ยามลมเย็นลอยพัดมา สารทฤดูจันทร์กระจ่างฟ้า [1] บทสรุปสุดท้ายที่ไม่อาจทานทนนั้นคือ สามีภรรยาเปลือกนอกที่เล่นปลอมแต่ทำจริง ด้วยฤทธิ์สุราทำให้ทั้งเื่ที่ควรทำและไม่ควรทำก็ได้ทำไปหมดแล้ว
เยวี่ยเจาหรานนอนราบอยู่บนเตียง ท่ามกลางความพร่าเลือนตรงหน้าได้ปรากฏเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่หน้าตาดูไม่เลวนัก เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เมามายโดยสมบูรณ์กลับเก็บตัวตนที่ถูกที่ควรของตนเอาไว้ในใจ แต่ใครอยู่บนใครอยู่ล่างนั้น กลับแยกแยะได้อย่างชัดเจน...
เมาแล้วก็ทำ ทำเสร็จก็ตื่น เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยามปกติชีวิตคู่ไม่กลมเกลียวนั้น กลับเข้าขากันได้ดีเป็พิเศษในเื่การเสพสังวาส ทั้งสองรวมเป็หนึ่งดั่งฉินเส้อสอดประสาน [2] อย่างแท้จริง คิดดูแล้วเมื่อนึกย้อนกลับไปหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ก็ยังรู้สึก… ชอบอยู่มากทีเดียว!
มหาบัณฑิตเยวี่ยที่เอะอะมะเทิ่งมาทั้งวันนั้น ในที่สุดก็จบลงด้วยความปรองดองของสามีภรรยาทั้งสองคู่ แทนที่ด้วยค่ำคืนอันสงบสุขและปลอดภัย
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮูหยินเยวี่ยสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่ง หลังจากนอนหลับเป็ตาย นางสวมเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย ไม่สนใจแม้แต่เสียงเรียกหาอย่างลึกซึ้งของมหาบัณฑิตเยวี่ยที่อยู่อีกด้าน แล้วพุ่งออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามอง นางจู่โจมประตูห้องส่วนตัวของเยวี่ยเจาหราน สองขาเตะประตูไม้แกะสลักเปิดออก
และสาเหตุที่ฮูหยินเยวี่ยรีบมาั้แ่เช้าตรู่ด้วยความเดือดดาลนั้นก็เพราะมีเหตุผล ข้อแรกคือ พยัคฆ์สาว… ไม่สิ พยัคฆ์หนุ่มอย่างเยี่ยนอวิ๋นเฟยนั้น ไม่ใช่ผู้ที่จะต่อกรด้วยง่ายดาย ข้อที่สองคือ เพื่อระบายอารมณ์ที่ถูกตีสองคราติดกันจนสลบไปบนเก้าอี้ที่อัดอั้นอยู่เต็มอก… และข้อสาม แน่นอนว่าเพราะตอนนี้ตนนั้นเสียลูกสาวไปแล้วยังต้องเสียลูกชายอีก ความบริสุทธิ์ใจแม้เพียงนิดก็รักษาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว!
เมื่อคืนวาน ตนกับมหาบัณฑิตเยวี่ยมีอะไรกัน น่ากลัวว่าเยี่ยนอวิ๋นเฟยผู้นี้ก็คงมีอะไรกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนด้วย ฮูหยินเยวี่ยคิดไปคิดมาจนถึงตรงนี้ก็อยากจะอุทานออกมาว่าลูกชายผู้บริสุทธิ์ของตนถูกทำให้กลายเป็อิสตรีไปเสียแล้ว อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นางเืขึ้นหน้าแทบอยากจะฉีกเ้าคนร้ายอย่างเยี่ยนอวิ๋นเฟยให้เป็ชิ้นๆ
แต่ชั่วขณะที่ประตูเปิดออกนั้น ฮูหยินเยี่ยนก็ตกตะลึง
บนเตียงตรงกลางห้องในยามนี้ กลับปรากฏฉากอันพิลึกกึกกือ เยวี่ยเจาหรานที่ยังอยู่ในห้วงนิทรานั้นท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้มารดาตนเห็นเพียงแผ่นหลังอันแข็งแกร่งกำยำ ฮูหยินเยวี่ยอุทานขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้ว่าแนวกล้ามเนื้อของลูกชายตนช่างดูดีเสียนี่กระไร
แล้วเยี่ยนอวิ๋นเฟยที่แสนชั่วร้ายในสายตาฮูหยินเยี่ยนผู้นั้นล่ะ? กลับถูกผ้าห่มผ้าไหมห่อหลายชั้นจนกลายเป็บ๊ะจ่าง [3] ลูกใหญ่ นอนหลับอย่างสงบโดยถูกเยวี่ยเจาหรานกอดไว้ในอ้อมอกอย่างน่าเอ็นดู!
ชั่วเวลานั้น แม้แต่ฮูหยินเยี่ยนยังแทบอยากจะกลายเป็แกนนำ ชวนให้คนอื่นมาหวานชื่นกับ ‘คู่รักบุรุษ’ คู่นี้ขึ้นมา...
แต่เมื่อฮูหยินเยี่ยนจ้องมองดูอีกที กลับสังเกตเห็นรอยเืที่เปื้อนเป็สีแดงเข้มบนเตียง ทันใดนั้นพลันร้องขึ้นในใจว่าไม่ได้การ รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าลูกชายของตนกำลังเสียหายอย่างหนัก มันจะต้องเจ็บมากแน่เลย!
แค่คิดว่าเ้าหนูตุ้ยนุ้ยที่ตนอุ้มท้องมาสิบเดือน เลี้ยงจนเติบใหญ่มาสิบยี่สิบปี ต้องกลายเป็ ‘ภรรยา’ ของผู้ชายคนหนึ่งภายในเวลาคืนเดียวแล้ว ฮูหยินเยวี่ยก็รู้สึกหอบหายใจไม่ทัน พลันหน้ามืดหมดสติไป
บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างประตูด้านหลัง ไม่กล้าเข้าไปข้างในแต่ก็ไม่กล้าถอยหนี พอกันส่งเสียงดังจอแจขึ้นมา เ้าว่าคำหนึ่ง ข้าว่าคำหนึ่ง คุยกันไปคุยกันมาจนกระทั่งธูปครึ่งดอกก็ยังไม่ได้หนทางแก้ปัญหา แต่กลับโหวกเหวกจนปลุกให้ตัวละครเอกทั้งสองตื่นจากการหลับใหลอย่างร้ายกาจ
เยวี่ยเจาหรานที่ได้สติขึ้นมาก่อนดวงตาเต็มไปด้วยความงัวเงีย เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็เข้าใจ ในหัวสมองนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน พลันไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี แล้วจึงก้มลงเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างนิ่งสงบ ก็นึกอยากจะหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ เขาดึงเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาคลุมร่างกาย ก่อนยกมือเขย่าปลุกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังสะลึมสะลือข้างๆ ...
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นแม้จะลืมตาแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าสมองยังไม่ตื่น เยวี่ยเจาหรานคลุมเสื้อผ้าแล้วลงจากเตียง พยุงแม่บังเกิดเกล้าของตนขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ลากไปนั่งอีกด้าน สุดท้ายเขาก็เดินไปยังหน้ากระจก พินิจพิเคราะห์ ‘ความงามสง่า’ ของตนที่เพิ่งตื่นนอนและยกมือหวีผมด้วยความเคยชิน
จนเมื่อเยวี่ยเจาหรานแต้มดอกไม้เหลือง [4] ให้ตนเองเสร็จแล้ว ฮูหยินเยวี่ยและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วต่างก็รู้สึกตัวกันพอสมควร ฮูหยินเยวี่ยสงบสติอารมณ์ แล้วเริ่มทุบตีต้นขาของตนอย่างแรงพลางร้องขึ้นมา “เ้า เ้าเ้าเ้า...!”
เยวี่ยเจาหรานวางหวีในมือลง ขมวดคิ้วมองฮูหยินเยวี่ยเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงนั้นยังงุนงงไม่เข้าใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้น ย่อมไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้เช่นกัน
ะุปืนใหญ่แห่งคำต่อว่าของฮูหยินเยวี่ยได้ตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว นางลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ไล่ตะเพิดบ่าวรับใช้ทั้งหมดไปแล้วปิดประตูดังปัง นางเดินสองสามก้าวมาถึงข้างเตียง หยิบหมอนใบหนึ่งขึ้นมาขว้างใส่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ก่อนด่าว่าอย่างรุนแรง “เ้าคนไร้มโนธรรม แม้แต่บุรุษเ้าก็ไม่เว้นเลยหรือไร?!”
เมื่อหมอนใบนั้นหล่นลง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นแม้จะเมาแต่ก็ตาสว่างขึ้นมาไม่น้อย ไม่ทันได้สนใจกับความเจ็บที่หัว ก็ก้มลงดึงผ้าห่มออกเล็กน้อยอย่างเหม่อลอย เมื่อเห็นร่างกายที่ยุ่งเหยิงของตน ก็ร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม
สำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้ว นี่ต่างหากคือความหายนะที่แท้จริง หญิงสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งที่อยู่ดีๆ ต้องปลอมเป็บุรุษเพื่อเก็บกวาดความเละเทะแทนพี่ชายไม่พอ ยังต้องมาแต่งงานกับชายแท้ ถ้าหากจะพูดว่าทั้งหมดนี้ยังไม่นับว่าโชคร้ายล่ะก็ เช่นนั้นการที่ตนดื่มจนเมามายแล้วเสียเอกราชไปอย่างมึนงงนั้นก็คงนับเป็โคตรของความซวยได้แล้วใช่หรือไม่?
นางยังคงขมขื่นจนไม่อาจพูดอะไรได้ ถูกหลับนอนไปแล้วยังต้องมาถูกด่าว่าเป็คนไร้มโนธรรมที่แม้แต่ผู้ชายก็ยังกินไม่เว้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้อยากจะกู่ร้องกับฟ้า ข้าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะไปกินอะไรใครได้?!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอยุติธรรมนั้น น้ำตาพรั่งพรูลงมาอย่างไม่อาจกลั้น กระทั่งผ้าห่มบนเตียงก็เปียกชุ่มไปหมด ส่วนฮูหยินเยวี่ยที่อยู่อีกด้าน แม้ยังมีคำต่อว่ามากมายจุกคอ ทว่าเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เริ่มสับสน จึงอดไม่ได้ที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าใหม่อีกครั้ง อย่าบอกนะว่าในศึกบุรุษครานี้ ลูกชายของตนเป็ผู้อยู่เหนือลมเช่นนั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว ฮูหยินเยวี่ยที่เมื่อครั้งยังเยาว์เองก็นับว่าอ่าน ‘หนังสือกวี’ มามาก ก็อดชมเชยในใจไม่ได้ เดิมทีข้านึกว่าเ้าจะเป็ 0 เสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะเป็ 1
ฮูหยินเยวี่ยคิ้วขมวด รู้สึกว่าเื่ราวไม่ธรรมดาเสียแล้ว จากนั้นนางจึงหันไปมองลูกชายของตนเงียบๆ เยวี่ยเจาหรานผู้คุ้นชินกับการแสร้งเป็สตรี บัดนี้อยู่ที่หน้ากระจกดอกกระจับ [5] และกำลังทาน้ำมันเล็บอย่างตั้งใจ นางยกนิ้วให้เขาด้วยใจจริง
“สุดยอด เยี่ยมมากลูก”
หลังจากอุทานออกมาติดกัน ฮูหยินเยวี่ยก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงเอ่ยชมขึ้นอีกครั้ง “แม่ไม่ได้เลี้ยงเ้ามาเปล่าจริงๆ เลยเชียว”
เมื่อเยวี่ยเจาหรานที่กำลังตั้งอกตั้งใจทาเล็บอยู่นั้นได้รับคำชมเชยอันไร้ที่มาที่ไปของมารดา เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง แล้วเอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ ตอบกลับไปคำหนึ่ง “อะไรนะ?”
แต่ชัดเจนว่าคำว่าอะไรนั้นไม่ได้รับการตอบกลับ กลายเป็เสียงร้องไห้ฟูมฟายที่ดังยิ่งกว่าเดิมของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่อยู่อีกด้านขึ้นมาแทน...
เชิงอรรถ
[1] ยามลมเย็นลอยพัดมา สารทฤดูจันทร์กระจ่างฟ้า (凉风有信,秋月无边) ท่อนหนึ่งในเพลง Sorrows on an autumn trip《客途秋恨》โดย ชวีจวินเสียง (区君祥)
[2] ฉินเส้อสอดประสาน (琴瑟和鸣) ฉินและเส้อเป็เครื่องดนตรีประเภทดีดที่จะบรรเลงร่วมกัน อุปมาว่า สามีภรรยารักใคร่กันราวกับดนตรีที่สอดประสานกันอย่างดี
[3] บ๊ะจ่าง หรือในสำเนียงจีนกลางเรียกว่าจ้งจึ (粽子) คือ ข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบไผ่เป็ทรงสามเหลี่ยมมัดเชือกแล้วนำไปนึ่งหรือต้ม ภายในมีไส้ธัญพืช เห็ด และเนื้อสัตว์
[4] แต้มดอกไม้เหลือง (贴花黄) เป็การแต่งหน้ารูปแบบหนึ่งในสมัยโบราณ โดยการใช้สีเหลืองวาดลวดลายดอกไม้ต่างๆ ที่หน้าผากหรือแก้มสองข้าง บ้างก็ใช้กระดาษสีเหลืองตัดเป็รูปดอกไม้แปะลงไป
[5] กระจกทรงดอกกระจับ (菱花镜) กระจกทรงนี้พบเห็นได้น้อยและถือเป็ของสำหรับชนชั้นสูง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้