ยามเฉินวันต่อมาขบวนนักโทษของฟู่หลงเหยียน เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงอีกครั้งหลังจากผ่านเหตุการณ์ ที่นักฆ่าติดตามมาเพื่อสังหารรองแม่ทัพเจียงทุกคนในขบวนจึงเพิ่มความระแวดระวังมากขึ้น คอยสังเกตผู้คนและบรรยากาศที่ทำให้คิดไปในทางร้ายไว้ก่อน แล้วค่อยทำการตรวจสอบอีกครั้งว่ามีปัญหาหรือไม่แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
จากเมืองเหลียนโจวขบวนนักโทษใช้เวลาอีกยี่สิบห้าวัน ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงอันกว้างใหญ่ของเมืองหลวงเสีย ผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านหน้าต่างก็หลีกทางให้ขบวนนักโทษ เมื่อมีรองแม่ทัพเจียงเป็ผู้เปิดทางด้วยตนเอง ก่อนจะแยกย้ายไปทำภารกิจของตนให้สำเร็จลุล่วง ฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเข้าไปบอกกล่าวกับอวี้จิ่น ที่กำลังตะลึงกับความคึกคักของเมืองหลวงแคว้นจ้าวแห่งนี้
“ว้าว! นี่คือเมืองหลวงงั้นหรือผู้คนดูพลุกพล่านไม่น้อยเลยนะเนี่ย”
“จิ่นเอ๋อร์”
“หืม เ้าคะพี่ชายฟู่”
“เ้ากลับไปที่ตระกูลเจียงกับพี่ชายของเ้าก่อนนะ ไว้พี่จัดการเื่นักโทษพวกนี้เสร็จสิ้นแล้วจะไปเยี่ยมเ้าที่จวน จำที่พี่เคยเตือนไว้ได้หรือไม่เื่ของตระกูลเจียงสายรองน่ะ” แม้เขาจะรู้ดีว่าครอบครัวของสหายดูแลนางได้ แต่ความเป็ห่วงไม่อาจสลัดมันออกไปจากใจได้นี่สิ
“จำได้สิเ้าคะพี่ชายฟู่ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังให้มาก หากมีใครกล้ามาหาเื่รังแกแล้วละก็ข้าจะให้ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ เรียกคนพวกนั้นมาลงโทษตามกฎของตระกูลเสียให้เข็ดเ้าค่ะ ท่านทำงานให้สบายใจเถิดแล้วอย่าลืมพักผ่อนให้มากด้วยนะเ้าคะ ข้าจะรอท่านไปเยี่ยมที่จวนแม่ทัพใหญ่เ้าค่ะ” อวี้จิ่นตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ไม่ให้ฟู่หลงเหยียนรู้สึกกังวลเื่ของนาง
“อืม หวังว่าพี่จะได้ชิมอาหารฝีมือของเ้าอีกเมื่อไปเยือนที่จวนนะ พี่ต้องขอตัวไปจัดการเื่งานก่อนดูแลตนเองให้ดีเล่า”
“เ้าค่ะท่านเองก็เช่นกัน”
ฟู่หลงเหยียนหันม้ากลับมาหาสหายอีกครั้งทั้งสองคนเพียงแค่พยักหน้าให้กันก็เป็อันเข้าใจ โดยไม่ต้องมีคำพูดใดให้มากความและป้องกันคนที่คอยจับตาดูพวกเขาอีกทางหนึ่ง
เมื่อแยกขบวนกันไปคนละทิศผู้คนในเมืองหลวงส่วนหนึ่ง ต่างเกิดความอยากรู้ว่ารองแม่ทัพเจียงพาผู้ใดกลับมา เนื่องจากพวกเขาไม่เห็นคนที่อยู่ด้านในรถม้าแม้แต่น้อย ทว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ห้ามความอยากรู้ไม่ได้จึงตามพวกเขาไป จนกระทั่งรถม้าหยุดอยู่ด้านหน้าจวนแม่ทัพใหญ่ และพวกเขาได้เห็นว่ามีสตรีรูปร่างบอบบางติดไปทางซูบผอม เดินลงจากรถม้าโดยมีรองแม่ทัพเจียงคอยประคองไม่ห่าง ด้วยเหตุนี้จึงเกิดข่าวลือไปทั่วว่ารองแม่ทัพเจียงไปรับภรรยาที่ซุกซ่อนไว้กลับจวน
“ยู๊ววว!!”
“จิ่นเอ๋อร์ถึงบ้านของพวกเราแล้วลงมาเถิด”
“พรึ่บ!! ขอบคุณเ้าค่ะพี่ใหญ่”
บ่าวที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูจวนรู้สึกแปลกใจที่คุณชายของจวน ประคองสตรีนางหนึ่งลงจากรถม้าอย่างทะนุถนอม ยังไม่ทันจะได้ทำความเคารพก็ได้ยินคำข่มขู่จากคุณชายเสียก่อน
“คารวะ...”
“อย่าให้ข้ารู้ว่าเื่นี้เล็ดลอดไปถึงบ้านรองเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็ใครที่นำไปพูดข้าจะสั่งโบยพวกเ้าทุกคนในจวนทันที นำคำของข้าไปเตือนคนอื่น ๆ หากพวกเ้ามีใจซื่อสัตย์ต่อบ้านหลัก เมื่อพบเจอคนที่เห็นแก่เงินสินบนจงจับตัวเอาไว้และพามาพบข้าทันที” แม้ยามนี้จะยังไม่มีเื่ดังกล่าวเกิดขึ้นแต่เจียงหยวนย่อมป้องกันเอาไว้ก่อน
“พวกบ่าวทราบแล้วขอรับคุณชาย”
“อืม ตอนนี้ท่านพ่อกลับมาจากค่ายทหารหรือยัง”
“เรียนคุณชายนายท่านเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครึ่งชั่วยามที่ผ่านมาขอรับ”
“ขอบใจพวกเ้าไปทำหน้าที่ต่อเถิด”
“ขอรับ”
“หลี่อี้เ้าไปเชิญท่านพ่อกับท่านแม่มาที่ห้องรับแขกที ที่ข้าไม่ส่งจดหมายมาบอกล่วงหน้าเพราะอยากให้พวกท่านแปลกใจ”
“รับทราบขอรับคุณชาย”
“จิ่นเอ๋อร์เ้านั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนนะ พอได้พบท่านพ่อท่านแม่แล้วค่อยไปที่เรือนส่วนตัวของเ้า จากนั้นจะได้ชำระล้างร่างกายให้สบายตัวท่านแม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าที่งดงามไว้ให้เ้าแล้วล่ะ” ตัวของเขายังดีใจมากถึงเพียงนี้แล้วบิดามารดาจะดีใจสักเพียงใด
“เ้าค่ะพี่ใหญ่ จะว่าไปจวนของท่านพ่อกว้างใหญ่ไม่น้อยเลยนะเ้าคะ แล้วท่านพ่อของพวกเรามีพวกอนุภรรยาหรือไม่พี่ใหญ่” อวี้จิ่นสอบถามเอาไว้ก่อนเผื่อว่าต้องรับมือกับพวกบ้านเล็กของบิดา
“หึ ๆ ๆ เื่นี้เ้าสบายใจได้ท่านพ่อมิใช่บุรุษมักมาก ฉะนั้นจึงมีเพียงท่านแม่เป็ฮูหยินเอกของจวนแม่ทัพใหญ่เท่านั้น เ้าถามเื่นี้ไปทำไมจิ่นเอ๋อร์หรือว่าเ้ากลัวจะมีคนมาหาเื่รึ” มิใช่ว่าไม่เคยมีสตรีอยากเป็อนุของบิดาแต่พวกนางไม่มีโอกาสมากกว่า
“ใช่สิเ้าคะข้าเคยได้ยินว่าพวกเรือนเล็กมักจะขี้อิจฉา และชอบแข่งขันกันเพื่อให้เป็คนโปรดยิ่งพวกนางมีบุตรชาย ย่อมทำทุกทางให้บุตรชายของตนได้เป็ผู้นำตระกูลมิใช่หรือเ้าคะ ถ้าหากเป็เช่นนั้นข้าจะไม่อยู่ที่นี่จะไปหาซื้อจวนเป็ของตนเองดีกว่าเ้าค่ะ” อวี้จิ่นไม่อยากปวดหัวกับพวกเรือนเล็กที่ชอบมีแผนการเ่าั้
“ฮ่า ๆ ๆ จิ่นเอ๋อร์เ้าอยู่เป็คุณหนูที่จวนแห่งนี้อย่างสบายใจเถิดน้องสาวของข้า เพราะมันไม่มีเื่อนุภรรยาของท่านพ่อมาให้เ้ารำคาญอย่างแน่นอน” เจียงหยวนหัวเราะกับสิ่งที่น้องสาวของตนเป็กังวล ถ้าบิดามีเหล่าอนุภรรยามีหวังโดนมารดายื่นหนังสือหย่าไปนานแล้ว
“ถือว่าเป็เื่ที่ดีสำหรับครอบครัวของเรามากเ้าค่ะ”
สองพี่น้องพูดคุยเพื่อเพิ่มความใกล้ชิดและคุ้นเคยกันให้มากขึ้น ส่วนทางด้านเรือนใหญ่ของสองสามีภรรยาเ้าของจวน เมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังมู่เสียเข้ามาแม่ทัพใหญ่รู้ได้ทันที ว่ายามนี้บุตรชายได้พาน้องสาวกลับมาถึงจวนแล้วนั่นเอง
“นายท่าน ฮูหยินเ้าคะ....” มู่เสียยังไม่ทันได้พูดต่อก็ต้องหยุดไว้แค่นั้น
“หลี่อี้!! เ้าอยู่ที่นี่ก็หมายความว่า....”
“เรียนนายท่านบ่าวรับคำสั่งจากคุณชายให้มาเชิญพวกท่านทั้งสอง ไปยังห้องรับแขกคุณชายรออยู่ที่นั่นแล้วขอรับ” หลี่อี้เห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นของบิดาเ้านายก็รู้สึกดีใจกับเื่นี้ไม่ได้
“ท่านพี่อาหยวนกลับมาแล้วเช่นนั้นเยี่ยนเอ๋อร์ล่ะเ้าคะ อาหยวนพาเยี่ยนเอ๋อร์กลับมาหาพวกเราด้วยหรือไม่เ้าคะ ฮึก ๆ” จางฮูหยินเดินมาจับแขนสามีและถามออกไป
“น้องหญิงอย่าร้องไห้อาหยวนต้องพาเยี่ยนเอ๋อร์กลับมาแน่นอน พวกเรารีบไปหาอาหยวนที่ห้องรับแขกกันเถิด จะได้เห็นว่าเยี่ยนเอ๋อร์หน้าตาเหมือนเ้าหรือจะเหมือนพี่กันแน่” แม่ทัพใหญ่พยายามปลอบใจฮูหยินของตนให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้
“ฮึก เ้าค่ะท่านพี่” จางฮูหยินรู้สึกดีใจและโล่งอกในคราวเดียวกัน ความเ็ปตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมากำลังจะได้รับการเยียวยาแล้ว
สองสามีภรรยาประคองกันมาจนใกล้จะถึงห้องรับแขก ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วที่สดใสร่าเริงพูดคุยอย่างสนุกสนาน ยิ่งทำให้พวกเขาอยากจะเห็นตัวจริงของนางมากยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญแม่ทัพใหญ่ยังทันได้ยินอวี้จิ่นถามเื่อนุภรรยาของตนเสียด้วย
“อะ แฮ่ม ๆ ใครกันมาพูดเื่อนุภรรยาในจวนของข้า”
“อ่ะ ขวับ!!”
“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” เจียงหยวนรู้ว่าทั้งสองคนมาถึงแล้วจึงไม่ใเมื่อบิดาพูดเสียงดัง
‘นี่คือบิดามารดาของร่างนี้เช่นนั้นรึ ช่างเป็บิดาที่น่าเกรงขามสมกับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ส่วนมารดาก็อ่อนหวานน่ามองไปทุกอิริยาบถ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางกับพี่ชายได้ดวงตาที่น่ามองมาจากผู้ใด และทุกคนก็น่าจะรู้ว่าบิดาต้องชื่นชอบดวงตาคู่นั้นของมารดาเช่นกัน’
อวี้จิ่นหันมามองผู้มาเยือนพร้อมกับลุกขึ้น พิจารณาผู้เป็บิดามารดาอยู่ในใจเงียบ ๆ เกี่ยวกับลักษณะของอวัยวะบนร่างกาย ต่อด้วยความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมาไม่ว่าจะเป็ความตื้นตัน หรืออาการดีใจมันกำลังจะบ่งบอกออกมาผ่านม่านน้ำตาของนาง เมื่อแน่ใจอวี้จิ่นขยับเท้าสองสามครั้งและคุกเข่าลงคำนับบิดามารดาทันที แม้ว่าจางฮูหยินที่เห็นเช่นนั้นอยากจะรั้งร่างบางเอาไว้ก็ไม่ทันอยู่ดี
“ฮึก ตุบ! ข้าอวี้จิ่นคารวะท่านพ่อท่านแม่เ้าค่ะ”
“หมับ!! ลูกแม่ในที่สุดเ้าก็ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย ฮือ ๆ ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ลูกสาวพ่อเ้ายังมีชีวิตอยู่ขอบคุณ์ ที่ช่วยคุ้มครองบุตรสาวผู้นี้ของข้าเจียงซือกุ่ย ขอบใจเ้ามากอาหยวนเ้าทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมาก ที่พาน้องสาวกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัย” แม่ทัพใหญ่นอกจากจะขอบคุณ์ก็ไม่ลืมหันไปขอบใจบุตรชาย
“ท่านแม่ ฮึก ๆ แง๊! ฮือ ๆ ๆ” อวี้จิ่นที่ดีใจจนร้องไห้นางยิ่งร้องหนักขึ้นเมื่อมองเห็นความเสียใจ ที่ทุกคนในครอบครัวต่างก็รู้สึกคล้ายกัน เพราะสูญเสียบุตรหลานไปั้แ่เพิ่งจะคลอดออกมา
“ลูกพ่อ ๆ เ้าเป็อะไรเหตุใดถึงร้องไห้เสียงดังเช่นนี้ อาหยวนน้องสาวเ้าได้รับาเ็ที่ใดงั้นรึรีบบอกพ่อเร็วเข้า จะได้ให้พ่อบ้านไปตามท่านหมอมารักษาให้นาง” แม่ทัพใหญ่ใกับเสียงร้องไห้ของอวี้จิ่นก็เริ่มลนลาน เขาไม่กล้าเข้าไปกอดเกรงว่าจะทำนางเจ็บมากกว่าเดิม ที่สำคัญก็คำนึงถึงเื่ระหว่างบุรุษและสตรีแม้จะเป็บิดากับบุตรก็ตามที
“ลูกแม่ไม่ร้อง ๆ นะเ้าตอบท่านพ่อสิว่าาเ็ที่ใด พวกเราจะได้ตามท่านหมอมารักษาให้เ้าอย่างไรเล่า โอ๋ ๆ เ้ากลับมาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วไม่ต้องกลัวนะลูก หากมีใครหน้าไหนกล้าลงมือกับเ้าอีกละก็ครั้งนี้แม่ไม่ยอมอยู่เฉยแน่ เ้าบอกแม่ได้หรือยังว่าเป็อะไรถึงได้ร้องไห้เช่นนี้” จางฮูหยินจากที่ร้องไห้ดีใจที่ได้พบเจอบุตรสาว เมื่อได้ยินอีกฝ่ายร้องไห้เสียงดังหนักกว่าตนเอง จึงได้หยุดร้องไห้และหันไปถามกับบุตรสาวเื่การร้องไห้ของนางแทน
“ฮือ ฮึก ข้า ฮึก ข้าแค่ดีใจมากที่มีท่านพ่อท่านแม่แล้วก็พี่ใหญ่ จากนี้ไปข้าไม่ใช่เด็กกำพร้าหรือคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอีกแล้วเ้าค่ะ” เมื่อครั้งยังเด็กอวี้จิ่นเคยถูกเด็กบางคนในหมู่บ้านล้อว่าถูกบิดามารดาทอดทิ้ง เื่นี้จึงเป็ปมที่ติดอยู่ในใจของคุณหนูเจียงตัวจริง
“โธ่ ลูกพ่อหากไม่ใช่เพราะพวกขี้อิจฉานั่นเ้าคงไม่ถูกล้อเช่นนี้ แต่ในเมื่อเ้าได้กลับคืนสู่ตระกูลเจียงใครกล้าดูถูกเ้าอีก พ่อจะลงมือสั่งสอนคนพวกนั้นด้วยตนเองอย่างแน่นอน และยังมีพี่ชายของเ้าที่พร้อมจะปกป้องเ้าเช่นกัน” แม่ทัพใหญ่เอ็นดูบุตรสาวกับเื่ที่นางร้องไห้ ถึงกับใช้น้ำเสียงที่แตกต่างราวฟ้ากับเหวยามที่คุยกับบุตรชายมาก
“ว่าแต่ทำไมเ้าถึงได้ผ่ายผอมนักเล่าอยู่ที่นั่นลำบากมากใช่ไหม ดูสิเกรงว่าหากมีลมพัดแรงมาเ้าคงจะปลิวหายไปแล้วกระมัง” จางฮูหยินที่ยังโอบกอดร่างบางเอาไว้ถึงกับบ่นอุบออกมา
“ฮึก ท่านแม่ก็ซูบผอมไม่น้อยเช่นกันนะเ้าคะ ท่านต้องบำรุงให้มากผิวพรรณจะได้กลับมาเต่งตึงงดงามอีกครั้ง ฮึก ไม่เช่นนั้นประเดี๋ยวท่านพ่อจะแอบมองหญิงสาวคนอื่นเอาได้นะเ้าคะ” ทั้งที่ยังสะอึกสะอื้นอวี้จิ่นยังพยายามทำให้มารดารู้สึกผ่อนคลาย
“อะ อ้าว เ้าลูกคนนี้เพิ่งกลับมาถึงจวนก็หาเื่ให้พ่อเสียแล้ว” แม่ทัพใหญ่ไม่คิดว่าบุตรสาวของตนจะเป็คนขี้เล่นเช่นนี้
“หึ ลองพ่อเ้าแอบซุกซ่อนใครไว้ดูสิแม่จะพาพวกเ้าสองคนไปอยู่กับท่านตา แล้วค่อยให้คนส่งหนังสือหย่ามาที่จวนแม่ทัพใหญ่ทีหลัง”
“โธ่ น้องหญิงพี่มิใช่บุรุษเช่นนั้นเสียน้อยเ้าก็รู้ ลูกสาวของเราแค่ล้อเล่นเพราะเห็นว่าบิดาหล่อเหลากระมัง ใช่ไหมจ๊ะลูกพ่อ”
“คิ ๆ ๆ ใช่เ้าค่ะท่านแม่ข้าแค่ล้อเล่นแต่ถ้าเกิดขึ้นจริงเมื่อไหร่ ข้าจะพาท่านแม่กับพี่ใหญ่ไปขออาศัยจวนท่านตาเองเ้าค่ะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านพ่อท่านต้องระวังตัวทุกฝีก้าวแล้วนะขอรับ จิ่นเอ๋อร์จะจับตาดูท่านนับจากนี้อย่าได้พลาดขึ้นมาเชียวล่ะท่านพ่อ ฮ่า ๆ ๆ” เจียงหยวนยังเล่นตามน้ำกับน้องสาวไปอีกคน
“ไอหยา! มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เดี๋ยวก่อนนะอาหยวนทำไมเ้าถึงเรียกน้องว่าจิ่นเอ๋อร์เล่า” แม่ทัพใหญ่ฉุกคิดเื่ชื่อที่บุตรชายใช้เรียกน้องสาว
“อ้อ ท่านพ่อเ้าคะข้าบอกพี่ใหญ่ให้เรียกเช่นนั้นเองเ้าค่ะ เพราะชื่อที่พวกท่านตั้งให้ถูกใช้กับเด็กทารกที่ถูกฝังไปแล้ว ก็ให้ชื่อนั้นอยู่บนป้ายิญญาไปเถิดถือเสียว่านางเป็บุตรของพวกท่านอีกคน ส่วนชื่อของข้าในตอนนี้คือคนที่ได้เกิดใหม่และข้าไม่อยากแย่งชื่อคนตายเ้าค่ะ” จะให้นางไปใช้ชื่อเดิมแล้วเด็กที่ตายไปจะใช้ชื่ออะไรได้อีก
“ไม่เป็ไรในเมื่อเ้าอยากใช้ชื่อนี้พวกเราย่อมตามใจเ้า แต่พ่อว่าตอนนี้ให้ท่านแม่ของเ้าพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อนเถิด เ้าก็เช่นกันอาหยวนรีบไปจัดการตัวเองเสีย ประเดี๋ยวพวกเราจะพาน้องสาวของเ้าไปพบท่านย่าที่เรือนชุ่ยฮว่า” หากมีบ่าวไพร่นำเื่นี้ไปรายงานที่เรือนชุ่ยฮวาเขาไม่ว่าอันใด ถ้าเป็อีกเรือนย่อมลงโทษตามกฎ
“ไปกันเถิดจิ่นเอ๋อร์แม่จะช่วยเ้าอาบน้ำเอง มู่เสียเ้ามาช่วยข้าพาจิ่นเอ๋อร์ไปที่เรือนของนางเร็วเข้า” จางฮูหยินดีใจที่จะทำหน้าที่ของมารดาให้บุตรสาวเสียที
“บ่าวมู่เสียคารวะคุณหนูเ้าค่ะ”
“สวัสดีท่านอามู่เสียเ้าค่ะขอบคุณท่านอามากที่ดูแลท่านแม่เป็อย่างดี ต่อไปท่านอามู่เสียก็ต้องดูแลสุขภาพของตนเองด้วยนะเ้าคะ” อวี้จิ่นที่ได้สวมกอดมารดาจึงเห็นว่าที่ผ่านมามู่เสียคอยดูแลมารดาเหน็ดเหนื่อยมากเพียงใด
“ไม่เป็ไรเ้าค่ะคุณหนูนั่นเป็หน้าที่ของบ่าวที่ต้องทำอยู่แล้ว บ่าวขอบคุณคุณหนูที่ห่วงใยสุขภาพร่างกายของบ่าวด้วยนะเ้าคะ ช่างมีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสียเหลือเกินเ้าค่ะ” มู่เสียรู้สึกตื้นตันที่อวี้จิ่นไม่ถือตัวแตกต่างกับคุณหนูบ้านรองเสียเหลือเกิน
“ถึงจะเป็บ่าวก็เป็คนเหมือนกันนี่เ้าคะ รีบไปกันเถิดเ้าค่ะท่านแม่ข้าอยากเจอท่านย่าแล้ว”
“จ้ะ ๆ ๆ ไปเร็วมู่เสีย”
เจียงหยวนที่เห็นมารดาพาน้องสาวออกไปจึงได้บอกเล่าเื่ราวของอวี้จิ่นให้กับบิดาได้รู้ เผื่อว่าบิดาจะบังเอิญไปััมือหรือจับตัวน้องสาวแล้วนางพูดสิ่งที่บิดาได้ทำออกมาจะได้ไม่ใจนเกินไป แม่ทัพใหญ่ฟังบุตรชายเล่าทุกอย่างให้ฟังก็โมโหอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ถือว่าบุตรสาวของเขามิได้อ่อนแอยอมให้ใครมารังแก่ได้ง่าย ๆ
“ปัง!! หึ หากไม่ใช่เพราะแผนชั่วของเจียงกุ้ยฉินแล้วละก็ จิ่นเอ๋อร์จะพบเจอกับความยากลำบากจนต้องตายจริง ๆ รึ แต่ต้องขอบคุณ์ที่ให้โอกาสนางได้กลับมาอีกครั้ง และยังมอบพรวิเศษนี้เพื่อกลับมากำจัดพวกสารเลวเ่าั้” แม่ทัพใหญ่ยิ่งเสียใจเมื่อนึกภาพบุตรสาวที่ผ่านเหตุการณ์ยากลำบากมากมายเสียเหลือเกิน
“ครั้งนี้ต้องขอบใจอาเหยียนที่บังเอิญเจอกับจิ่นเอ๋อร์ มิเช่นนั้นป่านนี้พวกเราคงไม่ได้เจอกันเร็วถึงเพียงนี้แน่ หากนางต้องเดินทางเพียงลำพังจะพบเจออะไรอีกบ้างก็ไม่อาจรู้ได้นะขอรับท่านพ่อ” เจียงหยวนรู้สึกติดค้างน้ำใจนี้ของสหายยิ่งนัก
“อืม ไว้อีกสองสามวันพวกเราค่อยเชิญอาเหยียน มาทานอาหารด้วยกันที่จวนสักมื้อเพื่อขอบคุณอย่างเป็ทางการก็แล้วกัน เ้ารีบไปจัดการตนเองเถิดอีกไม่นานมารดาของเ้าของช่วยแต่งตัวให้จิ่นเอ๋อร์เสร็จแล้วล่ะ” แน่นอนว่าแม่ทัพใหญ่ย่อมต้องขอบคุณฟู่หลงเหยียนที่ช่วยดูแลบุตรสาวของเขา
“ขอรับท่านพ่อ”
แม่ทัพใหญ่ยังคงนั่งคิดเื่ของบ้านรองที่ไม่คิดจะปล่อยวาง คิดอยากจะเอาชนะเพื่อแทนที่บ้านหลักอยู่เสมอ ขอเพียงมีหนทางกำจัดครอบครัวของตนได้ต่อให้เป็วิธีต่ำช้าเพียงใด พวกเขาย่อมไม่ลังเลที่จะลงมือแต่ครั้งนี้แม่ทัพใหญ่คิดจะให้น้องชายต่างมารดา ถูกลดตำแหน่งอีกลงอีกหลายขั้นเพื่อลงมือแก้แค้นให้บุตรสาวได้ง่ายขึ้น
