หลิ่วเทียนฉีกับเฉียวรุ่ยซื้อจิ้งจอกเสร็จก็เดินออกมาด้วยกัน
“เ้าพวกโง่ไร้สมองนี่ ถึงกับเห็นข้าเป็จิ้งจอกแดงทำพันธสัญญาไปงั้นหรือ?”
เฉียวรุ่ยได้ยินเสียงจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนก็หัวเราะอย่างดูแคลนทีหนึ่ง ส่งกระแสจิตตอบกลับ ‘จิ้งจอกแดง? หากเ้าเป็จิ้งจอกแดงจริง พวกเราจะจ่ายสองร้อยก้อนศิลาทิพย์ซื้อเ้าทำไมเล่า? คิดว่าพวกเราเป็คนรวยหน้าโง่หรือ?’
‘เ้า? นี่เ้ารู้ตัวตนของข้า?’
‘พูดไร้สาระ หากเ้าไม่ใช่จิ้งจอกเทพลายทอง ข้าจะทำพันธสัญญากับเ้าทำไมเล่า?’
‘เ้า ช่างใจกล้านัก ถึงกับกล้าทำพันธสัญญากับสัตว์เทพเชียว?’
‘เฮอะ ขู่ข้าให้มันน้อยๆ หน่อย ครั้งนี้เ้าาเ็ไม่เบา ด้วยพลังตอนนี้ของเ้า แค่หนึ่งหมัดของข้าก็ต่อยเ้าตายแล้ว เ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ? ตอนนี้ข้าทำพันธสัญญากับเ้าเป็เ้านายแล้ว หากข้าเป็อะไรขึ้นมา เ้าก็อยู่ได้ไม่นานเหมือนกัน’
‘เ้า เ้าหนูสมองเลอะเลือนไม่รู้จักกลัวตาย!’ จิ้งจอกเทพลายทองแยกเขี้ยว จ้องเฉียวรุ่ยที่กอดตนอยู่อย่างโกรธเกรี้ยว
เฉียวรุ่ยได้ใจยกมุมปากด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ ท่าทางราวกับทำคนโกรธตายได้ก็ไม่เสียดายชีวิต
‘จิ้งจอกเทพลายทอง ตอนนี้เ้าเป็อสูรเลี้ยงของเสี่ยวรุ่ยแล้ว เ้าก็ว่าง่ายเชื่อฟังคำของเขาเถอะ ขอเพียงเ้าเชื่อฟัง พวกเราจะหาสมบัติวิเศษมาให้ ช่วยเ้ารักษาอาการาเ็บนร่างให้หายดีเหมือนวันวาน ฟื้นพลังของเ้ากลับมาเอง แต่หากเ้าไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็อย่าโทษพวกเราที่ไม่เกรงใจ!’
‘ถูกต้อง ถ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะโยนเ้าลงหม้อต้มแล้วกินซะ!’ เฉียวรุ่ยพยักหน้าเสริม
เฉียวรุ่ยเป็เ้านายของจิ้งจอกเทพลายทอง ย่อมส่งกระแสจิตหา ได้ยินมันส่งกระแสจิตได้ จิ้งจอกเทพลายทองไม่รู้สึกแปลก แต่เห็นบุรุษด้านข้างถึงกับได้ยินมันส่งกระแสจิตด้วย และยังส่งกระแสจิตกับมันได้อีก มันอดตะลึงไม่ได้
‘เ้าได้ยินเสียงกระแสจิตของข้าหรือ?’
‘ทำไมจะไม่ได้ยินเล่า?’
‘เ้า? เ้ากับเขา? หรือพวกเ้าเป็คู่รักผู้ฝึกตน?’ หากทั้งสองไม่ใช่คู่รักผู้ฝึกตน อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางได้ยินเสียงกระแสจิตของตนได้
‘เสี่ยวรุ่ยเป็คู่หมั้นของข้า!’
‘ไม่ ไม่มีทาง พวกเ้าต้องเป็สามีภรรยากันทางกายแล้วแน่ ไม่เช่นนั้น เ้าไม่มีทางได้ยินเสียงกระแสจิตของข้าหรอก’ ต่อให้เป็คู่ชีวิตที่เป็สามีภรรยากันทางกายแล้วก็ต้องให้เ้าตัวพยักหน้ายอมรับ คู่ชีวิตของตนถึงจะสื่อสารกับอสูรเลี้ยงได้ ดังนั้นจิ้งจอกเทพลายทองมั่นใจอย่างยิ่งว่าฐานะของสองคนนี้คือคู่ชีวิต นอกจากนี้เ้าหนูหน้าตายที่ทำพันธสัญญากับเขายังยินยอมแล้วด้วย อีกฝ่ายถึงได้สื่อสารกับเขา
“เกี่ยวอันใดกับเ้าเล่า?” เฉียวรุ่ยหน้าแดง ตีบนตัวจิ้งจอกเทพลายทองหนึ่งที
“โอ๊ย สารเลว เ้าอยากทำให้ข้าตายหรือไง ตัวข้ามีแผลอยู่นะ!” จิ้งจอกถลึงตามองเฉียวรุ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว
“ใครให้เ้าพูดจาเลอะเทะ ไม่รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อยกันเล่า!”
“ฮ่าๆๆ...” ได้ยินเสียงกระแสจิตของเฉียวรุ่ย หลิ่วเทียนฉีก็หัวเราะ
‘เฮอะ เ้าพวกไร้ยางอาย อายุน้อยไม่เรียนดีๆ นอนด้วยกันแล้วยังไม่ให้ใครพูดอีก!’
‘ฮ่าๆๆ ข้าว่าเ้าคงไม่อยากให้พวกเรารักษาอาการาเ็ให้แล้วสินะ!’ หลิ่วเทียนฉียิ้มเย้า สีหน้าไร้พิษสงส่งกระแสจิตหา
เมื่อได้ยินเข้า จิ้งจอกเทพลายทองก็หดร่าง มันมองใบหน้ายิ้มอ่อนโยนของหลิ่วเทียนฉีพลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ ในใจคิด ‘ไอ้เ้านี่ ทำไมถึงยิ้มได้ชั่วร้ายเช่นนี้นะ มองปราดเดียวก็ดูไม่ใช่คนดีเลย’
‘ใช่แล้ว หากเ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะไม่ให้เ้ากินข้าว ไม่รักษาแผลให้ จะให้เ้าเป็สัตว์อสูรขั้นสองทั้งชีวิต!’
ได้ยินคำขู่ของเฉียวรุ่ย จิ้งจอกเทพลายทองหดคอเล็กน้อย ซุกหัวเข้าไปในขนของตน ไม่ตอบทั้งสองอีก
เห็นจิ้งจอกเทพลายทองพริบตากลับเงียบไป หลิ่วเทียนฉีก็มองไปทางคนรัก “ดูท่าเ้านี่จะรู้จักว่าง่ายแล้ว!”
“เป็พยัคฆ์ไร้เขี้ยวตัวหนึ่งเท่านั้น!” เฉียวรุ่ยเบ้ปาก เอ่ยขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
เ้านี่ได้รับาเ็หนัก พลังกว่าครึ่งล้วนถูกผนึก ชั่วครู่ชั่วยามคงไม่มีทางหนีพ้นจากฝ่ามือเขาได้
“ไปกันเถอะ!”
“อืม!” ทั้งสองเดินเคียงไหล่ไปด้วยกัน
หลิ่วเทียนฉีกับเฉียวรุ่ยที่อุ้มจิ้งจอกเดินออกจากประตูใหญ่ของตลาดสัตว์อสูรเห็นหลิ่วซาน หลิ่วซือและหลิ่วอู่ ทั้งสามคนประจันหน้าเข้ามาหา
“พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า! พวกท่านก็มาเดินตลาดสัตว์อสูรเหมือนกันหรือขอรับ?” หลิ่วเทียนฉีทักทายก่อน
“ใช่แล้ว ได้ยินเสี่ยวเอ้อร์1 บอกว่าตลาดสัตว์อสูรแห่งนี้ใหญ่มาก สัตว์อสูรที่ขายก็มีเยอะนัก พวกเราสามพี่น้องจึงมาดูสักหน่อย!” หลิ่วซือพยักหน้าก่อนเอ่ย
“เฉียวรุ่ย อสูรเลี้ยงตัวนี้ของเ้าป่วยซึมเซา คงไม่ตายหรอกนะ?” หลิ่วอู่เห็นจิ้งจอกแดงสภาพไม่ดีในอ้อมแขนของเฉียวรุ่ยก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“ไม่ตายหรอกกระมัง? มันแค่ี้เี เอาแต่นอนเท่านั้น!” เฉียวรุ่ยเหล่ตามมองหลิ่วอู่ ตอบกลับด้วยสีหน้าได้ใจ
ยัยงั่ง นี่เป็ถึงสัตว์เทพเชียวนะ จะเหมือนสัตว์อสูรธรรมดาได้อย่างไรเล่า บอกจะตายก็ตายเลยหรือ?
“เฉียวรุ่ย จิ้งจอกน้อยตัวนี้ ท่าทางน่ารักจริงเชียว?” หลิ่วซานจ้องจิ้งจอกในอ้อมแขนเขา กล่าวขึ้นอย่างหลงใหล
“พี่สาม สีหน้าท่านไม่ค่อยดีนะ!” หลิ่วเทียนฉีมองหลิ่วซานมีสีหน้าซีดขาวพลันเลิกคิ้ว
“อา เมื่อครู่ไม่รู้ข้าเป็อะไร อยู่ดีๆ รู้สึกเจ็บหน้าอกวูบหนึ่ง ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว!”
“อ้อ? ในเมื่อเป็เช่นนี้ พี่สามรีบกลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมหน่อยเถอะ!” เจ็บหน้าอกจริงหรือ? หรือเพราะจิ้งจอกเทพลายทองกันนะ?
“ไม่เป็ไร ข้าอยากเดินดูให้ทั่วสักหน่อย!”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเชิญพี่สามตามสบาย ข้ากับเสี่ยวรุ่ยจะไปกินอาหารเช้ากัน!” พูดพลางพาเฉียวรุ่ยจากไป
หลิ่วซานก้าวเข้าไปขวางทางทั้งสอง
“พี่สามยังมีธุระอันใดอีกหรือ?” หลิ่วเทียนฉีเห็นนางเอกจึงถามเสียงเบา
สายตาของหลิ่วซานมองหลิ่วเทียนฉี แล้วจับจ้องอยู่บนตัวจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนของเฉียวรุ่ย จากนั้นถึงจับตัวเขา
“น้องเฉียวรุ่ย จิ้งจอกน้อยตัวนี้ข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าเ้ายกมันให้ข้าได้หรือไม่ ข้ายินดีจ่ายศิลาทิพย์สองเท่า!” หลิ่วซานมองเฉียวรุ่ยก่อนพูดอย่างจริงจัง
ไม่รู้ทำไมนางเห็นจิ้งจอกตัวนี้อยู่ในอ้อมแขนนั่น ในใจมีความรู้สึกแรงกล้าบางอย่างอยากซื้อโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งเมื่อครู่เห็นเฉียวรุ่ยอุ้มจิ้งจอกจะจากไป นางพลันรู้สึกหดหู่ประหลาด แม้เพิ่งเคยเห็น แต่กลับอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก ถึงขั้นหวังเพียงให้จิ้งจอกน้อยตัวนี้ไม่ถูกผู้อื่นพรากไป
“ขอโทษที จิ้งจอกน้อยตัวนี้เป็ของแทนใจที่เทียนฉีมอบให้ข้า ข้าทำพันธสัญญากับมันแล้ว ไม่อาจยกให้ได้หรอก!” เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะปฏิเสธทันที
ล้อเล่นอะไรกันฮะ ถึงกับจะแย่งสัตว์เทพกับตนเลยหรือ?
“ข้า ข้าจ่ายศิลาทิพย์เพิ่มเป็สองเท่าก็ได้!” หลิ่วซานรีบร้อนตอบกลับ
“ข้าบอกเ้าแล้วนี่ มันเป็ของแทนใจที่เทียนฉีมอบให้ เ้าให้ศิลาทิพย์เท่าูเาลูกหนึ่งกับข้า ข้าก็ไม่ขายให้หรอก!” เฉียวรุ่ยกลอกตาอย่างจนปัญญา มองไปทางหลิ่วซานที่ไม่ยอมตัดใจอย่างหงุดหงิด
“พี่สาม ข้าว่าจิ้งจอกน้อยตัวนั้นป่วยซึมเซา ไม่มีอะไรโดดเด่น หากท่านชอบ พวกเราไปซื้อในตลาดสัตว์อสูรอีกสักตัวก็ได้” หลิ่วซือรีบส่งเสียงช่วยแก้สถานการณ์ให้
“ใช่แล้ว จิ้งจอกแดงเช่นนี้ ในตลาดสัตว์อสูรน่าจะมีไม่น้อย” หลิ่วอู่พยักหน้าเหมือนกัน
“แต่ แต่...” ความรู้สึกที่จิ้งจอกตัวนี้มอบให้หลิ่วซานช่างพิเศษเหลือเกิน พิเศษจนไม่อยากปล่อยมือ
“พี่สาม จิ้งจอกแดงเช่นนี้ ในตลาดสัตว์อสูรอาจไม่ได้มีหลายร้อยตัว แต่ก็มีหลายสิบตัว ท่านจ้องของแทนใจที่น้องเล็กมอบให้คู่หมั้นเช่นนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”
“น้องเจ็ด ข้า...” หลิ่วซานมองหลิ่วเทียนฉี ใบหน้าเขาบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด แสดงออกว่าไม่พอใจ นางจึงกัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
น้องเจ็ดต้องเข้าใจผิด คิดว่านางอยากทำลายความสัมพันธ์ของเขากับเฉียวรุ่ยแน่เลยสินะ?
แต่นางไม่ได้มีเจตนานั้น นางเพียงรู้สึกว่าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ดีอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นางชอบถึงขั้นคิดเอามันมาเป็ของตนให้ได้
“หลิ่วซาน เ้าจ้องของแทนใจที่เทียนฉีมอบให้ข้าเช่นนี้ หรือเ้าชอบเทียนฉีของข้าเข้างั้นหรือ?” เฉียวรุ่ยเอียงศีรษะ ตั้งคำถามอย่างไม่พอใจ
ได้ยินคำพูดของเฉียวรุ่ยทั้งหมด หลิ่วซือกับหลิ่วอู่ต่างหันไปมองทางหลิ่วซานอย่างไม่อยากเชื่อ
“ข้า...” หลิ่วซานรู้สึกว่าสายตาของทุกคนจับอยู่บนร่างตน ใบหน้าพลันแดงก่ำทันที
“ขอโทษด้วยพี่สาม ข้าชอบแต่เสี่ยวรุ่ยเท่านั้น!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางพาเฉียวรุ่ยเดินจากไป
ยุคโบราณ พี่สาวกับน้องชายต่างแซ่หรือพี่ชายกับน้องสาวต่างแซ่แต่งงานกันได้ แต่แซ่เดียวกันไม่สามารถแต่งงานกันได้ พี่สาวกับน้องชายแซ่เดียวกันหรือพี่ชายกับน้องสาวแซ่เดียวกันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงาน ดังนั้น หลิ่วเทียนฉีถึงจงใจเอ่ยเช่นนี้เพื่อให้นางเอกกระอักกระอ่วน ล้มเลิกความคิดที่จะแย่งชิงจิ้งจอกน้อยเสีย
หลิ่วซือกับหลิ่วอู่มองแผ่นหลังของทั้งสองจากไป สีหน้าปั้นยากของพวกนางมองไปทางหลิ่วซานที่ยืนอยู่ที่เดิม
“พี่สาม หลายปีนี้น้องเจ็ดก้าวหน้าเร็วมากก็จริง แต่แซ่เดียวกันแต่งงานกันไม่ได้ พวกท่านเป็พี่สาวน้องชายร่วมตระกูลเดียวกัน เกรงว่า...”
“ไม่ๆๆ ข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้ชอบน้องเจ็ดนะ!” หลิ่วซานส่ายศีรษะ รีบร้อนอธิบาย
หลิ่วซานกับหลิ่วอู่ได้ยินเข้าก็มองตากันทีหนึ่ง เห็นชัดว่าไม่ค่อยเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย อย่างไรเมื่อครู่การกระทำของหลิ่วซานมันเห็นได้ชัดยิ่ง!
“ไปเถอะ พวกเราไปเดินดูตลาดสัตว์อสูรกัน!” หลิ่วซือเห็นหลิ่วซานมีสีหน้ากระอักกระอ่วน จึงรีบเสนอ
“ก็ดี!” หลิ่วซานพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสามคนถึงค่อยเดินเข้าไปด้วยกัน
.........
เมื่อออกจากตลาดสัตว์อสูร หลิ่วเทียนฉีก็พาเฉียวรุ่ยไปซื้อถุงเลี้ยงอสูรใบหนึ่งให้จิ้งจอกน้อย หลังจากนั้นก็พาไปเหลารับประทานอาหาร
“เทียนฉี พี่สามของเ้าคงไม่ได้มองออกหรอกนะ?” ระหว่างที่กิน เฉียวรุ่ยก็เอ่ยถามอย่างกังวล
“ไม่ นางไม่มีความสามารถเช่นเ้า มองไม่ออกหรอก!” แม้มองไม่ออก แต่มากน้อยคงััได้สินะ?
‘โชคชะตาของสาวน้อยนั่นไม่เลวเลย คงรู้สึกถึงปราณทิพย์บนร่างข้า ถึงได้ตอแยพวกเ้าเพื่อจะซื้อ!’
ได้ยินจิ้งจอกเทพลายทองส่งกระแสจิตมา เฉียวรุ่ยอดขมวดคิ้วไม่ได้ ‘โชคชะตา? เ้ามองเห็นโชคชะตาด้วยหรือ?’
‘เฮอะ ข้าเป็ถึงสัตว์เทพ ย่อมไม่มีสิ่งใดไม่รู้ ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้!’
‘ขี้โม้ ถ้าอย่างนั้นเ้าลองดูให้ข้าซิ โชคชะตาของข้าดีหรือไม่กันล่ะ?’ เฉียวรุ่ยส่ายศีรษะไม่เชื่อ
‘โชคชะตาของเ้ากับคู่ชีวิตของเ้าข้ามองไม่ออก เพราะโชคชะตาของพวกเ้าถูกเปลี่ยนไปแล้ว’
‘ชิ จริงหรือหลอกกันฮึ? เ้ากะล่อน!’
‘ไม่ได้หลอกนะ ที่ข้าพูดเป็เื่จริง โชคชะตาของเ้าเดิมทีเป็ชะตาถังทอง จะหาสมบัติมากมายพบแต่กลับหล่นหายไปเสียหมด ไปเสริมกระแสโชคชะตาให้ผู้อื่น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ดีๆ โชคชะตาของเ้าถึงเปลี่ยน ตอนนี้ข้าถึงได้มองกระแสโชคชะตาของเ้าไม่ออกไงล่ะ!’
‘จิ้งจอกเทพลายทอง ไม่เสียทีที่เป็ถึงเป็สัตว์เทพ ถึงกับมองกระแสโชคชะตาของผู้อื่นออกได้เชียว!’ หลิ่วเทียนฉีมองถุงเลี้ยงอสูรของเฉียวรุ่ยพลางส่งกระแสจิตบอก
‘เ้าเป็ใคร ทำไมข้าถึงมองไม่เห็นกระแสโชคชะตาของเ้า ไหนจะไม่เห็นเส้นทางชีวิตของเ้าด้วยเล่า? หรือว่าเ้าเป็...’ ิญญายึดครองร่าง คำนี้ยังไม่ทันส่งกระแสจิตออกมาก็ถูกหลิ่วเทียนฉีขัด
“รู้มากเกินไปก็ไม่ดีกับเ้านะ จะกลายเป็น้ำแกงหม้อหนึ่งเสียเท่านั้น”
ได้ยินเช่นนี้ จิ้งจอกเทพลายทองจึงไม่ส่งกระแสจิตต่อ มันรู้ว่าคู่ชีวิตของเ้านายไม่ใช่คนที่จัดการง่าย หากตนพูดออกไปว่าอีกฝ่ายอาจเป็ิญญายึดครองร่าง ไม่แน่อาจโดนฆ่าปิดปาก
--------------------------------------------------------------
1 เสี่ยวเอ้อร์ (小二) คำเรียกลูกจ้างในโรงเตี๊ยม