เป็เสียงของเซียวจื่อเซวียน
เซี่ยยวี่หลัวหยิบเสื้อที่ตัวเองแขวนไว้ข้างๆลงมาตามสัญชาตญาณ สวมใส่เรียบร้อย จากนั้นจึงอุ้มเซียวจื่อเมิ่งออกมา เช็ดน้ำจนแห้งแล้ววางไว้บนเตียง
จากนั้นออกมาข้างนอก จึงเห็นเซียวจื่อเซวียนถือกระบองท่อนหนึ่งไว้ในมือมองออกไปนอกประตูด้วยสีหน้าถมึงทึง
“เป็อะไรไป จื่อเซวียน? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนชี้ออกไปข้างนอกพร้อมกล่าวด้วยความวิตก “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าได้ยินเสียงจากข้างนอกขอรับ”
มีเสียง?
ค่ำมืดเช่นนี้ จะมีเสียงอะไรได้?
เซี่ยยวี่หลัวเดินไปเปิดประตูใหญ่ด้านนอกมืดสนิท นอกจากดวงดาราบนท้องฟ้า ก็มองไม่เห็นอะไรอีก
“อาจเป็ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาหรือไม่? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
ทว่า บ้านของพวกเขาอยู่ริมสุดทางฝั่งทิศตะวันตกของหมู่บ้านห่างจากตัวหมู่บ้านมาก ยิ่งไปกว่านั้น ทางนี้ก็ไม่มีที่นา จะมีคนเดินผ่านทางนี้ไปได้อย่างไร?
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า“ข้าไม่รู้ขอรับ”
ขณะนั้นเขาได้ยินเสียงพูดคุยดังอยู่ใกล้มากราวกับอยู่ด้านหลังประตูอย่างไรอย่างนั้น
หากเป็ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาจะพูดคุยกันอยู่ตรงหลังประตูบ้านพวกเขาได้อย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวกวาดสายตามองดูรอบข้างโดยละเอียดคิ้วงามขมวดเป็ปมเล็กน้อย ก่อนยิ้มพร้อมกล่าว “บางทีอาจเป็ชาวบ้านที่ผ่านไปมา พวกเราลงกลอนประตูไม่เป็อะไรหรอก”
เซียวจื่อเซวียนขานตอบทีหนึ่งหลังจากปิดประตู ก็ใช้กระบองไม้ท่อนหนึ่งค้ำไว้หลังประตู ลองผลักจากด้านนอกเห็นว่าเปิดไม่ได้จึงเข้าไปในบ้าน
บ้านเซียวยวี่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่มุมหนึ่งของหมู่บ้านบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ห่างระดับหนึ่ง บ้านเขาตั้งอยู่เพียงหลังเดียว หน้าบ้านมีดงต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่นคนสามารถเร้นกายได้เป็อย่างดี
ธารดาราบนท้องนภาเปล่งประกายแสงสว่างพร่างพรายดวงจันทราโค้งมน ไม่มีแสงสว่างอื่น ย่อมไม่มีแสงสาดส่องไปภายในดงต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นหน้าบ้านเซียวยวี่
เซียวเฉิงซานย่อตัวอยู่ในดงต้นไม้อาศัยท้องฟ้าที่มืดมิดและดงต้นไม้ที่หนาทึบ ถูกพบตัวได้ยากมาก ข้างกายเขายังมีอีกคนหนึ่งย่อตัวอยู่ด้วยเขากำลังเพ่งมองไปยังบ้านของเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาบ้าตัณหา
ถ้าไม่ใช่หลัวไห่ตี้จะยังเป็ใครได้อีก
เซียวเฉิงซานกล่าว “ด้านในดับไฟแล้วพวกเราไปกัน! ”
หลัวไห่ตี้คลำทางไปในความมืดพร้อมกล่าว“ไปกัน”
ท่ามกลางเงาราตรี เงาร่างสองร่างแอบย่องไปทางบ้านของเซียวยวี่
กำแพงสูงมาก แต่เซียวเฉิงซานและหลัวไห่ตี้มีการเตรียมการมาก่อนแล้วทั้งสองคนนำบันไดมาหนึ่งอัน วางพาดไว้บนกำแพง หลัวไห่ตี้ขึ้นไปก่อน เซียวเฉิงซานตามหลังเมื่อทั้งสองคนขึ้นไปบนกำแพงแล้ว จึงยกบันไดด้านนอกมาพาดด้านใน ทั้งสองคนปีนลงจากบันไดอย่างเงียบเชียบ
ยามค่ำคืนนั้นเงียบสงบมากมีเพียงสายลมที่โบกพัดใบไม้จนเกิดเสียงดังซ่าซ่า
หลัวไห่ตี้มายังห้องตรงกลางก่อนเจาะกระดาษหน้าต่างจนขาด ก่อนเป่าควันยาสลบเข้าไปด้านในเล็กน้อย เซียวเฉิงซานมายังห้องข้างๆเป่าควันยาสลบเข้าไปเช่นกัน
ด้านในไม่มีเสียงแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนรออยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเปิดประตูอย่างอดรนทนไม่ไหว
ยามค่ำคืนมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรหลัวไห่ตี้เดินไปพลางกล่าวพร้อมหัวเราะอย่างไร้ยางอาย “คนงาม พี่ชายมาแล้ว วันนี้พี่ชายจะเอ็นดูเ้าดีๆ...”
เซียวเฉิงซานก็ตามอยู่ด้านหลังตื่นเต้นแทบตาย แม่เซี่ยยวี่หลัวนั่น วันนี้เขาจะได้ลิ้มลองรสชาติแล้ว
ภายในบ้านมืดมาก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงคุ้นชินกับความมืดด้านในหลั่วไห่ตี้เดินอยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นร่างกายที่มีผ้านวมปิดไว้อยู่บนเตียง หลัวไห่ตี้พุ่งพรวดขึ้นหน้าอย่างฉับพลัน“น้องสาว พี่ชายคิดถึงเ้านัก! มา วันนี้พี่ชายจะให้เ้าสุขสำราญระเริงใจแน่”
เมื่อเปิดผ้านวมดู ในนั้นมีคนที่ไหนมีเพียงหมอนใบหนึ่งที่ถูกผ้านวมห่มไว้ กลางคืนเห็นไม่ชัด มืดมัวเลือนราง จึงนึกว่ามีคนนอนอยู่ใต้ผ้านวม
เซียวเฉิงซานใเป็อย่างมาก“คนเล่า? ”
เพลิงปรารถนาของหลัวไห่ตี้ที่เพิ่งลุกโชนถูกขัดจนได้แต่เกาศีรษะเขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร! ”
“หรือจะอยู่ห้องข้างๆ ? ” เซียวเฉิงซานเอ่ยถาม
ทั้งสองคนมาถึงที่แล้วเตรียมการมานานถึงเพียงนี้ จะยอมล้มเลิกกลางคันได้อย่างไร ทั้งคู่ต่างไม่กลัวว่าคนในบ้านจะตื่นขึ้นมาอย่างไรเสียพวกเขาก็เป่าควันยาสลบเข้าไปมากขนาดนั้น ปริมาณควันยาสลบนั่น แม้แต่หมูตัวหนึ่งยังหมดสติได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ ไม่กี่คนเลย
ทั้งสองคนออกจากประตู เพิ่งก้าวเข้าไปอีกห้องหนึ่งทั้งคู่ไม่ได้ระแวดระวังเหมือนเมื่อครู่ เพิ่งผลักเปิดประตู ก็มีเสียงดัง “ซ่า” น้ำอ่างใหญ่ถูกเทลงมาจากตำแหน่งเหนือวงกบประตูทั้งสองคนเปียกชุ่มไปทั้งตัว คล้ายกับลูกไก่ตกน้ำก็มิปาน
หลัวไห่ตี้ะโตัวขึ้น“ใครทำข้า… โอ๊ย...”
เซี่ยยวี่หลัวเลือกจังหวะอย่างแม่นยำใช้กระสอบในมือครอบศีรษะหลัวไห่ตี้ไว้ ทางเซียวเฉิงซานก็โดนครอบเช่นกัน จากนั้นเซี่ยยวี่หลัวก็ใช้กระบองในมือตี“ตุ้บตุ้บตุ้บ” ใส่ตัวอันธพาลทั้งสองคนไม่ยั้ง
นางรู้วิชาป้องกันตัว แรงจึงไม่น้อยกระบองที่หนาเท่าท่อนแขนตีใส่ร่างกายทั้งสองคนอย่างหนักหน่วง ตีจนทั้งสองคนร้องโอดโอย
เซียวจื่อเซวียนก็เหวี่ยงกระบองตีใส่ร่างกายทั้งสองคนอย่างแรง
“ตีพวกเ้าให้ตายตีพวกเ้าให้ตาย! ”
หลัวไห่ตี้เจ็บจนร้องโวยวายเสียงดังพลาดท่าจนโดนอีกฝ่ายจับตัวได้และโดนตีหลายที ไม่ง่ายเลยกว่าจะดิ้นจนหลุด เปิดกระสอบได้ก็รีบหันขวับวิ่งหนีไปทันที
เซียวเฉิงซานไม่กล้าส่งเสียงด้วยกลัวว่าตัวเองส่งเสียงแล้วเซียวจื่อเซวียนจะฟังออก สะบัดกระสอบออกก็วิ่งหนีไปตามหลัวไห่ตี้เช่นกัน
บันไดยาวยังพาดอยู่ตรงกำแพงสองคนที่นำมันมาด้วยเอาตัวเองยังไม่รอด ได้แต่รีบวิ่งหนีไปก่อน
มองดูบันไดนั่น เมื่อสายลมยามราตรีพัดผ่านเซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ