หลินฟู่อินกระแอมขณะเหลือบดวงตาใสมองเถ้าแก่หลิว “ลุงหลิว ข้ามีเื่เล็กน้อยในชิงเหลียน ข้าจึงไปขอความช่วยเหลือจากพี่หลิวฉินอย่างที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้ แต่ข้ารีบกลับมาโดยลืมแจ้งข่าวให้พี่หลิวฉินทราบ ข้ารบกวนลุงหลิวส่งจดหมายไปหาพี่หลิวฉินบอกว่าข้ากลับมายังชิงหยางแล้วได้หรือไม่? เขาจะได้กลับมาช่วยกิจการที่บ้านต่อ”
หลินฟู่อินรู้สึกละอายใจเล็กน้อยหากสาเหตุที่หลิวฉินไม่กลับบ้านนั้นเป็เพราะนาง
เถ้าแก่หลิวได้ยินคำพูดของเด็กสาวก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ
เด็กหัวดื้อของบ้านไม่กลับมาเพราะเด็กสาวอย่างนั้นหรือ? คิดดูแล้วก็มีความเป็ไปได้ไม่น้อย
“เข้าใจแล้ว หากข้าว่างข้าจะเขียนจดหมายให้เขากลับมาจากชิงเหลียน” เถ้าแก่หลิวหัวเราะร่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามีความสุขที่ได้รู้ว่าหลินฟู่อินและบุตรชายมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเช่นนี้
หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะคืบหน้าต่อไป
ทว่าใจหนึ่งของเถ้าแก่หลิวก็หลักแหลมพอที่จะเข้าใจในตัวเด็กสาวอย่างหลินฟู่อิน เพราะฉะนั้นต้องปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็ค่อยไปแล้วคอยดูกัน
หลินฟู่อินพยักหน้ารับก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีเื่ถั่วงอกที่ต้องบอกชายชรา “ลุงหลิวเ้าคะ เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ข้าจะส่งของดีมาให้ลุงหลิวและปรมาจารย์เถี่ย รอรับกันด้วยนะเ้าคะ”
เถ้าแก่หลิวรับปากอย่างยินดี หัวใจของเขารู้สึกพองโตไปหมด
“ฟู่อิน มีบุรุษมาหาที่ด้านนอก อ้างว่าเป็ลุงสองของเ้า”
หลังจากยื่นเงินจำนวนเก้าสิบสองตำลึงเงินให้หลินฟู่อิน ชายชราร่างท้วมก็เดินขึ้นบันไดอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนแจ้งเื่ดังกล่าวให้เด็กสาวรับรู้
หลินฟางกลับมีอาการคนแรก นางมองไปที่หลินฟู่อินแล้วพูดว่า “พ่อของข้าหรือ? เขามาหาเ้าที่นี่แต่เช้าเพื่ออะไร?”
หลินฟู่อินเองก็อยากรู้เช่นกัน
“ลุงหลิว ข้าขอตัวลงไปพบท่านลุงสองของข้าสักหน่อย ข้าจะรบกวนท่านส่งรถม้ามาที่บ้านข้าในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่? ข้ามีของมากมายเตรียมมอบให้ท่าน” หลินฟู่อินกล่าวทิ้งท้าย
เถ้าแก่หลิวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินมาส่งหลินฟู่อินออกจากร้าน
ไกลออกไปเล็กน้อย เด็กสาวเห็นหลินต้าเหอสวมหมวกหนังกระต่ายยืนกอดอกอยู่หน้าภัตตาคารหลิวจี้ ท่าทางทำตัวไม่ถูกสังเกตรอบตัวไปมา
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงอยู่ที่นี่? ที่บ้านมีเื่อะไรหรือไม่?” หลินฟางเดินเข้าไปถามอย่างร้อนรน
หลินต้าเหอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นบุตรสาวแท้ๆ เป็กังวล แม้เขาจะเป็บุรุษที่ตรงไปตรงมาแต่เขาก็ใจเสาะต่อหน้าลูกๆ ของเขา ชายวัยกลางคนส่งเสียงพึมพำ “ย่าของเ้าให้ข้ามาหาหลินฟู่อิน”
หลินฟางขมวดคิ้วแน่น นางกำลังจะพูดกับผู้เป็บิดาอีกครั้ง แต่หลินฟู่อินคว้าตัวทั้งสองออกมาก่อน “ไปคุยที่อื่น”
หลินฟางมองหลินต้าเหออย่างลังเล แต่นางเชื่อฟังและทำตามคำพูดของหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินมองหลินต้าเหอด้วยร้อยยิ้ม ก่อนจะถามว่า “ท่านลุงสอง เดินทางมาที่นี่แต่เช้า ท่านกินอะไรมาแล้วหรือยังเ้าคะ?”
หลินต้าเหอพยักหน้า “ข้ายังไม่ได้กิน ท่านย่าของเ้ามาเคาะประตูบ้านข้าวันนี้ ทำให้ข้านึกอะไรบางอย่างได้”
หลินฟางอดถามไม่ได้ “ท่านพ่อมาหาหลินฟู่อินเช่นนี้ พี่สาวรู้หรือไม่?”
หลินต้าเหอหยักหน้ารับ “พี่ของเ้ารู้”
แต่เขาไม่กล้าพูดประโยคถัดไปว่าแท้จริงแล้วบุตรสาวคนโตของเขาไม่ยอมให้มาหาหลินฟู่อิน หากรู้เข้านางคงโกรธเคืองเป็แน่
หลินฟู่อินดึงตัวหลินฟางเอาไว้อีกครั้ง “พี่อาฟาง พาลุงสองไปหาอะไรกินก่อนเถิด ท่านกับต้ายาเองก็จะได้มีอะไรตกถึงท้องกันด้วย”
หลินฟางรู้จักบิดาของนางดี สังเกตจากสีหน้ากังวลของเขา นางรู้ว่าการมาหาหลินฟู่อินคราวนี้พี่สาวต้องโกรธเคืองเขาเป็แน่ ทางที่ดีเขาไม่ควรออกไปเพ่นพ่านข้างนอก แล้วติดตามหลินฟู่อินไปยังร้านอาหารคงดีกว่า
ร้านอาหารที่พวกนางเดินมาถึงดูสะอาดสะอ้าน เปิดโดยสองสามีภรรยาวัยกลางคน ตอนนี้ตะวันเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้า ผู้คนที่ออกมาหามื้อเช้ากินยังคงบางตา เมื่อหลินฟู่อินมาถึงร้าน คู่รักหน้าตาใจดีก็ต้อนรับพวกนางอย่างอบอุ่น
หลังจากจัดหาที่นั่งให้เรียบร้อย เถ้าแก่เนี้ยก็เอ่ยถามอย่างสนิทสนม “คุณหนู คุณชาย เช้านี้จะรับประทานอะไรกันดี?”
หลินฟู่อินจัดการตัวเองจากที่บ้านมาแล้วเรียบร้อย แต่ก็เริ่มรู้สึกหิวเล็กน้อย “เอาเป็โจ๊กสี่ถ้วย ซาลาเปาเนื้อแปดลูก หมั่นโถวอีกหกลูกก็แล้วกัน”
“ได้เลย โปรดรอสักครู่” เถ้าแก่เนี้ยตอบรับอย่างสุภาพ
หลินฟู่อินมองหลินต้าเหอที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วถามว่า “ท่านลุงสอง ว่ามาได้เลย”
หลินต้าเหอกระแอมไอเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ท่านย่าไปที่บ้านเพื่อตามหาเ้าเมื่อวานนี้ แต่ย่าหลี่บอกว่าเ้าไม่อยู่บ้านเพราะเดินทางเข้าเมือง อาจกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น ย่าของเ้า…”
หลินฟางเอ่ยขัดผู้เป็บิดา นางมองชายตรงหน้าขณะเริ่มมีอาการปวดหัวเล็กๆ “ท่านพ่อ แค่พูดว่าท่านย่าอยากให้ท่านมาหาหลินฟู่อินก็พอแล้ว”
“โอ้ โอ้…” หลินต้าเหอเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะมองไปยังหลินฟู่อินอย่างสำนึกผิด “ท่านย่าฝากบอกเ้าว่าหลินต้าหลางมีสิทธิ์สอบคัดเลือกเข้าเป็บัณฑิตในปีนี้ เ้าควรรีบกลับไปร่วมจัดงานปิดหมู่บ้านฉลองกันเป็เวลาสามวัน”
“หลินต้าหลางถึงขั้นสอบคัดเลือกผ่านแล้ว เหตุใดหลินฟู่อินยังต้องลงแรงช่วยจัดงานฉลองหลิวสุ่ยสีให้เขาอีก? ผู้ใดอยากจัดก็ให้เขาจัดเองเสีย!” หลินฟางโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเตะขาโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด
หลินต้าเหอตื่นตระหนก ก่อนเอ่ยเถียงลูกสาวด้วยน้ำเสียงแ่เบา “นี่คือสิ่งที่ท่านย่า้า ไม่ใช่ข้า…”
“พี่อาฟาง นั่งลงก่อน” หลินฟู่อินกล่าวหลังจากเห็นว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้านเพิ่มอีกสองสามคน ต้ายาดึงให้หลินฟางกลับมานั่งอย่างสงบพร้อมกระซิบ “ฟังฟู่อินเถิด”
หลินฟางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนกลับไปนั่งลงอีกครั้ง
หลินฟู่อินยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า นางเอ่ยถามผู้มีศักดิ์เป็ลุง “ได้ยินว่าพี่ต้าหลางผ่านการคัดเลือกเช่นนี้ ย่อมเป็เื่น่ายินดี ทั้งยังเป็หน้าเป็ตาให้แก่ตระกูลหลิน ข้าปลื้มใจกับเขายิ่งนัก”
หลินต้าเหอได้ยินหลินฟู่อินพูดเช่นนั้น ใบหน้าที่เศร้าซึมจึงมีสีสันสดใสขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้ดีฟู่อิน ต้าหลางผ่านการคัดเลือกได้ทุน เป็เื่ดีต่อครอบครัวเรา ดีมากจริงๆ”
หลินฟู่อินยิ้มรับ และถามหลินต้าเหออีกคำถาม “ว่าแต่ท่านย่าได้บอกหรือไม่ว่าใครต้องเป็คนจัดการเื่ค่าใช้จ่ายตลอดสามวันนี้?”
สิ้นคำถามของหลินฟู่อิน หลินฟางกับต้ายาก็หันขวับไปทางหลินต้าเหอโดยพร้อมเพรียงเพราะอยากรู้คำตอบเช่นเดียวกัน
หลินต้าเหอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ท่านพ่อออกค่าเล่าเรียนให้ต้าหลางนานนับสิบปี จะเหลือเงินทองที่ไหนมาจัดงานฉลองมากถึงสามวัน?”
หลินฟู่อินพยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้องแล้ว แม้แต่สตรีฉลาดก็ไม่อาจปรุงอาหารโดยปราศจากข้าวเปลือก หากทางบ้านไม่มีเงินเหลือ ข้าจะช่วยเหลือเื่งานฉลองได้อย่างไร? ดูแล้วท่านย่าคง้าจัดงานฉลองให้ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วย”
หลินต้าเหอชะงักเป็หนที่สอง “ฟู่อิน เ้าไม่มีเงินหรือ?”
หลินฟู่อินขมวดคิ้วแน่น “...”
นางรู้นิสัยลุงสองของนางดี ลุงผู้นี้ไม่เคยอยู่ฝั่งบ้านของตัวเอง ภายในใจของนางจึงเริ่มลังเลอีกครั้ง…
คิ้วเรียวของหลินฟางกระตุกอย่างรุนแรง นางเกือบร้องไห้ออกมาเพราะความโกรธ คนหน้าไหนมันกล้าบอกบิดาของนางว่าหลินฟู่อินมีเงินมากขนาดนั้น?
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรออกมา?” หลินฟางโมโหลมแทบจับ นางลุกขึ้นจ้องหน้าบิดา เสียงที่เคยสดใสกดลงต่ำ เอ่ยถามว่า “เหตุใดต้องเสียเงินช่วยคนอื่นจัดงานฉลอง? ใคร? มีใครติดหนี้หลินต้าหลางอย่างนั้นหรือ?”
หลินต้าเหอสลดเพราะทำให้บุตรสาวโกรธ อีกใจหนึ่งเขารู้ดีว่าที่บุตรสาวของเขาพูดนั้นมีเหตุผล “ลูกพ่อ ต้าหลางคือลูกชายคนโตของสกุลหลิน เขาเป็เด็กดี จริงอย่างที่ท่านปู่ของพวกเ้าบอก ตอนนี้คือเวลาที่เราทุกคนต้องทำงานหนักร่วมกัน เมื่อไรที่พี่ต้าหลางของพวกเ้ากลายเป็ขุนนางเต็มตัว พวกเ้าเองก็มีหน้ามีตาพร้อมแต่งงานกับครอบครัวสูงส่งได้เช่นกัน ข้าพูดถูกหรือไม่?”
หลินฟางมองผู้เป็พ่อด้วยสายตาเย้ยหยัน ดูท่าเขาจะจนตรอกแล้วจริงๆ
“อาฟาง เ้าอาจไม่รู้ตัวว่าเป็หนี้ต้าหลางในตอนนี้ หากในอนาคตเ้าได้แต่งงานกับครอบครัวที่ดี เวลานั้นแหละที่เ้าจะรู้สึกว่าเป็หนี้เขา”
“จะไม่มีใครเป็หนี้หลินต้าหลางทั้งนั้น! ตอนครอบครัวของเรายังอยู่บ้านเก่าสกุลหลิน ไม่ใช่ว่าทุกคนในครอบครัวต่างก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำเหมือนกันหรอกหรือ?! แล้วเหตุใดคราวนี้จึงทุ่มเงินทั้งหมดไปไว้ที่ต้าหลาง? ท่านตอบมาสิว่าใช่หรือไม่?”
อารมณ์ของหลินฟางะเิในที่สุดหลังได้ยินคำพูดของบิดา จากคนที่ใจร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนขึ้นทวีคูณโดยไม่คิดจะไว้หน้าผู้ให้กำเนิดเลยสักนิด
ใบหน้าของหลินต้าเหอแดงขึ้นเมื่อถูกบุตรสาวแท้ๆ กล่าวโทษ เขาพยายามไม่สนใจนาง
หลินฟางแทบสำลักความโกรธ “ท่านพ่อ ท่านจะมัวโลเลเช่นนี้ไม่ได้! พี่สามและซานหลางพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้มีชีวิตที่รุ่งเรืองเหมือนฟู่อิน แต่ท่านยังตัดไม่ขาดกับบ้านเก่า ทุกอย่างมันจบไปนานแล้ว!”
หลินต้าเหอเริ่มมีน้ำโหเช่นกัน เขารู้สึกว่าหลินฟางไม่สนใจตระกูลหลินและลืมรากเหง้าของตัวเอง
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร?” หลินต้าเหอตำหนิบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเ็า “ลูกพ่อ เ้าเองก็สกุลหลิน เหตุใดเ้าจึงไม่เข้าใจ? ตอนนี้บ้านทั้งสามของเราควรรวมเป็หนึ่งเพื่อต้าหลาง เ้าแค่ร่วมยินดีกับเขาได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินนั่งเงียบมานาน นางรู้ดีว่าหลินต้าเหอเป็คนพูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง ครั้นเมื่อได้ยินหลินต้าเหอกล้าสอนหลินฟาง สองคิ้วของนางกลับขมวดแน่นก่อนเอ่ยถามว่า “ลุงสอง นี่คือสิ่งที่ท่านย่าของข้าสอนท่านเช่นนั้นหรือ? หรือนี่คือคำสอนของท่านปู่?”
หลินต้าเหอไม่เข้าใจความหมายแท้จริงที่ซ่อนอยู่ในคำถามของหลินฟู่อิน เขาจึงตอบกลับอย่างซื่อๆ ว่า “ทั้งท่านปู่ทั้งท่านย่าของเ้าเป็คนสอนข้า สิ่งที่ท่านปู่พูดคือเื่จริง พวกเ้าจะขัดคำพูดของผู้ใหญ่ในบ้านอย่างนั้นหรือ?” หลินต้าเหอเริ่มพูดโน้มน้าวใจหลานสาว “ฟู่อิน ลุงสองรู้ว่าเ้าหาเงินได้แล้วตอนนี้ เพียงเ้าแบ่งเงินให้ต้าหลางมาจัดงานฉลองสักเล็กน้อย นอกจากจะสร้างชื่อเสียงอันดีแล้วท่านย่าของเ้าย่อมมีความสุขไปด้วย”
“ท่านพ่อ ท่านกล้าพูดออกมาได้อย่างไร? แม้ฟู่อินจะหาเงินได้มากมาย แต่นั่นมิใช่กงการอะไรของนาง!” หลินฟางโกรธจนไม่รู้จะทำเช่นไร
ได้ยินหลินต้าเหอพูดออกมาง่ายดายเช่นนั้น ใบหน้าของหลินฟู่อินยังคงนิ่งสงบแต่กลับเย้ยหยันอยู่ในใจ
จริงที่ตอนนี้เงินทองนั้นหาได้ง่ายสำหรับนาง และเป็เื่จริงอีกที่นางสามารถทำอาหารแสนอร่อยให้กับบ้านตระกูลหลินได้ แต่มีเหตุผลอะไรที่นางต้องช่วยเหลือคนเ่าั้?
หลินฟู่อินเข้าใจเื่ที่หลินต้าเหอเล่า หลังจากหลินต้าหลางผ่านการคัดเลือกเข้าเป็บัณฑิต ท่านปู่ท่านย่าหลินคงไปคุยกับเขาเป็การส่วนตัวขณะหลินฟางไม่อยู่
จุดมุ่งหมายหลักก็คือรวมสามบ้านที่แยกกันของสกุลหลินกลับมาเป็หนึ่งเดียว เพื่อส่งหลินต้าหลางเข้าสอบเป็บัณฑิตเต็มตัวต่อไป
จากนั้นหากหลินต้าหลางมียศมีตำแหน่งอย่างเป็ทางการเขาถึงจะทำเงินได้มาก ปู่หลินรู้ตัวว่ากำลังเงินที่มีส่งหลินต้าหลางไปถึงฝั่งฝันไม่ไหว จึงพยายามหาคนรับ่ต่อ ด้วยเหตุนี้อนาคตของหลินต้าหลางจึงเป็สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของครอบครัว
และสมาชิกสกุลหลินในตอนนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงหลินฟู่อินที่สามารถทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเอง ปู่หลินจึงคิดถึงนางเป็คนแรก แต่เขาไม่เคยคิดว่าหลินฟู่อินเป็เด็กดีพร้อมเชื่อฟัง เขาเองก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้หลานสาวคนนี้เช่นกัน สองผู้าุโเลยส่งหลินต้าเหอมาเพื่อต่อรอง
แม้หลินต้าเหอจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหลินฟู่อินได้ แค่เขาดึงตัวบ้านสองสกุลหลินมาร่วมงานฉลอง อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เขาก็ไม่ถูกไล่ออกจากบ้านสกุลหลินแล้ว
สำหรับปู่หลิน นับเป็เื่ดีหากบ้านสองไม่เมินเฉยต่อบ้านใหญ่ หากบ้านสามไม่เมินเฉยต่อบ้านสอง กล่าวคือบ้านสามสมควรมีหน้าที่ดูแลบ้านใหญ่สกุลหลินให้ดี
นั่นคือครอบครัวในอุดมคติของปู่หลิน
หลินฟู่อินเข้าใจอย่างถ่องแท้ นางยิ้มเ็าอยู่ในใจ
ถามว่าโกรธหรือไม่? แน่นอนอยู่แล้วว่าโกรธมาก ย่อมเป็เื่ธรรมดาของคนที่มีเหล่าผู้าุโวางอนาคตของชีวิตไว้ให้
ถึงอย่างนั้นนางก็คือผู้ถูกเลือกที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ราวกับก้อนน้ำตาลละลายที่ไม่มีวันแยกออกจากกันได้เหมือนเดิม
หากแยกมันออกจากกันไม่ได้ ก็จงปล่อยมันไว้อย่างนั้นเสีย
ก่อนหน้านั้นนางควรหาซื้อบ้านและร้านค้าในชิงเหลียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ฟู่อิน เ้าคิดว่าคำพูดลุงสองของเ้ามีเหตุผลหรือไม่?” เห็นหลินฟู่อินมีสีหน้าปกติ ใจของหลินต้าเหอก็สงบลงเล็กน้อย เขานึกถึงสิ่งที่ปู่หลินสัญญาเอาไว้ ตราบใดที่เขาสามารถเกลี้ยกล่อมหลินฟู่อินให้มาดูแลค่าใช้จ่ายของหลินต้าหลางได้สำเร็จ หลินต้าหลางจะแบ่งเวลามาสอนหนังสือให้หลินซานหลางเช่นกัน
จากนั้นเขาจะนับวันรอคอยให้หลินซานหลางสอบเข้าเป็บัณฑิตได้สำเร็จ เขาจะได้ยืดอกอวดคนอื่นได้ว่าเขาเป็บิดาของบัณฑิตหนุ่ม!
ยิ่งคิดหลินต้าเหอก็ยิ่งเบิกบานใจ เขารู้สึกว่ากว่าครึ่งชีวิตที่ทำงานหนักมาจะส่งผลดีให้อีกครึ่งชีวิตของเขาหลังจากนี้
หลินฟู่อินยิ้มบางพร้อมพยักหน้ารับ “ข้าคิดว่าลุงสองมีเหตุผลยิ่งนัก ท่านกลับไปบอกท่านย่าเถิดว่าข้าจะเป็ธุระดูแลงานฉลองของพี่ต้าหลาง แต่มีข้อแม้ว่าข้าต้องเป็คนจัดการทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ห้ามให้ใครมายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด หากใครคิดเข้ามายุ่งวุ่นวายก็ให้ผู้นั้นนำเงินของตนมาจัดงานเอง”
“ฟู่อิน เ้ามั่นใจว่าจะจัดงานให้หลินต้าหลางจริงหรือ?” หลังได้ยินคำตอบของหลินฟู่อิน หลินฟางที่หมดแรงก็ลุกขึ้นยืนเอ่ยถาม
เด็กสาวโบกมือห้าม “พี่อาฟางโปรดนั่งอยู่เฉยๆ ก่อน เอาไว้ข้าจะคุยกับท่านภายหลัง” ใบหน้าสวยหันกลับไปหาหลินต้าเหออีกครั้งพร้อมรอยยิ้ม “ลุงสองพอใจแล้วหรือไม่?”
“แน่นอน! ข้าพอใจ พอใจมาก! ฟู่อิน เ้าจิตใจดีเหลือเกิน! ข้าจะกลับไปบอกท่านย่าเดี๋ยวนี้” หลินต้าเหอลุกขึ้นทันที ก่อนหันกลับมาเห็นว่ายังมีซาลาเปาเนื้อเหลืออยู่กว่าครึ่ง มือหนาจึงรีบคว้ามาใส่ปากก่อนเอ่ยลา “ข้าขอตัวไปก่อนแล้วกัน!”
“ช้าก่อนท่านลุง” หลินฟู่อินะโห้ามเอาไว้ นางหยิบซาลาเปาเนื้อสองลูกกับหมั่นโถวอีกหนึ่งลูกยัดใส่มือหลินต้าเหอ “เอาไว้เติมพลังระหว่างทาง”
หลินต้าเหอออกจากร้านอาหารไปอย่างมีความสุข โดยไม่คิดแวะร้านค้าเพื่อพบภรรยาตัวเองแต่อย่างใด
หลินฟางเห็นผู้เป็บิดาจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองนางสักนิด ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบของบุตรสาวสักหน่อย แววตาสวยของนางก็เริ่มเปลี่ยนเป็สีแดง
หลินฟู่อินเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร มือบางยกขึ้นตบบ่าของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าหลินต้าเหอไม่คู่ควรกับทั้งเฟิงซื่อและหลินฟาง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นางยังคงลูบไหล่ปลอบโยนหลินฟางต่อไป ก่อนหันไปพูดกับเถ้าแก่เ้าของร้านว่า “ขอซาลาเปาเนื้ออีกหกลูก”
“ฟู่อิน ข้ากินมากขนาดนั้นไม่ไหว” หลินฟางเอ่ยห้ามหลินฟู่อินเอาไว้
หลินฟู่อินปฏิเสธหนักแน่น “ท่านทำงานหนักมากแล้ว กินเข้าไปเถิด ก็แค่ซาลาเปาสองสามลูกเอง”
อยู่ๆ เด็กสาวก็นึกถึงสิ่งที่หวงฝู่จินบอก ชาดหิมะหลอมทำเงินได้หลายสิบตำลึงเงินต่อวัน หัวใจดวงน้อยๆ ของนางแทบะเิออกมาจากอก
นางรู้สึกดีที่หาเงินได้มหาศาลเช่นนี้
แม้รู้ดีว่าชาดหิมะหลอมยากที่จะขายดิบขายดีได้ทุกวัน เพราะชาดหิมะหลอมหนึ่งกระปุกสามารถใช้ได้นานกว่าครึ่งเดือน ่แรกผู้คนเริ่มแห่มาซื้อกันถ้วนหน้า หลังจากนั้นยอดขายก็จะค่อยๆ ลดลง
ถึงอย่างนั้นแล้วกำไรที่ทำได้ก็ยังมหาศาลอยู่ดี
แต่เงินเ่าั้ไม่เคยอยู่ในมือของนาง สองมือนี้ว่างเปล่าอยู่เสมอ
ความสุขในหัวใจของหลินฟู่อินหายไปเมื่อคิดถึงเื่วุ่นวายของหลินต้าหลาง นางเข้าใจว่าหลินฟางเองก็ขุ่นเคืองเื่นี้เช่นกันจึงพยายามพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น “พี่อาฟาง อย่าถือโทษพ่อท่านเื่ต้าหลางเลย ท่านรู้จักนิสัยของท่านลุงดีมิใช่หรือ?”
หลินฟางขบฟันแน่นก่อนพูดว่า “ข้ารู้จักเขาดีเกินไปจนข้ารู้สึกละอายใจแทน ทั้งวันทั้งคืนเขาคิดถึงแต่คนของบ้านใหญ่ คิดถึงหลาน คิดถึงหลินต้าหลาง คิดเื่สอบคัดเลือกบัณฑิต จะมีสักนิดหรือไม่ที่ใจของเขาจะนึกถึงท่านแม่ ข้า และพี่สาว?”
ต้ายาไม่นิ่งเฉยอีกต่อไป “อาฟางอย่าตีข้านะ ข้าคิดว่าพ่อของเ้ายอมถูกท่านย่ากดขี่ใน่หลายปีที่ผ่านมา ยิ่งกลัวก็ยิ่งไปไหนไม่ได้ พ่อของเ้าเปลี่ยนยากแล้ว เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์”
หลินฟางหดหู่ยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เพราะนางเข้าใจสิ่งที่ต้ายา้าจะบอกดี
ต้ายากลับไปมองหน้าหลินฟู่อินอีกครั้ง “ฟู่อินเ้าเห็นด้วยหรือไม่? ข้าจะบอกอะไรให้นะ ต้นคิดเื่งานฉลองบ้าบอนี่ต้องมาจากพี่ชายกับปู่แท้ๆ ของเ้าแน่นอน และใช่ ข้ารู้ดีว่าไม่ควรพูดเื่นี้”
หลินฟู่อินหยักหน้ารับ “ก็พอเดาได้”
หลินฟางร่วมผสมโรงด้วย “เ้าไม่ควรรับปากเช่นนั้นด้วยซ้ำ!”
หลินฟู่อินที่มีแผนอยู่ในใจเรียบร้อยแล้วหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือเบาๆ “อย่างน้อยเขาก็ฉลาดสมเป็ว่าที่บัณฑิต และสามารถเป็หน้าเป็ตาให้ผู้าุโสกุลหลินได้จริง ลุงสองเองก็อุตส่าห์ลำบากมาขอความช่วยเหลือ ข้ายินดีแบ่งเงินให้เขาได้จัดงานฉลองอย่างสมเกียรติให้ผู้าุโบ้านเราได้เชิดหน้าชูตา”
“ข้า… ข้าหงุดหงิดเสียจริง!” หลินฟางบันดาลโทสะด้วยการหยิบซาลาเปาเนื้อมากัดคำโต
ั์ตาของหลินฟู่อินกลับเป็ประกาย แน่นอนอยู่แล้วว่าที่นางตกลงรับปากในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อหลินต้าหลางอย่างแน่นอน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้