โจวซื่อโพกใบหน้าด้วยผ้า มือทั้งสองห่อผ้าไว้แน่นขณะยืนข้างเตียงของฉือเย่ด้วยความเห็นใจ
คนบนเตียงหลับตาใบหน้าแดงก่ำ เขาเปล่งเสียงฮือด้วยความเ็ปเป็ครั้งคราว เมื่อมองสภาพฉือเย่เช่นนี้ โจวซื่ออยากจะให้คนที่ป่วยคนนั้นเป็นางมากกว่า นางไม่้าให้ฉือเย่เป็เช่นนี้
นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะคนที่เป็โรคฝีดาษจะมีชีวิตรอดได้
เมื่อนึกถึงเมื่อสองสามวันก่อน ท่านอาจารย์ของเ้าสี่ยังกล่าวชมเขาที่เขียนหนังสือได้ดี และยังกล่าวด้วยว่าเขาจะต้องมีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
สกุลโจวของพวกนางทำงานหนักและประหยัดเงินได้มากมาย ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ฉือเย่ได้เรียนหนังสือและเทิดเกียรติให้บรรพบุรุษหรอกหรือ?
เสียงคร่ำครวญด้วยความเ็ปของฉือเย่ดังมาจากข้างๆ โจวซื่อทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว นางวิ่งออกไปทั้งน้ำตา
ทันทีที่ออกจากประตูห้องของฉือเย่ นางก็เห็นคนจากครอบครัวบุตรชายใหญ่และคนในครอบครัวบุตรชายรองยืนอยู่ที่ประตู
ฟางซื่อดึงแขนเสื้อของซ่งซื่ออย่างเงียบๆ พร้อมขยิบตาให้ ก่อนจะก้าวถอยไปด้านหลัง
“ท่านแม่” ซ่งซื่อจ้องมองโจวซื่อด้วยดวงตาสีเข้ม นางกำแขนเสื้ออย่างไม่สบายใจ “น้องสี่เป็อย่างไรบ้าง?”
“ข้าบอกให้พวกเ้าไปเชิญหมอมาที่นี่ พวกเ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด?” ใบหน้าของโจวซื่อเปลี่ยนเป็เ็า นางะโด้วยความเข้มงวดรุนแรง
“ท่านแม่” ฟางซื่อบิดบั้นท้ายอันใหญ่โตเดินนวยนาดหาโจวซื่อ เดิมทีนาง้าจะประคองโจวซื่อ แต่ในขณะที่มือของนางกำลังจะแตะเสื้อผ้า จู่ๆ ก็หยุดชั่วขณะ แล้วดึงมือกลับมา นางถามอย่างระมัดระวังว่า "พวกเราเป็ห่วงน้องสี่ ได้ยินจากเพื่อนร่วมเรียนของน้องสี่ในเมืองบอกว่าน้องสี่เป็ฝีดาษ?"
อากาศร้อนมากและดวงอาทิตย์ก็สาดแสงแผดเผาพื้นโลกราวกับว่า้าเผาผู้คนบนโลกให้สุกอย่างไรอย่างนั้น
แผ่นหลังของโจวซื่อพลันหนาวเย็น ใบหน้าของนางก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น ดวงตาเย็นเยียบมองไปที่ฟางซื่อ น้ำเสียงของนางเ็าราวกับพายุหิมะในฤดูหนาว "ข้าสั่งให้เ้าไปเชิญหมอมาที่บ้าน ใครสั่งให้เ้าพูดพล่าม เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นของเ้า!”
ฟางซื่อปิดปากอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปทางสามี นางก็แค่มาถามเฉยๆ เห็นท่านแม่แสดงออกเช่นนี้ น้องสี่น่าจะเป็ไข้ทรพิษแปดส่วนในสิบส่วน
“จะมายืนมุงขวางทางอะไรที่นี่?” โจวซื่ออดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง “เ้าใหญ่ เ้าไปเชิญหมอมาที่นี่!”
ฉือซู่เป็คนซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ เมื่อเขาได้ยินโจวซื่อเรียกเขา เขาก็ตอบรับแล้วหันหลังเดินออกไปทันที
ประจวบเหมาะกับถึงเวลาที่หลินกู๋หยู่ต้องนวดให้ฉือหาง ในขณะที่นางกำลังซักผ้าอยู่ที่ลานบ้านเมื่อเช้านี้ นางได้ยินสิ่งที่พี่สะใภ้ทั้งสองสนทนากัน
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่ใช้แรงนวดฉือหาง นางเอ่ยอย่างลังเลว่า “เมื่อเช้านี้ข้าได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองคุยกันว่าน้องสี่เป็ฝีดาษ”
แรงนวดของหลินกู๋หยู่ดีมาก ทุกครั้งที่นางนวดเขา ฉือหางรู้สึกเคลิ้มสบายจนอยากนอน เขาเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่บน์ เมื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของเขาก็ออกอาการใ "เ้าพูดว่าอะไรนะ?"
“หมอในเมืองบอกว่าน้องสี่ดูคล้ายจะเป็ฝีดาษ” หลินกู๋หยู่พูดซ้ำอย่างใจเย็น
“จริงรึ?” ฉือหางมองหลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงของเขาแหบพร่า “ไข้ทรพิษทำให้คนตายได้”
ในสังคมสมัยใหม่ โรคฝีดาษสามารถป้องกันได้เท่านั้น เป็เพราะผู้คนใช้มาตรการป้องกันอย่างดี ดังนั้นทุกอย่างจึงปกติดี
ในสมัยโบราณ โรคไข้ทรพิษเป็โรคติดต่อชนิดหนึ่งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด และเป็โรคติดต่อร้ายแรง ซ้ำร้ายอาการของโรคก็ร้ายแรงด้วย
หลินกู๋หยู่คิดในใจ พวกนางควรจะเปลี่ยนที่อยู่อาศัยไปที่อื่นหรือไม่ หากอาศัยอยู่ที่นี่ มีความเป็ไปได้ว่าพวกเขาอาจจะติดเชื้อได้
ถ้าเป็โรคอื่น หลินกู๋หยู่อาจจะไปช่วยตรวจ แต่ไข้ทรพิษเป็โรคร้ายแรงที่ถึงแก่ชีวิตได้ และการรักษาพยาบาลที่นี่ก็ยังล้าหลัง นางไม่มั่นใจว่าจะรักษาโรคนี้ได้
“กู๋หยู่” ฉือหางตื่นตระหนก เขารู้สึกกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก “เ้าช่วยน้องสี่ได้หรือไม่?”
หลินกู๋หยู่หยุดนวดชั่วขณะ นางมองฉือหางด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
“ข้ารู้ว่าเ้าเก่งเื่การแพทย์” ฉือหางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “ถ้าเป็ไปได้ เ้าจะช่วยน้องสี่ได้ไหม?”
หลินกู๋หยู่ยังคงไม่พูดอะไร ฉือหางมองไปที่ใบหน้าที่น่าเกลียดของหลินกู๋หยู่ "เ้าเก่งมากถึงขั้นสามารถดึงข้ากลับมาจากโลกยมบาลได้ น้องสี่เ้าก็ต้อง..."
"ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้วิธีช่วย" หลินกู๋หยู่พูดอย่างเ็า ก้มหน้าลงไม่สบตาฉือหางแล้วนวดต่อไป
เป็เวลากว่าสองเดือนแล้ว ตามคำกล่าว โรคกล้ามเนื้อและกระดูกจะต้องใช้เวลาร้อยวันถึงจะฟื้นเป็ปกติ ร่างกายของฉือหางก็เกือบจะหายดีแล้ว เมื่อนางกดมือ นางพบว่าเอวของเขาไม่มีปัญหาแล้ว
"ข้าขอโทษ มันเป็ความผิดของข้าเอง" ในอกของฉือหางคล้ายจะถูกปิดกั้นด้วยบางสิ่ง เขารู้สึกอึดอัดมากจนไม่รู้ว่าจะระบายมันอย่างไร
หลินกู๋หยู่ลุกออกจากร่างของฉือหาง นั่งบนขอบเตียงและเริ่มสวมรองเท้า
เดิมทีโต้ซานั่งยองๆ บนพื้น ถือกิ่งไม้และขีดเขียน เมื่อเห็นว่าฉือหางลุกขึ้นแล้ว เขาก็รีบลุกขึ้นเช่นกัน จับมือของหลินกู๋หยู่ "ท่านแม่ ข้าเขียนได้ ข้าเขียนได้แล้ว!"
มือของนางถูกมือที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของโต้ซาจับไว้ อารมณ์หดหู่แต่เดิมก็ถูกพัดหายไป หลินกู๋หยู่เดินตามโต้ซา
โต้ซาเขียนได้เพียงไม่กี่คำ ตัวอักษรโค้งบิดเบี้ยว แต่อย่างไรเสียมันก็ไม่ส่งผลต่อความสามารถในการแยกแยะคำเหล่านี้ของนาง
ฉือหางลงจากเตียงตามหลินกู๋หยู่ เขาเดินตามหลังนาง
เมื่อมองไปที่สิ่งที่บิดเบี้ยวบนพื้นเ่าั้ ฉือหางรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย
“หนึ่ง สอง” โต้ซาชี้นิ้วมือไปที่คำที่เขียนบนพื้นด้วยกิ่งไม้ และพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ “สาม สี่ ห้า หก เจ็ด!”
“เยี่ยมมาก” หลินกู๋หยู่ััศีรษะของโต้ซาอย่างชื่นชมเบาๆ “โต้ซาเยี่ยมมาก โต้ซาเรียนรู้คำศัพท์มากมายได้ไวมาก”
ตอนนี้โต้ซาอายุน้อยกว่าสองปี นางไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเรียนรู้ได้เร็วขนาดนี้
ใบหน้าของฉือหางแดงเล็กน้อย เขามองลงไปที่เด็กสาวตัวเล็กข้างๆ และถามอย่างลังเลว่า "กู๋หยู่ เ้ารู้หนังสือหรือ?"
“อืม” หลินกู๋หยู่ตอบอย่างใจเย็น เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง แล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เ้ารู้หนังสือหรือไม่?"
ฉือหางยกมือขึ้นแตะหลังศีรษะ คิดอยู่ครู่หนึ่ง "เ้าน่าทึ่งจริงๆ"
เขาไม่รู้หนังสือ
หลินกู๋หยู่สอนโต้ซาอีกหนึ่งคำ จากนั้นก็ไปทำอาหารกลางวัน
อาจถึงเวลาที่ต้องพูดถึงเื่การจากไปแล้ว
หลินกู๋หยู่นั่งยองๆ ข้างเตา พลางคิดอย่างเหม่อลอย ตอนนี้สุขภาพของฉือหางเกือบจะหายเป็ปกติ นางไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเป็ไปได้ นางยัง้ากลับบ้าน เพราะท้ายที่สุด แม่และน้องชายของร่างเดิมไม่มีคนคอยดูแล
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางยังต้องไปที่โรงหมอสกุลลู่เพื่อรักษาคน
ในยุคปัจจุบัน หลินกู๋หยู่มีความสนใจด้านการแพทย์แผนจีนอย่างมากั้แ่นางยังวัยเยาว์ นั่นเป็เหตุผลที่นางเลือกเรียนแพทย์แผนจีนเมื่อตอนที่นางเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
หลินกู๋หยู่ยืนหั่นพริก ทันใดนั้นนางก็รู้สึกถึงเงามืดเบื้องหน้า
“กู๋หยู่” ฉือหางยืนอยู่ด้านข้าง เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ เขาถามอย่างลังเลว่า “เ้า้าให้ข้าทำอะไรไหม?”
“ไม่จำเป็” โดยปกตินางมักจะทำอาหารคนเดียว “เ้าไปพักผ่อนเถอะ ร่างกายของเ้ายังไม่หายดี”
“ข้ารู้สึกว่าร่างกายของข้าดีขึ้นมากแล้ว ทำงานเบาๆ ได้ไม่เป็ไร” ฉือหางพูดอย่างลังเล
หลินกู๋หยู่หยุดหั่นผัก มองไปที่ฉือหางอย่างใจเย็น
"ทำไมหรือ?" ฉือหางไม่คุ้นเคยกับการมองของนาง จึงถามอย่างตะกุกตะกัก
หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดตรงประเด็นว่า "ถ้าเ้าอาการดีขึ้นแล้ว ข้าก็จะกลับบ้านแล้ว"
ฉือหางยืนอยู่ที่เดิมอย่างกระอักกระอ่วน จ้องมองหลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาที่มืดและเปียกปอนคู่หนึ่ง เสียงของเขาสำลักเล็กน้อย "โอ้"
จากนั้นเขาก็ประคองเอวด้วยมือข้างหนึ่ง แสร้งทำเป็เ็ป และเดินไปที่เตียงทีละก้าว
กลับบ้านเป็เพียงเื่ของเดือนนี้เท่านั้น เอวของฉือหางฟื้นฟูได้ค่อนข้างเร็ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทั่วไปแล้ว
ฉือหางนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอึดอัดขณะจ้องมองไปที่ม่านเตียงสะอาด
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะมาที่นี่ สถานที่ที่เขานอนนั้นสกปรกและมีกลิ่นเหม็น บางครั้งฉือหางเองก็ไม่อยากอยู่ในสภาพเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม หมอกลับบอกว่าเขาใกล้จะตายแล้ว ดังนั้นทำไมเขาถึงต้องทนอยู่ต่อไปด้วยละ?
การปรากฏตัวของหลินกู๋หยู่เป็การดึงเขากลับมาจากยมโลก รั้งเขาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ได้รับแรงจูงใจที่จะมีชีวิตต่อไป
เป็เวลาสองเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเื่หนังสือหย่าไปแล้ว
มือของฉือหางจับฟูกข้างใต้อย่างผิดธรรมชาติ คิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งขึ้น
หลินกู๋หยู่นำอาหารทั้งหมดมาวางที่โต๊ะ และเรียกฉือหางที่นอนอยู่บนเตียง "พี่ฉือหาง ล้างมือแล้วมากินข้าว"
หลังจากพูดจบหลินกู๋หยู่ก็ดึงโต้ซา ซึ่งนั่งยองๆ ขีดเขียนอักษรอย่างจริงจังอยู่บนพื้นออกไป และล้างมือเล็กๆ ให้เด็กน้อย
โต้ซาเป็เด็กดีว่านอนสอนง่ายมาก เมื่อก่อนเขาเคยเป็เหมือนกระต่ายที่ตื่นกลัวตลอดเวลา แต่ตอนนี้เขากลายเป็กระต่ายน้อยที่เชื่อง นุ่มสบายมือเมื่อัั
ในขณะที่กำลังเช็ดมือให้โต้ซา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังจากด้านหลัง
หลินกู๋หยู่หันกลับมาและพบว่าฉือหางนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น
เกิดอะไรขึ้น?
หลินกู๋หยู่วางโต้ซาแล้วเดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว ก้มลงช่วยประคองฉือหางขึ้น
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยประคองฉือหางขึ้นมา หลินกู๋หยู่พยายามที่จะพยุงฉือหางและเดินเข้าไปด้านใน
ขาสั้นของโต้ซาวิ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของฉือหางอย่างรวดเร็ว จับมือของฉือหาง แต่จริงๆ แล้วเขาเพียงแค่จับนิ้วมือเท่านั้น
รอให้หลินกู๋หยู่ช่วยประคองฉือหางนอนลงบนเตียง นางหายใจหอบ พูดอย่างกังวลว่า "ทำไมเ้าถึงประมาทเช่นนี้"
ใบหน้าของฉือหางซีดขาว มีเหงื่อเย็นซึมออกมาที่หน้าผาก เขานิ่งเงียบ
"ไม่สบายตรงไหนหรือ?" หลินกู๋หยู่เอื้อมมือไปช่วยฉือหางพลิกตัว
"ข้าาเ็แล้ว" ดวงตาสีเข้มของฉือหางดูเหมือนจะชื้นขึ้น เขาหายใจเหมือนกำลังจะตาย ในน้ำเสียงของเขาเจือด้วยความโศกเศร้าอาดูร
ก่อนที่หลินกู๋หยู่จะพูด คนที่ตั้งใจล้มก็ส่งเสียง "ฮือ" อย่างแ่เบา และหยุดจังหวะชั่วคราว "แต่ไม่เป็ไร เ้ายัง ยังสามารถกลับ... กลับ..."
ไม่ว่าอย่างไรฉือหางพูดคำว่า "บ้าน" ในตอนท้ายไม่ออก และเขาขมวดคิ้วด้วยความเ็ป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเสียหายแต่อย่างใด
“ไม่ไป” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หน้าของนางซีด การหกล้มไม่ใช่เื่ตลก ถ้าไม่เป็ไรจริงๆ ก็ไม่เป็ไร แต่เกรงว่าจะต้องเจ็บอีกครั้ง “พลิกตัว ให้ข้าดูหน่อย"
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยให้ฉือหางพลิกตัวแล้ววางมือบนแผ่นหลัง เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก นางจึงรู้สึกโล่งใจ
“ไม่มีปัญหาร้ายแรงนักหรอก เ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?” หลินกู๋หยู่ลดเสียงลงและถามเบาๆ อย่างอ่อนโยน
ฉือหางหันศีรษะมองหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว แสดงสีหน้าเ็ปเจียนตาย เขาขมวดคิ้ว แค่นเสียงฮึสองครั้งเพื่อคัดค้านบทสรุปของนางที่ว่า "ไม่มีปัญหาร้ายแรงนักหรอก" ด้วยท่าทีอ่อนแอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้