยังมีอีกที่เมื่อครู่เ้าบอกว่าได้รับที่ดินและม้วนคัมภีร์ล้ำค่า นี่มันเื่อะไรกัน”
“ฝ่าา ตามกฎหมายของราชอาณาจักรเซนิท อาณาจักรบริวารระดับหกมีประชากรสูงสุดได้แค่หนึ่งหมื่นคนและจำนวนทหารไม่เกินห้าร้อยนาย าาไม่สามารถมีราชวังได้เกินหนึ่งแห่ง มีที่ดินไม่เกินห้าร้อยเฮกตาร์ (สามพันหนึ่งร้อยยี่สิบห้าไร่) หากเกินจำนวนที่จำกัด ความผิดสถานเบาคือถูกจักรพรรดิลิดรอนอำนาจ สถานหนักตามกฎหมายของราชอาณาจักรเซนิทคือจะถูกคว่ำบาตร และอาณาจักรบริวารระดับหกจะมีเพียงม้วนคัมภีร์คลื่นพลังและม้วนคัมภีร์คลื่นพลังสองดาว และห้ามเผยแผ่ม้วนคัมภีร์เกินระดับสองดาวขึ้นไป ผลที่ตามมาจากการละเมิดกฎหมายนี้จะร้ายแรงยิ่งขึ้น” บรู๊คอธิบายต่อไปว่า “และอาณาจักรบริวารระดับห้า เงื่อนไขจะเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า และจะทำให้พลังความแข็งแกร่งของเมืองแซมบอร์ดก้าวะโขึ้นอย่างมาก...หลังจากเลื่อนระดับอาณาจักรบริวารเป็ระดับสี่ ระดับสาม ระดับสอง ระดับหนึ่ง เงื่อนไขก็จะได้รับเพิ่มเป็หนึ่งเท่าตัว”
“นี่เป็กฎบ้าบออะไร หรือว่าราชอาณาจักรเซนิทไม่อยากให้อาณาจักรบริวารตัวเองแข็งแกร่งขึ้นหรือ?”
“แผ่นดินอาเซรอทมีคำกล่าวั้แ่สมัยโบราณว่า สุนัขล่าสัตว์ที่ดุร้ายสามารถแว้งกัดเ้าของได้ สำหรับราชอาณาจักรแล้ว พวกเขาจำเป็ต้องแน่ใจว่าการปกครองของพวกเขาจะไม่ถูกคุกคามโดยคนของตัวเอง”
---------------------------