ฝักกระบี่จรดอยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของฝานหง หากในมือเสวียนเทียนเป็กระบี่เปลือยฝักเล่มหนึ่งกระบี่นี้เพียงพอที่จะแทงทะลุหัวใจของฝานหง ตายในกระบี่เดียว
ฝานหงยอมแพ้เสวียนเทียนเก็บกระบี่กลับแล้วประสายมือทับกระบี่ กล่าวว่า “ศิษย์พี่ฝานหง ออมมือแล้ว”
ฝานหงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ดวงตาได้สติกลับมากล่าวว่า “ศิษย์น้องหวงเทียนวิชากระบี่ของเ้าลึกล้ำยากคาดเดา ความพิสดารของชั้นเชิงกระบี่ในหมู่ศิษย์สำนักนอกข้าเคยเห็นแค่ของหลี่อี้ฉางด้วยความสามารถของเ้าคงมีหวังเข้ารอบสิบลำดับแรกไปวัดฝีมือสูงต่ำกับหลี่อี้ฉางกระบี่ปีศาจเป็แน่ข้าแพ้ให้แก่เ้า ไม่เสียดาย ไม่เสียดายเลย...!”
พูดจบ ฝานหงก็เดินจากไปด้วยสีหน้าหม่นหมองะโทีเดียวลงไปด้านล่าง เดินห่างไปจากเวทีประลอง
ศิษย์ด้านล่างเวทีฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกกระบี่ที่เสวียนเทียนแทงออกมา บีบให้ฝานหงถอยไปสองก้าวเพียงสิบห้ากระบี่ก็บีบฝานหงจากกลางเวทีถอยไปจนถึงสุดขอบ
กระบี่ที่สิบหกฝานหงถอยจนไม่มีที่ถอยฝืนรับกระบี่นั้นของเสวียนเทียน ผลปรากฏว่าถูกกระบี่ของเสวียนเทียนแทงจ่อตรงหัวใจพ่ายแพ้ด้วยมือของเสวียนเทียน
ศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบ ทั้งสำนักนอกมีเพียง 32 คนแต่ละคนล้วนเป็หัวแถวในหมู่ศิษย์สำนักนอก ความสามารถไม่ธรรมดาเป็ตัวตนที่ศิษย์นอกคนอื่นได้แต่ชะเง้อคอมอง
แต่ว่าเพียงแค่สิบหกกระบี่ก็แพ้ให้แก่เสวียนเทียนอีกทั้งกระบี่ของเสวียนเทียนยังไม่ออกจากฝัก ใช้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของความสามารถเท่านั้น!
ผลลัพธ์เช่นนี้จะไม่ให้ในใจของศิษย์ทุกคนตื่นตะลึงได้อย่างไร?
ความสามารถครึ่งหนึ่ง นี่ยังเป็แค่การคาดเดาของบรรดาศิษย์หวงเทียนคนนั้นลึกล้ำดุจห้วงมหาสมุทร แท้จริงแล้วแสดงความสามารถออกมาเท่าไรคนอื่นล้วนมองไม่ออก มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้
ไม่เพียงแต่ศิษย์นอกธรรมดาศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเจ็ด แปด เก้า แม้กระทั่งศิษย์แนวหน้าพลังวัตรขั้นสิบล้วนเผยสีหน้าตะลึงดวงตาไม่อยากเชื่อ
ฝานหงผู้พ่ายแพ้ ไม่ได้มีท่าทีหดหู่สักนิดและไม่มีท่าทีโกรธแค้นแม้แต่น้อยเห็นได้ว่าการต่อสู้กับเสวียนเทียนครั้งนี้เขายอมรับความพ่ายแพ้จากใจไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียหน้าแต่อย่างไร
เพราะศิษย์หัวแถวที่ความสามารถเท่ากันกับเขา หากเจอกับเสวียนเทียนก็มีแต่ต้องพบจุดจบเดียวกันไม่ใช่ว่าฝานหงความสามารถต่ำต้อยเกินไป แต่เป็เสวียนเทียนความสามารถสูงส่งเกินไป
ไกลออกไป!
ในดวงตาของจางหลงสว่างวาบด้วยความตื่นเต้นความกระหายการต่อสู้พวยพุ่ง ในใจคิดขึ้นมาเงียบๆ ว่า “ยิ่งน่าสนใจขึ้นทุกทีเ้าเด็กนี่ก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง หวงเทียน เ้าอึดอีกสักสองรอบเถอะสุดท้ายตกมาถึงมือข้า ให้ข้าจัดการเ้าด้วยตัวเอง”
ไป๋จั่นเฮ่อนั้น ในดวงตามีแววประหลาดใจเขามองเสวียนเทียนจากที่ห่างไกล ในใจอุทานขึ้นว่า “เ้าเด็กคนนี้ ฝึกปราณเบิกนภาได้สำเร็จจริงๆนี่เป็วิถีปราณที่ฝึกฝนยากที่สุดในวิถีปราณชั้นทองทั้งหมดเชียวนะขนาดศิษย์พี่ฉู่เมื่อก่อนฝึกได้่เดียวก็ทิ้งไป หรือว่าสำนักกระบี่์ของเราจะมีอัจฉริยะที่ฝึกปราณเบิกนภาได้ถึงระดับบรรลุส่วนใหญ่ใน่พลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์เป็คนที่สี่ต่อจากปรมาจารย์หลิง?เสียดาย เขาใกล้อายุสิบห้าปีแล้วพลังวัตรเพิ่งถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดขนาดเทียบกับศิษย์พี่ฉู่เฟิงยังห่างไกลกันเป็หมื่นเป็พันลี้ เปรียบกับปรมาจารย์หลิงยิ่งห่างไกลเข้าไปอีกแต่กลับฝึกปราณเบิกนภาสำเร็จได้ ช่างประหลาดเสียจริง”
หยางติ่งจวินมองเสวียนเทียนอยู่ไกลๆ สีหน้าทะมึนดวงตาเหมือนมีไฟโทสะคุโชนข้างกายของเขามีศิษย์ชั้นสูงพลังวัตรขั้นเก้าไม่น้อยรายล้อมอยู่แม้กระทั่งศิษย์ชั้นหัวแถวพลังวัตรขั้นสิบก็มีอยู่ด้วย
หยางติ่งจวินพูดกับศิษย์หัวแถวพลังวัตรขั้นสิบไม่กี่คนข้างตัวว่า“รอบที่ห้าต้องจับชื่อหวงเทียนขึ้นมาให้ได้ ใครได้เจอกับมัน เล่นให้หนักไม่ต้องกลัวทำมันาเ็ ไม่ว่ามันจะเจ็บสาหัสแค่ไหน ข้าจะออกรับแทนพวกเ้าเองตีมันให้พิการ หักขาสุนัขของมัน ป่นกระดูกทั้งร่างของมันให้ข้า!”
“ทราบแล้ว ศิษย์พี่หยาง” ศิษย์ชั้นแนวหน้าหกเจ็ดคนพยักหน้าตอบรับ
หยางติ่งจวินกัดฟันกรอด หมัดกำแน่นแทบแตกพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “จะดีที่สุดให้ข้าจับได้ข้าจะอัดมันให้ยับตายต่อหน้าทุกคน!”
บนยอดเขาลูกหนึ่งตรงข้ามกับยอดเขาที่ลานกว้างของศิษย์สำนักนอกตั้งอยู่ศาลาฟางหลังหนึ่งสร้างขึ้นพอดีทิศตรงข้ามของลานกว้างตรงศาลาฟางนั้นมองเห็นลานกว้างของศิษย์สำนักนอกบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งหมด
สายตาของคนสองคนกำลังมองไปที่ยอดเขาฝั่งตรงข้ามบนล้านกว้างของศิษย์สำนักนอก
เด็กสาวผู้นี้สองขาเพรียวยาวผิวขาวบริสุทธิ์ราวกับหยก หน้าตางดงามสมบูรณ์แบบนางก็คือศิษย์ในสำนักกระบี่์ที่เสวียนเทียนพบที่เทือกเขาเร้นลม หลิงซิงเยว่นั่นเอง
“ท่านปู่หวงเทียนผู้นี้เป็อย่างไรบ้าง? เขามีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก็สามารถเอาชนะศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบได้แม้ว่าศิษย์พลังวัตรขั้นสิบผู้นั้นความสามารถจะไม่นับว่าสูงมากแต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก็เป็เหมือนขุนเขาสูงที่ทำได้เพียงเงยมองหวงเทียนก้าวข้ามช่องว่างพลังสองขั้นเอาชนะเขาได้ อัจฉริยะอย่างนี้ต่อให้เป็ศิษย์ในก็พบไม่มาก”
หลิงซิงเยว่หันกลับมาจากลานกว้างบนยอดเขาฝั่งตรงข้ามหยุดมองที่ใบหน้าของผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ผู้เฒ่าผมขาวยกมือซ้ายขึ้น ลูบหนวดขึ้นลง พลางพูดขึ้นว่า“ซิงเยว่เ้าว่าเขาใช้ความสามารถสักกี่ส่วน?”
หลิงซิงเยว่ตอบว่า “กระทั่งกระบี่เขายังไม่ชักออกจาฝักคงจะใช้ความสามารถสักห้าส่วน อย่างน้อยก็ต้องใช้สี่ส่วน!”
ผู้เฒ่าผมขาวส่ายศีรษะ ยิ้มแต่ไม่ตอบ
หลิงซิงเยว่ประหลาดใจถามขึ้นว่า “ท่านปู่ หรือว่าความสามารถของหวงเทียนกล้าแกร่งถึงเพียงนั้นใช้ความสามารถเพียงสามส่วน?”
ผู้เฒ่าผมขาวพูดขึ้นว่า “เกรงว่าสามส่วนก็ยังใช้ไม่ถึง”
“เป็ไปได้อย่างไร!”
หลิงซิงเยว่ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “ขนาดสามส่วนก็ยังใช้ไม่ถึงนั่นไม่ใช่ว่าเขาสามารถประมือวัดสูงต่ำกับลูกศิษย์ยอดฝีมือพลังวัตรขั้นสิบไม่กี่คนนั่นได้เลยหรือ?”
ผู้เฒ่าผมขาวพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ซิงเยว่ เขาใช้แค่เพลงกระบี่ดับเงาออกมาใน่วิกฤติชีวิตตามสัญชาตญาณจริงหรือ? ไม่ใช่ค่อยๆ ศึกษาจนบรรลุเพลงกระบี่ดับเงาทั้งยังใช้ได้จนชำนาญหรือ?”
หลิงซิงเย่วพยักหน้ารับ “อืม!”
ลึกลงไปในแววตาของผู้เฒ่าผมขาว ปรากฏแววตาสงสัยขึ้นมาเลือนราง
หลิงซิงเยว่ถามขึ้นว่า “ท่านปู่ หวงเทียนเคยช่วยชีวิตข้าทั้งความสามารถก็ดี จะเป็ศิษย์ผู้เข้ารับการฝึกฝนพิเศษได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่าผมขาวตอบว่า “อินทรีหนุ่มที่แท้ควรโบยบินบนท้องฟ้ากว้าง ดอกไม้ที่อยู่ในห้องอุ่น สุดท้ายยากทานทนลมพัดฝนกระหน่ำเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา เขามีหนทางของตัวเองที่ต้องเดิน ไม่เข้าไปยุ่งกับเขาบางทีเขาอาจไปได้ไกลกว่าเราจัดวางทางให้ก็เป็ได้”
หลิงซิงเยว่แววตาประหลาดใจเล็กน้อยนางเพิ่งเคยได้ยินท่านปู่ชมใครสักคนขนาดนี้เป็ครั้งแรก ขนาดฉู่เฟิงศิษย์อันดับหนึ่งแห่งสำนักในผู้ได้ฉายาว่ายอดอัจฉริยะที่ร้อยปีจะมีสักคนของสำนักกระบี่์ท่านปู่วิจารณ์เขาแค่ว่าไม่เลวประโยคเดียวเท่านั้น เทียบกับคำวิจารณ์ที่ให้หวงเทียนครั้งนี้ห่างกันไกลนัก
มุมปากของหลิงซิงเยว่เผยรอยยิ้มออกมา ในใจคิดหวงเทียน เ้าทำให้ข้ายืดหน้าได้อย่างที่คิด เอาเ้ามาแนะนำให้ท่านปู่รู้จักไม่เลวจริงๆ
หลิงซิงเยว่ถามอีกว่า “ท่านปู่ ในเมื่อหวงเทียนมีความสามารถสูสีกับศิษย์สุดยอดตัวฉกาจในหมู่ศิษย์นอกเ่าั้ถ้าหากพวกเขาพบกันเร็วไป ไม่ใช่ว่าต้องมีคนตกรอบเสียก่อนจนไม่ได้เข้าไปในสิบอันดับแรกหรือ?”
ผู้เฒ่าผมขาวลูบหนวดเครา กล่าวว่า “ปู่จะให้เขาได้สู้กับศิษย์ที่ความสามารถสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ละรอบการแข่งขัน พบกับคู่ต่อสู้ที่ความสามารถแข็งแกร่งกว่ารอบก่อนหน้าให้เขาค่อยๆ เผยความสามารถออกมา”
พูดจบ ทันใดนั้นบนหลังของผู้เฒ่าผมขาวก็มีปีกคู่หนึ่งปรากฏออกมาปีกคู่นี้ ทั้งหมดประกอบขึ้นมาจากปราณแท้ที่อัดแน่น กึ่งโปร่งแสง ยาวถึงสิบจั้งมือหนึ่งของเขาจับหลิงซิงเยว่ไว้ ปีกปราณแท้ขยับทีหนึ่งก็พลันพุ่งขึ้นไปบนฟ้าบินไปทางยอดเขาชั้นในของสำนักกระบี่์ ไม่นานก็ลับหายไป
หลังเสวียนเทียนเอาชนะฝานหงไม่นานก็ออกมาจากเวทีประลอง เดินห่างออกมาจากลานกว้าง รอบที่สี่ 127 คนมีคนเข้ารอบ 64 คน หลังแข่งจบยังมีการแข่งจัดอันดับลำดับที่ 65 ถึง 127 ต้องรอจนถึงพรุ่งนี้การแข่งขันรอบที่ห้าถึงจะเริ่มขึ้น
รอบที่ห้ามีคนแข่ง 64 คน เข้ารอบ 32 คน แทบทุกคู่ล้วนมีศิษย์ชั้นหัวแถวผู้มีพลังวัตรขั้นสิบเข้าแข่งการแข่งขันั้แ่รอบที่ห้าเป็ต้นไป นับว่าเข้าสู่่เข้มข้นแล้ว
บนหอสูงด้านหน้าของลานกว้างเ้าตำหนักแห่งสำนักนอกสิบกว่าคนกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน
จากซ้ายไปขวาคือเ้าตำหนักของตำหนักที่หนึ่งตำหนักที่สอง ไปจนถึงตำหนักที่สิบตามลำดับ
สายตาของเ้าตำหนักสามละจากร่างของเสวียนเทียนบนลานกว้างกลับมา กล่าวขึ้นว่า “ตำหนักสามของพวกเราปีนี้มีอัจฉริยะโผล่มาพลังวัตรเพียงแค่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด กลับมีหวังจะเข้าสิบอันดับแรกตำหนักสามของพวกเราไม่เพียงมีกู้ซีหยวน ยังมีหวงเทียนขึ้นมาอีกคน ฮ่าๆการแข่งขันจัดอันดับปีนี้ ตำหนักสามอย่างน้อยก็ครองสองตำแหน่งแล้ว”
เ้าตำหนักหกขมวดคิ้วนิดๆ พูดขึ้นว่า “นั่นก็ยังไม่แน่หวงเทียนพลังวัตรเพิ่งชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดเ้าคิดจริงหรือว่าเขาจะเข้าสิบอันดับแรกได้? สิบหกอันดับแรกยังเสี่ยง!”
พอดีกับฝานหงเป็ศิษย์ของตำหนักหกเมื่อเขาแพ้เสวียนเทียน เ้าตำหนักหกจึงมีสีหน้าหงุดหงิด
เ้าตำหนักเจ็ดมีสัมพันธ์อันดีกับเ้าตำหนักหกพลันรับคำพูดต่อว่า “หากรอบที่ห้าหวงเทียนโดนศิษย์ลำดับสูงสุดของชั้นพลังวัตรขั้นสิบอย่างไป๋จั่นเฮ่อหรือหยางติ่งจวินจับได้รอบที่ห้าคงต้องตกรอบแล้ว แม้แต่สามสิบสองอันดับแรกก็เข้าไปไม่ได้”
เ้าตำหนักสามสีหน้าแข็งไปวูบหนึ่งจากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาพูดว่า “ผู้เข้าแข่งขันมากขนาดนั้น พวกเขาจะจับได้หวงเทียน พูดไปก็ไม่ง่ายข้าเชื่อว่าหวงเทียนจะต้องเข้าสิบอันดับแรกแน่”
เ้าตำหนักหกพูดขึ้น “ฮึ! นั่นก็ยังไม่แน่!”
ในเวลานี้เองพิราบข่าวตัวหนึ่งก็บินลงมาที่หอสูง หยุดอยู่บนมือของเ้าตำหนักตำหนักที่หนึ่ง
เ้าตำหนักหนึ่งหยิบแถบกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากขาของพิราบสื่อสารเปิดออกดู เขามีสีหน้าประหลาดใจนิดๆ กล่าวขึ้นว่า “พวกเ้าไม่ต้องเถียงกันแล้วท่านเ้าสำนักมีคำสั่งลงมา วางคู่ต่อสู้ให้หวงเทียน แต่ละรอบการแข่งขันความสามารถของคู่ต่อสู้ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น”
เ้าตำหนักอีกเก้าคนล้วนประหลาดใจ พากันพูดขึ้น “การแข่งจัดอันดับศิษย์นอก ที่ผ่านมาสำนักในไม่เคยให้ความสำคัญหวงเทียนคนนี้เป็ใคร ถึงทำให้ท่านเ้าสำนักสนใจได้?”
พวกเขามองหน้า สบตากันแล้วพากันมองไปที่เ้าตำหนักหนึ่ง
เ้าตำหนักหนึ่งยักไหล่ สีหน้างุนงงยิ่ง เขายักไหล่พลางพูดว่า“ข้าก็ไม่รู้หวงเทียนคนนี้ไม่เคยมีชื่อเสียง ไม่เคยเผยความสามารถ เ้าสำนักกลับสนใจเขาข้าก็แปลกใจมากเหมือนกัน!”
........
วันถัดมาการแข่งขันจัดอันดับศิษย์นอกรอบที่ห้าเริ่มต้นขึ้น
หยางติ่งจวินอยากจับได้หมายเลขของเสวียนเทียนมากจะได้รีบอัดหวงเทียนให้ยับสมใจ ให้จิตใจปลอดโปร่ง แต่เสียดาย เขาจับได้หมายเลข 51 เป็ศิษย์พลังวัตรขั้นเก้าคนหนึ่ง
ตู้เหวินเค่อเป็ลูกน้องของหยางติ่งจวินความสามารถเป็รองเพียงศิษย์ชั้นหัวแถวเหลียวจ้งในใจเขาจำคำสั่งของหยางติ้งจวินได้ดี อยากรีบจับได้ชื่อเสวียนเทียนสั่งสอนเสวียนเทียนหนักๆ แทนหยางติ่งจวินสักที
ตู้เหวินเค่อยื่นมือเข้าไปในหีบจับแผ่นป้ายขึ้นมาหนึ่งชิ้น เป็หมายเลข 62 ตู้เหวินเค่อในใจรู้สึกเสียดายเขาจับไม่ได้หวงเทียน
ผู้าุโหานรับแผ่นป้ายไปจากมือของตู้เหวินเค่อประกาศเสียงดังว่า “รอบที่ห้าคู่ที่สิบเอ็ด หมายเลข 11 ตู้เหวินเค่อกับหมายเลข 467 หวงเทียน เวทีประลองหมายเลขสาม”