แม้จะรู้สึกว่าหากยังจ้องมองต่อไป ใจที่กำลังเต้นแรงอาจพุ่งหลุดออกจากปากได้
แม้ว่าในยามนี้หัวใจจะหวั่นไหว แต่ดูเหมือนว่ามู่จื่อหลิงจะไม่สามารถต้านทานการยั่วยวนได้อีกต่อไป นางจ้องมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่อย่างไม่กะพริบตา...
ราวกับว่านางอยากจะเก็บภาพยามตกอยู่ภายใต้กลิ่นอายที่ทรงอำนาจเช่นนี้ของเขาให้มันประทับลงในใจ สลักลึกตอกย้ำรอยประทับให้ลึกล้ำลงไปอีกครั้ง จดจำมันไว้ยาวนาน
แสงสีขาวจางๆ ในห้องตกกระทบกับใบหน้าละเอียดอ่อนและงดงามของหลงเซี่ยวอวี่ ราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุมไปด้วยความนุ่มนวลอันแสนอบอุ่น
ไม่รู้ว่าเป็เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งแช่บ่อน้ำพุร้อนมา หรือเป็เพราะถูกใครบางคนจ้องมองกันแน่ ส่งผลให้แก้มสีซีดของเขากลับกลายเป็สีแดงจางๆ มันช่างลึกลับ ทั้งยังเต็มไปด้วยความยั่วยวนใจไม่รู้จบ
ดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่นั้นสวยงามมาก ดวงตาสีเข้มราวสีหมึกแลดูล้ำลึกไม่ต่างจากมหาสมุทร ช่างมืดมนและมีเสน่ห์ ราวกับว่าในส่วนที่ลึกที่สุดของดวงตาคู่นั้นจะมีแรงดึงดูดที่แสนวิเศษซ่อนอยู่ บังคับให้ดวงตาของนางจ้องมองไปที่มัน
ยิ่งจ้องมอง มู่จื่อหลิงก็รู้สึกว่าโคนหูของนางเริ่มร้อนขึ้นและเปลี่ยนเป็สีแดง ความร้อนที่แผดเผาเริ่มแผ่ขยายจากโคนหูไปยังทุกส่วนของร่างกายอย่างช้าๆ...
เมื่อมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กซึ่งใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดงเข้มต่อหน้าเขา ความเมินเฉยและเ็าทั้งหมดในร่างกายของเขาค่อยๆ จางหายไป หลงเซี่ยวอวี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่อ่อนโยนของเขานั้นไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้
แต่กลับไม่รู้ว่า...
แม้ว่าดวงตาของมู่จื่อหลิงจะจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขา แต่ในยามนี้ เขาไม่ได้สวมใส่สิ่งใดไว้บนร่างกาย ในยามนี้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าเขากำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาที่ลุกโชน หูของเขาก็เริ่มร้อนผ่าว และััที่นุ่มนวลของความร้อนก็พุ่งขึ้นไปบนใบหน้าที่ทั้งหล่อเหลาและงดงามของเขาจนเปลี่ยนเป็สีชมพูจางๆ
หลงเซี่ยวอวี่แสร้งทำเป็สงบ ระมัดระวังในทุกการเคลื่อนไหว
มุมปากของเขากำลังยกสูงขึ้นจนดูงดงามมากขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนลึกของดวงตาที่มืดมิด ช่างแสนลึกล้ำ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเชื่องช้า และแหบอย่างมีเสน่ห์ว่า “ดูดีไหม?”
คำสามคำค่อยๆ ลอยล่องออกมาอย่างช้าๆ ดังก้องภายในห้องขนาดใหญ่ที่เงียบสงบ มันช่างหลอกล่อใจคนให้หลงเสน่ห์
แต่ทั้งร่างของมู่จื่อหลิงราวกับถูกแตะบนจุดฝังเข็ม ด้วยนางยังคงเงยหน้าขึ้น จ้องมองตรงไปยังทิวทัศน์ที่งดงามตรงหน้านางโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าเล็กสีชมพูจางที่แสนจะอ่อนโยนที่อยู่ตรงหน้า หลงเซี่ยวอวี่ก็โน้มตัวลงเล็กน้อยเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับนางในระยะใกล้
เขายกมืออันอบอุ่นขนาดใหญ่ขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ลูบไล้แก้มอบอุ่นของมู่จื่อหลิง ลูบมันเบาๆ ด้วยปลายนิ้วของเขา
มือของเขาร้อน ใบหน้าของนางจึงยิ่งร้อนผ่าว ััที่นุ่มนวลและละเอียดอ่อนทำให้รู้สึกดีจริงๆ!
ในเวลาเดียวกัน มุมปากของหลงเซี่ยวอวี่ก็โค้งขึ้นเป็รอยยิ้มที่ชั่วร้ายและขี้เล่น ลมหายใจร้อนแผดเผากระจายบนใบหน้าของนาง เขาลากเสียงยาวขึ้นจมูกช้าๆ ว่า “มู่มู่คนโง่ อิ่มเอมใจกับเรือนร่างของเปิ่นหวางมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หือ?”
เสียงที่ทุ้มต่ำเอ่ยออกมาช้าๆ ลอยผ่านอากาศ ไหลเข้าหูของมู่จื่อหลิงทีละคำ
อิ่มเอมใจกับเรือนร่างของเปิ่นหวางมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ...ถ้อยคำเหล่านี้เปรียบเสมือนผึ้งขยันที่ไม่ย่อท้อต่องาน [1] ราวกับมีเสียงหึ่งจากการกระพือปีกบินดังคลอเคลียอยู่ในสมองของมู่จื่อหลิง สุดท้ายก็สะท้อนไปในจิตใจของนาง...
ในเวลาถัดมา ร่างกายของมู่จื่อหลิงราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ทั้งหัวใจของนางราวกับกำลังท่วมท้นด้วยน้ำจากสายฝน [2] ใจของนางกำลังเต้นตึกตักอย่างรุนแรงอีกครั้ง แต่เมื่อนางมองเข้าไปในดวงตาที่น่าหลงใหลของหลงเซี่ยวอวี่ ทันใดนั้นสติของนางก็กลับมาอีกครั้ง
ผู้ชายผู้นี้ช่างไร้ยางอาย!
ยังจะถามอีกว่าอิ่มเอมใจกับเรือนร่างของตนหรือไม่?
นางอิ่มเอมใจั้แ่เมื่อใดกัน...ในฉับพลัน มู่จื่อหลิงก็นึกขึ้นมาได้ว่านางรู้สึกตกตะลึงมากกับใบหน้าของมารร้ายผู้นี้ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลับหัวกลับหาง [3]
เกลียดนัก! น่ารังเกียจจริงๆ!
เมื่อคิดถึงสายตาที่เขาชำเลืองมองมาแวบหนึ่งเมื่อครู่นี้ บอกตามตรงเลยว่าเรือนร่างของมารร้ายผู้ทรงเสน่ห์นี้ช่างดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ดี แต่มันดีมาก
ดังนั้น ในเมื่อมีทิวทัศน์ที่สวยงามขนาดนี้แล้วนางยังไม่มอง มันจะไม่ถือว่าเป็การทำให้เกิดความสิ้นเปลืองที่แสนจะน่าเสียดายหรอกหรือ?
แต่เมื่อได้มองดูจนพอใจแล้ว ไม่มองซ้ำอีกก็ไม่เห็นจะเป็อะไร
มู่จื่อหลิงกำหมัดของนางแน่น ด้วยรู้ว่านางจะต้องสูญเสียอย่างแน่นอนหากนางยังคงลุ่มหลงต่อไป นางจึงละสายตาออกจากใบหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ ยืดศีรษะขึ้นมองตามแนวสายตาตน
แต่สายตาที่หลุดจากใบหน้าของเขา มันกลับบังเอิญไปตกอยู่ตรงลูกกระเดือกทรงเสน่ห์และแผงอกแกร่งกำยำของเขา
มู่จื่อหลิงกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งในทันที ใบหน้าแดงของนางก็เปลี่ยนเป็สีแดงเข้มในทันใด ร่างกายร้อนรุ่มไปด้วยความร้อนราวกับถูกเพลิงเผา
เ้ามารร้ายสมควรตายผู้นี้!
กลางค่ำกลางคืนไม่รู้จักนอน ทำเช่นนี้นางถึงได้ออกมา นี่มันแย่จริงๆ!
มู่จื่อหลิงกัดฟันแน่น ระงับความเดือดดาลในใจของตน อดไม่ได้ที่จะสบถในใจ
ครู่ต่อมา มู่จื่อหลิงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันเหสายตาของตนออกไปด้วยท่าทางที่ดูอึดอัดมาก หลีกเลี่ยงการััแก้มของตนจากหลงเซี่ยวอวี่
เมื่อเห็นความเขินอายของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่จึงเอนตัวลง จิ้มเบาๆ ที่ริมฝีปากนุ่มของนาง
หลังจากนั้น เขาก็ก้าวเดินไปที่ราวซึ่งมีชุดแขวนอยู่อย่างสงบด้วยท่าทางสง่างาม หยิบชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาสวมปกปิดกายของตนอย่างหลวมๆ
เมื่อเห็นว่ามู่จื่อหลิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้น มองดูบ่อน้ำพุร้อนที่มีหมอกหนาโดยไม่เคลื่อนไหว เหมือนจะยังคงโกรธด้วยความแง่งอน หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองมู่จื่อหลิงขึ้นลงหนึ่งรอบ ก่อนจะเดินไปหาอย่างอารมณ์ดี
ในเวลานี้ มู่จื่อหลิงไม่รู้ตัวเลยว่านางสวมเพียงกางเกงซับในเนื้อบาง เนื่องจากเมื่อครู่นางเปียก ผ้าเนื้อบางที่โดนน้ำจึงแนบชิดติดอยู่กับร่างกายของนางแน่น
ในยามนี้ ชุดผ้าบางๆ ที่ปกคลุมร่างกายของนาง เกือบจะเปลี่ยนเป็ผ้าโปร่งแสง เกาะติดแน่นอยู่กับร่างกายของนาง เส้นโค้งที่สมบูรณ์แบบเกือบจะถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาของหลงเซี่ยวอวี่
เมื่อครู่นี้ด้วยถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เฝ้ามองอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาจึงไม่ทันได้สังเกตว่าเรือนร่างของนางก็เปิดเผยไม่ต่างไปจากเขาเลย มายามนี้มุมปากของหลงเซี่ยวอวี่จึงกระตุกขึ้นเกิดรอยยิ้มที่ยากจะอธิบาย...แน่นอนว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ตนเองต้องทนทุกข์ทรมาน
หลงเซี่ยวอวี่ลดระดับสายตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มู่จื่อหลิง มองดูนางด้วยท่าทางคุกคามและชั่วร้าย ดวงตาคู่งามทั้งมืดหม่นและพร่ามัว ดูเหมือนว่าความปรารถนาจะก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
มู่จื่อหลิงรู้สึกได้ถึงสายตาแผดเผาที่จ้องมองมาจากคนที่อยู่ข้างกาย นางจึงเม้มริมฝีปากอย่างแรง หันศีรษะไปมองด้านข้าง...
แต่หลงเซี่ยวอวี่กลับถอนสายตาพร้อมก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว ดวงตาของเขาสบกับแก้มป่องของมู่จื่อหลิงอย่างเป็ธรรมชาติ น้ำเสียงของเขานั้นเยือกเย็นชวนให้มึนเมา “ว่าอย่างไร ยังอยากเห็นเรือนร่างของเปิ่นหวางอีกหรือไม่?”
น้ำเสียงของเขาน่าฟังมาก ลึกล้ำเต็มไปด้วยแรงดึงดูด ลึกซึ้งแต่ไม่เหลาะแหละ สง่างามแต่กลับไม่ละทิ้ง ‘ความตราตรึง’ แม้แต่น้อย
ดูกับผีสิ [4]!
ชายผู้นี้...หน้าด้านเกินไปจริงๆ
มู่จื่อหลิงหันหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ
เมื่อมองดูท่าทางโกรธเคืองและไม่พอใจของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่ก็ยื่นมือออกมาจับใบหน้าเล็กๆ ของนางอีกครั้ง บังคับให้ดวงตาของนางสบกับสายตาเขา
มุมปากของเขายกขึ้นอย่างเฉื่อยชา ทำให้เกิดเป็ส่วนโค้งที่เปล่งประกายระยิบระยับ “ฉีหวางเฟย เ้ายังไม่ลืม...”
ไม่รู้ั้แ่เมื่อใด หัวใจของมู่จื่อหลิงดูเหมือนจะถูกสาปด้วยคำว่า ‘ฉีหวางเฟย เ้ายังไม่ลืม’ อยากจะเปลี่ยนใจก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ [5]
ดังนั้นในยามนี้ มู่จื่อหลิงจึงมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า ก่อนจะถามซ้ำกลับไปว่า “ไม่ลืมอะไร?”
หลงเซี่ยวอวี่ค่อยๆ ก้มศีรษะลง โน้มตัวเข้ามาใกล้หูของนาง ลมหายใจร้อนๆ ของเขาแผดเผาลงมาที่หูของมู่จื่อหลิง “ไม่ลืมว่าเมื่อครู่นี้เ้าเพิ่งเห็นเรือนร่างของเปิ่นหวาง จากนี้ไปเ้าจะต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไร้ยางอายอย่างไม่มีขอบเขตของหลงเซี่ยวอวี่ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมากในทันที ไฟนิรนามสุมในใจจนหายใจไม่ออก ด้วยมันปะทุขึ้นเองจากก้นบึ้งของหัวใจ
จากนั้นมันก็เกิดการะเิ
นางเบิกตาโตใสแจ๋วออกอย่างไม่รู้ตัว มุมปากกระตุกเล็กน้อย “การได้เห็นเรือนร่างเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงท่านผู้เดียวที่ข้าเคยเห็น หากข้าต้องรับผิดชอบต่อทุกๆ สิ่งที่ข้าเห็น เช่นนั้นข้า...”
ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็ได้เผชิญหน้ากับดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ที่เปลี่ยนไปกลายเป็เ็าอย่างรวดเร็ว คำพูดติดอยู่ในลำคอของนางไม่กล้าที่จะพูดแม้แต่จะส่งเสียง
ณ ขณะนี้ เพราะคำพูดโดยไม่รู้ตัวของมู่จื่อหลิง...
ในยามนี้ อุณหภูมิที่อบอุ่นโดยรอบลดลงถึงจุดเยือกแข็ง!
ลมหายใจอุ่นๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศควบแน่นจนเป็น้ำแข็งในทันที มันแข็งตัวเป็ก้อนน้ำแข็ง ทำให้เกิดความหนาวเหน็บจนถึงกระดูก!
ใบหน้าที่หล่อเหลาราว์สร้างของหลงเซี่ยวอวี่ เพียงชั่วขณะหนึ่งมันกลับเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง มีความเย่อหยิ่งเยือกเย็นระหว่างคิ้วที่งดงามของเขาซึ่งทำให้นางที่มองอยู่รู้สึกหวาดกลัว
ดวงตาที่มืดดำของเขา พลันมีความเยือกเย็นที่น่ากลัวปะทุขึ้น ดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำเมื่อครู่นี้ ในยามนี้มันกลับกระหายเืและโหดร้ายไร้ความปรานี
ในยามนี้ การแสดงออกของหลงเซี่ยวอวี่นั้นเ็าจนสามารถกล่าวได้ว่าช่างน่ากลัว สายตาที่เ็าและดุดันของเขาจ้องไปที่มู่จื่อหลิงเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
อากาศที่หนาวเย็นโดยรอบที่หมุนวนอย่างกะทันหันนั้นช่างหนาวเหน็บมากจนไร้หนทางหลบหนี!
ร่างกายของมู่จื่อหลิงดูเหมือนจะหยุดนิ่งจากการถูกแช่แข็งในทันที
ทันใดนั้นหัวใจของนางก็เต้นผิดจังหวะ มีความเสียใจอยู่ในใจของนางเล็กน้อย
แต่นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ น่ากลัว มันน่ากลัวมาก
มู่จื่อหลิงรู้สึกขนลุกเล็กน้อยจากการถูกจ้องมอง ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมา
แต่...พูดไปหมดแล้ว นางกำลังพูดความจริง ต่อให้้าเรียกมันกลับคืนก็ไม่อาจเรียกคืนมาได้แล้ว เช่นนี้ควรทำอย่างไรดี?
มู่จื่อหลิงเม้มริมฝีปากแน่น จ้องไปยังสายตาที่เ็าและน่ากลัวของหลงเซี่ยวอวี่ จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมแสร้งทำเป็สงบ
ดวงตาที่เ็าและลึกล้ำของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงอย่างอันตราย มีร่องรอยของกลิ่นอายสังหารและกดดันลอยอยู่ในคำพูดของเขา “เ้าเคยเห็นผู้ใดอีกบ้าง?”
เขาราวกับถูกปีศาจครอบงำ มีกลิ่นอายเย็นะเือันตรายอย่างยิ่งแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา มันถูกผสานกับลมหายใจเย็นที่ทำให้นางตัวสั่นเทา
หน้าตาอาฆาตเช่นนี้ ทั้งยังมีกลิ่นอายกระหายเืที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าตราบใดที่นางเอ่ยชื่อคนคนหนึ่งออกมา คนคนนั้นจะต้องตายโดยไม่จำเป็ต้องกลบฝัง [6]
มู่จื่อหลิงถูกกลิ่นอายอันทรงพลังของเขากดดัน หัวใจของนางเริ่มขาดความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ในฐานะที่เป็หมอจากอนาคต นางได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่ามามากมาย หากนางบอกให้เขารู้ในยามนี้จริงๆ เขาคงจะไม่โกรธมากจนฆ่าคนทั้งโลกเลยหรือ?
นอกจากนี้ มันเป็เื่ของชาติที่แล้ว เป็คนในชาติก่อน ในยามนี้จะให้นางกล่าวออกมาได้อย่างไร?
ร่องรอยความหงุดหงิดเล็กน้อยปรากฏขึ้นในหัวใจของมู่จื่อหลิง
พันไม่ควรหมื่นไม่ควร [7] อย่างไรก็ไม่ควรกล่าวเื่ไร้สาระเช่นนี้ต่อหน้าทรราชผู้นี้ ที่ยามนี้กำลังร้อนดั่งไฟไม่ใช่หรือ?
มู่จื่อหลิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
นางอยากจะหนี แต่น่าเสียดายที่นางเหยียบคราบน้ำบนพื้นเรียบ ฝ่าเท้าของนางลื่นไถล จนนางล้มทั้งยืน......
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ผึ้งขยันที่ไม่ย่อท้อต่องาน (勤劳的蜜蜂) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ทำบางสิ่งบางอย่างด้วยความตั้งใจเพื่อให้บรรลุสิ่งที่คาดหวังไว้ หรือขยันหมั่นเพียรเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ
[2] ท่วมท้นด้วยน้ำจากสายฝน (翻江倒海) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า อำนาจหรือพลังยิ่งใหญ่แข็งแกร่งมาก
[3] สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลับหัวกลับหาง (颠倒众生) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า เสน่ห์ของคนคนหนึ่งที่มีมากล้นจนเกินบรรยาย กระทั่งสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างหลงใหลได้
[4] กับผีสิ (个鬼) มีความหมายว่า อะไรกันเนี่ย หรือบ้าอะไรกัน (เป็คำที่ไม่สุภาพมากนัก) ส่วนมากใช้ในยามสบถ
[5] ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ (化不开) เป็คำที่ใช้บรรยายถึงความรู้สึกอย่างหนึ่ง ส่วนมากนิยมนำมาใช้กับความรู้สึกรักที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง หรือลบเลือนไปได้
[6] ตายโดยไม่จำเป็ต้องกลบฝัง (死无葬身之地) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ความตายที่น่าสลดใจหรือการถูกกระทำอย่างรุนแรงทั้งที่ตายไปแล้ว เช่นการเผาศพหรือการบดขยี้ร่างกายหลังตาย
[7] พันไม่ควรหมื่นไม่ควร (千不该万不该) เป็วลี มีความหมายว่า ไม่ควรเป็อย่างยิ่ง ไม่ควรทำที่สุด