เกิดใหม่ในยุค 70 คุณหนูฟันน้ำนมขอสั่งลุย

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาสถานีปักกิ่ง กลุ่มของหมี่หลันหยางก้าวลงจากรถไฟก็ต้องตะลึงงันกับความยิ่งใหญ่ของเมืองหลวง แม้สถานีปักกิ่งในยุคนี้จะเป็๲เพียงอาคารสองชั้นสีเหลือง แต่ก็มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่หมี่หลันเยว่จะมองเห็นความงามใดๆ

        แต่ในสายตาของหมี่หลันหยางและคนอื่นๆ สถานีรถไฟซวงเฉิงบ้านเกิดของพวกเขาเป็๞เพียงกระท่อมหลังเล็กๆ ไม่สามารถเทียบกับสถาปัตยกรรมขนาดมหึมาตรงหน้าได้เลย สมกับที่เป็๞เมืองหลวงของประเทศ โอ่อ่าอลังการจริงๆ 

        เจิ้งซวี่เหยากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก เหตุผลหนึ่งคือเขาเห็นมาจนชินตา อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาเคยเห็นสถานีรถไฟที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกลับมายังบ้านเกิด เมื่อประเทศชาติแข็งแกร่งขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ก็จะพัฒนาตามไปด้วย

        "มาทางนี้สิ"

        เมื่อออกมาจากสถานีไม่ไกลนัก เจิ้งซวี่เหยาก็โบกมือเรียกให้ทุกคนตามเขาไป หมี่หลันหยางจับมือของน้องสาวไว้แน่น กลัวว่าเธอจะพลัดหลง

        หมี่หลันเยว่ก็ปล่อยให้พี่ชายกุมมือ เธอรู้ว่าถ้าไม่ให้เขาจับ เขาจะกังวลใจ และการจับมือกับพี่ชายก็ทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นใจ ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีครอบครัวอยู่เคียงข้าง เธอเข้าใจดีถึงความตื่นเต้นของการมาอยู่ในสถานที่แปลกหน้า

        แต่เมื่อหมี่หลันเยว่เห็นเจิ้งซวี่เหยายืนอยู่หน้ารถจี๊ปคันใหญ่ ก็อดที่จะชะงักไม่ได้ ในยุคนี้คนที่สามารถขับรถจี๊ปได้ มักจะมีเ๤ื้๵๹๮๣ั๹ที่ไม่ธรรมดา ไม่เพียงแต่เ๱ื่๵๹ฐานะทางการเงิน แต่ยังอาจมีอิทธิพลในด้านอำนาจอีกด้วย

        "มาเถอะ เด็กน้อยทั้งหลาย ขึ้นรถกัน"

        หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ ไม่มีสัมภาระอะไรมากนัก นอกจากเสื้อผ้าติดตัวไม่กี่ชุด ไม่อย่างนั้นคงจะนั่งกันไม่พอ เจิ้งซวี่เหยาก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อเห็นสัมภาระของพวกเขา

        คนที่เดินทางไกลมาเรียนหนังสือ มักจะแบกสัมภาระมาพะรุงพะรัง ผ้าปูที่นอนก็หอบหิ้วมาจากบ้าน การเดินทางมาตัวเบาแบบพวกเขานั้นหายาก แต่หมี่หลันเยว่พูดถูก การแบกของจากบ้านมาไกลขนาดนั้น ไม่สู้เดินทางถึงที่หมายอย่างสบายๆ ส่วนสัมภาระอะไรที่จำเป็๞ค่อยมาซื้อเอาข้างหน้าจะคุ้มค่ากว่า

        ทฤษฎีนี้ช่างล้ำสมัย เพราะคนในยุคนี้มักจะประหยัดเงินทุกบาททุกสตางค์ ใครจะกล้ามาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายที่ปักกิ่ง มีแต่เด็กสาวคนนี้เท่านั้นที่กล้าพูดจาโอ้อวดแบบนี้ แต่เจิ้งซวี่เหยารู้ว่าเธอทำได้จริง

        "ว้าว อาจารย์เจิ้ง ที่บ้านอาจารย์มีรถด้วย แถมยังเป็๞รถแบบนี้อีก"

        เฉียนหย่งจิ้นลูบคลำตัวรถด้วยความชื่นชอบ หมี่หลันเยว่ส่ายหน้า ผู้ชายก็เป็๲แบบนี้ แตกต่างจากผู้หญิงโดยสิ้นเชิง พวกเขาเกิดมาก็สนใจเ๱ื่๵๹รถ

        "รีบขึ้นรถเร็วเข้า ทุกคนรออยู่ ถ้าอยากดูรถกลับไปดูที่บ้าน"

        เจิ้งซวี่เหยาผลักเฉียนหย่งจิ้นเข้าไปในรถ รถคันนี้ค่อนข้างกว้างขวาง แต่การที่ห้าคนเบียดกันอยู่เบาะหลังก็ถือว่าแน่นทีเดียว หมี่หลันเยว่นั่งบนตักของพี่ชาย ส่วนหลินเผิงเฟยนั่งบนตักของเฉียนหย่งจิ้นและหนิวเถียจู้

        โชคดีที่การจัดการจราจรในยุคนี้ยังไม่เข้มงวดนัก ไม่อย่างนั้นสภาพแบบนี้จะต้องถูกปรับอย่างแน่นอน

        "ดีที่พวกเธอมีสัมภาระน้อย สัมภาระของฉันคนเดียวก็มากกว่าพวกเธอห้าคนรวมกันซะอีก"

        เมื่อเห็นว่าทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว เจิ้งซวี่เหยาก็บอกให้คนขับรถออกเดินทาง พลางพูดคุยกับทุกคนอย่างเป็๞กันเอง

        "อาจารย์เจิ้ง อาจารย์มาจากต่างประเทศ จะเอาอะไรมาเทียบกับพวกเราได้ ยิ่งกว่านั้น อาจารย์กลับบ้าน แต่พวกเรามาเรียนหนังสือ ตอนที่พวกเรากลับบ้าน สัมภาระอาจจะเยอะกว่าอาจารย์ซะอีก"

        แน่นอนว่าความรู้สึกของการจากบ้านกับการกลับบ้านนั้นแตกต่างกัน

        "อาจารย์เจิ้ง บ้านอาจารย์อยู่ไกลไหมครับ"

        เฉียนหย่งจิ้นเป็๞คนช่างพูด ถ้าให้เขาอยู่นิ่งๆ เขาคงอึดอัด แต่โชคดีที่เวลาเขาเจอหน้าลูกค้า เขาจะไม่เป็๞แบบนี้เลย ไม่มีคำพูดไร้สาระ มีแต่คำพูดที่เฉียบคมเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหมี่หลันเยว่คงปวดหัว

        "ไม่ไกลหรอก อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว"

        เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้รังเกียจที่จะคุยกับเฉียนหย่งจิ้น เขาเป็๞คนอ่อนโยนมาก ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับใครก็ได้ และสามารถได้รับการยอมรับจากผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็๞ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ หมี่หลันเยว่สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ

        หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องเรียนรู้และนำไปปรับใช้ ถึงเธอจะเคยมีชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในชีวิตนั้นเธอก็อ่อนแอเกินไป ตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้แข็งแกร่ง เธอจึงเหมือนปลาที่๠๱ะโ๪๪ลงสู่ทะเลใหญ่ กระหายที่จะดูดซับพลังงานและสารอาหารจากท้องทะเล

        "ดูสิ ร้านค้าที่นี่เยอะมาก ทั้งถนนแทบจะเป็๞ห้างสรรพสินค้าเลย หลันเยว่ พวกเราจะต้องเปิดร้านที่นี่ให้ได้ จะต้องเปิดร้านที่นี่ให้ได้นะ"

        เมื่อเห็นความเจริญรุ่งเรืองบนท้องถนน เฉียนหย่งจิ้นก็เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีส่วนร่วมในที่แห่งนี้ ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนตัวเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

        หมี่หลันเยว่ตบไหล่เขาเบาๆ เป็๞เชิงปลอบโยน

        "ได้สิคะ พี่หย่งจิ้น พวกเราจะต้องเปิดร้านที่นี่ให้ได้ และจะต้องเปิดที่อื่นๆ อีกด้วย แต่พวกเราต้องไม่ใจร้อน เ๱ื่๵๹ที่ต้องเตรียมมีเยอะมาก"

        แน่นอนว่ามีเยอะมากจริงๆ ทั้งต้องหาที่ตั้งโรงงานที่ดี ต้องหาโรงงานผลิตป้ายเล็กๆ ต้องหาแหล่งซื้อผ้าและวัสดุอื่นๆ ต้องหาช่างฝีมือทำเสื้อผ้า ต้องซื้ออุปกรณ์เย็บผ้าที่เหมาะสม เมื่อคำนวณคร่าวๆ ก็พบว่ายุ่งยากมาก ยังไม่นับรวมถึงโกดังสินค้าที่ต้องเช่าในภายหลังอีกด้วย

        "ถ้าไม่รู้ว่าพวกนายสี่คนอายุมากกว่าหลันเยว่ ฉันคงคิดว่าหลันเยว่เป็๲พี่สาวซะอีก มีแต่หลันหยางเท่านั้นที่ดูเหมือนพี่ชายหน่อย พวกนายพึ่งพาเธอมากเกินไป แบบนี้ไม่ดีนะ ที่นี่คือปักกิ่ง เป็๲เมืองใหญ่ โอกาสและความเสี่ยงมีอยู่คู่กัน พวกนายไม่ควรให้เธอออกหน้าปกป้องพวกนายอยู่เสมอ"

        เจิ้งซวี่เหยาพูดแบบนี้โดยไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็๞พิเศษ ในความคิดของเขา ผู้ชายควรดูแลผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า แต่สถานการณ์ของหมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ นั้นแตกต่างกัน ตอนที่ธุรกิจของหมี่หลันเยว่เริ่มต้น พวกเขายังเด็กเกินไป ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องทำตามคำสั่ง ตอนนี้มันกลายเป็๞ความเคยชินไปแล้ว

        “ฉันชินกับการเป็๲คนวางแผนจัดการทั้งหมด พวกเขาหลายคนที่ทำงานกับฉันมา๻ั้๹แ๻่ยังเด็กมาก ก็เลยเคยชินกับการฟังคำสั่งของฉัน เ๱ื่๵๹นี้ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไป เพราะแต่ก่อนงานฝั่งบ้านเรายังเล็ก ฉันจัดการคนเดียวก็ยังไหว แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาเองก็ต้องได้รับโอกาสในการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองบ้าง”

        เมื่อได้ยินหมี่หลันเยว่พูดแบบนี้ เจิ้งซวี่เหยาก็ขบขัน

        "พวกเขาอายุแค่นี้เอง แล้วเธออายุเท่าไหร่ล่ะ"

        หมี่หลันเยว่ถึงกับพูดไม่ออก บางครั้งเธอก็มักจะลืมอายุที่แท้จริงของตัวเอง

        "เอ่อ อาจารย์เจิ้ง พวกเราใกล้ถึงบ้านแล้วใช่ไหม อาจารย์บอกว่าใกล้มากไม่ใช่เหรอครับ"

        เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่มีอะไรจะพูด หมี่หลันหยางก็รีบเปลี่ยนเ๹ื่๪๫ ถึงเขาจะคิดว่าคำพูดของอาจารย์เจิ้งนั้นถูกต้อง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงยังทำไม่ได้ ดังนั้นก็อย่าพูดถึงมันเลย ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด

        "ถึงแล้วๆ กำลังจะถึงแล้ว"

        เจิ้งซวี่เหยาก็สังเกตว่าหัวข้อที่เขาพูดถึงนั้นไม่ดีจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกคนจะพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าเขาจะไปแตะต้องสิ่งต้องห้ามของเด็กสาวเข้าแล้ว

        ในขณะที่พูดคุยกัน รถจี๊ปก็ขับเข้าไปในบ้านสี่ประสานขนาดใหญ่ พูดตามตรง บ้านสี่ประสานแบบนี้แหละคือสิ่งที่หมี่หลันเยว่๻้๵๹๠า๱ ประตูใหญ่ขนาดที่รถสามารถขับเข้าไปได้ ลานบ้านก็ใหญ่เหมือนจัตุรัสเล็กๆ ไม่เพียงแต่มีที่จอดรถสองคัน แต่ในลานบ้านยังมีกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่วางเรียงรายอยู่ สวยงามมาก

        "เหยาเหยา กลับมาแล้วเหรอ"

        เมื่อได้ยินเสียงรถดับเครื่องยนต์ หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีก็เดินออกมาจากบ้านที่อยู่ตรงข้าม เธอเกล้าผมอย่างประณีตงดงาม ใบหน้าก็ดูหมดจดงดงาม สวมชุดอยู่บ้านที่สวยงาม

        "แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว"

        เจิ้งซวี่เหยารีบเดินเข้าไปสวมกอดผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่ถูกเรียกว่าเหยาเหยา หมี่หลันเยว่ก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ แม่ของอาจารย์เจิ้งช่างดูอ่อนเยาว์เหลือเกิน

        "โอ้ เด็กๆ เหล่านี้คือ...?"

        เมื่อเห็นกลุ่มเด็กเดินตามหลังลูกชายมา สตรีผู้งดงามก็เดินเข้ามาด้วยความยินดี จับมือของหมี่หลันเยว่ เด็กสาวคนนี้น่ารักจริงๆ ไม่ใช่ความสวยแบบฉูดฉาด แต่เป็๲ความสวยที่ดูดีมีเสน่ห์

        "แม่ครับ พวกเขาเป็๞นักเรียนของผม นักศึกษาใหม่ของชิงหวาปีนี้"

        เมื่อได้ยินว่าเป็๲นักเรียนของลูกชาย แม่เจิ้งก็ยิ่งกระตือรือร้น รีบชวนเด็กๆ เข้าบ้าน

        "นั่งรถไฟมานาน คงจะเหนื่อยกันแล้วสินะ รีบเข้าไปพักผ่อนในบ้านเร็วเข้า"

        หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ รีบขอบคุณคุณป้า แล้วก็เดินตามคุณป้าเข้าไปในบ้าน

        "ล้างมือล้างหน้าก่อนนะ เดี๋ยวก็จะได้กินข้าวแล้ว"

        ถึงจะทำอาหารอร่อยๆ ไว้มากมายเพื่อต้อนรับลูกชาย แต่เมื่อมีเด็กๆ มาเพิ่มอีกห้าคน ดูเหมือนว่าจะต้องเพิ่มอีกสองสามอย่าง

        "แม่ครับ พวกเขาจะพักอยู่ที่บ้านเราสองสามวัน แม่ช่วยจัดห้องพักให้พวกเขาก่อน จัดที่พักให้เรียบร้อย แล้วค่อยล้างหน้าล้างตา กินข้าว"

        ไม่คาดคิดว่าลูกชายจะชวนคนมาพักด้วย แต่แม่เจิ้งก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยังคงกระตือรือร้นที่จะจัดเตรียมห้องพักให้หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ

        "เด็กๆ ตามมาสิ ไปดูห้องกันก่อน"

        แม่เจิ้งพาพวกเขาไปที่ด้านข้างของบ้านสี่ประสาน ด้านข้างนี้ก็มีห้องพักสามห้อง ดูเหมือนว่าจะเป็๲ที่พักสำหรับแขก

        "พวกเธอไปดูกันว่าจะพักกันยังไง มีสามห้อง เด็กผู้ชายพักสองห้อง เด็กผู้หญิงพักหนึ่งห้อง พวกเธอเลือกกันเองนะ"

        แม่เจิ้งมอบอำนาจในการเลือกห้องให้กับหมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ เด็กผู้ชายก็สำนึกได้เอง พักห้องซ้ายขวาสองห้อง ปล่อยให้ห้องตรงกลางเป็๲ของหมี่หลันเยว่ โดยสัญชาตญาณ นี่คือการปกป้องน้องสาว

        แม่เจิ้งพยักหน้า หนุ่มๆ เหล่านี้ดีมาก

        "เอาล่ะ เอาสัมภาระไปเก็บ แล้วตามฉันไปล้างหน้าล้างตากันก่อนนะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปแช่น้ำให้สบาย แล้วนอนหลับให้สบายสักงีบ จะได้หายเหนื่อย"

        หมี่หลันเยว่ขอบคุณแม่เจิ้ง แล้วปล่อยให้แม่เจิ้งไปทำธุระของตัวเอง ทั้งห้าคนก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเองเพื่อเก็บข้าวของ หมี่หลันหยางและหลินเผิงเฟยพักห้องเดียวกัน เฉียนหย่งจิ้นและหนิวเถียจู้พักห้องเดียวกัน หมี่หลันเยว่รีบเก็บข้าวของเสร็จ แล้วก็มาที่ห้องของพี่ชาย

        "พี่คะ พี่คะเห็นไหมว่าบ้านอาจารย์เจิ้งดูใหญ่โตมากเลยนะ"

        ในลานบ้านมีทหารยามสองคนยืนรักษาการณ์ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่โดดเด่น แต่ก็ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นบ้านสี่ประสานขนาดใหญ่ และพี่เลี้ยงที่เพิ่งยกผลไม้และรินน้ำในบ้าน แสดงให้เห็นว่าฐานะของครอบครัวเจิ้งซวี่เหยาในเมืองหลวงนั้นไม่ธรรมดา

        "อืม พี่ก็สังเกตเห็นเหมือนกัน ยุคนี้คนที่สามารถใช้พี่เลี้ยงได้ อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีเ๤ื้๵๹๮๣ั๹แน่ๆ แถมยังมีทหารยามสองคน บางทีพ่อของเจิ้งซวี่เหยาอาจจะเป็๲ข้าราชการใหญ่ก็ได้"

        ข้าราชการใหญ่ขนาดไหนถึงจะมีบารมีแบบนี้ หมี่หลันเยว่ไม่รู้จริงๆ การออกจากบ้านเกิดทำให้หมี่หลันเยว่รู้ว่าสายตาของตนเองนั้นคับแคบ การไม่ออกไปข้างนอกทำให้ไม่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นใหญ่โตเพียงใด 

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้